เมื่อตัดสินใจเสร็จสรรพ เขาถอนแก่นกายออก ก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบหญิงสาวอีกครั้ง พยายามแยกริมฝีปากของหญิงสาวให้เปิดรับลิ้นที่สอดแทรกเข้าไปหาอย่างดูดดื่ม เมื่อสามารถเข้าไปในโพรงปากเล็กได้แล้วก็สำรวจไปทั่วบริเวณอย่างช่ำชอง
และแล้วการปฏิเสธของเธอที่มีแค่ชั่วประเดี๋ยวเดียว ได้แปรเปลี่ยนเป็นการยอมรับ ร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองโดยการเริ่มอ่อนระทวยโอนอ่อนผ่อนตามจนเผยอริมฝีปากอิ่มอ้ากว้างรับจูบตอบเขาอย่างเต็มใจราวกับเธอก็กระหายเขาเช่นกัน “อ่าส์…โคตรหวานเลย” ชายหนุ่มสถบออกมา จูบที่ดุดันและเร่าร้อนแปรเปลี่ยนเป็นมือใหญ่สำรวจความเต่งตึงของทรวงอกอิ่ม ทันใดนั้นใบหน้าคมเข้มที่ร้อนผ่าวก็ทำหน้าที่คลอเคลียแทนมือ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นปากกว้างที่ครอบลงมาดูดดื่ม “อืมม์…พี่น่าน..อ่าส์” หญิงสาวร้องครางออกมา อ้อมแขนเล็กตวัดรัดโอบรอบลำคอแกร่ง ร่างเล็กสั่นสะท้านขณะที่เขาครูดไรฟันและหนวดเคราที่เริ่มขึ้นประปรายลงมาถูไถปลายถัน “อ่าส์…” ระหว่างที่ปากครางฮือฮา มือแกร่งก็ลูบไล้ลงมาจนถึงจุดกึ่งกลางของกายสาว ปลายนิ้วใหญ่ลูบวนอยู่เหนือแนวแยก แหวกเข้าสู่กลีบกุหลาบอย่างเชื่องช้า ชุ่มฉ่ำและเปียกชื้น… เร่าร้อน และร้อนผ่าว… เป็นสัญญาณที่แสดงถึงการพรั่งพร้อมเปิดรับเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ และนั่นเป็นผลให้นิ้วใหญ่เริ่มบุกรุกเข้าๆ ออกๆ ท่ามกลางเรือนร่างน้อยที่ดิ้นพล่าน เบื้องบนเธอถูกปากและลิ้นปรนเปรอ ส่วนเบื้องล่างกล้ามเนื้อภายในของเธอกำลังตอดรัดนิ้วมือใหญ่ที่โจนจ้วงสลับนิ้วโป้งที่คลึงวนอยู่กับปลายติ่ง แล้วต่อมาก็ฝังใบหน้าคมเข้มลงมาแทนที่ “อ๊าาา….พี่น่านอย่า” ปากร้องห้ามแต่ผวายกบั้นท้ายขึ้นรับแรงสัมผัส ขณะที่ปากหยักและปลายลิ้นร้อนกวาดชิมน้ำหวานที่พรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย “อ่าส์…” สิ้นเสียงแหบพร่า หญิงสาวก็กดศีรษะแกร่งลงมาหาหน้าขาเธอแนบแน่น เล็บทั้งสิบจิกไปบนเส้นผมยุ่งเหยิงของเขาให้อยู่กับตัวเองนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ จากนั้นเสียงกรีดร้องตามคลื่นอารมณ์พิศวาสด้วยปากและลิ้นของเขาก็ดังคับห้อง “อื้อออ….พี่น่าน หนาวไม่ไหวแล้ว” หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยความเสียวซ่าน เธออยากปลดปล่อย ยิ่งเขาซุก ดูดเลีย น้ำหวานก็ยิ่งไหลออกมา “หนาวอยากได้อะไร บอกพี่สิ?” เสียงแหบพร่าเอ่ยถาม “อยากได้พี่น่าน ช่วยหนาวหน่อยนะ…ได้โปรด” หญิงสาวบอกความต้องการออกไปด้วยท่าทีที่เหนียมอาย “จัดให้ตอนนี้เลย…พี่ก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน” ลิ้นเขาระรัวเร็วเพื่อให้เธอไปถึงฝั่งฝัน ยิ่งเธอใกล้ถึงจุดสุดยอด ด้านในมันยิ่งกระตุกถี่ขึ้นเรื่อยๆ “อ้า เสียว อ้า” ในที่สุดเธอก็ไปถึงฝั่งฝัน น้ำหวานไหลออกมาเขาดูดกินจนไม่เหลือสักหยด “หวานมาก” เขาลุกขึ้นมาจูบปากอย่างเร่าร้อน และคร่อมร่างเธอ เขาจับรูดแก่นกายที่ตอนนี้มันขยายเต็มที่ เขาจับมันถูตรงกลางกลีบดอกไม้ มันยิ่งทำให้เธอสยิวมากขึ้นไปอีก น้ำหวานของเธอที่เหือดแห้งตอนนี้มันเริ่มไหลออกมาอีก เมื่อเห็นว่าเธอพร้อม เขาค่อยๆจับหัวมันกดลงไปทีละนิด ช่องทางที่คับแคบมันทำให้เขาหายใจแทบไม่ออก “คับอะไรอย่างนี้ มันแน่นมาก อย่าตอดพี่แรง พี่จะไม่ไหว” เขาเป่าลมออกมา หายใจหอบ เหงื่อเริ่มไหลซึมออกมาทั้งเขาและเธอ เขาก็เจ็บเหมือนกัน มันทั้งฟิต ทั้งตอด ขยับไม่ได้เลย “อ่าส์ / อืมม” สองร่างส่งเสียงคราวกระเส่าพร้อมกัน เขาเริ่มขยับโยกเบาๆ เขาใช้หัวแม่มือบดขยี้ติ่งเสียวของเธอให้ผ่อนคลาย ทำให้น้ำหวานไหลออกมาเพิ่มเพื่อการขยับโยกได้ง่าย เขาก้มลงจูบเธอ ส่วนมืออีกข้างนวดเฟ้นดอกบัว จากที่ขยับเนิบนาบเขาก็เพิ่มจังหวะให้เร็วมากขึ้น เขาจับขาทั้งสองข้างของเธอพาดรอบเอวแล้วกระแทกเข้าออก ส่วนมือทั้งสองข้างก็นวดเฟ้นดอกบัวคู่งาม “อ่าส์ มันเสียว” ทั้งเจ็บ ทั้งเสียว ร่างกายของเธอร้อนรุ่มมากขึ้นกว่าเดิม สายตาที่มองดูเขามันช่างเย้ายวนเหลือเกิน “โอ้ว! มันมาก” เขาเพิ่มความเร็วแรงเข้าไปอีก “อ้า เสียว อื้อ อา” มือทั้งสองข้างของเธอจิกที่แผ่นหลังเขา เพื่อระบายความเสียว ที่ก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆ เหมือนตอนนี้มันมารวมที่ท้องน้อยเธอ “อ้า..” เขาเพิ่มแรงกระแทกเข้าไปอีก เมื่อรู้ว่าเธอใกล้จะถึงจุดสุดยอดแล้ว “อ้า…กรี๊ด!” ในที่สุดเธอก็ได้ไปแตะขอบสวรรค์ มันยิ่งทำให้ช่องด้านในกระตุกถี่ยิบมากขึ้น มันยิ่งทำให้เขาเสียวมากขึ้น “โอ้ว มันมาก อ้า” เขารีบกระแทกใส่เธออย่างรัวเร็ว ตอนนี้เขาเห็นขอบสวรรค์อยู่รำไร เขาจับเอวเธอล็อกแล้วกระแทกใส่อย่างรัวๆ จนเขาไปถึงขอบสวรรค์ “อ้าก!!” น้ำขาวขุ่นพุ่งทะลักเข้าไปในช่องทางรัก และไหลออกมาผสมกับน้ำหวานของเธอ เปื้อนไปตามเรียวขาขาว เมื่อปล่อยสายพันธุ์ออกหมด เขาก็ฟุบลงกับอกของเธอ ทั้งคู่นอนหอบหายใจฟังเสียงหัวใจกันและกัน “หนาว..เอามันสุดยอดเลย” หลังจากที่พักหายใจหลายนาที เขายังไม่ถอนแก่นกายออกมา และมันเหมือนจะขยายพองขึ้นมาอีกครั้ง แล้วเขาก็ฟัดร่างบางนั้นอีกครั้ง และอีกครั้ง…แล้วทุกครั้งเขาบดกระแทกอย่างดุเดือดและรุนแรงราวกระทิงหนุ่มไม่สนเสียงร้องและความเจ็บปวดของหญิงสาว เขาปลดปล่อยเข้าไปในร่างกายของเธอ จนสาแก่ใจจนกระทั่งอารมณ์ดุุเดือดพลุ่งพล่านหมดลง เขาก็หลับเป็นตาย โดยไม่สนใจร่างนุ่มนิ่มที่นอนไม่ไหวติงข้างๆ เขาเลยเช้าวันต่อมา“ไอ้นนท์..เอ็งเห็นหลานสาวข้ามั้ยวะ? เช้านี้ไม่เห็นมาเตรียมของใส่บาตร ข้าเลยไปตามที่ห้องกลัวว่าจะไม่สบาย แต่ที่ห้องก็ไม่มี ข้าเดินตามหาจนทั่วบ้านแล้วก็ไม่เจอ” ชายชราเอ่ยถามเพื่อนรักที่เติบโตมาด้วยกัน กินนอนด้วยกัน เรียนด้วยกัน แถมบ้านยังอยู่ติดกัน “ข้าไม่เห็นว่ะ แต่เดี๋ยวข้าจะไปถามตาน่านดู เอ็งไปกับข้าสิ ไม่รู้ป่านนี้ตื่นรึยัง เมื่อคืนคงจะเมาหนัก” ว่าแล้วก็เดินนำเพื่อนรักไปยังห้องนอนของหลานชาย เมื่อชายชราทั้งสองเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องของหลานชาย ผู้เป็นตาจึงเคาะเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบรับเช่นกัน คงจะเมาหนัก เขาจึงตัดสินใจผลักประตูเข้าไป ทันใดนั้นเอง เสียงเอะอะก็ดังขึ้นด้วยความโมโห“น่าน…นี่แกทำอะไรน้อง?” เสียงตวาดของชายชราทำให้ร่างสองร่างที่นอนอยู่ข้างๆ กันตื่นขึ้นมาทันที น่านฟ้าทำหน้าฉงนและตกใจกับคำพูดของคุณตา เขาหันไปมองคนข้างกายด้วยสายตาที่ตกใจ เขารู้ได้ทันทีว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาพอจะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ แล้วความเกลียดชังในตัวหญิงสาวก็เพิ่มขึ้นจนแทบอยากจะบีบคอหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าให้ตายคามือ หล่อนจงใจเข้าหาเขา เพราะเห็นว่าเขาเมา“เมื่อคืนผมเมามากครับตา ผมไม่
