เช้า....
ฉันลืมตาขึ้นมาก็เจอความมืดสนิทหันไปมองนาฬิกาดิจิตอลเรืองแสงที่แขวงไว้ที่ฝาผนังสูงบอกเวลาตอนนี้ 06:20 เช้าแล้วนี่ รู้สึกหนักที่เอวคอดเหมือนมีอะไรทับอยู่ แขนพี่เรย์นี่เอง เขานอนกอดฉันทั้งคืนเลยหรอ ฉันค่อยๆ จับแขนพี่เรย์ออกจากเอว โอ๊ย..เจ็บช่วงล่างจัง พอขยับตัวความเจ็บก็แล่นปิ๊ดจนขาสั่นเล็กน้อย อยากข่วนหน้าเขานัก รังแกคนอื่นแล้วยังนอนสบายใจอยู่ได้
ฉันรีบหาเสื้อผ้าตัวเองมาใส่อย่างรวดเร็ว ต้องรีบออกไปก่อนที่จะมีคนมาเห็น และก็ไม่ลืมหยิบถุงกระดาษสีดำออกมาด้วย แต่ฉันไม่ได้หยิบไอ้กล่องเจ้าปัญหานั้นออกมาด้วยหรอก เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด
ฉันขับรถออกมาจากค่าย LayMusic ก็สวนกับรถสีดำคันหนึ่งมีผู้ชายนั่งมาสองคนที่มองเห็นก็เพราะเขาลดกระจกรถลง
คงจะเป็นเพื่อนของพี่เรย์ แล้วทำไมต้องนึกถึงด้วยเขาเนี้ย ฉันรีบสลัดหัวให้เขาออกไปจากความคิด
ฉันขับช้าลงเพื่อมองหาร้านขายยาแล้วก็เจอ แรดได้ก็ต้องดูแลตัวเองด้วยจริงไหม
“สวัสดีค่ะ” เสียงทักทายจากเภสัชกร
“ยาคุมฉุกเฉินค่ะ” ฉันรีบบอกเภสัชกร เขามองหน้าฉันแล้วก็ยิ้มให้ หน้าฉันมีอะไรหรอ ฉันหันไปสองหน้าที่ตู้กระจกก็แทบจะเอาหน้าแซกแผ่นดินหนี จะอะไรซะอีกล่ะ ก็รอยคิสมาร์กเต็มลำคอเนียนและก็ตรงเนินอกอีก ฉันได้แต่ยิ้มอายๆ ไปให้เภสัชกร
ทันทีที่เดินกลับเข้ามาในรถฉันก็รีบสำรวจร่างกายตัวเองยกใหญ่แล้วแบบนี้ฉันจะทำงานได้ยังไง ต่อให้เมคอัพชั้นเยี่ยมก็เอาไม่อยู่หรอก
“คนบ้า...” ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพี่แมนนี่ผู้จัดการส่วนของฉัน
“ว่าไงค๊า ลูกสาว” เสียงพี่แมนนี่รับสาย
“ไลลาขอไม่รับงานสักสองสามก่อนนะคะ” ถ้าฉันไปทำงานสภาพนี้นะได้ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านแน่
“ทำไมล่ะคะ มีปัญหาอะไรรึเปล่า” พี่แมนนี่ดูตกใจเล็กน้อย
“คือ...ไลลาไม่ค่อยสบายนะคะ” ฉันจำต้องโกหกออกไป
“ตายแร้ว...ไปหาหมอยังค่ะ” พี่แมนนี่ถามด้วยความห่วงใย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” ไลลาขอโทษนะคะที่ต้องโกหก ได้แต่ขอโทษพี่แมนนี่อยู่ในใจ
“งั้นก็พักผ่อนเยอะๆ นะค่ะ ลูกสาว ให้พี่ไปอยู่เป็นเพื่อนไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ ไลลาเริ่มง่วงแล้ว” ฉันรีบวางสายทันที
เฮ้อออออ เขาจะรู้ไหมเนี้ยว่าทำคนอื่นเดือดร้อนแค่ไหน จากนั้นฉันก็ขับรถมาถึงคอนโดตัวเองโดยสวัสดิภาพ...
เรย์
ทำไมมันรู้สึกโล่งๆ จังว่ะ มือคล่ำหาร่างนุ่มนิ่มที่นอนกอดทั้งคืนก็เจอแต่ความว่างเปล่า
“นี่อากาศในห้องมันร้อนขนาดนั้นเลยหรอว่ะ” เสียงเฮียซัมดีพูดขึ้น มาตอนไหนวะ!
ดีนะที่ใส่บล็อกเซอร์อยู่ไม่งั้นมองหน้ากันไม่ติดแน่
“ใครกล้ามาฟัดน้องเรย์ของเฮียถึงในห้องเนี้ย” เสียงเฮียเจพูดแซว เอาเข้าไป ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ
“ตอนที่พวกเฮียมา เจอใครรึเปล่า” ถ้ามาเจอตอนไลลาอยู่ด้วยนี่แย่เลย ผมไม่อยากให้ใครมาเห็นร่างกายเธอนอกจากผม
“ก็ไม่เห็นมีใครนิ” เฮียซัมดีตอบ เฮ้อออผมถอนหายใจอย่างโล่งอก
“แต่ว่า..ตอนเข้ามาเนี้ยมีรถสีขาวขับสวนออกไปอยู่นะ” เฮียเจบอก
“ใครหรอ” เฮียซัมดียื่นหน้ามาถามผมอย่างใคร่อยากรู้
“จำเป็นต้องบอกไหมครับ” ผมถามเฮียซัมดีกลับด้วยท่าทางกวนตีนสุดๆ
“อ้าว..ไอ้เรย์ มึงจะไม่รายงานผัวมึงหน่อยหรอ” เฮียซัมดีก็กวนตีนกลับมาเหมือนกัน
ผมได้แต่นั่งขำ
“สงสัยมันเอากับผีว่ะ” เฮียเจบอก
ผมก็ยักไหล่ให้พวกเฮียหนึ่งที ประมาณว่า..แล้วแต่เลยครับ..
