เขาเกลียดเธอ..แต่..เธอรักเขามาตั้งแต่เด็ก เขาพลาดมีความสัมพันธ์กับเธอจนถูกบังคับให้หมั้น..แต่..เธอขอถอนหมั้นเพราะความเลวของเขา เขาได้อิสระกลับมาอีกครั้ง..แต่..เธอได้ของขวัญที่มีค่าที่สุด
view more“หนาวไม่ต้องกลัวนะ..พี่จะดูแลหนาวเอง” เด็กชายเอ่ยปลอบใจเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังร้องไห้เสียใจที่ต้องสูญเสียพ่อกับแม่ไปเพราะอุบัติเหตุ
“ฮึก..ฮึก..พี่น่านอย่าทิ้งหนาวนะ พี่น่านสัญญากับหนาวได้มั้ย?” เด็กหญิงสะอื้นไห้คุยกับพี่ชายข้างบ้านที่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เธอจำความได้ “ได้ พี่สัญญา” เด็กชายพูดพร้อมกับยกมือขึ้นเกี่ยวก้อยให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่มีวันทิ้งน้องสาวคนนี้อย่างแน่นอน เด็กชายน่านฟ้า อายุสิบสี่ปี เด็กที่กำลังเติบโตเป็นหนุ่มหล่อ เขาทำตัวเป็นพี่ชายที่รักและห่วงใยน้องสาวข้างบ้านที่เป็นบ้านสวนของคุณตาอานนท์ เขามักจะมาเยี่ยมคุณตาทุกเสาร์อาทิตย์หรือช่วงปิดเทอม เด็กหญิงลมหนาว ในวัยสิบปี เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตา เด็กหญิงที่ตามติดพี่ชายข้างบ้านทุกครั้งที่พี่ชายมาเยี่ยมคุณตาของเขา เด็กหญิงตัวน้อยต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าเพราะพ่อกับแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แต่โชคดีที่ยังมีคุณตาวีระชัยคอยดูแล เนื่องจากคุณตาสงสารหลานจึงเลี้ยงดูแบบตามใจ อยากได้อะไรก็หาให้ทุกอย่าง ส่งผลให้เด็กหญิงลมหนาวมีนิสัยที่เปลี่ยนไป จากเด็กที่กิริยามารยาทเรียบร้อย น่ารัก กลายเป็นเด็กดื้อรั้น เอาแต่ใจ และนั่นคือสาเหตุที่พี่ชายข้างบ้านอย่างน่านฟ้าเริ่มจะเอือมระอา และไม่ไหวกับพฤติกรรมของเด็กหญิงลมหนาว ทำให้ความสัมพันธ์ในวัยเด็กของทั้งสองเริ่มห่างเหิน แต่กระนั้นเด็กหญิงลมหนาวก็ยังยึดมั่นในคำสัญญาที่น่านฟ้าเคยให้ไว้ เด็กหญิงจึงตามติดน่านฟ้าทุกครั้งที่เขามาบ้านคุณตาอานนท์ แม้น่านฟ้าจะรู้สึกรำคาญ ไม่คุยด้วย ไม่เล่นด้วย ไม่สนใจ แต่เด็กหญิงก็ไม่เคยละความพยายามที่จะใกล้ชิดเด็กหนุ่ม ความน่ารักของเด็กหญิงลมหนาวยิ่งนานวันก็ยิ่งเลือนหายไป “เมื่อไหร่หนาวจะเลิกตามพี่สักที มันน่ารำคาญมากรู้มั้ย?” น่านฟ้าตะคอกเสียงดังใส่เด็กหญิงตัวน้อยที่เดินตามหลังเขามาติดๆ “พี่น่านจะรำคาญหนาวก็แล้วแต่พี่เลย เพราะถึงยังไงหนาวก็จะตามพี่อยู่แบบนี้แหละ” เด็กหญิงตอบออกไปพร้อมกับยิ้มจนเห็นฟันเล็กขาวเรียงสวย “พี่น่านสัญญากับหนาวแล้วนะว่าจะไม่ทิ้งหนาวอ่ะ พี่น่านจะผิดสัญญาเหรอ” เด็กหญิงทวงถามสัญญาที่เด็กหนุ่มเคยให้ไว้ “สัญญาบ้าบออะไร ถ้าหนาวยังเอาแต่ใจ ทำตัวน่าเบื่อ น่ารำคาญแบบนี้พี่จะไม่มาที่นี่อีก” เด็กหนุ่มพูดออกไปด้วยความโมโห “ฮือ..