Home / วัยรุ่น / My Honey ซูมี่จอมดื้อ / โตขึ้นอยากเป็นอะไร

Share

โตขึ้นอยากเป็นอะไร

last update Last Updated: 2024-12-22 21:30:27

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูห้องที่อลันนอนดังขึ้น ชายหนุ่มดีดตัวเด้งเป็นสปริงและเดินเกาหัวแกรก ๆ ไปเปิดประตูห้อง เดาว่าเด็กตัวแสบมาปลุกเขาตั้งแต่เช้าตรู่แน่นอน

“ซูมี่พี่บอกแล้วไงว่า พี่มีเรียนตอน...”

“อาเอง ขอโทษที่มารบกวนอลันนะลูก”

คุณเพียงขวัญเอ่ยด้วยสีหน้าดูเป็นกังวลบางอย่าง อลันจึงสะบัดความง่วงนอนออกทันใด

“ไม่เป็นไรครับคุณอา มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“อาขอความช่วยเหลือจากเราหน่อยสิ ช่วยพาซูมี่ไปส่งที่โรงเรียนและรับกลับบ้านหน่อยได้ไหม ซิงอีไข้ขึ้นสูงมาก อากำลังจะพาไปหาหมอ คุณหลินก็ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้วด้วยสิ”

สีหน้าเธอดูคร่ำเครียดที่แยกร่างทำหน้าที่แม่ดูแลลูกสองคนพร้อมกันไม่ได้ อลันเข้าใจความรู้สึกของเธอเป็นอย่างดี จึงตอบรับที่จะช่วยเหลือแบบไม่ลังเล

“ได้เลยครับคุณอา เดี๋ยวผมไปส่งน้องให้ครับ”

“ขอบใจนะอลัน เราขับรถเป็นและมีใบขับขี่ใช่ไหม”

“ใช่ครับ”

“อ่านี่กุญแจรถ ซูมี่เลิกเรียนตอน 4 โมงเย็นค่อยเอารถมาคืนตอนไหนก็ได้ที่สะดวกเลย อาฝากหน่อยนะลูก”

คุณเพียงขวัญยื่นกุญแจรถเบนซ์คันหรูป้ายแดงให้กับเขา พร้อมบอกพิกัดที่ตั้งโรงเรียนให้อลันก่อนจะรีบอุ้มเจ้าซิงอีไปโรงพยาบาลด้วยรถอีกคัน เมื่อพูดคุยจบอลันจึงรีบเดินไปเคาะประตูห้องฝั่งตรงข้ามเพื่อพาเด็กน้อยไปโรงเรียน

ก๊อก ก๊อก

“ซูมี่แต่งตัวเสร็จยัง พี่เข้าไปได้ไหม” แม้ว่าจะเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก เขาก็ให้เกียรติในเรื่องความเป็นส่วนตัวไม่ต่างกับผู้ใหญ่

“พี่อลันเหรอ ช่วยซูมี่หน่อยค่ะ”

ซูมี่ตะโกนสุดเสียงให้คนข้างนอกได้ยิน อลันจึงเปิดประตูเข้ามาแล้วพบว่าเด็กน้อยยืนจับกระโปรงนักเรียนเอาไว้ข้างหนึ่งด้วยสีหน้าเบะเหมือนคนจะร้องไห้

“เด็กดื้อทำไมทำหน้าแบบนั้น”

“ดึงไม่ขึ้น เจ็บ”

ซูมี่ชี้ให้อลันดูว่าเธอพยายามรูดซิปกระโปรงนักเรียนขึ้น แต่ก็ไม่สำเร็จสักที จนเขาสังเกตเห็นนิ้วชี้กับนิ้วโป้งของเด็กน้อยเป็นรอยแดงก่ำ

“เขยิบตัวมาให้พี่ดูหน่อย”

ปกติคุณเพียงขวัญจะเป็นคนแต่งตัวให้ซูมี่ โดยที่เด็กน้อยไม่ต้องหยิบจับอะไรทั้งนั้น เพียงแค่ยืนอยู่เฉย ๆ เธอก็เข้าใจว่าอลันก็คงจะเป็นเหมือนกับคุณแม่ จึงปล่อยมือตัวเองจากที่จับขอบกระโปรงเอาไว้

“ซูมี่! ทำไมไม่จับกระโปรงไว้”