สองสัปดาห์ผ่านไปงานหมั้นถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย แขกที่มาร่วมงานมีเฉพาะคนในครอบครัวของทั้งสองฝ่าย ตลอดทั้งงานหน้าตาว่าที่เจ้าบ่าวเหมือนคนอมทุกข์ ไม่ยิ้มไม่แย้ม ผิดกับว่าที่เจ้าสาวที่ยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลาแม่ว่าภายในใจนั้นจะรู้สึกเจ็บปวดที่ว่าที่เจ้าบ่าวของเธอไม่เต็มใจหมั้นกับเธอก็ตาม“อยากมีผัวจนตัวสั่นขนาดนั้นเลย?” น่านฟ้ากระซิบถามคู่หมั้นที่นั่งอยู่ข้างกายเมื่อเห็นว่าหล่อนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ได้หมั้นหมายกับเขา“ค่ะ…อยากมีมาก แล้วตอนนี้ก็มีแล้วด้วย” ลมหนาวเอ่ยเสียงเบาๆ ประชดเขากลับไป“เธอจะได้เห็นขาอ่อนฉันแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ อย่าหวังว่าจะได้แต่งงานกับฉัน ฉันจะทำทุกอย่างให้เธอถอนหมั้น คอยดูละกัน” เขาตอบกลับพร้อมกับยักคิ้วข้างเดียวให้คู่หมั้นสาว เขามั่นใจว่าจะสามารถทำให้ลมหนาวขอถอนหมั้นเขาได้อย่างแน่นอน และถ้าเวลานั้นมาถึงเขาก็จะเป็นอิสระ ไม่ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาเกลียด ในขณะที่คนฟังน้ำตาคลอเบ้าแต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้ เพราะไม่อยากให้ใครสังเกตเห็น“เสียใจค่ะ..หนาวไม่มีวันถอนหมั้นพี่หรอก” หญิงสาวตอบออกไปอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน เอาสิ! มาดูกันว่าระหว่างเธอกับเขา ใครจะชนะ?หลังจากงานห
ระหว่างทางกลับบ้านต้องผ่านเส้นทางที่ไม่ค่อยมีรถสัญจร มีต้นไม้น้อยใหญ่อยู่เต็มสองข้างทาง ถนนเส้นนี้เรียกได้ว่าเปลี่ยวและน่ากลัวไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็น ลมหนาวที่รู้จักเส้นทางนี้ดีว่าเป็นอย่างไร เธอรีบหันไปหาชายหนุ่มที่ยังขับรถแบบชิวๆ“พี่น่าน..ถนนเส้นนี้น่ากลัว พี่น่านขับไวๆ ได้มั้ย?” หญิงสาวบอกออกไปพร้อมกับสีหน้าวิตกกังวล“ได้สิ เอ๊ะ!! ข้างหน้าน่าจะมีอุบัติเหตุนะ..เราจอดดูหน่อยมั้ย?” “อย่าเลย..พี่น่าน หนาวว่ามันน่ากลัวอ่ะ” หญิงสาวห้ามพร้อมกับยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมากอดอก ร่างบางตัวสั่นเล็กน้อยเพราะความกลัว“แต่พี่ว่าจอดดูหน่อยเถอะเผื่อเค้าต้องการความช่วยเหลือ หนาวก็เห็นว่าแถวนี้แทบจะไม่มีรถผ่านเลย หนาวไม่สงสารเค้าเหรอ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนเป็นห่วงเป็นใยคนอื่น“งั้นก็แล้วแต่พี่น่านเลยค่ะ” สิ้นเสียงของหญิงสาว น่านฟ้าก็ขับไปจอดใกล้บริเวณที่มีรถมอเตอร์ไซค์ของวัยรุ่นล้มอยู่ข้างทางและมีวัยรุ่นชายสองคนนอนร้องครวญครางอยู่ เขาปลดสายคาดเบลล์และกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ“หนาวรอพี่อยู่นี่แหละ..ไม่ต้องลงไป” เขาหันมาสั่ง ก่อนจะลงจากรถแล้วเดินไปหากลุ่มวัยรุ่นลมหนาวมองไ
หลังจากวันนั้น ลมหนาวก็ไม่เคยเจอน่านฟ้าอีกเลย เพราะเช้าวันต่อมาน่านฟ้าก็กลับกรุงเทพฯ ทันที หลังจากที่น่านฟ้าบินไปเรียนต่อต่างประเทศ ลมหนาวก็รู้สึกมีอาการแปลกๆ ทั้งเวียนหัว อยากจะอาเจียน เธอสงสัยว่าจะท้อง แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะใช่เพราะวันนั้น น่านฟ้าให้เธอกินยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งเธอก็ได้กินอีกหนึ่งเม็ดตามเวลาที่กำหนดในเอกสารกำกับยา แต่ก็ไม่มีการคุมกำเนิดชนิดใดที่สามารถคุมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เธอรู้เรื่องนี้ดีเพราะอยู่ในบทเรียนที่เธอเคยเรียนมา ลมหนาวไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาสามยี่ห้อจากร้านขายยา ตรวจให้รู้กันไปเลยดีกว่าสองขีด!! ท้อง!!ลมหนาวมองที่ตรวจครรภ์ทั้งสามอัน มันขึ้นสองขีดเหมือนกันหมดทั้งสามอัน น้ำตาหลั่งไหลลงมา มือบางของเธอกำที่ตรวจครรภ์จนแน่น เธอทรุดลงนั่งกับพื้นห้องน้ำใกล้อ่างล้างหน้า น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย เธออายุแค่สิบแปด กำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ ที่เธอตั้งใจอ่านหนังสือสอบ สุดท้ายเธอสอบติดคณะที่เธอใฝ่ฝัน แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันกำลังพังทลาย ความฝันของเธอ อนาคตของเธอ มันกำลังจะดับ เพราะผู้ชายเลวๆ คนนั้น อันที่จริงจะโทษเขาคนเดียวก็ไม่ได้ ถ้าวันนั้นเธอไม่ยินยอมพร้อมใจ วันนี