ฮืออ พี่น่านใจร้าย พี่น่านผิดสัญญา ฮือ..ฮือ” เด็กหญิงยืนร้องไห้น้ำตาไหลพราก น่านฟ้าเห็นเด็กหญิงร้องไห้แบบนั้น เขายิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ เขาถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้เด็กหญิงตัวน้อยยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้นโดยไม่หันมามองเลยสักนิด หลังจากวันนั้น น่านฟ้าก็ไม่มาบ้านคุณตาอานนท์อีกเลย ส่วนเด็กหญิงลมหนาวก็ยังตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอน่านฟ้าอยู่ทุกวัน เด็กหญิงรออย่างมีความหวังว่าสักวันพี่ชายข้างบ้านจะกลับมาหาเธอ จนกระทั่งวันเวลาผ่านไปเจ็ดปี น่านฟ้าเรียนมหาวิทยาลัยปีสี่ เป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ ในขณะที่ลมหนาวกำลังเรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่หก ซึ่งเป็นโรงเรียนหญิงประจำจังหวัด แม้เวลาจะผ่านมานานแค่ไหน ลมหนาวก็ไม่เคยลืมน่านฟ้าเลย หญิงสาวปักใจรักชายหนุ่มตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้..รู้แต่ว่ามันเป็นความรักความผูกพันที่มีมาตั้งแต่เด็กๆ ทุกวันนี้หญิงสาวก็ยังคงรอคอยที่จะได้พบกับชายหนุ่ม ตอนเด็กๆ เธอรู้ตัวดีว่าทำตัวไม่น่ารัก เอาแต่ใจ แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว เธอก็ได้แต่หวังว่าสักวันน่านฟ้าจะกลับมาหาเธอ ในที่สุดวันที่ลมหนาวรอคอยก็มาถึง นั่นคือช่วงปิดเทอมใหญ่ น่านฟ้าพาเพื่อนๆ ของเขาทั้งชายและหญิงมาพักที่บ้านสวนของคุณตาอานนท์ ลมหนาวเปิดประตูที่เชื่อมกันระหว่างบ้านของเธอกับบ้านของคุณตาอานนท์ เมื่อก่อนตอนเด็กๆ เธอและน่านฟ้าชอบใช้ประตูนี้ ทันทีที่เธอเดินเข้ามาเธอได้ยินเสียงหัวเราะของชายหญิงดังมาจากหลังบ้าน เธออยากจะเดินเข้าไปหาน่านฟ้าใจจะขาด อยากรู้ว่าชายหนุ่มจะดีใจมั้ยที่ได้พบเธอ แต่หญิงสาวกลับเดินมุ่งหน้าไปยังหน้าบ้านเพื่อไปสวัสดีคุณตาอานนท์ ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ม้าโยกตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ในสวนหน้าบ้าน “คุณตาคะ สวัสดีค่ะ” ลมหนาวกล่าวทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ชายชราตรงหน้า “อ้าว! ลมหนาว ไหว้พระเถอะลูก มาหาตามีอะไรหรือเปล่า” “คือ…เอ่อ คือหนาวรู้ว่าพี่น่านมา หนาวอยากมาหาพี่น่านค่ะ” ลมหนาวตัดสินใจพูดออกไปด้วยน้ำเสียงประหม่า “อ่อ ตาน่านน่าจะอยู่กับเพื่อนๆ เค้าที่สวนหลังบ้านนะ หนาวลองไปดูสิลูก” คุณตาอานนท์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ถ้าตอนเด็กๆ หญิงสาวนิสัยเหมือนตอนนี้ก็คงจะดี ที่จริงเขาก็รักและเอ็นดูลมหนาวไม่น้อย ถ้าพ่อกับแม่ไม่เสียชีวิตเสียก่อน