อลันตกใจเมื่อเห็นกระโปรงหล่นไปกองอยู่ที่พื้นทั้งที่เขายังไม่ได้รูดซิปให้เลย เขารีบดึงกระโปรงกลับขึ้นมาดังเดิม

“ก็พี่อลันบอกจะดูให้นี่คะ”

“ก็ใช่ แต่เราต้องจับมันไว้ก่อนสิ ไม่ใช่มาปล่อยทิ้งแบบนี้ รู้ไหมมันโป๊”

“ไม่โป๊ หม่าม้าเคยบอกอยู่กันแค่สองคนในห้อง ไม่มีใครเห็น” อลันก้มหน้าถอนหายใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นบอกซูมี่ให้ถือกระโปรงไว้

“ฟังพี่นะ เราห้ามปล่อยหรือเปิดกระโปรงให้ใครเห็นเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตาม ยกเว้นหม่าม้าเข้าใจไหม”

ซูมี่พยักหน้ารับ แต่ก็เกาหัวแบบงง ๆ ในที่สุด อลันก็ดึงซิปรูดขึ้นได้สำเร็จ พวกเขาจึงพากันออกจากห้องไปขึ้นรถ

ระหว่างทางนั่งรถไปโรงเรียน ซูมี่ก็ร้องเพลงภาษาจีนไปตลอดทางจนคนขับอย่างเขารู้สึกประหลาดใจ เด็กตัวเล็กแค่นี้จำเนื้อร้องหมดได้ยังไง เขาก็พอฟังความหมายเพลงออกบ้าง เพราะคุณพ่อเคยส่งให้เรียนพิเศษภาษาจีนตัวต่อตัวกับเหล่าซรือจากปักกิ่ง

ไม่ถึง 30 นาทีจากบ้าน อลันก็ขับรถผ่านเข้าทางประตูใหญ่ของโรงเรียนและวนหาที่จอดรถส่งเด็กน้อย

“ถึงแล้วซูมี่”

อลันเดินไปเปิดประตูรถฝั่งที่เธอนั่ง ก่อนจะเดินจูงมือไปหาคุณครูตรงทางเข้าตึกเรียน พอเดินไปถึงเด็กน้อยก็ยกมือไหว้สวัสดีคุณครู

“สวัสดีจ้าซูมี่ อุ๊ย! วันนี้ใครมาส่งเอ่ย เป็นคุณพ่อใช่ไหมคะ” คุณครูวัยประมาณเลขสี่หันหน้าไปถามผู้ชายที่ดูไม่คุ้นหน้าคุ้นตากันมาก่อน

“ผมเป็นพี่ชายครับ”

“อ๋อก็ว่าอยู่ว่าทำไมคุณพ่อหน้าเด็กจัง อิอิ เดี๋ยวครูช่วยดูแลน้องต่อให้นะคะ พี่ชายไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”

“ขอบคุณครับ ซูมี่เดี๋ยวตอนเย็นพี่มารับนะ”

“โอเคค่ะพี่ิอลัน”

ทั้งคู่โบกมือลาให้กัน คุณครูจูงเด็กตัวน้อยเข้าตึกเรียนจนเดินไปลับตา อลันจึงขับรถไปแถวมหาวิทยาลัยต่อ

@ ห้องเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้น

ชั่วโมงแรกประเดิมเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ซูมี่ชอบเรียนวิชานี้มาก เพราะได้ทั้งพูดสนทนาโต้ตอบและเพิ่มพูนคำศัพท์ไว้ในคลังสมอง บทเรียนที่คุณครูสอนในวันนี้เกี่ยวกับเรื่องของคำศัพท์ที่มีความหมายบ่งบอกลักษณะเป็นคู่

“นอกจาก Two ที่แปลว่าสอง เด็ก ๆ รู้ไหมจ๊ะ มีศัพท์คำไหนอีกที่สื่อความเป็นสองอย่างหรือเป็นคู่กันบ้าง”

“คำว่า Duo ค่ะ” เด็กนักเรียนหญิงที่สวมแว่นหนาเตอะยกมือขึ้นตอบเป็นคนแรก

“Pair ครับ” เด็กชายผมเกรียนนั่งหลังสุดของห้องยกมือตอบตาม

“Twin ได้ไหมคะคุณครู” ถึงตาซูมี่ขอยกมือตอบบ้าง

“เก่งมาก! ฝาแฝดถือว่าเป็นคู่เหมือนกัน ลองอีกสักหนึ่งคำเด็ก ๆ”