เจ็ดปีต่อมา / ประเทศฝรั่งเศส“อย่า! อย่าเข้ามานะ..ออกไป! อย่า!!”หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ฝัน! เธอฝันอีกแล้ว เธอฝันเห็นเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นในวันนั้นเจ็ดปีแล้วที่มันยังคงตามมาหลอกหลอนเธอ เมื่อไหร่มันจะหายไปจากความทรงจำของเธอสักที เธอเจ็บปวดทุกครั้งที่ฝันถึงเรื่องวันนั้น แล้วเรื่องราวต่างๆ ที่เธออยากจะลืมมันก็กลับเข้ามาในหัวของเธออีกครั้ง และไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ลมหนาวตกใจอีกครั้ง เธอเปิดไฟที่อยู่บนหัวเตียงก่อนจะลงจากเตียงแล้วเดินไปเปิดประตู ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นใคร“แม่ฝันร้ายอีกแล้วหรอฮะ?” ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก เด็กชายดาวเหนือในวัยหกขวบ ที่มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลามาตั้งแต่เล็กๆ เอ่ยถามมารดา “จ่ะ..แม่น่าจะเหนื่อยน่ะ ก็เลยฝันร้าย เหนือกลับไปนอนเถอะลูก ดึกมากแล้ว” หญิงสาวยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะตอบลูกชาย เธอไม่อยากให้ลูกต้องเป็นห่วง“ให้เหนือนอนกับแม่ได้มั้ยฮะ? เหนืออยากนอนกอดแม่ เผื่อแม่จะได้ไม่ฝันร้ายอีก” หญิงสาวยิ้มให้ลูกชายก่อนจะตอบกลับไป“ได้เลยจ่ะ..ปะ! งั้นเรามานอนกอดกัน” จากนั้นไม่นานนักสองแม่ลูกก็นอนกอดกันและพากันเข้า
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาณ สนามบินxxxลมหนาวกับดาวเหนือมาถึงสนามบินเวลาประมาณเกือบเที่ยงตามเวลาของประเทศไทย ดาวเหนือดูตื่นเต้นที่ได้มาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นประเทศที่มารดาบอกว่าเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเขาและมารดา ในขณะที่สองแม่ลูกกำลังเดินออกจากประตูผู้โดยสารขาออก ลมหนาวมองไปยังข้างหน้าที่มีผู้คนมากมายยืนถือป้ายรอรับผู้โดยสารที่ลงมาจากเครื่องบิน บ้างก็เป็นญาติ เป็นเพื่อน เธอหาดูว่ามีป้ายชื่อของเธอหรือไม่ เพราะเธอไม่รู้ว่าเพื่อนรักของเธอที่นัดกันไว้ว่าจะมารับเธอกับลูกนั้นมาถึงสนามบินหรือยัง เธอติดต่อเพื่อนไม่ได้ แต่เธอก็บอกเวลาที่จะมาถึงให้เพื่อนทราบแล้ว ทันใดนั้น ลมหนาวก็เจอคนที่กำลังรอ เรนท์ ผู้ชายตัวสูงๆ ขาวๆ หล่อแบบตี๋ๆ เธอรีบโบกมือให้เพื่อนรักทันที เพราะเรนท์ ก็เห็นเธอกับดาวเหนือแล้วเช่นกัน เขาโบกมือกลับมา “หนาว..คิดถึงจัง ขอกอดหน่อย” พูดจบเรนท์ก็ยื่นแขนทั้งสองข้างไปกอดเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันเกือบปี “ฉันก็คิดถึงแก ปล่อยได้แล้วหายใจไม่ออก” ลมหนาวบอกเพื่อนรักเพราะรู้สึกว่าเรนท์จะกอดเธอแน่นจนเกินไป“น้องเหนือ…มาให้ป๊ากอดหน่อยเร็ว ป๊าคิดถึงจะแย่” “สวัสดีฮะ..ป๊า” ดาวเหนือยกมือ