ลมหนาวก็น่าจะได้รับการอบรมสั่งสอนที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่ว่าวีระชัยจะเลี้ยงดูไม่ดี แต่เลี้ยงดูแบบตามใจจนเกินไป อาจเป็นเพราะว่าหลานสาวกำพร้าพ่อกับแม่ก็เลยอยากจะชดเชยให้ในสิ่งที่หลานสาวอยากได้ “ขอบคุณค่ะ งั้นหนาวไปหาพี่น่านก่อนนะคะ” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณพร้อมกับยิ้มอ่อนๆ คุณตาอานนท์พยักหน้าให้หญิงสาวก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ ไม่นานนัก ลมหนาวก็เดินไปถึงสวนหลังบ้าน เธอได้ยินเสียงพูดคุยมาแต่ไกล เธอเดินเข้าไปใกล้ๆ กับโต๊ะที่น่านฟ้ากับเพื่อนๆ นั่งกันอยู่ เธอกวาดสายตามองหาน่านฟ้า แต่ก็ไม่พบ ไม่เจอกันแค่เจ็ดปี เธอคิดว่าเธอจำพี่น่านของเธอได้ ในขณะที่เธอกำลังคิด จู่ๆ ก็มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยถามออกมา “เอ่อ..น้องมีอะไรหรือเปล่าครับ” นทีลุกขึ้นจากโต๊ะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ามีสาวสวยยืนอยู่ไม่ไกล ส่งผลให้ทุกคนในกลุ่มหันมามองเธอเป็นตาเดียวกัน “เอ่อ..พี่น่านไปไหนเหรอคะ” ลมหนาวกลั้นใจถามออกไป “อ๋อ มาหาไอ้น่านนี่เอง อ้าว! นู่นไง มันเดินมาพอดี” วายุตอบสาวสวยพร้อมส่งสายตาแพรวพราว คนที่กำลังเดินมาได้ยินชื่อตัวเองจึงถามออกไป “เฮ้ย! มีไรวะ?” “มีสาวสวยมาหามึงอ่ะ” วายุตอบพร้อมกับหันมาส่งยิ้มหวานให้หญิงสาวอีกครั้ง ลมหนาวกำลังรู้สึกไม่มีแรงแม้แต่จะยืน เธอรู้สึกประหม่า ตื่นเต้น จนแทบไม่กล้าหันไปมองชายหนุ่มที่เธอเฝ้ารอ ก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “พี่น่าน จำหนาวได้มั้ยคะ? นี่หนาวเอง” เธอเงยหน้าสบตากับชายหนุ่ม น่านฟ้าดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ตอนเด็กๆ ว่าหล่อแล้ว ตอนนี้เขาดูหล่อมากขึ้นกว่าเดิม แต่สายตาที่เขาจ้องมองเธอก็ยังคงเฉยชาเหมือนเดิม “อ่อ..หนาวเองเหรอ ไม่เจอกันนานสบายดีนะ” ชายหนุ่มแค่นยิ้มออกมา นึกถึงวีรกรรมของยัยเด็กนี่แล้วขนลุก “หนาวสบายดีค่ะ แล้วพี่น่านละคะ” “อืม” น่านฟ้าตอบด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจนัก “ไอ้น่าน มึงไม่คิดจะแนะนำสาวสวยให้พวกกูรู้จักเลยเหรอวะ” นทีเอ่ยถามออกมาเพราะตอนนี้ทุกคนมองไปที่คนสองคนที่กำลังยืนคุยกันรวมถึง เพียงฟ้าและเจนจิรา สองสาวที่เป็นเพื่อนในกลุ่มที่ลุกขึ้นยืนมองหญิงสาวผู้มาเยือนด้วยสายตาแอบอิจฉาในความสวยของหญิงสาว “นี่ลมหนาว บ้านอยู่ข้างบ้านตากูนี่แหละ” น่านฟ้าถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะแนะนำให้เพื่อนรู้จัก “ส่วนนี่เพื่อนพี่ นที วายุ สิงหา เจนจิรา แล้วก็เพียงฟ้า” น่านฟ้าแนะนำเพื่อนทีละคนให้ลมหนาวรู้จัก “สวัสดีค่ะพี่ๆ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” ลมหนาวยกมือไหว้เพื่อนของชายหนุ่มพร้อมส่งยิ้มหวาน ทว่ายังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ น่านฟ้าก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน “ถ้าหนาวไม่มีอะไรแล้ว พี่ขออยู่กับเพื่อนๆ พี่นะ” ความหมายคือ ถ้าหนาวไม่มีอะไรแล้ว ก็ไปได้แล้ว พี่จะอยู่กับเพื่อน แบบนั้นใช่มั้ย? ใช่ เขาไล่เธอ เขาคงยังไม่หายโกรธเกลียดเธอสินะ.. “อ่อค่ะ..งั้นหนาวไม่รบกวนพี่น่านแล้วค่ะ” เธอเอ่ยออกมาพยายามข่มเสียงไม่ให้สั่น จากนั้นก็หันหลังรีบเดินกลับบ้านอย่างรวดเร็ว “ทำไมมึงไปไล่น้องเค้าแบบนั้นวะ?” วายุเอ่ยถามด้วยความอยากรู้เหตุผล “มึงอย่ารู้เลย กูขี้เกียจเล่า มันยาว” น่านฟ้าตอบออกไป จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับลมหนาวอีก หลังจากนั้นพวกเขาก็ดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน ส่วนคนที่ถูกไล่ออกมาตอนนี้กำลังนอนร้องไห้อยู่ที่เตียงภายในห้องนอนที่ถูกตกแต่งอย่างน่ารัก มีกรอบรูปของเธอกับน่านฟ้าตอนเด็กๆ วางเรียงกันมากมายหลายรูป และยังมีที่ติดกับผนังอีก ความทรงจำของเธอกับน่านฟ้ามีมากมายเหลือเกิน แต่น่านฟ้าคงลืมไปหมดแล้ว ตอนนี้เธอคงไม่มีความสำคัญต่อชายหนุ่มอีกแล้ว ลมหนาวนอนร้องไห้จนหลับไปทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้มหนึ่งปีผ่านไป“แมะ แมะ” เสียงเรียกแม่ของเด็กหญิงดาวนิลที่ตอนนี้อายุได้หนึ่งขวบห้าเดือน เด็กหญิงกับผู้เป็นแม่เดินเล่นอยู่ที่สวนข้างบ้าน“จ๋า..คนสวยของแม่” หญิงสาวย่อตัวลงก่อนจะค่อยๆ อุ้มลูกสาวตัวน้อยขึ้นมาด้วยสรีระที่เปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัดเจน ใช่แล้ว! เธอกำลังตั้งท้องได้ยี่สิบแปดสัปดาห์หรือเจ็ดเดือน ชายหนุ่มอ้อนวอนเธอว่าอยากมีลูกเพิ่มอีกหนึ่งคน เขาไม่ยอมให้เธอคุมกำเนิด และเขาก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอทุกค่ำคืน จนในที่สุด เธอก็ท้องอีกครั้ง “ป้อ ป้อ” เด็กหญิงชี้ไปที่ชายหนุ่มที่เดินตรงมาที่ทั้งสองยืนอยู่ “ดาวนิล มาหาพ่อเร็ว” ชายหนุ่มยื่นมือทั้งสองข้างออกไปอุ้มลูกสาวตัวน้อย เขาไม่อยากให้ภรรยาที่ตอนนี้ท้องแก่ต้องอุ้มลูกสาวเยอะ เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับลูกน้อยในท้อง เด็กหญิงดาวนิลโน้มตัวไปหาผู้เป็นพ่ออย่างรวดเร็ว“ตอนนี้ดาวนิลกำลังซน เหนื่อยหน่อยนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของภรรยาดูเหนื่อยๆ เขารู้สึกสงสารภรรยาที่ต้องอุ้มท้องอีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้อยู่ในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ในคราแรกเธอไม่ยอมมีลูกอีก บอกว่าสองคนก็เพียงพอแล้ว แต่เป็นเพราะเขาที่ขอร้องอ้อนว
โรงแรมสุดหรูใจกลางกรุงเทพมหานครงานแต่งระหว่าง น่านฟ้า และ ลมหนาว จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ สมหน้าตาของทายาทเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังและเจ้าของห้องเสื้อแบรนด์ดัง ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในสังคม แขกที่มาในงานล้วนแล้วแต่เป็นญาติผู้ใหญ่และคนรู้จักของทั้งสองตระกูล ไฮโซของเมืองไทย ดาราเซเล็บ สื่อ ช่างภาพ นักข่าวทุกสำนัก ต่างมารวมตัวที่งานแต่งงานในวันนี้ กลายเป็นข่าว ท้อลออฟเดอะทาวน์กันเลยทีเดียวงานในตอนเช้า เมื่อเจ้าบ่าวเข้ามาในพิธีเรียบร้อยแล้ว เรนท์กับทิชาก็พาเพื่อนรักเดินมา ลมหนาวสวมใส่ชุดไทยประยุกต์สีทอง พาสสไบลูกไม้สีทอง ผมถูกเกล้าขึ้นไปอย่างสวยงาม เปิดใบหน้านวลอันหวานหยาดเยิ้มที่ถูกเครื่องสำอางราคาแพงตกแต่งด้วยฝีมือของช่างแต่งหน้าเบอร์หนึ่งของเมืองไทย เมื่อเจ้าสาวเดินเข้ามาในพิธี แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปก็รัวระยิบระยับ น่านฟ้าจ้องมองเจ้าสาวด้วยความตกตะลึง ปกติเธอไม่แต่งหน้าทำผมก็สวยมากอยู่แล้ว พอแต่งหน้าทำผมแบบวันนี้ยิ่งสวยเข้าไปอีกเป็นเท่าตัว เจ้าสาวเดินลงมานั่งพับเพียบข้างๆ เจ้าบ่าวที่แต่งชุดราชปะแตนหล่อเนี๊ยบเหมือนคุณชายในราชวัง“วันนี้หนาวสวยมากเลยรู้มั้ย?” ชายหนุ่มกระซิบ
หลังคลอดลมหนาวต้องรอดูอาการอยู่ในห้องพักฟื้นสองชั่วโมง จากนั้นสองแม่ลูกจึงถูกส่งตัวไปห้องพักพิเศษ น่านฟ้าดูแลลมหนาวและลูกน้อยไม่ห่าง ยิ่งในยามที่ลูกสาวตัวน้อยดื่มนมจากอกของมารดา ปากน้อยๆ งับยอดดอกบัวสีชมพู ชายหนุ่มมองด้วยสายตาหื่นกระหาย เขาลอบกลืนน้ำลายลงคอจนหญิงสาวได้ยิน ลมหนาวเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเชิงตำหนิแบบไม่จริงจังนัก จากนั้นไม่นานลูกสาวตัวน้อยกินนมจนอิ่ม ปากน้อยผละออกจากยอดถันสีสวย หญิงสาวรีบติดกระดุมเสื้อทันที จนชายหนุ่มรู้สึกเสียดาย“เอ่อ..หนาวจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรครับ?” ตั้งสติได้ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามออกไป“คนโตหนาวเป็นคนตั้ง..คนเล็กให้พี่น่านตั้งก็แล้วกันค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้เขา“จริงเหรอ! หนาวให้พี่ตั้งชื่อลูกจริงๆ ใช่มั้ย?” ชายหนุ่มถามออกไปด้วยความดีใจ“ค่ะ..” หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ“อืม..ลูกชายคนโตชื่อดาวเหนือ ลูกสาวคนเล็กชื่อ…ดาวนิล ดีมั้ย?” ชายหนุ่มทำท่าคิดก่อนจะกล่าวออกไป“เพราะดีนะคะ..หนาวชอบ” ดาวเหนือกับดาวนิล เข้ากันดีนะ..เข้าใจคิดนะคุณพ่อลูกสอง หญิงสาวอมยิ้มอยู่คนเดียว“หนาวหายโกรธพี่แล้วใช่มั้ยครับ? ยกโทษให้พี่แล้วใช่มั้ย?” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ห
