หลังจากวันนั้น ลมหนาวก็ไม่เคยเจอน่านฟ้าอีกเลย เพราะเช้าวันต่อมาน่านฟ้าก็กลับกรุงเทพฯ ทันที หลังจากที่น่านฟ้าบินไปเรียนต่อต่างประเทศ ลมหนาวก็รู้สึกมีอาการแปลกๆ ทั้งเวียนหัว อยากจะอาเจียน เธอสงสัยว่าจะท้อง แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะใช่เพราะวันนั้น น่านฟ้าให้เธอกินยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งเธอก็ได้กินอีกหนึ่งเม็ดตามเวลาที่กำหนดในเอกสารกำกับยา แต่ก็ไม่มีการคุมกำเนิดชนิดใดที่สามารถคุมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เธอรู้เรื่องนี้ดีเพราะอยู่ในบทเรียนที่เธอเคยเรียนมา ลมหนาวไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาสามยี่ห้อจากร้านขายยา ตรวจให้รู้กันไปเลยดีกว่า
สองขีด!! ท้อง!! ลมหนาวมองที่ตรวจครรภ์ทั้งสามอัน มันขึ้นสองขีดเหมือนกันหมดทั้งสามอัน น้ำตาหลั่งไหลลงมา มือบางของเธอกำที่ตรวจครรภ์จนแน่น เธอทรุดลงนั่งกับพื้นห้องน้ำใกล้อ่างล้างหน้า น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย เธออายุแค่สิบแปด กำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ ที่เธอตั้งใจอ่านหนังสือสอบ สุดท้ายเธอสอบติดคณะที่เธอใฝ่ฝัน แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันกำลังพังทลาย ความฝันของเธอ อนาคตของเธอ มันกำลังจะดับ เพราะผู้ชายเลวๆ คนนั้น อันที่จริงจะโทษเขาคนเดียวก็ไม่ได้ ถ้าวันนั้นเธอไม่ยินยอมพร้อมใจ วันนี้ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ จะทำยังไงดี? ต้องบอกพี่น่าน..ไม่สิ! เธอจำได้เขาเคยบอกเธอว่าไม่ต้องการมีลูกกับเธอ ถ้าเธอบอกเขา ก็กลัวว่าเขาจะบังคับให้เธอทำแท้งและเธอก็คงจะทำอย่างนั้นไม่ได้ เธอทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอไม่ได้ อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็เกิดจากความรักของเธอ แม้จะเป็นรักข้างเดียวก็ตาม ในเมื่อพ่อของลูกทำเลวกับเธอได้ขนาดนั้น ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบอกให้เขารู้ และที่สำคัญเธอก็ถอนหมั้นชายหนุ่มไปแล้วเพียงแต่ยังไม่ได้บอกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายให้เป็นเรื่องเป็นราว เมื่อตัดสินใจได้แล้ว หญิงสาวใช้มือทั้งสองข้างดันตัวเองให้ลุกขึ้นแม้จะไร้เรี่ยวแรงเต็มที เธอยืนมองตัวเองที่หน้ากระจกบานใหญ่ มือบางเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบหน้า จากนั้นหญิงสาวก็ล้างหน้าเพื่อลบร่องรอยคราบน้ำตา ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ครืด!! ครืด!! เมื่อเห็นว่าใครโทรมา หญิงสาวรีบรับสายทันที