ผมลุกขึ้นยืนหยิบกางเกงมาใส่ กลับไปตอนไหนนะ น่าจะปลุกกันหน่อย ผมเผลอยิ้มกับตัวเอง เมื่อนึกถึงหน้าหวานๆ ของไลลา
“ถ้าจะหนักล่ะ ไอ้นี่” เสียงเฮียเจแขวะ
“สงสัยมันเอากับผีจริงๆ แหละ ไม่ใช้สักชิ้นเลย” เฮียซัมดีชูกล่องสีดำขึ้น
“นี่เป็นเชอร์ล็อกโฮมกันหรอครับ สงสัยอยู่ได้” ผมแย่งกล่องสีดำมาจากมือเฮียซัมดี
“แล้วนั้นจะไปไหน” เฮียเจถามขึ้น เมื่อเห็นว่าผมเดินไปที่ประตู
“กลับคอนโด” ผมหันหน้าไปตอบ
“งานการไม่ทำหรอครับ แล้วคอนโดอ่ะ มึงควรกลับตั้งแต่เมื่อคืนแล้วป่ะ” เฮียซัมดีถาม
“ถ้ากลับคอนโดเมื่อคืน ก็ไม่ได้เจอของดีนะสิ” ผมยิ้มกวนๆ ให้พวกเฮียแล้วก็เดินออกมาขึ้นรถคู่ใจ
ขับออกมาได้สักพักก็เจอรถสีขาวของใครบางคนที่ทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาทุกครั้งที่นึกถึง ร้านยาหรอซื้ออะไรนะ หรือว่าไม่สบาย ไลลาเดินออกมาจากร้านยาขึ้นรถสักพักเธอก็ขับออกไป ผมแอบขับตามไลลาจนถึงคอนโดของเธอ โอ๊ะโอ่ โลกมันชั่งกลมดีจัง คอนโดเดียวกันกับผมเลย รู้งี้กลับมานอนคอนโดนานล่ะ ผมแอบเดินตามไลลาไปเงียบๆ เหมือนพวกสโตกเกอร์เลย จังหวะที่ไลลาเข้าไปในลิฟต์พอดีมีคนรอลิฟต์อยู่สามสี่คนเหมือนกัน ผมดึงหมวกของเสื้อฮู้ดที่ใส่อยู่ขึ้นมาสวมเพื่อบดบังใบหน้าไม่ให้ไลลาเห็นทำเนียนเดินตามคนอื่นเข้าไปในลิฟต์ ผมยืนอยู่ด้านหลังไลลาโดยที่เธอไม่รู้ตัวเลย ไลลาใช้มือสางผมยาวของเธอไปปกลำคอขาวเนียนคงจะกลัวคนอื่นเห็นรอยคิสมาร์กที่ผมเป็นคนทำไว้
ติ่ง
เสียงลิฟต์เปิดออก อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นอยู่ชั้นเดียวกันอีก ห้องไลลาอยู่ติดกับห้องผมด้วยอ่ะ ยังไม่รู้ตัวเองว่ามีคนตามมาใจลอยจริงๆ จังหวะที่ไลลากำลังจะปิดประตูลง ผมยื่นเท้าไปขว้างไว้ก่อนที่มันจะปิดสนิท
“ทำอะไรของคุณนะ” ไลลาพูดเสียงดุ
“นี่อย่าเข้ามานะ” ไลลาร้องห้ามเมื่อผมเดินเข้าไปในห้องเธอ แรงแค่นี้คิดว่าจะสู้ผมได้หรอก
“ทำไมไม่ปลุกพี่ล่ะครับ” ผมพูดพร้อมกับดึงหมวกเสื้อฮู้ดออก
“พี่เรย์” ไลลาทำตาโตเท่าไข่ห่าน ตกใจมากล่ะสิ ผมก็ตกใจเหมือนกันที่รู้ว่าเธออยู่ห้องข้างๆ ผมตลอด
“ครับ พี่เอง” ผมตอบไลลาพร้อมกับหอมแก้มเธอดังฟอด
“พี่เรย์!” ไลลาเอามือลูบแก้มปอยๆ พร้อมกับขึงตาดุใส่ผม
“พี่แอบตามไลลามาหรอค่ะ” ไลลาถามขึ้น
“เปล่าสักหน่อย” ผมตอบแล้วก็ยักไหล่ให้ทีหนึ่ง
“โกหก” ไลลาทำหน้าดุใส่ผม
“เปล่านะ คอนโดพี่ก็อยู่นี้เหมือนกัน” ผมบอกตามความจริง แต่ไลลาก็ทำสีหน้าไม่ไว้ใจ
“งั้นก็กลับห้องพี่สิคะ มาห้องไลลาทำไม” ทำไมดุจังเลยเนี้ย
“ไม่สบายหรอ” ผมถามไลลาด้วยความเป็นห่วง
“เปล่านี่” ไลลาทำสีหน้างุนงง
“ก็พี่เห็นเราซื้อยา” พอผมพูดเรื่องยาไลลาก็ทำสีหน้าตกใจ
“จริงด้วย ยังไม่ได้กินเลย” ไลลาหันหลังให้ผม มือเล็กก็ค้นถุงยาแล้วเธอก็หยิบกล่องสีขาวเล็กๆ ขึ้นมาเดินตรงไปที่ครัว
“ยาอะไรหรอ” ผมเห็นมันมีแค่สองเม็ดก็อดสงสัยไม่ได้
ไลลายื่นกล่องยาเปล่าๆ มาให้ผมอ่าน ยาคุมฉุกเฉิน ออ กลัวท้องป่องนี้เอง แต่ถึงจะป่องผมก็เต็มใจรับผิดชอบอยู่แล้ว
“ที่จริงไม่ต้องกินก็ได้นะ” พอผมพูดจบ ไลลาก็สำลักน้ำทันที ผมรีบวิ่งไปลูบหลังหยิบทิชชูมาเช็ดปากให้
“อะ แค่กๆ พูดบ้าอะไรของพี่นะ” ไลลาหันมาดุผม
“พูดจริงนะ” ผมเลิกคิ้วให้พร้อมเดินไปโอบเอวให้ไลลามานั่งที่โซฟา เห็นโซฟาทีไรรู้สึกกระปรี้กระเปร่าจังเหะ
“ใครเขาอยากท้องลูกพี่กัน” ไลลาทำหน้าดุไม่เลิก
“แต่พี่อยากให้ไลลาเป็นแม่ของลูกพี่นะ” ไลลาทำสีหน้าอึ้ง แป๊บเดียวก็เปลี่ยนเป็นดุเหมือนเดิม
“กลับห้องพี่ไปได้แล้วค่ะ” ไล่อีกล่ะ ใจคอจะไล่อย่างเดียวเลยรึไง
“หิวข้าวจัง” ผมแกล้งเปลี่ยนเรื่อง แต่ก็หิวจริงๆ แหละ
“ที่ห้องพี่ไม่มีข้าวกินหรอค่ะ”
“ไม่มีครับ” ผมตอบไลลา พร้อมส่งยิ้มหวานไปให้ ไลลาถอนหายใจยาวเหลือบตามองบน ไลลาลุกขึ้นเดินไปในครัวค้นตู้เย็นอยู่สักพัก
“กะเพราหมูกินได้ไหมคะ” ไลลาหันมาถาม น่ารักจัง... ทำกับข้าวให้กินด้วย
“ได้ครับ ขอไข่ดาวสองฟองนะ” ไลลาส่ายหน้าเหมือนเหนื่อยกับผมเต็มทน
นั่งรอสักพักกลิ่นใบกะเพราหอมๆ ก็ลอยมาแตะจมูก ผมลุกออกจากโซฟาเดินไปอยู่ด้านหลังร่างบอบบางของไลลา
“หอมจัง..” ผมยืนชิดซ้อนตัวอยู่หลังไลลา
“อุ๊ย..” ไลลาสะดุ้งเล็กน้อยที่หันตัวมาโดนผม
“พี่เรย์ ทำไมไม่นั่งรอตรงโน้นค่ะ” ไลลาทำหน้าดุใส่ผม
ทำไมชอบทำหน้าดุจังว่ะ หมั่นไส้ ผมล็อกใบหน้าไลลาไว้ด้วยมือสองข้าง โฉมริมฝีปากหนาทาบทับริมฝีปากบาง ผมส่งลิ้นเข้าไปคว้านหาความหวานจากโพรงปากเล็ก
“อื้อ...” เสียงไลลาประท้วงอยู่ในลำคอ แต่มีหรอจะหยุดผมได้ เพราะมือสองข้างของไลลาไม่ว่าง มือหนึ่งจานอีกมือถือทัพพี เธอไม่สามารถทำอะไรผมได้หรอก
“อื้อ..อ่อย” ไม่หยุดหรอกหวานขนาดนี้จะหยุดได้ไง ผมบดริมฝีปากบางอย่างเอาแต่ใจ ลิ้นหนาเกี่ยวกระหวัดหยอกเย้ากับลิ้นเล็กดึงดูดเล่นอยู่อย่างนั้น
คลื่น......คลื่น......คลื่น......