เด็กนักเรียนหันหน้าหากันด้วยความสงสัยว่าอีกคำจะเป็นคำว่าอะไร คุณครูก็อมยิ้มพร้อมจะเฉลย แต่ก็ให้เวลาเด็ก ๆ ได้ฝึกคิดก่อน

“มีใครตอบได้ไหมเอ่ย ถ้าไม่มีครูขอเฉลยเลยนะเด็ก ๆ คำว่า Couple นั่นเองจ้า แปลว่าคู่หรือคู่รักนั่นเอง”

“คู่รักเหรอคะ”

ซูมี่ที่กำลังโฟกัสในสิ่งที่คุณครูสอนดันสะดุดหูกับคำว่าคู่รัก เด็กน้อยนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่คุยกับพี่ชาย 'คู่กันถึงนอนด้วยกันได้' ไหน ๆ คำถามที่ค้างคาใจก็ยังไม่ได้คำตอบ เด็กน้อยจึงตัดสินใจยกมือถามคุณครู

“คุณครูคะ คู่กัน กับ คู่รัก เหมือนกันไหมคะ”

“เหมือนกันจ้ะ สงสัยอะไรเหรอซูมี่”

“หนูถามหน่อยค่ะ แล้วทำยังไงถึงจะได้เป็นคู่กันเหรอคะ

“ทำยังไงเหรอ อืม...เราต้องรู้จักคนคนนั้นก่อนนะ อาจจะเริ่มจากการเป็นเพื่อนหรือพี่น้องกันแล้วค่อย ๆ ทำความสนิทสนมกันไปเรื่อย ๆ รู้ว่าใครชอบอะไรและไม่ชอบอะไร พอรู้จักกันมากขึ้นก็มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน อาจจะขยับขึ้นมาเป็นแฟนกัน แต่งงานกัน และอยู่ด้วยกันอย่างคู่รักตลอดไป พอจะเข้าใจไหมเอ่ยซูมี่”

“อ๋อจะเป็นคู่กัน...ก็ต้องได้เป็นแฟนกันก่อนใช่ไหมคะ”

“ใช่แล้วจ้า” ซูมี่พยักหน้าให้คุณครูเมื่อเข้าใจคำตอบอย่างถ่องแท้แล้ว

@ คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการจัดการโรงแรม

“ไอ้อลัน เมื่อคืนมึงไปนอนไหนมาวะ”

เพื่อนชายชื่อเต้ถามด้วยความสงสัย เพราะเมื่อคืนอลันเงียบหายชนิดที่ติดต่อไม่ได้เลย

“ไม่เสือกสักเรื่องจะตายไหม กูกลับไปนอนบ้านไม่ได้หรือไง” เมื่อเขาอยู่กับกลุ่มเพื่อนสนิทจะกลายเป็นอีกคนที่ชอบพูดจาโผงผางทันที

“บ้านมึงหรือบ้านใครกันแน่ น้ำก็ไม่ยอมอาบ ต้องมาขออาบที่หอกู แถมยังมายืมชุดนักศึกษากูไปใส่อีกเนี่ย”

นายฟินน์เพื่อนอีกคนพูดปนบ่น และเขาไม่เชื่อว่าอลันพูดความจริง 100%

“เออแล้วเมื่อเช้ากูเห็นมึงขับเบนซ์ของใครมา ไม่น่าใช่รถของมึงนะ” นายธีร์เพื่อนคนที่ 3 จาก 4 ของกลุ่มถามเสริม

“บ้านหรือรถใครก็ได้ ไม่ใช่ของพวกมึงก็แล้วกัน จบนะ”

“โว้ ๆ พูดอย่างนี้เจ็บนะครับคุณเพื่อนสุดหล่อ”

เพื่อน ๆ ต่างโห่ร้องแซวกันไม่หยุดหย่อน โดยทุกคนต่างลงความเห็นกันว่าอลันต้องไปนอนค้างกับใครสักคนที่ดูจะเป็นคนพิเศษ ปกติเขาไม่ใช่คนที่ชอบไปนอนค้างอ้างแรมกับใครง่าย ๆ และมั่นใจว่าต้องเป็นสาวสวยสักคนที่พวกเขาอาจจะรู้จัก

เวลา 16.00 น.