เหมือนคนโทรเข้ามาจะรับรู้ว่าเธอกำลังมีเรื่องทุกข์ใจ เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่เล็กจนโตนอกจากคุณตาแล้วก็ยังมีคุณน้าวีนา ซึ่งเป็นน้องสาวของแม่เธอ ที่คอยให้คำปรึกษา คอยดูแล ห่วงใยเธอไม่ต่างจากแม่คนหนึ่ง น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วมันกำลังเอ่อออกมาอีกครั้ง หญิงสาวกลั้นน้ำตาไว้ก่อนจะเอ่ยออกไป “สวัสดีค่ะ น้านา” (หนาว..เป็นไงบ้างลูก?) สิ้นเสียงของวีนา น้ำตาที่กลั้นไว้ก็พังทลายลงมา “อึก..อึก..” ลมหนาวพูดไม่ออกได้แต่สะอื้นไห้ออกมาจนปลายสายเป็นห่วง (หนาวเป็นอะไร? บอกน้าสิลูก..ใครทำอะไรหนาว) “หนาวท้อง!!” หญิงสาวกลั้นใจพูดออกไป (ไม่เห็นเป็นไรเลยลูก เพราะหนาวก็หมั้นกับตาน่านแล้ว เดี๋ยวก็ต้องแต่งงานกันอยู่ดี) “หนาวขอถอนหมั้นพี่น่านแล้วค่ะ” จากนั้นลมหนาวก็เล่าเรื่องของเธอกับน่านฟ้าให้น้าวีนาฟัง ยกเว้นเรื่องเลวๆ ที่น่านฟ้าทำกับเธอจนเธอขอถอนหมั้น เรื่องนี้เธอเองก็ไม่ต้องการให้ใครรับรู้ เธอได้แต่บอกเหตุผลออกไปว่า น่านฟ้าไม่ได้รักเธอ ถ้าแต่งงานกันไปชีวิตของเธอก็คงจะไม่มีความสุข เธอขอเลี้ยงลูกเองดีกว่า เธอไม่อยากให้เขารับผิดชอบเพียงเพราะว่าทำเธอท้อง (เอาแบบนี้มั้ย..หนาวมาอยู่กับน้าที่ฝรั่งเศส มาเรียนต่อที่นี่ น้าจะช่วยหนาวเลี้ยงลูกเอง) วีนายื่นข้อเสนอให้หลานสาวที่ตัวเองรักเหมือนลูก เธอแต่งงานกับสามีชาวฝรั่งเศสและย้ายมาอยู่ที่ฝรั่งเศสสิบกว่าปีแล้ว ทั้งสองไม่มีลูก แต่สามีของเธอนั้นมีลูกชายหนึ่งคนซึ่งก็โตแล้วแต่ยังไม่มีครอบครัว “แล้วคุณตาล่ะคะ ถ้าหนาวไปใครจะอยู่ดูแลคุณตา” (เดี๋ยวน้าคุยกับตาให้เอง) “ค่ะ..” หลังจากวางสาย ลมหนาวก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมา เธอจึงนอนหลับพักผ่อน จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก๊อก! ก๊อก! “หนาว…ออกมาคุยกับตาข้างล่างหน่อยลูก” ตาวีระชัยเรียกหลานสาวมาคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นซึ่งเขารับรู้มาจากวีนาลูกสาวคนเล็กที่ตอนนี้อยู่กับสามีที่ฝรั่งเศส นานๆ ลูกสาวจะกลับมาเยี่ยมบ้าน และตอนนี้เธอกำลังจะกลับมาเพื่อมารับหลานสาวไปอยู่ที่โน่น เขาเห็นด้วยกับลูกสาวเป็นอย่างยิ่งเพราะไม่อยากให้หลานสาวต้องเจ็บปวดกับความรักที่ไม่สมหวัง การไปอยู่ในที่ไกลๆ อาจจะช่วยให้หลานสาวมีชีวิตที่ดีกว่านี้ “ค่ะ..เดี๋ยวหนาวออกไปค่ะ” หญิงสาวร้องบอกออกมาจากในห้องก่อนจะลุกจากเตียงก่อนจะตามผู้เป็นตาลงไปข้างล่าง “หนาวขอโทษนะคะ..ตา ที่หนาวทำตัวไม่ดี หนาวทำให้ตาต้องเสียใจ” หญิงสาวยกมือไหว้ผู้ที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่พ่อกับเเม่เสียด้วยความรู้สึกผิด เธอร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย “ไม่เป็นไรลูก..