สองสัปดาห์ผ่านไปน่านฟ้าเดินทางไปฝรั่งเศสทันทีหลังจากที่เขาเคลียร์งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มลาพักร้อนหนึ่งสัปดาห์เพื่อมาง้อลูกง้อเมีย ทุกคนต่างเอาใจช่วยน่านฟ้าขอให้เขาง้อลมหนาวได้สำเร็จเสียงกริ่งดังขึ้นที่หน้าบ้านในขณะที่ลมหนาวกำลังนั่งออกแบบเสื้อผ้าอยู่ และน้าวีนากำลังเตรียมอาหารว่าง“หนาวไปดูให้น้าหน่อยว่าใครมา” ความจริงแล้ววีนารู้ดีที่สุดว่าใครที่มาเวลานี้“ได้ค่ะ” ลมหนาวตอบออกไปพร้อมกับเดินไปเปิดประตูหน้าบ้าน “มาทำไมไม่ทราบ?” ลมหนาวถามเสียงแข็งเมื่อเห็นว่าใครที่ยืนอยู่หน้าประตู“มาง้อลูกกับเมียครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยสายตากรุ้มกริ่ม เขาลอบมองลงไปที่ท้องนูนของหญิงสาว รู้สึกวาบหวิวในหัวใจ อยากยื่นมือไปสัมผัสลูกน้อยเหลือเกิน“มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น” หญิงสาวตะโกนไล่ชายหนุ่มเสียงดังพอที่น้าวีนาจะได้ยิน “ใครมาเหรอหนาว? อ้าวตาน่าน มาได้ยังไง เข้ามาก่อนมา” วีนาแสร้งทำเป็นตกใจที่เห็นน่านฟ้าและเอ่ยชวนแขกเข้าบ้าน“น้านาจะชวนเค้าเข้ามาทำไมคะ?” หญิงสาวหันไปถามน้าสาวด้วยน้ำเสียงคล้ายกับไม่พอใจ“อ้าว..ก็แขกมาบ้าน เราก็ต้องต้อนรับขับสู้สิลูก จะไปไล่แขกได้ยังไงกัน”“แต่..” “ไม่ต้องแต่แล้ว..ไ
ณ สนามบินxxx“เดินทางปลอดภัยนะแก..ถึงแล้วบอกด้วย” เรนท์ดึงหญิงสาวเข้ามากอด“อืม..ขอบใจแกมากนะ สำหรับทุกอย่าง” ลมหนาวน้ำตารื้นขึ้นมา เธอทนอยู่ที่นี่ไม่ไหวจริงๆ ครั้งนี้อาจจะเป็นการไปแบบถาวร เธออธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้คุณตาวีระชัยกับน้าวีนาฟังหมดทุกอย่าง ทั้งสองคนต่างเข้าใจและยอมรับในการตัดสินใจของเธอในขณะที่น่านฟ้านั้นกำลังขับรถไปที่สนามบินด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ แต่สภาพการจราจรในกรุงเทพฯ นั้น ทำให้เขาไม่สามารถขับได้อย่างใจต้องการ ชายหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือเหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีจะบ่ายโมง เขาเห็นวินมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ข้างๆ รถ ชายหนุ่มไม่รอช้า เขาคว้ากระเป๋าสตางค์รีบลงจากรถและกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปทันที โดยไม่สนใจเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เขาทิ้งรถไว้กลางถนนเลยแต่สุดท้าย..น่านฟ้าก็ไปไม่ทัน ลมหนาวกับดาวเหนือไปแล้ว เขาทรุดลงกับพื้นร้องไห้ออกมา พร่ำด่าตัวเองจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ต่างก็มองมาที่ชายหนุ่ม ในขณะที่เขากำลังก้มหน้าอยู่กับพื้นนั้น เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา “อย่าพึ่งหมดหวังสิคุณน่าน..ฝรั่งเศสอยู่แค่นี้เอง ตื๊อเท่านั้นที่ครองโ