คลาสเรียนบ่ายเจ้ากรรมดันเลิกเกินเวลาไปตั้งครึ่งชั่วโมง อลันก้มมองดูนาฬิกาข้อมือเพื่อคำนวณเวลาการเดินทางจากที่นี่ไปรับซูมี่ ป่านนี้เด็กน้อยคงจะออกมายืนรอเขาข้างหน้าตึกแล้ว ชายหนุ่มรีบเก็บของอย่างลวก ๆ เข้ากระเป๋า จนเพื่อนสังเกตเห็นความผิดปกติ

“ไปหาสาวเหรอครับพี่อลัน” ฟินน์เกริ่นพูดทำนองแซว

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครหนอ พวกกูรู้จักไหมวะ” นายธีร์ถามต่อ

“กู จะ ไป รับ น้อง ที่ โรง เรียน”

อลันพูดเน้นเสียงชัดถ้อยชัดคำ ทุกคนจะได้เลิกเข้าใจเขาผิดเสียที

“มึงลูกคนเดียวไม่ใช่เหรอ” นายเต้ยิงคำถามต่อ

“ถ้าพวกมึงยังไม่หยุดถาม กูจะเลิกคบพวกมึงแล้วนะ”

อลันแยกเขี้ยวเป็นยักษ์ใส่เพื่อน ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องเรียนไปโดยไม่สนเสียงเรียกตามหลังของเพื่อนเลย เห็นเขาดูเป็นคนจิตใจดี ก็ใช่ว่าจะชอบให้คนอื่นมายุ่งเรื่องส่วนตัวนัก แม้จะสนิทกันมากก็เถอะ

เขารีบบึ่งรถไปโรงเรียนเหยียบคันเร่งเกือบมิดไมล์ ใจห่วงเด็กน้อยที่รอเขานานแล้ว เมื่อเริ่มใกล้เขตรั้วโรงเรียนเขาก็ค่อย ๆ คลายคันเร่งให้เสมือนเต่าคืบคลานเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ในขณะที่เด็กนักเรียนเดินข้ามถนน ชายหนุ่มรีบหมุนพวงมาลัยรถเพื่อหาที่จอดและสับขาวิ่งไปหาซูมี่ที่จุดรับส่ง เขากวาดสายตามองโดยรอบ จนกระทั่งพบเธอนั่งตัวขดงออยู่ที่โต๊ะหินอ่อนสีขาว

“ซูมี่ พี่ขอโทษที่มาสาย”

อลันเดินมานั่งย่อตัวข้างเธอด้วยความรู้สึกผิดที่ให้รอ ทว่าเด็กน้อยส่ายหน้าให้และพูดบางอย่างขึ้น

“หิว”

“ฮะ อะไรนะ”

“หิว...ข้าว” ซูมี่หันมองอลันด้วยใบหน้าที่อิดโรยเหมือนคนกำลังหมดแรง เขาเห็นดังนั้นจึงรีบอุ้มเด็กน้อยไปขึ้นรถทันที

เมื่อเขาขับรถพ้นเขตโรงเรียน ก็หันไปถามซูมี่ว่าอยากทานอะไรดี เธอตอบเขาไปว่าอยากทานติ่มซำ มีหรือพี่ชายเปย์คนนี้จะขัดใจน้องสาว อลันค้นหาแผนที่ร้านอาหารติ่มซำที่อร่อยที่สุดในย่าน จนไปเจอเข้ากับร้านหนึ่งที่หน้าตาอาหารน่ารับประทาน อีกทั้งยังมีพวกนักชิมรีวิวให้คะแนนไปในทิศทางบวกกว่าพันคอมเมนต์ในเพจร้าน เพียงสิบนาทีทั้งคู่ก็มาถึงยังจุดหมาย

สไตล์การตกแต่งร้านอาหารติ่มซำให้บรรยากาศเสมือนอยู่ในโรงเตี๊ยมดินแดนยุทธภพ โทนสีร้านเป็นสีแดงชาด ประดับด้วยโคมแดงทั่วร้าน ชั้นนั่งทานมีทั้งหมด 2 ชั้นด้วยกัน ชั่นล่างจะประกอบด้วย เวทีลักษณะเป็นวงกลมที่ตั้งอยู่ใจกลางร้านเพื่อเอาไว้โชว์การแสดงหรือเชิญนักดนตรีมาบรรเลงกู่เจิง รอบเวทีเต็มไปด้วยโต๊ะกลมมากมายให้สำหรับลูกค้ามานั่ง ส่วนชั้นบนจะถูกจัดแบ่งเป็นห้อง ๆ เหมาะสำหรับรับประทานอาหารแบบส่วนตัวหรือแบบกลุ่มที้ต้องการความเป็นส่วนตัว สำหรับพวกเขาเลือกนั่งชั้นล่างแต่ออกห่างจากตัวเวทีมาเล็กน้อย เพราะอลันอยากให้เด็กน้อยได้เพลิดเพลินกับการนั่งทานอาหารมากกว่าชมการแสดง