ไม่เป็นไร ตาเข้าใจหนาวทุกอย่าง และตาก็เคารพการตัดสินใจของหนาว หนาวคิดดีแล้วใช่มั้ยที่จะถอนหมั้น” ชายชราถามออกไปด้วยอีกใจก็หวังว่าหลานสาวจะเปลี่ยนใจ อย่างน้อยเขาเองก็อยากให้เหลนมีพ่อ “ค่ะ..พี่น่านเขาเกลียดหนาว เขาไม่ได้รักหนาว ถ้าแต่งงานกันไปหนาวคงจะไม่มีความสุข” ผู้เป็นตาพยักหน้าด้วยความเข้าใจก่อนจะเอ่ยถามออกมาอีกรอบ “แล้วเรื่องที่หนาวท้องล่ะ จะบอกตาน่านมั้ย?” ลมหนาวส่ายหัวช้าๆ ก่อนจะตอบออกไป “หนาวจะเลี้ยงลูกเองค่ะ พี่น่านเค้าคงไม่อยากมีลูกกับหนาว” “ถ้าอย่างนั้น..หนาวก็ไปอยู่ฝรั่งเศสกับน้านานะลูก ไปเรียนต่อที่นู่น อยู่ที่นู่นจนกว่าหนาวจะสบายใจ ไม่ต้องเป็นห่วงตา ตายังแข็งแรงอยู่ ตายังมีแม่ภากับตาศร ถ้าพร้อมเมื่อไหร่..หนาวค่อยกลับมา” ชายชราพูดพลางยกมือลูบหัวหลานสาวเบาๆ ลมหนาวกอดคุณตาร้องไห้สะอึกสะอื้น “ค่ะ” “ส่วนเรื่องถอนหมั้นกับของหมั้นของฝ่ายนู้น เดี๋ยวตาจะจัดการเอง” “ขอบคุณค่ะ..ตาอย่าบอกตานนท์เรื่องที่หนาวท้องได้มั้ยคะ” “ตารับปากว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับไอ้นนท์มัน” ชายชรารับปากหลานสาว เขาจะไม่บอกเรื่องที่ลมหนาวท้องกับเพื่อนรักถึงแม่ว่าหลานของทั้งคู่จะมีปัญหากันแต่เขากับอานนท์ก็ยังเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิม หลังจากนั้น ลมหนาวก็เดินทางไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส ส่วนคุณตาวีระชัยก็บอกครอบครัวของน่านฟ้าว่าหลานสาวของเขาขอถอนหมั้นและขอคืนของหมั้นทั้งหมด ทั้งสองฝ่ายยอมรับการตัดสินใจของลมหนาวเพราะเห็นว่าคนไม่ได้รักกันแต่งงานกันไปก็จะทุกข์ใจเสียเปล่า แต่ความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองครอบครัวจะยังคงอยู่เหมือนเดิม ทางด้านน่านฟ้าไม่ได้รู้สึกตกใจหรือเสียใจแต่อย่างใดเมื่อได้รับข่าวจากครอบครัวว่าคู่หมั้นสาวขอถอนหมั้น เพราะเขารู้อยู่แล้วเพียงแต่แค่รอเวลาให้หญิงสาวเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดเอง สำหรับเขา…ได้ความโสดกลับมาอีกครั้ง! แต่สำหรับเธอ…ได้ของขวัญที่มีค่าที่สุด! ในเมื่อวันนี้พี่น่านไม่เห็นค่าความรักของหนาว..วันหน้าหนาวก็จะไม่รักพี่แล้วนะ.. หนาวขอยอมแพ้..คืนอิสระให้พี่น่าน โชคดีนะคะ..ลาก่อนค่ะ ข้อความสุดท้ายที่ลมหนาวส่งให้อดีตคู่หมั้น ก่อนจะตัดการติดต่อสื่อสารทุกช่องทาง ชาตินี้คงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้วเจ็ดปีต่อมา / ประเทศฝรั่งเศส“อย่า! อย่าเข้ามานะ..ออกไป! อย่า!!”หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ฝัน! เธอฝันอีกแล้ว เธอฝันเห็นเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นในวันนั้นเจ็ดปีแล้วที่มันยังคงตามมาหลอกหลอนเธอ เมื่อไหร่มันจะหายไปจากความทรงจำของเธอสักที เธอเจ็บปวดทุกครั้งที่ฝันถึงเรื่องวันนั้น แล้วเรื่องราวต่างๆ ที่เธออยากจะลืมมันก็กลับเข้ามาในหัวของเธออีกครั้ง และไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ลมหนาวตกใจอีกครั้ง เธอเปิดไฟที่อยู่บนหัวเตียงก่อนจะลงจากเตียงแล้วเดินไปเปิดประตู ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นใคร“แม่ฝันร้ายอีกแล้วหรอฮะ?” ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก เด็กชายดาวเหนือในวัยหกขวบ ที่มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลามาตั้งแต่เล็กๆ เอ่ยถามมารดา “จ่ะ..แม่น่าจะเหนื่อยน่ะ ก็เลยฝันร้าย เหนือกลับไปนอนเถอะลูก ดึกมากแล้ว” หญิงสาวยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะตอบลูกชาย เธอไม่อยากให้ลูกต้องเป็นห่วง“ให้เหนือนอนกับแม่ได้มั้ยฮะ? เหนืออยากนอนกอดแม่ เผื่อแม่จะได้ไม่ฝันร้ายอีก” หญิงสาวยิ้มให้ลูกชายก่อนจะตอบกลับไป“ได้เลยจ่ะ..ปะ! งั้นเรามานอนกอดกัน” จากนั้นไม่นานนักสองแม่ลูกก็นอนกอดกันและพากันเข้า
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาณ สนามบินxxxลมหนาวกับดาวเหนือมาถึงสนามบินเวลาประมาณเกือบเที่ยงตามเวลาของประเทศไทย ดาวเหนือดูตื่นเต้นที่ได้มาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นประเทศที่มารดาบอกว่าเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเขาและมารดา ในขณะที่สองแม่ลูกกำลังเดินออกจากประตูผู้โดยสารขาออก ลมหนาวมองไปยังข้างหน้าที่มีผู้คนมากมายยืนถือป้ายรอรับผู้โดยสารที่ลงมาจากเครื่องบิน บ้างก็เป็นญาติ เป็นเพื่อน เธอหาดูว่ามีป้ายชื่อของเธอหรือไม่ เพราะเธอไม่รู้ว่าเพื่อนรักของเธอที่นัดกันไว้ว่าจะมารับเธอกับลูกนั้นมาถึงสนามบินหรือยัง เธอติดต่อเพื่อนไม่ได้ แต่เธอก็บอกเวลาที่จะมาถึงให้เพื่อนทราบแล้ว ทันใดนั้น ลมหนาวก็เจอคนที่กำลังรอ เรนท์ ผู้ชายตัวสูงๆ ขาวๆ หล่อแบบตี๋ๆ เธอรีบโบกมือให้เพื่อนรักทันที เพราะเรนท์ ก็เห็นเธอกับดาวเหนือแล้วเช่นกัน เขาโบกมือกลับมา “หนาว..คิดถึงจัง ขอกอดหน่อย” พูดจบเรนท์ก็ยื่นแขนทั้งสองข้างไปกอดเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันเกือบปี “ฉันก็คิดถึงแก ปล่อยได้แล้วหายใจไม่ออก” ลมหนาวบอกเพื่อนรักเพราะรู้สึกว่าเรนท์จะกอดเธอแน่นจนเกินไป“น้องเหนือ…มาให้ป๊ากอดหน่อยเร็ว ป๊าคิดถึงจะแย่” “สวัสดีฮะ..ป๊า” ดาวเหนือยกมือ