“อะ...อื้อ..” ผมจำต้องถอนริมฝีปากออก เพราะมีเสียงโทรศัพท์ ใครมันกล้าโทรมาขัดจังหวะตอนนี่ว่ะ!
ไลลายื่นทัพพีกับจานมาให้ผม แล้วเธอก็เดินไปรับโทรศัพท์ที่โซฟา ไลลาชำเลืองมามองผมแล้วเธอก็เดินเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์ในห้องนอน ใครวะ! ทำไมต้องหลบไปคุยด้วย
ไลลาฉันเดินเข้ามาคุยโทรศัพท์ในห้องนอน ถ้าพี่เรย์รู้ว่าใครโทรมานะ.. ฉันโดนเขารังแกอีกแน่“มีอะไร” ฉันถามออกไป ไม่ค่อยอยากจะคุยกับเขาสักเท่าไร“คิดถึง โทรหาไม่ได้หรอ” เสียงปลายสายตอบมา“นายไม่ควรคิดถึงใคร นอกจากภรรยาของตัวเอง” ฉันตอบด้วยความหงุดหงิด“ยังไม่หายโกรธโน่อีกหรอ” มิโน่พูดด้วยน้ำเสียงเศร้า แล้วทำไมฉันต้องหวั่นไหวกับน้ำเสียงของเขาด้วยเนี้ย“ไม่ได้โกรธสักหน่อย” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง“งั้นให้โน่เลี้ยงข้าวสักมื้อนะ ถ้าไม่โกรธจริงๆ ห้ามปฏิเสธล่ะ” ฉันรอบถอนหายใจที่ไม่สามารถปฏิเสธเขาได้“ก็คงงั้นแหละ” จำต้องตกลงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้“ขอโน่ไปหาไลลาได้ไหม”“มิโน่!” ฉันพูดด้วยเสียงดุ“ล้อเล่นน่า ถ้าไลลาไม่รังเกียจขอโทรรึแชทหาได้ไหม” มิโน่พูดด้วยเสียงอ้อนๆ“ไลลาไม่เคยรังเกียจมิโน่นะ” ถึงจะโกรธแค่ไหนฉันก็เกลียดมิโน่ไม่ลง“จริงหรอ งั้นแสดงว่ายัง รั..” ฉันรีบพูดขัดขึ้นก่อนที่มิโน่จะพูดคำบางอย่างออกมา“แค่นี้ก่อนนะ มีสายเข้าอ่ะ” ฉันกดวางสายมิโน่ทันที ใจฉันเต้นตึกๆ มือกำโทรศัพท์แน่น อะไรกัน ทำไมนะพอรู้ว่าเขาจะพูดอะไรใจฉันมันก็เต้นแรง หวั่นไหวงั้นหรอ“คุยกับใคร” ฉันเผลอสะดุ้งตัวแรง พี่เรย์ม
“ไลลา” เขากอดฉันจากด้านหลังมือหนากุมอยู่ที่หน้าท้องฉัน ฉันใช้หลังมือเช็ดน้ำตาออกไม่อยากให้เขาเห็น“พี่ขอโทษ...ที่รุนแรงเกินไป” นี่เขาเห็นฉันเป็นเด็กรึไง ตบหัวแล้วลูบหลังงั้นหรอ“ชั่งเถอะค่ะ” ฉันลุกขึ้นนั่งหันหลังให้เขา“หิวข้าวแล้วค่ะ จะอาบน้ำก่อน” พูดจบฉันก็เดินเข้าห้องน้ำไปโดยที่ไม่ใส่อะไรเลย ยังไงเขาก็เห็นหมดแล้วนิจะใส่หรือไม่ใส่ก็ไม่ต่างกันฉันเดินออกมาจากน้องน้ำก็ไม่เจอพี่เรย์อยู่ในห้องนอน เสียงจากทีวีด้านนอกบ่งบอกว่าเขายังอยู่ในห้องฉัน“กินข้าวกันพี่อุ่นให้แล้ว” พี่เรย์เดินมาจูงมือฉันไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว เราต่างนั่งกินข้าวกันเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร“เมื่อไรจะกลับค่ะ” ฉันถามขึ้นหลังจากกินข้าวเสร็จ“โอเคร พี่กลับก็ได้ แต่ไลลาต้องเอาเบอร์มาให้พี่ก่อน” พี่เรย์ยกมือขึ้นเกาหัวอย่างหงุดหงิด“ทำไมต้องให้” ฉันกอดอกจ้องหน้าเขานิ่ง เห็นเขาชอบทำท่านี้เลยทำมั้ง“อย่าดื้อกับพี่” พี่เรย์พูดด้วยเสียงดุฉันแบมือขอโทรศัพท์พี่เรย์ ซึ่งเขาก็ยื่นให้อย่างรู้งาน ฉันกดแค่เบอร์ให้ส่วนเขาจะแม้มว่าอะไรก็ให้แม้มเองแล้วกัน“พี่กลับล่ะนะ” เขาเดินมายืนอยู่ตรงหน้า หอมแก้มดังฟอดแล้วก็จุ๊บที่ปากหนึ่งทีจู่ๆ ใจฉัน
ไลลาครบสามวันที่ฉันไม่รับงานร่องรอยจากคนใจร้ายหายไปหมดแล้ว เขาไม่โพล่หน้ามาให้เห็นเลย แล้วฉันจะนึกถึงเขาทำไมเนี้ย เขาไม่มากวนก็ดีแล้วนิติ่งต่อง...ใครมาแต่เช้าหรือว่าเขาจะมา ฉันรีบเดินตรงไปที่ประตู เปิดประตูต้อนรับแขกผู้มาเยื่อน“หายไปไหนมา” ฉันพูดขึ้นทั้งที่ยังไม่ทันมองหน้าแขก“ก็ไปทำงานสิครับ ถามแปลกๆ” อ้าว ไดมอนด์เองหรอ ฉันทำหน้าตกใจเล็กน้อย“แล้ววันนี้ไม่ทำรึไง” ฉันถามน้องชายเมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้ว“ทางค่ายให้พักผ่อนสองอาทิตย์นะ” ไดมอนด์บอก“แล้วของที่มอนด์ให้ไปเอาอยู่ไหนล่ะ” พูดขึ้นมาก็ดีล่ะฉันเดินไปหยิบถุงกระดาษสีดำออกมาโยนให้ไอ้น้องบ้าทันที“เฮ้ยย เดียวพังหรอกโยนมาได้” ไดมอนด์รีบรับของอย่างเร็ว“แกกลัวอะไรพัง ห๊ะ! ไอ้น้องบ้าใช้ให้พี่ไปเอาอะไรให้ มันน่านัก” ฉันเดินเข้าไปบิดหูไดมอนด์ด้วยความโมโห แกรู้ไหมไอ้มอนด์ว่าพี่แกต้องเจออะไรบ้าง“โอ๊ยยย พี่ไลลาเบาๆ เจ็บบบ” ไดมอนด์ร้องโอดโอ๊ยย แค่นี้มันยังน้อยไป“ก็เพราะไอ้ของบ้าๆ นั้น มันทำให้พี่แกโดน...” ฉันต้องชงักคำพูดไว้ทันที“อะไร” ไดมอนด์เอามือลูบหูปอยๆ“ไม่มีอะไร” ฉันสะบัดหน้าหนีอย่างหงุดหงิด“อะไรของพี่เนี้ย มาถึงก็ทำร้ายน้อง”