อลันยกมือเรียกพนักงานเพื่อขอเมนูอาหาร ก่อนจะเอียงตัวไปเปิดเมนูให้ซูมี่เลือกจิ้มได้ตามใจชอบ เด็กน้อยอยากทานอะไรก็ทานด้วย และไม่นานอาหารที่สั่งก็ถูกนำมาวางเสิร์ฟเต็มโต๊ะ ซูมี่ตาลุกวาวเป็นประกายดังเพชรก่อนจะหยิบส้อมจิ้มขนมจีบหมูลูกโต ตามมาด้วยฮะเก๋าและสาหร่ายห่อกุ้ง เด็กน้อยเคี้ยวอาหารจนแก้มตุ่ยราวกับเป็นกระรอกน้อยยัดอาหารไว้ที่กระพุ้งแก้ม ชายหนุ่มได้แต่นั่งอมยิ้มมองการกินของเธอ

“พี่อลัน อ้าม” ซูมี่จิ้มขนมจีบปูขึ้นมาหนึ่งคำและเอื้อมมือป้อนพี่ชายสุดแขน

“อิ่มแล้วเหรอ ถึงให้พี่”

อลันกลัวซูมี่จะทานไม่อิ่มเลยถามดูให้แน่ใจ ทว่าเธอก็ยังยื่นส้อมป้อนค้างไว้อยู่อย่างนั้น เขาจึงยอมอ้าปากรับ

“ป่าป๊าสอนว่าต้องรู้จักมีน้ำใจแบ่งปันให้คนอื่น แล้วเราจะได้รับความสุขกลับมา”

เขารู้สึกยิ้มภูมิใจในตัวซูมี่มาก เธอเป็นเด็กดีน่ารักและว่านอนสอนง่าย อลันหวังว่าเมื่อเธอโตขึ้นจะเป็นคนดีที่มีคุณภาพในสังคม ถึงตอนนั้นอลันจะมีเวลามาพาเธอไปไหนมาไหนแบบตอนนี้หรือไม่นะ

“ซูมี่มีความฝันไหม” อลันเอ่ยถามเด็กตัวน้อย

“ก็มีฝันบ้างค่ะ แต่ตื่นมาก็จำไม่ได้แล้ว” คำตอบของซูมี่ทำให้อลันหัวเราะลั่นออกมา เพราะดันเข้าใจกันคนละความหมาย

“ฮ่า ๆ ไม่ใช่อย่างนั้น พี่หมายถึงเราอยากทำอะไร เช่น อยากเป็นหมอ หรือ อยากเป็นคุณครู”

“อ๋อ แล้วพี่อลันโตขึ้นอยากเป็นอะไรคะ”

“พี่เหรอ...ถ้าไม่ได้ทำธุรกิจของที่บ้าน คงจะเป็นนักวาดภาพน่ะ จริง ๆ พี่ชอบวาดรูปมากเลยนะ ไว้มีเวลาพี่วาดรูปให้ซูมี่สักรูปดีไหม”

“ดีค่ะ” เด็กน้อยยิ้มหน้าบานแฉ่ง ทำให้คนที่ฟังคำตอบพลอยยิ้มตามไปด้วย

“แล้วซูมี่จะตอบพี่ได้ยัง ว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร”

ระหว่างที่ิชายหนุ่มรอคำตอบจากเด็กน้อยอยู่นั้น เขาก็ยกกาน้ำชาจีนโบราณเพื่อรินชาอู่หลงที่โปรดปรานลงในถ้วยน้ำชาเซรามิคลวดลายมังกร จากนั้นจึงค่อย ๆ ยกถ้วยชาขึ้นดื่ม

“อยากเป็นแฟนพี่อลันค่ะ”

“แค่ก ๆ ว่าไงนะ?” เขาถึงกับสำลักน้ำหลังจากได้ยินคำพูดของเด็กน้อยวัย 8 ขวบตอบกลับ

“เป็นแฟนกับพี่อลันค่ะ”