หลายวันผ่านไปครืด! ครืด!เสียงโทรศัพท์ของลมหนาวดังขึ้น เมื่อเห็นว่าใครโทรมาลมหนาวจึงกดรับสายทันที(หนาว..แกไปดูโรงเรียนให้ลูกชายฉันหรือยัง?) ทันทีที่เพื่อนรับสาย เรนท์ก็โพล่งออกไป“ไปดูมาแล้วแก เป็นโรงเรียนเอกชนชื่อดังของจังหวัด ฉันว่าโอเคนะแก สภาพแวดล้อม การเรียนการสอน ทุกอย่างโอเค ฉันเลือกที่นี่แหละ ไม่ไกลจากบ้านด้วย”(อืมๆ ดีแล้วแก ถ้ามาเรียนในกรุงเทพฯ เดินทางลำบาก สงสารลูกชาย)“แกโทรมามีอะไรรึเปล่า?”(มีสิ เสาร์อาทิตย์นี้ยัยทิชากลับจากต่างจังหวัด ฉันว่าจะชวนแกสองคนไปดริ้งค์สักหน่อย ยัยทิชาโอเคแล้วเหลือฉันก็เลยโทรมาบอกแกนี่แหละ)“ฉันไม่รู้จะไปได้รึเปล่า ไหนจะน้องเหนืออีก)(แกห้ามปฏิเสธ ถือว่าฉันเลี้ยงต้อนรับแกกลับไทย ส่วนน้องเหนือไม่ต้องเป็นห่วง ป๊ากับม๊าฉันอาสาดูแลให้ ป๊ากับม๊าอยากเจอน้องเหนือมากๆ)“จะดีเหรอแก..เกรงใจป๊ากับม๊าแกอ่ะ” “ไม่ต้องเกรงใจ ป๊ากับม๊าฉันชอบเด็ก โอเคตามนี้นะ เดี๋ยววันศุกร์ฉันจะไปรับ”“โอเคค่า..คุณเพื่อน” ดีเหมือนกันเพราะเธอเองก็อยากไปเปิดหูเปิดตาบ้าง เมื่อก่อนทั้งสามคนไปเที่ยวผับกันบ่อย ตั้งแต่ที่เพื่อนทั้งสองกลับเมืองไทยเธอก็ไม่เคยได้ไปเที่ยวแบบนี้อีกเลยเ
วันเสาร์ / ผับชื่อดังแห่งหนึ่งโครงการฝากลูกไว้กับคุณปู่คุณย่านั้นถือว่าประสบผลสำเร็จ ป๊ากับม๊าของเรนท์นั้นรักและเอ็นดูดาวเหนือมาก ส่วนดาวเหนือก็ติดปู่กับย่าแจเพราะถูกตามใจ ดาวเหนือเป็นเด็กที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย เธอจึงไม่กังวลเรื่องนี้ เธอกับเรนท์นัดเจอกับทิชาที่ผับแห่งหนึ่ง ตอนนี้ทิชากำลังจะจอดรถ เมื่อสองสาวกับหนึ่งหนุ่มมาเจอกัน ความสนุกสนานได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง“หนาว ฉันคิดถึงแกมาก” ทิชาลากเสียงยาวเพื่อต้องการให้เพื่อรู้ว่าเธอคิดถึงเพื่อนมากแค่ไหน“ฉันก็คิดถึงแก” พูดจบลมหนาวกับทิชาก็กอดกันกลมจนผู้ชายคนเดียวในกลุ่มเริ่มจะอิจฉา“นี่หล่อน..จะกอดกันอีกนานมั้ย? รีบเข้าไปกันดีกว่าฉันอยากจะแดนซ์ใจจะขาด” “จ้า / จ้า” สองเสียงประสานขึ้นพร้อมกัน จากนั้นเพื่อนรักทั้งสามคนก็พากันเดินเข้าไปในผับที่มีชื่อเสียงที่สุดในกรุงเทพฯเรนท์เลือกโต๊ะที่อยู่มุมๆ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน เพราะต้องการเม้าท์มอยกับเพื่อนที่ไม่ค่อยได้เจอกัน จากนั้นทั้งสามคนก็สั่งเครื่องดื่ม ลมหนาวดื่มแอลกอฮอล์เป็นเพราะเพื่อนสองคนนี้แหละ ครั้งแรกที่เธอเข้าผับ เธอสั่งน้ำเปล่า จนเพื่อนทั้งสองทนไม่ไหวบังคับให้เธอหัดดื่มแอลกอฮอล์ เรนท
หนึ่งปีผ่านไป“แมะ แมะ” เสียงเรียกแม่ของเด็กหญิงดาวนิลที่ตอนนี้อายุได้หนึ่งขวบห้าเดือน เด็กหญิงกับผู้เป็นแม่เดินเล่นอยู่ที่สวนข้างบ้าน“จ๋า..คนสวยของแม่” หญิงสาวย่อตัวลงก่อนจะค่อยๆ อุ้มลูกสาวตัวน้อยขึ้นมาด้วยสรีระที่เปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัดเจน ใช่แล้ว! เธอกำลังตั้งท้องได้ยี่สิบแปดสัปดาห์หรือเจ็ดเดือน ชายหนุ่มอ้อนวอนเธอว่าอยากมีลูกเพิ่มอีกหนึ่งคน เขาไม่ยอมให้เธอคุมกำเนิด และเขาก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอทุกค่ำคืน จนในที่สุด เธอก็ท้องอีกครั้ง “ป้อ ป้อ” เด็กหญิงชี้ไปที่ชายหนุ่มที่เดินตรงมาที่ทั้งสองยืนอยู่ “ดาวนิล มาหาพ่อเร็ว” ชายหนุ่มยื่นมือทั้งสองข้างออกไปอุ้มลูกสาวตัวน้อย เขาไม่อยากให้ภรรยาที่ตอนนี้ท้องแก่ต้องอุ้มลูกสาวเยอะ เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับลูกน้อยในท้อง เด็กหญิงดาวนิลโน้มตัวไปหาผู้เป็นพ่ออย่างรวดเร็ว“ตอนนี้ดาวนิลกำลังซน เหนื่อยหน่อยนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของภรรยาดูเหนื่อยๆ เขารู้สึกสงสารภรรยาที่ต้องอุ้มท้องอีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้อยู่ในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ในคราแรกเธอไม่ยอมมีลูกอีก บอกว่าสองคนก็เพียงพอแล้ว แต่เป็นเพราะเขาที่ขอร้องอ้อนว