ไลลาพอถ่ายแบบเสร็จฉันก็โทรหาน้องชายว่าเสร็จงานแล้วจะได้กลับบ้านไปหาพ่อกันแล้วมันก็บอกให้ฉันไปรับที่ค่ายเพลง ไม่อยากจะไปสักเท่าไรถ้าไม่จำเป็นฉันขับรถมาจอดที่ใต้ตึกเหมือนวันนั้นแป๊ะ ฉันกดโทรหาไดมอนด์แต่ก็ไม่รับสายฉันลงจากรถเดินเข้าไปในตึก ตอนกลางวันตึกเปิดประตูไว้ตลอดไม่ต้องใช้คีการ์ดเหมือนตอนกลางคืน“ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าไดมอนด์อยู่ไหนคะ พอดีว่าไลลาเป็นพี่สาวของไดมอนด์นะคะ”ฉันถามผู้ชายสองคนที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะรับแขก พอสองคนนี้หันหน้าใจจะแทบถอยหนี แต่นึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้เห็นหน้าฉันในวันนั้น“ว๊าว...สวย” ผู้ชายที่หน้าเหมือนลูกครึ่งพูด“แล่มเลย” เสียงพูดชายที่หน้าตาไปทางเอเชียพูด เขาสักเต็มตัวเลยเหะฉันยืนเกาหัวแก้เก้อ ก็เล่นชมซึ่งๆ หน้าแบบนี้ ใครไม่เขินบ้างล่ะ“ชื่อซัมดี เรียกเฮียซัมดีก็ได้” ผู้ชายที่หน้าเหมือนลูกครึ่งชื่อซัมดี“งั้นคนนี้ก็เฮียเจใช้ไหมคะ” ฉันลองเดา เพราะไดมอนด์เคยบอกไว้“รู้จักเฮียด้วยหรอ” เฮียเจพูดอย่างตื่นเต้น“ไดมอนด์พูดถึงเฮียสองคนบ่อยๆ นะคะ” ฉันอธิบายให้พวกเฮียเข้าใจ“ว่าแต่ไดมอนด์อยู่ไหนคะ” ฉันถามอีกครั้ง“อ๋อ น่าจะอยู่ห้องซาด์วกับเฮียเรย์มันแหละ” พอไ
ติ่ง!เสียงข้อความเข้าโทรศัพท์ฉันเองพี่เรย์ : อยู่ไหนฉันลุกออกจากที่นั่งเดินไปหลังบ้าน ทานข้าวเสร็จพอดีไลลา : จำเป็นต้องบอกด้วยหรอค่ะพี่เรย์ : อย่าดื้อกับพี่ ไม่งั้นจะโดนทำโทษทำไมชอบขู่จังไลลา : อยู่บ้านค่ะพี่เรย์ : บ้านใครไลลา : ก็บ้านไลลาสิพี่เรย์ : แล้วไปท่าจะบ้า ฉันเผลอยิ้มให้กลับโทรศัพท์พี่เรย์ : กลับตอนไหนไลลา : ไม่บอกพี่เรย์ : โดนแน่ไลลา : จะกลับเดี๋ยวนี้แหละค่ะพี่เรย์ : มาหาที่ห้องด้วย ขัดคำสั่งโดนอะไรของเขาเนี้ย ชอบขู่จังเลยนะฉันเก็บโทรศัพท์กำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน หันตัวมาก็ชนกับร่างหนาของมิโน่เกือบหงายหลัง ดีที่มิโน่เร็วกว่าคว้าตัวฉันไว้ได้ทัน“ขอบใจ” ฉันยิ้มอย่างขอบคุณ ไม่งั้นเจ็บตัวแน่“คุยกับใครอยู่หรอ” มิโน่ถามฉัน“คุยกับเพื่อนนะ” ฉันตอบมิโน่“อิจฉาเพื่อนคนนั้นจัง ที่ได้รอยยิ้มของไลลาไป” มิโน่พูดเหมือนน้อยใจ“พูดอะไรนะ ไลลาก็ยิ้มให้เพื่อนทุกคนอยู่แล้ว” ฉันก็ยิ้มปกตินิ ไม่ได้พิเศษอะไรสักหน่อย“จะกลับตอนไหน ให้โน่ไปส่งไหม” มิโน่อาสา“ไลลาเอารถมานะ”“แล้วไดมอนด์กลับด้วยรึเปล่า”“คงไม่มั้ง เขาอยู่ในช่วงพักผ่อนคงจะอยากอยู่บ้านสักพัก”“ไลลา ถ้าตอนนี้ยังไม่มีใค
หนึ่งทุ่มตรงผมมารอไดมอนด์อยู่ที่ผับของโลโค่ ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยกระวนกระวาย ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อไรไดมอนด์มันจะมาสักทีว่ะ“ไดมอนด์ยังไม่มาหรอ” โลโค่ถามขึ้น“อื้ม..” ผมพยักหน้าให้โลโค่แล้วจับแก้วเหล้ากระดกน้ำสีอำพันเข้าปากรวดเดียวหมดแก้ว แล้วก็ตามมาอีกสองสามแก้วติดๆ“จะรีบเมาไปไหนครับ กระดกเอาๆ อยู่ได้” โลโค่หันมาท้วงตอนนี้คิดไรไม่ออกจริงๆ ใจมันร้อนรุ่มยังไงก็ไม่รู้“มาถึงนานแล้วหรอเฮีย” มาสักทีนะ ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอได้ไงไอ้เด็กบ้าก็ได้แต่ด่ามันในใจล่ะครับ“ถึงสักพัก” ตอบมันเสร็จก็หันมายกแก้วต่อ“คุยกันไปก่อนนะ ไปดูแขกข้างล่างก่อน” โลโค่เดินออกไปแล้ว“เฮียมีเรื่องจะสารภาพ” ผมจ้องหน้าไดมอนด์นิ่ง“อะไรของเฮียครับ ไม่สบายเปล่า” นั้นสินะ ตอนนี้ผมคงดูผิดปกติกว่าแต่ก่อนมาก“คือเฮียแอบไปสอยเด็กของมอนด์มา” ในที่สุดผมก็บอกไดมอนด์“เด็กผม คนไหนครับ” สีหน้าไดมอนด์ยังดูปกติ“คนที่เป็นนางแบบหุ่นเอ็กซ์ๆ นะ” ผมหันมากระดกน้ำสีอำพันเข้าปากอีกรอบ“เมย์หรือฟ้าล่ะ ที่หุ่นเอ็กซ์ๆ ก็สองคนนี้แหละครับ” ไดมอนด์ตอบ แล้วมันก็ดื่มน้ำสีอำพันเหมือนกัน“ไม่ใช่ทั้งสอง” ผมหันมายกแก้วอีกครั้ง“แล้วคนไหนล
ฉันตื่นมาสูดอากาศบริบริสุทธิ์ยามเช้าที่ระเบียงห้องนอน มองไปทิศตะวันออกก็เห็นพระอาทิตย์กำลังขึ้นสู่ท้องฟ้าของวันใหม่ ตะวันทอแสงกระทบต้นกล้าอ่อนที่กำลังเจริญเติบโตเป็นต้นข้าว รู้สึกดีจัง อยู่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา“ไลลา ตื่นยังลูก ลงมาใส่บาตรกับแม่เร็ว” เสียงคุณนายลันดาเรียกฉัน“ค๊า..แม่” ฉันตอบรับ รีบเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันอย่างรวดเร็ว“อายุวันโน สุขังพลัง” ฉันยกมือขึ้นเหนือหัวเมื่อพระให้พรเสร็จ“ป่ะ กินข้าวกันลูก” ฉันเดินกอดแม่เข้าบ้านไป“นี่เรามีปัญหาอะไรรึเปล่า ทำไมอยู่ๆ ก็กลับมาบ้านโดยไม่บอกใคร” สงสัยพ่อโทรมารายงานเรียบร้อยแล้ว“ก็คิดถึงแม่ไงค่ะ” ฉันบอกแม่พร้อมกับหอมแก้มดังฟอด“กินข้าวเสร็จแล้วพาแม่ไปตลาดหน่อยนะ” แม่บอก“ได้ค่ะ” ฉันรับปากแม่เสร็จก็ตักข้าวใส่ปากต่อ ฝีมือแม่ไม่เปลี่ยนไปเลยตลาด.....“เอ้า พี่ลันดาพาใครมาด้วยล่ะนั้น” เสียงแม่ค้าขายผักถามขึ้น“ก็ไลลาไงจำไม่ได้หรอ” แม่ฉันตอบ“ไลลาเองหรอ ป้าก็จำไม่ได้สวยเหมือนแม่เลยนะเนี้ย” ป้าขายผักชม“เออ นี่พี่ลันดาทำไมไม่ให้ไลลาลงประกวดนางนพมาศล่ะ หมู่บ้านของเรายังหาคนไม่ได้เลย นี่ก็ใกล้วันลอยกระทงแล้วด้วย” ป้าขายผักบอก“ต้องถาม
“ผมชื่อเรย์ครับ เป็นแฟนไลลา ว่าที่พี่เขยไดมอนด์” พี่เรย์พูดจบก็ยิ้มหวานให้แม่ฉัน นี่เขาพูดอะไรของเขา แม่ฉันทำหน้างงใหญ่ล่ะ“แฟนไลลาหรอลูก” แม่ถามพี่เรย์“ครับ เรย์ขอเป็นลูกแม่อีกคนได้ไหมครับ” ฉันยืนอึ้งเป็นใบ้ พูดไม่ออกอยู่สองคนกับไดมอนด์ไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดอะไรแบบนี้“ได้สิลูก” ที่ยิ่งกว่าก็คือแม่ฉันก็เป็นไปกับเขาด้วย“แม่ ใจง่ายจัง” ฉันเดินมากอดแม่พร้อมกับหอมแก้ม“เอ้า ก็ว่าที่ลูกเขยหล่อซะขนาดนี้แม่จะปฏิเสธได้ไง” ดูแม่ฉันพูดเข้า“แม่อ่ะ” ฉันเขินแล้วนะ แล้วดูเขาสิยิ้มอยู่ได้ ไอ้น้องชายก็อีกคน ทำไมฉันรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจังงานลอยกระทง“สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้อง คุณป้าน้าอาทั้งหลายที่มาร่วมงานลอยกระทงกันในวันนี้ ก็มาอุดหนุนกระทงของเด็กๆ ได้นะครับที่ท่าน้ำไว้สำหรับลอยกระทง แล้วเราก็มีการประกวดนางนพมาศด้วยนะครับ มาชมมาเชียร์ให้กำลังใจกันได้ที่หน้าเวทีกันเลยนะครับ”บรรยากาศภายในงานถูกตกแต่งอย่างสวยงาม กำแพงวัดประดับไปด้วยโคมดวงเล็กๆ ผู้คนต่างก็มาร่วมงานกันอย่างหนาตา“ตื่นเต้นหรอ” เสียงพี่เรย์ถามฉัน เขาไม่ยอมห่างฉันเลย นี่ก็มานั่งเฝ้าอยู่ด้านหลังจนนางนพมาศคนอื่นๆ ขยับเก้าอี้หนีฉันหมดล่ะ“น