ทางด้านลมหนาว หลังจากที่เธอพาดาวเหนือขึ้นมาบนห้อง เธอรีบโทรหาเรนท์และบอกให้เรนท์มารับเธอที่บ้านของน่านฟ้าตอนนี้ เธอทนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวแล้ว หญิงสาวรีบเก็บเสื้อผ้าของตัวเองและของดาวเหนือใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เรนท์ที่ยังงงๆ เพราะไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ก็รีบขับรถมาหาเพื่อนทันที“หนาวลานะคะ..คุณลุงคุณป้า หนาวคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว น้องเหนือกราบลาคุณปู่กับคุณย่าสิครับ” เด็กชายยกมือไหว้คุณปู่คุณย่าตามที่มารดาบอก“ใจเย็นๆ นะหนูหนาว..รอพี่เค้าก่อนนะลูก นี่ก็ค่ำมืดแล้วจะพาลูกพาเต้าไปไหน” “ไม่รอค่ะ..หนาวให้เพื่อนมารับ คุณป้าไม่ต้องห่วงนะคะ” “โถ่เอ้ย! เวรกรรมอะไรหนักหนา น้องเหนือก็พึ่งจะยอมรับในตัวพ่อ ดันมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” คุณหญิงน้ำฟ้าบ่นพึมพำออกมา“หนาวไปแล้วนะคะ..เพื่อนมารอแล้ว” พูดจบหญิงสาวก็ลากกระเป๋าเดินออกไปจากคฤหาสน์แห่งนี้พร้อมกับลูกชายของเธอหลังจากนั้นไม่นาน เรนท์ก็พาสองแม่ลูกไปพักที่คอนโดของเขา ซึ่งนานๆ เขาจะมานอนเพราะปกติเขานอนที่บ้าน หญิงสาวเล่าเรื่องทุกอย่างให้เรนท์ฟัง ในขณะที่ดาวเหนือนอนหลับไปแล้วด้วยความเพลีย“ทำไมคุณน่านถึงได้เลวขนาดนี้วะ..แล้วนี่แกจะเอายัง
เมื่อน่านฟ้าขับรถกลับมาถึงบ้านเสียงข้อความแจ้งเตือนดังขึ้น ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วก็หย่อนใส่กระเป๋ากางเกงทันทีเพียงฟ้า : น่าน สะดวกคุยมั้ย ถ้าสะดวกโทรมาหาฟ้าหน่อยนะ ลมหนาวกับดาวเหนือเข้าบ้านไปแล้ว ชายหนุ่มจึงเดินออกไปที่สวนข้างบ้าน จากนั้นจึงโทรหาเพียงฟ้าทันที“ฮัลโหลฟ้า มีอะไรหรือเปล่า”(น่าน พอดีฟ้ารู้สึกเวียนหัวมากเลยแล้วก็อาเจียนหนักมาก ฟ้ากินอะไรไม่ได้เลย)“จริงเหรอ แล้วฟ้าไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวให้เราไปหามั้ย?”(ไม่เป็นไร ฟ้าเกรงใจ น่านอยู่กับลูกกับเมียน่านไปเถอะ)“ฟ้าอย่าคิดมากนะ ถึงยังไงเราก็จะรับผิดชอบฟ้ากับลูกอยู่แล้ว” (แล้วน้องหนาวล่ะ)“เอ่อ..เรื่องนั้นเดี๋ยวเราจัดการเอง” (ฟ้าขอบคุณน่านมากๆ นะ ที่ยอมรับลูกในท้องของฟ้า)“ฟ้าอย่าพูดแบบนั้นสิ ถึงยังไงเด็กในท้องของฟ้าก็เป็นลูกของเรา”(น่านยังรักฟ้าอยู่มั้ย)“เรารักฟ้านะ”สิ้นสุดประโยคนี้จากปากของน่านฟ้า ลมหนาวแทบจะทรงตัวไม่อยู่ เธอเห็นว่าเขาเดินออกมาข้างบ้านก็เลยออกมาตามหา เธอได้ยินทุกอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นจนถึงประโยคล่าสุด เรารักฟ้านะ เธอไม่สามารถจะยืนฟังต่อได้จริงๆ เธอรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที แต่เดินมาได้ไม่กี