โรงแรมสุดหรูใจกลางกรุงเทพมหานครงานแต่งระหว่าง น่านฟ้า และ ลมหนาว จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ สมหน้าตาของทายาทเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังและเจ้าของห้องเสื้อแบรนด์ดัง ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในสังคม แขกที่มาในงานล้วนแล้วแต่เป็นญาติผู้ใหญ่และคนรู้จักของทั้งสองตระกูล ไฮโซของเมืองไทย ดาราเซเล็บ สื่อ ช่างภาพ นักข่าวทุกสำนัก ต่างมารวมตัวที่งานแต่งงานในวันนี้ กลายเป็นข่าว ท้อลออฟเดอะทาวน์กันเลยทีเดียวงานในตอนเช้า เมื่อเจ้าบ่าวเข้ามาในพิธีเรียบร้อยแล้ว เรนท์กับทิชาก็พาเพื่อนรักเดินมา ลมหนาวสวมใส่ชุดไทยประยุกต์สีทอง พาสสไบลูกไม้สีทอง ผมถูกเกล้าขึ้นไปอย่างสวยงาม เปิดใบหน้านวลอันหวานหยาดเยิ้มที่ถูกเครื่องสำอางราคาแพงตกแต่งด้วยฝีมือของช่างแต่งหน้าเบอร์หนึ่งของเมืองไทย เมื่อเจ้าสาวเดินเข้ามาในพิธี แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปก็รัวระยิบระยับ น่านฟ้าจ้องมองเจ้าสาวด้วยความตกตะลึง ปกติเธอไม่แต่งหน้าทำผมก็สวยมากอยู่แล้ว พอแต่งหน้าทำผมแบบวันนี้ยิ่งสวยเข้าไปอีกเป็นเท่าตัว เจ้าสาวเดินลงมานั่งพับเพียบข้างๆ เจ้าบ่าวที่แต่งชุดราชปะแตนหล่อเนี๊ยบเหมือนคุณชายในราชวัง“วันนี้หนาวสวยมากเลยรู้มั้ย?” ชายหนุ่มกระซิบ
หลังคลอดลมหนาวต้องรอดูอาการอยู่ในห้องพักฟื้นสองชั่วโมง จากนั้นสองแม่ลูกจึงถูกส่งตัวไปห้องพักพิเศษ น่านฟ้าดูแลลมหนาวและลูกน้อยไม่ห่าง ยิ่งในยามที่ลูกสาวตัวน้อยดื่มนมจากอกของมารดา ปากน้อยๆ งับยอดดอกบัวสีชมพู ชายหนุ่มมองด้วยสายตาหื่นกระหาย เขาลอบกลืนน้ำลายลงคอจนหญิงสาวได้ยิน ลมหนาวเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเชิงตำหนิแบบไม่จริงจังนัก จากนั้นไม่นานลูกสาวตัวน้อยกินนมจนอิ่ม ปากน้อยผละออกจากยอดถันสีสวย หญิงสาวรีบติดกระดุมเสื้อทันที จนชายหนุ่มรู้สึกเสียดาย“เอ่อ..หนาวจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรครับ?” ตั้งสติได้ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามออกไป“คนโตหนาวเป็นคนตั้ง..คนเล็กให้พี่น่านตั้งก็แล้วกันค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้เขา“จริงเหรอ! หนาวให้พี่ตั้งชื่อลูกจริงๆ ใช่มั้ย?” ชายหนุ่มถามออกไปด้วยความดีใจ“ค่ะ..” หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ“อืม..ลูกชายคนโตชื่อดาวเหนือ ลูกสาวคนเล็กชื่อ…ดาวนิล ดีมั้ย?” ชายหนุ่มทำท่าคิดก่อนจะกล่าวออกไป“เพราะดีนะคะ..หนาวชอบ” ดาวเหนือกับดาวนิล เข้ากันดีนะ..เข้าใจคิดนะคุณพ่อลูกสอง หญิงสาวอมยิ้มอยู่คนเดียว“หนาวหายโกรธพี่แล้วใช่มั้ยครับ? ยกโทษให้พี่แล้วใช่มั้ย?” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ห
สองสัปดาห์ผ่านไปน่านฟ้าเดินทางไปฝรั่งเศสทันทีหลังจากที่เขาเคลียร์งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มลาพักร้อนหนึ่งสัปดาห์เพื่อมาง้อลูกง้อเมีย ทุกคนต่างเอาใจช่วยน่านฟ้าขอให้เขาง้อลมหนาวได้สำเร็จเสียงกริ่งดังขึ้นที่หน้าบ้านในขณะที่ลมหนาวกำลังนั่งออกแบบเสื้อผ้าอยู่ และน้าวีนากำลังเตรียมอาหารว่าง“หนาวไปดูให้น้าหน่อยว่าใครมา” ความจริงแล้ววีนารู้ดีที่สุดว่าใครที่มาเวลานี้“ได้ค่ะ” ลมหนาวตอบออกไปพร้อมกับเดินไปเปิดประตูหน้าบ้าน “มาทำไมไม่ทราบ?” ลมหนาวถามเสียงแข็งเมื่อเห็นว่าใครที่ยืนอยู่หน้าประตู“มาง้อลูกกับเมียครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยสายตากรุ้มกริ่ม เขาลอบมองลงไปที่ท้องนูนของหญิงสาว รู้สึกวาบหวิวในหัวใจ อยากยื่นมือไปสัมผัสลูกน้อยเหลือเกิน“มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น” หญิงสาวตะโกนไล่ชายหนุ่มเสียงดังพอที่น้าวีนาจะได้ยิน “ใครมาเหรอหนาว? อ้าวตาน่าน มาได้ยังไง เข้ามาก่อนมา” วีนาแสร้งทำเป็นตกใจที่เห็นน่านฟ้าและเอ่ยชวนแขกเข้าบ้าน“น้านาจะชวนเค้าเข้ามาทำไมคะ?” หญิงสาวหันไปถามน้าสาวด้วยน้ำเสียงคล้ายกับไม่พอใจ“อ้าว..ก็แขกมาบ้าน เราก็ต้องต้อนรับขับสู้สิลูก จะไปไล่แขกได้ยังไงกัน”“แต่..” “ไม่ต้องแต่แล้ว..ไ