คำพูดเธอช่างดูไร้เดียงสาตามประสาเด็กเสียจริง พี่ชายถึงกับทำตัวไม่ถูก ทว่าจะปฏิเสธไปโต้ง ๆ ก็กลัวเด็กน้อยจะเสียใจ เขาเลยคิดหาคำพูดที่ยังถนอมน้ำใจกับเธอ

“ซูมี่ ตอนนี้ยังไม่ได้หรอกนะ”

“ทำไมล่ะคะ พี่อลันไม่อยากคู่กับซูมี่เหรอ”

เด็กน้อยเริ่มทำหน้าเบะ เขาจึงต้องรีบพูดต่อ

“ไม่ใช่นะ ตอนนี้ซูมี่มีหน้าที่ที่ต้องทำคือ ต้องตั้งใจเรียนหนังสือให้จบมหาวิทยาลัยก่อนนะ” อลันเอื้อมมือขึ้นลูบหัวซูมี่อย่างอ่อนโยน

“อืม...เรียนให้จบ” ซูมี่พยายามนำคำที่อลันบอกมาประมวลผลในสมองอันเล็กจิ๋วก่อนจะพูดต่อ

“ถ้าซูมี่เรียนจบแล้ว พี่อลันสัญญาจะเป็นแฟนกับซูมี่นะคะ”

แม้ว่าคำพูดของซูมี่จะดูเหมือนเป็นการผูกมัดไปในตัว อลันเพียงคิดแค่ว่าเป็นคำพูดของเด็กตัวเล็ก ไม่น่าจะต้องถือสาอะไรมากขนาดนั้น ไว้โตขึ้นอีกหน่อยเธอคงจะลืมคำพูดนี้ไปเอง

“ได้สิ พี่สัญญา”

Related chapters

  • My Honey ซูมี่จอมดื้อ   บทนำ

    12 ปีก่อนเวลา 20.00 น.@ HTND Hotel, Bangkokโรงแรมหรู 3 ชั้น ระดับ 5 ดาวใจกลางกรุง ตั้งตระหง่านติดริมฝั่งแม่น้ำออกแบบโครงสร้างสไตล์ไทยประยุกต์ ตัวอาคารถูกออกแบบให้มีความผสมผสานระหว่างไทยแท้ร่วมกับความเป็นยุโรป หรือที่รู้จักกัน 'สไตล์โคโลเนียล' โดยจะใช้ไม้ อิฐ และปูนเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง ผนังปูนถูกทาทับด้วยสีเหลืองอ่อนตัดกับสีขาวที่ถูกทาลงบนโครงไม้แกะสลักลายกนกอย่างลงตัว พื้นทางเดินภายในปูด้วยวัสดุไม้เคลือบเงามันวาว ชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์รวมถึงของตกแต่งโดยส่วนใหญ่เป็นของมูลค่าสูง และได้รับมาจากการประมูลวัตถุโบราณที่หายาก เพื่อให้แขกที่มาเข้าพักรู้สึกไม่ได้แค่มาพักผ่อน แต่ก็ยังได้เหมือนมาเดินเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ของสะสมไปในตัวในค่ำคืนนี้บริเวณลานจอดรถหนาแน่นไปด้วยรถหรูหลากหลายแบรนด์ชั้นนำระดับโลก กลุ่มผู้คนฐานะมั่งคั่งต่างพากันเดินทยอยเข้าไปยังห้องจัดเลี้ยงตามที่ถูกระบุไว้ในการ์ดเชิญเมื่อมาถึงยังห้องจัดงาน ทุกคนต่างร่วมวงสนทนากันประดุจดังญาติมิตรที่สนิทชิดเชื้อมาตั้งแต่ชาติปางก่อน หากสังเกตมองไปที่บนเวที จะพบกับป้ายขนาดใหญ่ที่ระบุข้อความเอาไว้ว่า‘งานเปิดตัวโรงแรมในเครือ HTND แห่งแร