แถมอีกนิด...หลังจากคลอดลูกฉันก็ฟิตหุ่นอย่างหนักจนตอนนี้ฉันก็กลับมาหุ่นดีเหมือนเดิมแล้วราเรซก็เป็นเด็กดีมากไม่งอแง้ให้ฉันต้องเหนื่อยเลย“แม่ค่ะ ฝากราเรซแป๊บนะ” ฉันหันไปบอกแม่ ตอนนี้แม่ฉันมาอยู่ช่วยเลี้ยงหลานชั่วคราว“จะไปไหนลูก” แม่หันมาถามฉัน“ไปธุระนิดหน่อยค่ะ”ตอบแม่เสร็จฉันก็เดินขึ้นรถคู่ใจตรงดิ่งไปยัง ST ผับ เพราะอะไรนะหรอ หึ!สายของฉันรายงานมาว่า สามีฉันและเพื่อนๆ ของเขารวมทั้งไอ้น้องชายตัวแสบด้วยกำลังถ่ายเอ็มวีเพลงโปรโมทค่ายของพวกเขาพวกนั้นพานางแบบสาวสวยหุ่นเอ็กซ์ยี่สิบกว่าคนใส่บิกินี่มาถ่ายแต่นั้นก็ไม่เท่าไรหรอก พอได้เห็นรูปที่สายของฉันส่งมาก็ทำให้ฉันปิ๊ดแตกทันทีเมื่อสามีตัวดีของฉันนั่งอยู่บนโซฟาแล้วมีสาวๆ นั่งขนาบข้างคนหนึ่งก็ลูบไล้อีกคนก็เต้นยั่วและที่สำคัญพี่เรย์จับก้นแล้วก็โอบยัยพวกนั้นด้วย เพราะฉะนั้นต้องมีฉันร่วมแฟรมด้วยก็ฉันนะนางแบบหุ่นเอ็กซ์ตัวแม่“สวัสดีค่ะ ทุกคน” เมื่อฉันปรากฏตัวก็ทำให้ทั้งหมดหันมามองเป็นตาเดียวใช่ว่ามองเพราะฉันคือเมียของพี่เรย์หรอกนะ แต่ที่มองก็เพราะว่าฉันใส่บิกินี่สุดวาบหวิวแม้แต่ตัวฉันเองก็ยังรู้สึก“แบะ! เจ้า” เฮียซัมดี“แล่มมาก” เฮียเจ
บทส่งท้าย....วันนี้เป็นวันที่ฉันมีความสุขที่สุดในชีวิต เป็นความฝันของลูกผู้หญิงทุกคนที่ใฝ่ฝันไว้ว่าอยากจะใส่ชุดแต่งงานสีขาวกระโปรงยาวๆ เดินไปบนพื้นพรมที่โปรยไปด้วยดอกกุหลาบหลายสีงานแต่งของฉันจัดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ในห้องแต่งตัวที่ทางโรงแรมเขาเตรียมไว้ให้“พร้อมรึยังลูก” พ่อเดินเข้ามาถามฉัน“ค่ะ” ฉันลุกขึ้นยืนเข้าไปกอดพ่อ“ลูกสาวพ่อสวยจังเลย” ความอบอุ่นจากพ่อทำให้ฉันคลายความกังวลลงได้ไม่มีอ้อมกอดไหนจะอุ่นเท่ากับอ้อมกอดของพ่อแม่แล้วล่ะตื่นเต้นจัง ฉันเดินค้วงแขนพ่อเข้ามาในงาน มีแขกมาร่วมงานกันมากมายเพื่อนของฉันก็มาด้วย มิโน่ เฌอรีน และหนูน้อยมิริน พวกเขาส่งยิ้มแสดงความยินดีมาให้กับฉันฉันมองไปเบื้องหน้าก็เจอกับผู้ชายหน้าคม ผิวขาวออร่าพุงเหมือนวันแรกที่เจอกันเขาอยู่ในชุดสูทสีขาวทำให้เขาดูน่ามองยิ่งนัก เขายืนส่งยิ้มแสนอบอุ่นมาให้“พ่อฝากลูกสาวพ่อด้วยนะ เรย์” พ่อฉันบอกเขา พร้อมกับจับมือฉันไปวางไว้บนมือหนาที่ยื่นมารอรับอยู่แล้ว“เรย์จะรักและดูแลไลลา ให้ดีที่สุด เรย์ให้สัญญาครับ” พี่เรย์ยืนยันคำมั่นกับพ่อของฉัน“แม่ฝากไลลาด้วยนะเรย์” ฉันเดินเข้าไปกอดผู้เป็นแม่ด้วยควา
หนึ่งเดือนต่อมา ณ บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง“พ่อครับ ผมทำลูกสาวพ่อท้องครับ” เสียงผู้ชาย หล่อ ผิวขาว หน้าคม พูดขึ้น“ล้อเล่นใช่ไหมเนี้ย” ผู้ชายที่ถูกเรียกว่าพ่อ ทำสีหน้างงงวยเป็นเสียงสนทนาระหว่างพ่อของฉันกับว่าที่สามี พี่เรย์ นี่เขาคุยกับผู้ใหญ่ไม่เป็นรึไงจะมาขอลูกสาวเขาแต่มาบอกกับพ่อเขาว่าทำลูกสาวเขาท้องเนี้ยนะ“จริงครับพ่อ” เสียงน้องชายตัวดีพูดเสริม ไดมอนด์“ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีลูกชายผมมันใจร้อนไปหน่อยไม่รอให้ผมที่เป็นพ่อของมันมาพูดให้นะครับ” เสียงผู้ชายสูงวัยคนหนึ่งพูดขึ้นเมื่อเขาเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับภรรยาของเขา“ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ” ฉันยกมือไหว้ท่านทั้งสอง เขาคือพ่อแม่ว่าที่สามีฉันเอง“ก็พ่อช้านิครับ” พี่เรย์หันไปโว๊ยพ่อตัวเอง“จะมาขอลูกสาวเขาทั้งที ไม่เตรียมสินสอดทองหมั้นมาแล้วใครเขาจะยกลูกสาวให้ ห๊ะ! ไอ้เรย์” พ่อพี่เรย์บ่นลูกชาย“นี่ค่ะ สินสอดแล้วก็ของหมั้น” แม่พี่เรย์วางพานที่เต็มไปด้วยเงินสด ทองแหวนเพชรและเครื่องประดับอื่นๆ มีใบโฉนดที่ดินด้วยฉันมองหน้าพี่เรย์อย่าง งงๆ“แล้วผมจะกล้าขัดได้ไง ในเมื่อพร้อมกันซะขนาดนี้” พ่อฉันได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ“เรื่องสินสอดนะให้เขาคุยกันเอง