หลายวันผ่านไปครืด! ครืด!เสียงโทรศัพท์ของลมหนาวดังขึ้น เมื่อเห็นว่าใครโทรมาลมหนาวจึงกดรับสายทันที(หนาว..แกไปดูโรงเรียนให้ลูกชายฉันหรือยัง?) ทันทีที่เพื่อนรับสาย เรนท์ก็โพล่งออกไป“ไปดูมาแล้วแก เป็นโรงเรียนเอกชนชื่อดังของจังหวัด ฉันว่าโอเคนะแก สภาพแวดล้อม การเรียนการสอน ทุกอย่างโอเค ฉันเลือกที่นี่แหละ ไม่ไกลจากบ้านด้วย”(อืมๆ ดีแล้วแก ถ้ามาเรียนในกรุงเทพฯ เดินทางลำบาก สงสารลูกชาย)“แกโทรมามีอะไรรึเปล่า?”(มีสิ เสาร์อาทิตย์นี้ยัยทิชากลับจากต่างจังหวัด ฉันว่าจะชวนแกสองคนไปดริ้งค์สักหน่อย ยัยทิชาโอเคแล้วเหลือฉันก็เลยโทรมาบอกแกนี่แหละ)“ฉันไม่รู้จะไปได้รึเปล่า ไหนจะน้องเหนืออีก)(แกห้ามปฏิเสธ ถือว่าฉันเลี้ยงต้อนรับแกกลับไทย ส่วนน้องเหนือไม่ต้องเป็นห่วง ป๊ากับม๊าฉันอาสาดูแลให้ ป๊ากับม๊าอยากเจอน้องเหนือมากๆ)“จะดีเหรอแก..เกรงใจป๊ากับม๊าแกอ่ะ” “ไม่ต้องเกรงใจ ป๊ากับม๊าฉันชอบเด็ก โอเคตามนี้นะ เดี๋ยววันศุกร์ฉันจะไปรับ”“โอเคค่า..คุณเพื่อน” ดีเหมือนกันเพราะเธอเองก็อยากไปเปิดหูเปิดตาบ้าง เมื่อก่อนทั้งสามคนไปเที่ยวผับกันบ่อย ตั้งแต่ที่เพื่อนทั้งสองกลับเมืองไทยเธอก็ไม่เคยได้ไปเที่ยวแบบนี้อีกเลยเ
วันเสาร์ / ผับชื่อดังแห่งหนึ่งโครงการฝากลูกไว้กับคุณปู่คุณย่านั้นถือว่าประสบผลสำเร็จ ป๊ากับม๊าของเรนท์นั้นรักและเอ็นดูดาวเหนือมาก ส่วนดาวเหนือก็ติดปู่กับย่าแจเพราะถูกตามใจ ดาวเหนือเป็นเด็กที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย เธอจึงไม่กังวลเรื่องนี้ เธอกับเรนท์นัดเจอกับทิชาที่ผับแห่งหนึ่ง ตอนนี้ทิชากำลังจะจอดรถ เมื่อสองสาวกับหนึ่งหนุ่มมาเจอกัน ความสนุกสนานได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง“หนาว ฉันคิดถึงแกมาก” ทิชาลากเสียงยาวเพื่อต้องการให้เพื่อรู้ว่าเธอคิดถึงเพื่อนมากแค่ไหน“ฉันก็คิดถึงแก” พูดจบลมหนาวกับทิชาก็กอดกันกลมจนผู้ชายคนเดียวในกลุ่มเริ่มจะอิจฉา“นี่หล่อน..จะกอดกันอีกนานมั้ย? รีบเข้าไปกันดีกว่าฉันอยากจะแดนซ์ใจจะขาด” “จ้า / จ้า” สองเสียงประสานขึ้นพร้อมกัน จากนั้นเพื่อนรักทั้งสามคนก็พากันเดินเข้าไปในผับที่มีชื่อเสียงที่สุดในกรุงเทพฯเรนท์เลือกโต๊ะที่อยู่มุมๆ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน เพราะต้องการเม้าท์มอยกับเพื่อนที่ไม่ค่อยได้เจอกัน จากนั้นทั้งสามคนก็สั่งเครื่องดื่ม ลมหนาวดื่มแอลกอฮอล์เป็นเพราะเพื่อนสองคนนี้แหละ ครั้งแรกที่เธอเข้าผับ เธอสั่งน้ำเปล่า จนเพื่อนทั้งสองทนไม่ไหวบังคับให้เธอหัดดื่มแอลกอฮอล์ เรนท