“เมื่อคืนพี่น่านกลับดึกเหรอคะ?” ลมหนาวถามออกไปขณะอยู่บนรถหลังจากที่ทั้งคู่ไปส่งดาวเหนือที่โรงเรียนแล้ว“เอ่อ..พี่กลับประมาณห้าทุ่มได้ พี่คิดว่าหนาวน่าจะหลับแล้วก็เลยไม่ได้บอก พี่ขอโทษนะครับ..”“อ๋อค่ะ..ไม่เป็นไรหนาวเข้าใจ ยังไงลูกค้าก็เป็นคนสำคัญ” หญิงสาวตอบพร้อมกับส่งยิ้มน้อยๆ ให้ชายหนุ่มสามวันผ่านไป‘น่าน หมอให้ฟ้าออกจากโรงพยาบาลแล้ว น่านมารับฟ้าได้มั้ย’ข้อความส่งมาจากเพียงฟ้า ชายหนุ่มตรึกตรองอยู่ชั่วครู่ จึงส่งสติกเกอร์โอเคกลับไป หลังจากนั้นน่านฟ้าก็โทรหาลมหนาวบอกว่าต้องออกไปพบลูกค้า น่าจะกลับค่ำ ให้หญิงสาวไปรับลูกกลับบ้านก่อนเลยหลังจากนั้นน่านฟ้าก็ไปรับเพียงฟ้าออกจากโรงพยาบาลและพาไปส่งที่คอนโดของหญิงสาว“กินน้ำก่อนสิ..น่าน” เพียงฟ้ารินน้ำที่อยู่ในตู้เย็นใส่แก้วและเดินมายื่นให้ชายหนุ่ม“ขอบคุณนะ” น่านฟ้ารับน้ำมาและยกขึ้นดื่มจนหมดแก้ว เพียงฟ้าลอบยิ้มอยู่ในใจ“น่านจะกลับเลยก็ได้นะ..ฟ้าไม่เป็นไรแล้ว ฟ้าอยู่ได้” “แน่ใจเหรอว่าอยู่ได้” ชายหนุ่มถามกลับไป ทว่าจู่ๆ เขาก็รู้สึกมึนๆ ชั่วพริบตาชายหนุ่มก็ไม่ได้สติหลับไปในที่สุดเวลาล่วงเลยมาจนเกือบเที่ยงคืน น่านฟ้าตื่นลืมตาขึ้นมา ชายหนุ่มตก
หลังจากวันที่น่านฟ้าได้เจอกับเพียงฟ้า หญิงสาวก็เริ่มส่งข้อความหา โทรหา หรือมาหาชายหนุ่มที่ห้องทำงานบ่อยขึ้นจนน่านฟ้าเองเริ่มรู้สึกอึดอัด และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เพียงฟ้ามาหาชายหนุ่มที่ห้องทำงานเพื่อจะชวนชายหนุ่มไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน แต่ทว่า..ก๊อก! ก๊อก! พร้อมกับเสียงเปิดประตู น่านฟ้ารู้ทันทีว่าลูกชายมาหาเพราะเขาบอกกับเลขาหน้าห้องว่าถ้าลมหนาวกับดาวเหนือมาให้เข้ามาได้เลย ตอนนี้มีพนักงานไม่กี่คนที่รู้ว่าเขามีลูกมีเมียแล้วและหนึ่งในนั้นก็คือวิภา เลขาของเขา “พ่อฮะ..ไปทานข้าวกันเถอะฮะ เหนือหิวแล้ว” เด็กชายวิ่งไปเกาะไหล่ผู้เป็นพ่อทันทีที่ประตูห้องทำงานถูกเปิดออก โดยไม่ได้สนใจว่ามีใครนั่งหันหลังให้ ลมหนาวที่เดินตามเข้ามาติดๆ เมื่อเห็นว่าน่านฟ้ามีแขกจึงรีบเอ่ยออกมา“เอ่อ..ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าพี่น่านกำลังมีแขก น้องเหนือออกมาก่อนลูก” ไม่เห็นเลขาของเขาจะพูดอะไร“ไม่เป็นไรหนาว..นี่เพื่อนพี่เอง เพียงฟ้าไง จำได้มั้ย?” เพียงฟ้าที่กำลังงงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ น่านฟ้ามีลูกมีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย เจนจิราก็เหมือนจะไม่รู้เรื่องนี้“อ๋อ..ค่ะ จำได้ค่ะ” เธอจำได้ดีเลยล่ะ “เอ่อ..นี
Mga Comments