ณ สนามบินxxx“เดินทางปลอดภัยนะแก..ถึงแล้วบอกด้วย” เรนท์ดึงหญิงสาวเข้ามากอด“อืม..ขอบใจแกมากนะ สำหรับทุกอย่าง” ลมหนาวน้ำตารื้นขึ้นมา เธอทนอยู่ที่นี่ไม่ไหวจริงๆ ครั้งนี้อาจจะเป็นการไปแบบถาวร เธออธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้คุณตาวีระชัยกับน้าวีนาฟังหมดทุกอย่าง ทั้งสองคนต่างเข้าใจและยอมรับในการตัดสินใจของเธอในขณะที่น่านฟ้านั้นกำลังขับรถไปที่สนามบินด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ แต่สภาพการจราจรในกรุงเทพฯ นั้น ทำให้เขาไม่สามารถขับได้อย่างใจต้องการ ชายหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือเหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีจะบ่ายโมง เขาเห็นวินมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ข้างๆ รถ ชายหนุ่มไม่รอช้า เขาคว้ากระเป๋าสตางค์รีบลงจากรถและกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปทันที โดยไม่สนใจเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เขาทิ้งรถไว้กลางถนนเลยแต่สุดท้าย..น่านฟ้าก็ไปไม่ทัน ลมหนาวกับดาวเหนือไปแล้ว เขาทรุดลงกับพื้นร้องไห้ออกมา พร่ำด่าตัวเองจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ต่างก็มองมาที่ชายหนุ่ม ในขณะที่เขากำลังก้มหน้าอยู่กับพื้นนั้น เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา “อย่าพึ่งหมดหวังสิคุณน่าน..ฝรั่งเศสอยู่แค่นี้เอง ตื๊อเท่านั้นที่ครองโ
ทางด้านลมหนาว หลังจากที่เธอพาดาวเหนือขึ้นมาบนห้อง เธอรีบโทรหาเรนท์และบอกให้เรนท์มารับเธอที่บ้านของน่านฟ้าตอนนี้ เธอทนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวแล้ว หญิงสาวรีบเก็บเสื้อผ้าของตัวเองและของดาวเหนือใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เรนท์ที่ยังงงๆ เพราะไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ก็รีบขับรถมาหาเพื่อนทันที“หนาวลานะคะ..คุณลุงคุณป้า หนาวคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว น้องเหนือกราบลาคุณปู่กับคุณย่าสิครับ” เด็กชายยกมือไหว้คุณปู่คุณย่าตามที่มารดาบอก“ใจเย็นๆ นะหนูหนาว..รอพี่เค้าก่อนนะลูก นี่ก็ค่ำมืดแล้วจะพาลูกพาเต้าไปไหน” “ไม่รอค่ะ..หนาวให้เพื่อนมารับ คุณป้าไม่ต้องห่วงนะคะ” “โถ่เอ้ย! เวรกรรมอะไรหนักหนา น้องเหนือก็พึ่งจะยอมรับในตัวพ่อ ดันมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” คุณหญิงน้ำฟ้าบ่นพึมพำออกมา“หนาวไปแล้วนะคะ..เพื่อนมารอแล้ว” พูดจบหญิงสาวก็ลากกระเป๋าเดินออกไปจากคฤหาสน์แห่งนี้พร้อมกับลูกชายของเธอหลังจากนั้นไม่นาน เรนท์ก็พาสองแม่ลูกไปพักที่คอนโดของเขา ซึ่งนานๆ เขาจะมานอนเพราะปกติเขานอนที่บ้าน หญิงสาวเล่าเรื่องทุกอย่างให้เรนท์ฟัง ในขณะที่ดาวเหนือนอนหลับไปแล้วด้วยความเพลีย“ทำไมคุณน่านถึงได้เลวขนาดนี้วะ..แล้วนี่แกจะเอายัง