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปคุณตาอานนท์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้โยกตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าบ้าน เห็นรถของหลานชายแล่นเข้ามา ชายชราจึงวางหนังสือลงบนโต๊ะที่อยู่ข้างเก้าอี้ นึกแปลกใจเพราะช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลานชายไม่ค่อยได้มาที่บ้านสวนเพราะมีงานที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ค่อยมีเวลาว่าง น่านฟ้าจะมาก็ต่อเมื่อเขาป่วยหรือมีธุระที่ต้องให้น่านฟ้าเป็นคนจัดการ “สวัสดีครับตา” น่านฟ้าเดินเข้ามาหาผู้เป็นตาก่อนจะยกมือไหว้“ไงตาน่าน ทำไมวันนี้ถึงมาหาตาได้ งานไม่ยุ่งหรือไง?”“ผมพึ่งเคลียร์งานเสร็จครับ พอดีช่วงนี้ที่ห้างกำลังจัดโปรโมชั่นช่วงซัมเมอร์ ตอนนี้ผมก็เลยพอมีเวลา เลยมาหาตานี่แหละครับ ตาสบายดีนะครับ?” น่านฟ้าอธิบายให้ผู้เป็นตาทราบก่อนจะเอ่ยถามออกไป“ก็สบายดีตามประสาคนแก่แหละ ไม่มีลูกหลานมาดูแลเหมือนไอ้ชัยมันก็จะเหงาๆ นิดหน่อย” ชายชราพูดด้วยอารมณ์น้อยใจเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักที่บ้านอยู่ติดกันมีหลานสาวมาดูแลยามแก่ชรา“โถ่!! ตาครับ ผมสัญญาว่าผมจะหาเวลามาเยี่ยมตาบ่อยๆ ดีมั้ยครับ อ้อ! เมื่อกี้ตาบอกว่าตาชัยมีลูกหลานมาดูแล หมายความว่ายังไงครับ” ชายหนุ่มถามเหมือนกับว่าเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าลมหนาวกลับมาแล้ว
ทางด้านลมหนาว ตอนนี้เธอกำลังจะทำความฝันในวัยเด็กของตัวเองให้เป็นจริง นั่นก็คือ สร้างแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง เธอปรึกษาเรื่องนี้กับเรนท์มานานแล้ว และตอนนี้มันก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่ได้คอนแท็กต์มาจากเรนท์ซึ่งแน่นอนว่างานตัดเย็บมีคุณภาพ ราคาต้นทุนอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ส่วนแบบเสื้อผ้านั้นเธอมีเยอะแยะมากมาย เนื่องจากว่าเวลาที่เธอออกแบบเสื้อผ้าถ้าเธอชอบแบบไหนเธอก็จะเก็บสะสมไว้ในคอลเล็คชั่นของตัวเอง ไม่นำไปขายให้แบรนด์ดังที่เธอร่วมงานอยู่ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังออกแบบเสื้อผ้าขายให้กับแบรนด์ดังๆ อยู่ และตอนนี้ก็เหลือแค่ช็อปที่ยังหาไม่ได้ อันที่จริงเรนท์ชวนเธอไปเปิดช็อปที่อยู่ติดกับช็อปของเรนท์เนื่องจาก ช็อปเดิมเป็นช็อปขายรองเท้าแบรนด์ของคนไทยซึ่งเจ้าของจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เธอมีความกังวลเป็นอย่างมากเพราะว่าช็อปนั้นอยู่ในห้างสรรพสินค้าคริสตัลปาร์ค ซึ่งเป็นห้างของคนเลวๆ คนนั้น เธอไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเขาคนนั้นอีก แต่ทว่าตอนนี้เธอเองก็ยังหาช็อปที่ห้างอื่นไม่ได้ เธอเข้ากรุงเทพฯ ขับรถตระเวนไปตามห้างต่างๆ แต่ยังไม่มีช็อปไหนว่างให้เธอเช