    Last Updated : 2024-12-22
  • My Honey ซูมี่จอมดื้อ   คำถามก่อนนอน

    @ บ้านตระกูลหลิน40 นาทีผ่านไปในที่สุดทุกคนก็มาถึงปลายทางเป็นที่เรียบร้อย คนขับรถส่วนตัวของคุณชางอีเดินมาเลื่อนประตูทางฝั่งผู้โดยสารเปิดออก ทุกคนต่างรู้สึกตัวตื่นขึ้นในสภาพที่ยังงัวเงีย“ถึงแล้วทุกคน” คุณชางอีที่นั่งตรงประตูทางลงเอ่ยพลางทำท่าบิดตัวในฐานะเป็นเจ้าของบ้าน เขาและภรรยาที่หิ้วกระเตงซิงอีเดินนำเข้าบ้านไปก่อนล่วงหน้าเพื่อบอกให้แม่บ้านรีบจัดเตรียมห้องนอนไว้สำหรับแขกทันที ขณะที่อลันพึ่งลืมตาตื่นขึ้นแถมยังอยู่ในสภาพเดิม เด็กตัวน้อยยังนอนเกาะเขาราวกับเป็นโคอาล่าน้อยกำลังเกาะอยู่บนขอนไม้“ซูมี่ถึงบ้านแล้ว”อลันใช้มือเขย่าไหล่ซูมี่เบา ๆ ทว่าไร้ปฏิกิริยาตอบโต้ เขาจึงตัดสินใจอุ้มเธอลงโดยไม่ปลุกซ้ำบ้านตระกูลหลินช่างงดงามราวกับภาพวาดจากพู่กันจีน ลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้นสไตล์จีนโบราณแต่ก็มีความร่วมสมัย ตัวบ้านทาสีแดงแซมขาว ทางเข้ามีประตูบานใหญ่สีแดงตั้งตระหง่าน เมื่อผ่านเข้าประตูมาจะพบกันสวนจีนขนาดใหญ่ที่ประดับประดาด้วยพันธุ์ไม้มงคลนานาชนิดตามความเชื่อจีนโบราณ ดังเช่น ต้นไผ่ ต้นหลิว เป็นต้น ทั้งยังมีสะพานหินโค้งทอดข้ามผ่านบ่อปลาขนาดใหญ่ไปยังซุ้มที่นั่งรับรองในสวน ถัดไปอีกโซนก่อนถึงตัวบ้

    Last Updated : 2024-12-22

Latest chapter

  • My Honey ซูมี่จอมดื้อ   โตขึ้นอยากเป็นอะไร

    ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องที่อลันนอนดังขึ้น ชายหนุ่มดีดตัวเด้งเป็นสปริงและเดินเกาหัวแกรก ๆ ไปเปิดประตูห้อง เดาว่าเด็กตัวแสบมาปลุกเขาตั้งแต่เช้าตรู่แน่นอน“ซูมี่พี่บอกแล้วไงว่า พี่มีเรียนตอน...”“อาเอง ขอโทษที่มารบกวนอลันนะลูก”คุณเพียงขวัญเอ่ยด้วยสีหน้าดูเป็นกังวลบางอย่าง อลันจึงสะบัดความง่วงนอนออกทันใด“ไม่เป็นไรครับคุณอา มีอะไรหรือเปล่าครับ”“อาขอความช่วยเหลือจากเราหน่อยสิ ช่วยพาซูมี่ไปส่งที่โรงเรียนและรับกลับบ้านหน่อยได้ไหม ซิงอีไข้ขึ้นสูงมาก อากำลังจะพาไปหาหมอ คุณหลินก็ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้วด้วยสิ”สีหน้าเธอดูคร่ำเครียดที่แยกร่างทำหน้าที่แม่ดูแลลูกสองคนพร้อมกันไม่ได้ อลันเข้าใจความรู้สึกของเธอเป็นอย่างดี จึงตอบรับที่จะช่วยเหลือแบบไม่ลังเล“ได้เลยครับคุณอา เดี๋ยวผมไปส่งน้องให้ครับ”“ขอบใจนะอลัน เราขับรถเป็นและมีใบขับขี่ใช่ไหม”“ใช่ครับ”“อ่านี่กุญแจรถ ซูมี่เลิกเรียนตอน 4 โมงเย็นค่อยเอารถมาคืนตอนไหนก็ได้ที่สะดวกเลย อาฝากหน่อยนะลูก”คุณเพียงขวัญยื่นกุญแจรถเบนซ์คันหรูป้ายแดงให้กับเขา พร้อมบอกพิกัดที่ตั้งโรงเรียนให้อลันก่อนจะรีบอุ้มเจ้าซิงอีไปโรงพยาบาลด้วยรถอีกคัน เมื่อพูดคุยจบอลั