“เบาๆ สิ เดี๋ยวกระเทือนลูก” พี่เรย์แกล้งดุฉัน“แค่นี้เอง ไม่กระเทือนหรอกน่า” ฉันบอกพี่เรย์“งั้นมาต่อแขนต่อขาลูกหน่อยไหม” นั้นไงพอเห็นไม่ว่าอะไรเข้าหน่อยนี่ เอาใหญ่เลย“มาเล่นเกมส์กันก่อนดีกว่า” ฉันเสนอ“เกมส์อะไร” พี่เรย์พูดอย่างหงุดหงิดนิดๆ“มาเป่ายิงชุบกัน ผู้ชนะมีสิทธิ์ถอดเสื้อผ้าชิ้นไหนก็ได้ของผู้แพ้” ฉันอยากทรมานเขาเล่น“งั้นพี่ยอมแพ้ ไลลาถอดพี่ได้เลย” พี่เรย์พูดจบก็ทำท่าจะถอดเสื้อผ้าตัวเอง“ไม่ค่ะ ต้องเป่ายิงชุบก่อน” ไม่ยอมง่ายๆ หรอก อยากหื่นดีนัก“มาค่ะ ยันยิงเยาปักกะเป้ายิงชุบ” ฉันชนะฉันจับชายเสื้อข้างล่างของพี่เรย์แล้วก็ดึงออกทางศีรษะ“ถอดกางเกงเลยไม่ได้หรอ” ดูทำพูดเข้า ใจร้อนจริงฉันส่ายหน้าให้แทนคำตอบ“ยันยิงเยาปักกะเป้ายิงชุบ” พี่เรย์ชนะ“ถอดกระโปรงเลย” พูดจบก็พุงตัวมาจับฉันถอดกระโปรง“ทำไมไม่ถอดเสื้อก่อนเล้า..พี่เรย์ มันจั๊กจี้นะ ฮ่าๆ” เขาพยายามจะถอดกระโปรงให้ได้พอฉันยึดจับกระโปรงไว้พี่เรย์ก็จี้เอวฉัน“มาต่อเลย” เขายึดกระโปรงไปเป็นที่เรียบร้อย คนบ้าฉันต้องเอาหมอนมาวางที่ตักไว้แทนมันวาบหวิวไปหน่อย“ยันยิงเยาปักกะเป้ายิงชุบ” พี่เรย์ชนะอีกแล้ว“ถอดกางเกงในเลยทีนี้” โอ๊ยย
“อ้าว พี่เรย์มาได้ไงคะ” เฌอรีนถามเขาตอนนี่พี่เรย์จ้องหน้าฉันนิ่ง แววตาเสียใจไหววูบไปกับน้ำตาที่เริ่มคลอ“เพราะแบบนี้สินะ ถึงไม่ยอมบอกพี่” พี่เรย์พูด สายตาเจ็บปวด“ไม่ใช่นะ ไลลามะ...” ฉันพยายามอธิบาย“พี่เข้าใจแล้วล่ะ” พี่เรย์กำลังจะเดินข้ามถนนหนีฉันไป“ฉันท้องกับพี่แก ยัยเฌอบ้า” ฉันหันมาตะคอกเฌอรีนฉันรีบวิ่งตามข้ามถนนโดยไม่ทันระวังตัว“ไลลา ระวัง” ฉันหันหน้ากลับมามองเฌอรีน เธอกำลังวิ่งตามฉันมาปริ๊นนนน โครม...เฌอรีนผลักฉันให้พ้นทางแต่ฉันก็กอดเฌอรีนไว้ด้วยเธอพลิกตัวเองไปทางรถยนต์ทำให้เฌอรีนโดนชนเต็มๆ“เฌอรีน!!” ฉันร้องลั่นเมื่อเห็นเลือดจากหัวของเฌอรีน“ละ..ลูก ฉัน” มือของเธอกุมท้องตัวเองไว้“ไม่เป็นไรๆ ลูกยังโอเคร ไม่เป็นไรนะ” น้ำตาฉันไหลพราก สงสารเฌอรีน“ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ แกสมควรตาย ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ” ฉันหันไปตามเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งนั้น แพทตี้หรอยัยแพทตี้เป็นคนขับรถชนเฌอรีน“ไลลา!” พี่เรย์วิ่งตาตั้งมาจากไหนก็ไม่รู้“ช่วยพยุงเฌอรีนหน่อย” ฉันบอกให้พี่เรย์ พยุงเฌอรีนแทนฉันฉันลุกขึ้นเดินตรงไปที่ยัยแพทตี้ ที่กำลังหัวเราะเหมือนคนบ้า“ซะใจมากใช่ไหม มานี่” ฉันกระชากผมแพทตี้อย่างแรงตามด้วยฝ่าม
หลังจากกลับมาจากถ่ายแบบที่ทะเล ฉันก็ขอพี่แมนนี่พักหน่อยเพราะเริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบาย พี่เรย์ก็ทำงานอยู่ที่ค่ายเพลงไม่ค่อยได้กลับมาคอนโด ไปหาดีไหมน่าจะยุ่งอยู่รึเปล่าฉันขับรถมาจอดที่ใต้ตึก LayMusic ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในตึกขึ้นไปยังชั้นสองตรงไปที่ห้องสุดทางเดิน ฉันเลือนประตูกระจกไปด้านข้าง โคมไฟบนโต๊ะส่องแสงพอให้มองเห็นภายในห้อง ใบหน้าคมขาวเนียนกำลังนอนหลับอยู่บนโซไฟตัวใหญ่ เวลาหลับก็ดูไม่มีพิษมีภัยอยู่หรอก แต่ถ้าตื่นล่ะก็คนล่ะเรื่องเลย ฉันเดินไปหยิบผ้าห่มที่โต๊ะข้างโซฟามาคลุมร่างหนา ดูใกล้ๆ ก็น่ารักเหมือนกันนะเนี้ย ฉันนั่งลงกับพื้นพรมมองหน้าพี่เรย์ ฉันค่อยๆ ยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆ“แอบลักหลับพี่หรอ ไลลา” พี่เรย์พูดทั้งที่ยังไม่ลืมตา“รู้ได้ไงว่าเป็นใคร” ยังไม่ลืมตาซะหน่อยพี่เรย์ลุกขึ้นนั่งแล้วก็ดึงฉันไปนั่งตรงกลาง แขนแกร่งก็โอบรอบเอวฉันไว้หลวมๆ“ก็เมียพี่นิ ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ”เพิ๊ยะ ฉันตีแขนเขาไปหนี่งที พูดจาแสลงหู“ใครเมียพี่ค่ะ” ยังไม่ได้แต่งกันสักหน่อย“ทบทวนความจำสักหน่อยไหมล่ะ” เห็นไหมล่ะ พอตื่นมาก็หื่นใส่เลย“ทบทวนเรื่องไหนคะ เรื่องพี่เรย์กับมินนี่นะหรอ” ฉันเลยแขวะเข้าให้“ไม่