เมื่อน่านฟ้าขับรถกลับมาถึงบ้านเสียงข้อความแจ้งเตือนดังขึ้น ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วก็หย่อนใส่กระเป๋ากางเกงทันทีเพียงฟ้า : น่าน สะดวกคุยมั้ย ถ้าสะดวกโทรมาหาฟ้าหน่อยนะ ลมหนาวกับดาวเหนือเข้าบ้านไปแล้ว ชายหนุ่มจึงเดินออกไปที่สวนข้างบ้าน จากนั้นจึงโทรหาเพียงฟ้าทันที“ฮัลโหลฟ้า มีอะไรหรือเปล่า”(น่าน พอดีฟ้ารู้สึกเวียนหัวมากเลยแล้วก็อาเจียนหนักมาก ฟ้ากินอะไรไม่ได้เลย)“จริงเหรอ แล้วฟ้าไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวให้เราไปหามั้ย?”(ไม่เป็นไร ฟ้าเกรงใจ น่านอยู่กับลูกกับเมียน่านไปเถอะ)“ฟ้าอย่าคิดมากนะ ถึงยังไงเราก็จะรับผิดชอบฟ้ากับลูกอยู่แล้ว” (แล้วน้องหนาวล่ะ)“เอ่อ..เรื่องนั้นเดี๋ยวเราจัดการเอง” (ฟ้าขอบคุณน่านมากๆ นะ ที่ยอมรับลูกในท้องของฟ้า)“ฟ้าอย่าพูดแบบนั้นสิ ถึงยังไงเด็กในท้องของฟ้าก็เป็นลูกของเรา”(น่านยังรักฟ้าอยู่มั้ย)“เรารักฟ้านะ”สิ้นสุดประโยคนี้จากปากของน่านฟ้า ลมหนาวแทบจะทรงตัวไม่อยู่ เธอเห็นว่าเขาเดินออกมาข้างบ้านก็เลยออกมาตามหา เธอได้ยินทุกอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นจนถึงประโยคล่าสุด เรารักฟ้านะ เธอไม่สามารถจะยืนฟังต่อได้จริงๆ เธอรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที แต่เดินมาได้ไม่กี
“เมื่อคืนพี่น่านกลับดึกเหรอคะ?” ลมหนาวถามออกไปขณะอยู่บนรถหลังจากที่ทั้งคู่ไปส่งดาวเหนือที่โรงเรียนแล้ว“เอ่อ..พี่กลับประมาณห้าทุ่มได้ พี่คิดว่าหนาวน่าจะหลับแล้วก็เลยไม่ได้บอก พี่ขอโทษนะครับ..”“อ๋อค่ะ..ไม่เป็นไรหนาวเข้าใจ ยังไงลูกค้าก็เป็นคนสำคัญ” หญิงสาวตอบพร้อมกับส่งยิ้มน้อยๆ ให้ชายหนุ่มสามวันผ่านไป‘น่าน หมอให้ฟ้าออกจากโรงพยาบาลแล้ว น่านมารับฟ้าได้มั้ย’ข้อความส่งมาจากเพียงฟ้า ชายหนุ่มตรึกตรองอยู่ชั่วครู่ จึงส่งสติกเกอร์โอเคกลับไป หลังจากนั้นน่านฟ้าก็โทรหาลมหนาวบอกว่าต้องออกไปพบลูกค้า น่าจะกลับค่ำ ให้หญิงสาวไปรับลูกกลับบ้านก่อนเลยหลังจากนั้นน่านฟ้าก็ไปรับเพียงฟ้าออกจากโรงพยาบาลและพาไปส่งที่คอนโดของหญิงสาว“กินน้ำก่อนสิ..น่าน” เพียงฟ้ารินน้ำที่อยู่ในตู้เย็นใส่แก้วและเดินมายื่นให้ชายหนุ่ม“ขอบคุณนะ” น่านฟ้ารับน้ำมาและยกขึ้นดื่มจนหมดแก้ว เพียงฟ้าลอบยิ้มอยู่ในใจ“น่านจะกลับเลยก็ได้นะ..ฟ้าไม่เป็นไรแล้ว ฟ้าอยู่ได้” “แน่ใจเหรอว่าอยู่ได้” ชายหนุ่มถามกลับไป ทว่าจู่ๆ เขาก็รู้สึกมึนๆ ชั่วพริบตาชายหนุ่มก็ไม่ได้สติหลับไปในที่สุดเวลาล่วงเลยมาจนเกือบเที่ยงคืน น่านฟ้าตื่นลืมตาขึ้นมา ชายหนุ่มตก
หลังจากวันที่น่านฟ้าได้เจอกับเพียงฟ้า หญิงสาวก็เริ่มส่งข้อความหา โทรหา หรือมาหาชายหนุ่มที่ห้องทำงานบ่อยขึ้นจนน่านฟ้าเองเริ่มรู้สึกอึดอัด และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เพียงฟ้ามาหาชายหนุ่มที่ห้องทำงานเพื่อจะชวนชายหนุ่มไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน แต่ทว่า..ก๊อก! ก๊อก! พร้อมกับเสียงเปิดประตู น่านฟ้ารู้ทันทีว่าลูกชายมาหาเพราะเขาบอกกับเลขาหน้าห้องว่าถ้าลมหนาวกับดาวเหนือมาให้เข้ามาได้เลย ตอนนี้มีพนักงานไม่กี่คนที่รู้ว่าเขามีลูกมีเมียแล้วและหนึ่งในนั้นก็คือวิภา เลขาของเขา “พ่อฮะ..ไปทานข้าวกันเถอะฮะ เหนือหิวแล้ว” เด็กชายวิ่งไปเกาะไหล่ผู้เป็นพ่อทันทีที่ประตูห้องทำงานถูกเปิดออก โดยไม่ได้สนใจว่ามีใครนั่งหันหลังให้ ลมหนาวที่เดินตามเข้ามาติดๆ เมื่อเห็นว่าน่านฟ้ามีแขกจึงรีบเอ่ยออกมา“เอ่อ..ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าพี่น่านกำลังมีแขก น้องเหนือออกมาก่อนลูก” ไม่เห็นเลขาของเขาจะพูดอะไร“ไม่เป็นไรหนาว..นี่เพื่อนพี่เอง เพียงฟ้าไง จำได้มั้ย?” เพียงฟ้าที่กำลังงงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ น่านฟ้ามีลูกมีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย เจนจิราก็เหมือนจะไม่รู้เรื่องนี้“อ๋อ..ค่ะ จำได้ค่ะ” เธอจำได้ดีเลยล่ะ “เอ่อ..นี