  • My Honey ซูมี่จอมดื้อ   คำถามก่อนนอน

    @ บ้านตระกูลหลิน40 นาทีผ่านไปในที่สุดทุกคนก็มาถึงปลายทางเป็นที่เรียบร้อย คนขับรถส่วนตัวของคุณชางอีเดินมาเลื่อนประตูทางฝั่งผู้โดยสารเปิดออก ทุกคนต่างรู้สึกตัวตื่นขึ้นในสภาพที่ยังงัวเงีย“ถึงแล้วทุกคน” คุณชางอีที่นั่งตรงประตูทางลงเอ่ยพลางทำท่าบิดตัวในฐานะเป็นเจ้าของบ้าน เขาและภรรยาที่หิ้วกระเตงซิงอีเดินนำเข้าบ้านไปก่อนล่วงหน้าเพื่อบอกให้แม่บ้านรีบจัดเตรียมห้องนอนไว้สำหรับแขกทันที ขณะที่อลันพึ่งลืมตาตื่นขึ้นแถมยังอยู่ในสภาพเดิม เด็กตัวน้อยยังนอนเกาะเขาราวกับเป็นโคอาล่าน้อยกำลังเกาะอยู่บนขอนไม้“ซูมี่ถึงบ้านแล้ว”อลันใช้มือเขย่าไหล่ซูมี่เบา ๆ ทว่าไร้ปฏิกิริยาตอบโต้ เขาจึงตัดสินใจอุ้มเธอลงโดยไม่ปลุกซ้ำบ้านตระกูลหลินช่างงดงามราวกับภาพวาดจากพู่กันจีน ลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้นสไตล์จีนโบราณแต่ก็มีความร่วมสมัย ตัวบ้านทาสีแดงแซมขาว ทางเข้ามีประตูบานใหญ่สีแดงตั้งตระหง่าน เมื่อผ่านเข้าประตูมาจะพบกันสวนจีนขนาดใหญ่ที่ประดับประดาด้วยพันธุ์ไม้มงคลนานาชนิดตามความเชื่อจีนโบราณ ดังเช่น ต้นไผ่ ต้นหลิว เป็นต้น ทั้งยังมีสะพานหินโค้งทอดข้ามผ่านบ่อปลาขนาดใหญ่ไปยังซุ้มที่นั่งรับรองในสวน ถัดไปอีกโซนก่อนถึงตัวบ้

  • My Honey ซูมี่จอมดื้อ   บทนำ

    12 ปีก่อนเวลา 20.00 น.@ HTND Hotel, Bangkokโรงแรมหรู 3 ชั้น ระดับ 5 ดาวใจกลางกรุง ตั้งตระหง่านติดริมฝั่งแม่น้ำออกแบบโครงสร้างสไตล์ไทยประยุกต์ ตัวอาคารถูกออกแบบให้มีความผสมผสานระหว่างไทยแท้ร่วมกับความเป็นยุโรป หรือที่รู้จักกัน 'สไตล์โคโลเนียล' โดยจะใช้ไม้ อิฐ และปูนเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง ผนังปูนถูกทาทับด้วยสีเหลืองอ่อนตัดกับสีขาวที่ถูกทาลงบนโครงไม้แกะสลักลายกนกอย่างลงตัว พื้นทางเดินภายในปูด้วยวัสดุไม้เคลือบเงามันวาว ชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์รวมถึงของตกแต่งโดยส่วนใหญ่เป็นของมูลค่าสูง และได้รับมาจากการประมูลวัตถุโบราณที่หายาก เพื่อให้แขกที่มาเข้าพักรู้สึกไม่ได้แค่มาพักผ่อน แต่ก็ยังได้เหมือนมาเดินเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ของสะสมไปในตัวในค่ำคืนนี้บริเวณลานจอดรถหนาแน่นไปด้วยรถหรูหลากหลายแบรนด์ชั้นนำระดับโลก กลุ่มผู้คนฐานะมั่งคั่งต่างพากันเดินทยอยเข้าไปยังห้องจัดเลี้ยงตามที่ถูกระบุไว้ในการ์ดเชิญเมื่อมาถึงยังห้องจัดงาน ทุกคนต่างร่วมวงสนทนากันประดุจดังญาติมิตรที่สนิทชิดเชื้อมาตั้งแต่ชาติปางก่อน หากสังเกตมองไปที่บนเวที จะพบกับป้ายขนาดใหญ่ที่ระบุข้อความเอาไว้ว่า‘งานเปิดตัวโรงแรมในเครือ HTND แห่งแร

DMCA.com Protection Status