สองเดือนต่อมา...เสียงคลื่นน้ำสีเขียวมรกตสาดซัดเข้าชายฝั่ง ลมเย็นพัดผ่านกระทบผิวกายทำให้รู้สึกเย็นสบาย ตอนนี้ฉันมาถ่ายแบบที่ทะเล บรรยากาศดีมาก และการถ่ายแบบที่ทะเลชุดที่ใส่ถ่ายก็ต้องเป็นบิกินี่ ไม่ได้ถ่ายคนเดียวมีนายแบบด้วยนะ ไม่ใช่คนอื่นคนไกลน้องชายฉันเอง ไดมอนด์ เพราะว่าถ่ายกับน้องตัวเองฉันก็เลยรับงานนี้ และเจ้าของงานก็คือ มิโน่ เป็นอีกคนที่ไม่ยอมให้ถ่ายกับนายแบบคนอื่น แล้วฉันก็ไม่ได้บอกพี่เรย์ด้วย ถ้าเขารู้ไม่ยอมให้ถ่ายแน่“ดีมากครับ สวยครับ” เสียงตากล้องชม เมื่อฉันกับน้องชายเริ่มโพสต์ท่าทาง“โอเครครับ เยี่ยมๆ ทุกคนเก่งมาก” ตากล้องชมทีมงานทุกคนเมื่อทำงานเสร็จ“พี่ไลลา น้ำค่ะ” ของขวัญถือน้ำมาให้ฉัน พร้อมกับเสื้อคลุม“แล้วน้ำฉันล่ะ” ไดมอนด์หันไปถามของขวัญ“ไดมอนด์ขา น้ำเย็นๆ มาแล้วค่ะ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเอาน้ำมาให้ไดมอนด์“พี่ไลลาร้อนไหมเดี่ยวของขวัญไปเอาพัดลมแบตเตอรี่มาให้” ของขวัญถามอย่างใจดี“ฉันอยากกำลังอยากได้อยู่พอดี ไปเอามาให้หน่อยสิ” เอะยังๆ อยู่นะน้องชายฉันเนี้ย“นาย เอ้ย..คุณโดมอนด์ ก็เรียกพวกสาวๆ ของคุณสิค่ะ พวกนั้นอยากจะบริการคุณจะแย่อยู่แล้ว” พูดจบของขวัญก็เดินหนีไป
ฉันกลับมาจากทำงานเป็นเวลาบ่ายสอง เมื่อเช้าตอนออกไปรถพี่เรย์ก็จอดอยู่กลับมาก็ยังจอดอยู่ที่เดิม กลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแต่ก็ไม่มาหาฉัน ทีเมื่อวานล่ะทำเป็นห่วงก้าง เชอะ!ฉันเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของพี่เรย์ เธอควรจะกลับห้องตัวเองนะไลลา แต่มือฉันมันกดกริ่งหน้าห้องเขาไปแล้ว“มาหาใครครับ” พี่เรย์ทำหน้านิ่งทันทีที่เห็นฉันเป็นอะไรอีกล่ะ? ทำเป็นถามว่ามาหาใคร แต่ก็เปิดประตูซะกว้างเลยนะ กลัวฉันไม่เข้าไปล่ะสิ ไม่เนียนเอาซะเลย“งั้นไม่รบกวนล่ะคะ” ฉันแกล้งจะเดินกลับห้องแขนเรียวยาวก็คว้าเอวฉันเข้าไปในห้องปั๊บ นึกว่าจะแน่“จะรีบไปไหน” พี่เรย์พูด ทำหน้าดุใส่“ก็กลับห้องสิคะ ถามได้” แกล้งกลับซะเลย“มากดกริ่งห้องเขา แล้วไม่เข้ามามันเสียมารยาท” ใครบอกมาเนี้ย ไม่เห็นจะเคยได้ยิน“ก็เจ้าของห้องหน้าบูด ไม่รับแขกนี่ค่ะ” พอโดนฉันว่าหน้าบูด ก็ปล่อยแขนออกจากเอวฉันแล้วก็หันหลังให้ทันที อะไรของเขา“เป็นอะไรค๊า” อ้อนสักหน่อย เดี๋ยวจะเสียเที่ยวที่เขาอุตส่าห์เล่นใหญ่ขนาดนี้แล้วฉันเดินไปกอดเอวหนาจากด้านหลัง เอาหน้ากับคางมน ถูไปมากับแผ่นหลังกว้าง“ไม่ต้องมาอ่อยซะให้ยาก” เนะยังไม่ยอมอีก“เหรอคะ” ฉันแกล้งล้วงมือขึ้นไป
“ไปรถโน่นะ ไลลาไม่มีรถแล้ว” ฉันหันกลับมาบอกมิโน่“เชิญคร๊าบบบ คุณหนูไลลา” ฉันชงักกับคำพูดเล่นของมิโน่ เขากำลังพยายามอยู่สินะฉันหันไปยิ้มบางๆ ให้มิโน่ตอนนี้ฉันกับมิโน่นั่งอยู่ในร้านอาหารกึ่งบาร์แถวหมู่บ้านของพวกเรา เราเลือกนั่งโต๊ะที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวติดกับระเบียงไม้ที่รั้วประดับไปด้วยดอกไม้หลายชนิดอย่างสวยงาม“นึกว่าจะพาไปกินร้านอาหารหรูๆ ซะอีก” ฉันแกล้งพูดแซวมิโน่“ก็ไลลาชอบกินอาหารแบบบ้านๆ นิ ในร้านหรูมันไม่มีหรอก” มิโน่ตอบพร้อมกับส่งยิ้มมาให้“ทำเป็นรู้ดี..” ฉันแอบแขวะนิดหน่อย“อะไรที่เกี่ยวกับไลลา โน่รู้หมดแหละ” มิโน่สบตาฉันนิ่ง นัยน์ตาของเขาไหววูบเหมือนกำลังกลัวอะไรสักอย่าง“เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน ก็ลองไม่รู้สิ มีนอยแน่” ฉันทำทีเป็นพูดเล่นไป ใช่ฉันรู้ รู้ว่ามิโน่ต้องการจะสื่ออะไร“ที่รู้ทุกอย่าง ไม่ใช่ในฐานะเพื่อนสักหน่อย” มิโน่พูดแล้วก็เบือนหน้าหนีไปอีกทาง“มิโน่” ฉันเอื้อมมือไปกุมมือมิโน่ที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร“โน่มาช้าไปใช่ไหม” มิโน่สบตาฉันนิ่ง นัยตาดูเศร้าสร้อย“โน่ไม่ได้มาช้าหรอก แค่ไลลาไม่ได้รอโน่แล้ว” ถึงจะรู้ว่าเขาต้องเสียใจ แต่ฉันก็ไม่สามารถกลับไปได้จริงๆ“นั้นสินะ ใ