สองสัปดาห์ผ่านไป งานแฟชั่นโชว์เปิดตัวเสื้อผ้าแฟชั่นสำหรับผู้หญิง ภายใต้แบรนด์ Wintery วินเทอรี่ ได้ถูกจัดขึ้นที่ใจกลางห้างสรรพสินค้าคริสตัลปาร์คอย่างสวยงาม เริศ หรู ภายใต้สโลแกนที่บอกว่า Chic Couture ความเป็นเลิศในแฟชั่นที่หรูหรา วันนี้คุณตาวีระชัยและดาวเหนือมาร่วมงานเปิดตัวแบรนด์เสื้อผ้าด้วย ทุกคนที่ลมหนาวรักมาร่วมแสดงความยินดีกับเธอครบทุกคน โดยเฉพาะน้าวีนากับทอมมี่ที่บินมาจากฝรั่งเศสเพื่อมาเซอร์ไพรส์เธอโดยเฉพาะ ลมหนาวดีใจจนน้ำตาไหล“น้าขอแสดงความยินดีด้วยนะหนาว..น้าขอให้หนาวประสบความสำเร็จในทุกๆ อย่างนะ น้าจะคอยเป็นกำลังใจให้หนาวเสมอนะลูก”“ขอบคุณค่ะ น้านา หนาวรักน้านานะคะ” ลมหนาวสะอื้นไห้พูดออกมาด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ “ตายินดีกับความสำเร็จของหนาวด้วยนะลูก หนาวเป็นคนเก่ง ตาเชื่อว่าหลานของตาจะต้องประสบความสำเร็จในทุกๆ เรื่อง” ผู้เป็นตาเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจที่หลานสาวมีวันนี้“ขอบคุณค่ะตา หนาวรักตาที่สุดเลยค่ะ..ขอบคุณที่ตาคอยอบรมสั่งสอนดูแลหนาวมาตั้งแต่เด็กๆ นะคะ” หญิงสาวหันไปกอดผู้เป็นตาน้ำตาที่พึ่งจะเหือดแห้งไปไหลออกมาอีกครั้ง“แม่ฮะ..เหนือขอให้ชุดของแม่มีคนซื้อ
หลังจากงานแฟชั่นโชว์เปิดตัวแบรนด์เสื้อผ้าผ่านพ้นไป ลมหนาวก็เข้าช็อปทุกวัน เพราะช่วงแรกอะไรก็ยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง หญิงสาวจึงต้องมาดูแลด้วยตัวเอง เธอฝากดาวเหนือให้คุณตาวีระชัยดูแลเพราะไม่อยากพามาที่ช็อปด้วยไม่อยากให้ลูกเจอกับคนที่ไม่ควรเจอ“เออแก..แกพาน้องเหนือไปสมัครเรียนมาแล้วใช่ปะ?”“ไปสมัครมาแล้ว อีกครึ่งเดือนโรงเรียนก็จะเปิดเทอมแล้ว”“แล้วแกจะไปรับไปส่งน้องเหนือที่โรงเรียนเองหรือเปล่า?” “อืม..ฉันต้องรับส่งเองแหละเพราะลุงศรก็อายุมากแล้วหูตาแกไม่ค่อยจะดี ฉันกะว่าตอนเช้าหลังจากที่ไปส่งน้องเหนือเสร็จก็ไปช็อปต่อ พอถึงเวลาประมาณบ่ายสองก็ขับรถกลับมารับน้องเหนือกลับบ้าน” “ไหวมั้ยแก..อาจจะต้องเหนื่อยหน่อยนะ ถ้าอะไรๆ มันลงตัวมากกว่านี้ แกก็ไม่ต้องเข้าช็อปบ่อยๆ ดูอย่างฉันสิ! ชิวจะตาย”“ต้องไหวสิ..เพื่ออนาคตของฉันกับน้องเหนือ” “ตั้งแต่เปิดฉันช็อปมาไม่เคยมีลูกค้าเข้าช็อปเยอะเหมือน ช็อปแกเลย แกเก่งมากๆ เลยนะ ฉันดีใจที่แกประสบความสำเร็จทำตามความฝันของตัวเองให้เป็นจริงได้” เรนท์ยินดีกับความสำเร็จของเพื่อนด้วยใจจริง“ฉันจะไม่มีวันนี้..ถ้าฉันไม่มีแก ขอบคุณแกมากนะ ขอบคุณจริงๆ ไม่รู้จะตอบแทนแกย
หนึ่งปีผ่านไป“แมะ แมะ” เสียงเรียกแม่ของเด็กหญิงดาวนิลที่ตอนนี้อายุได้หนึ่งขวบห้าเดือน เด็กหญิงกับผู้เป็นแม่เดินเล่นอยู่ที่สวนข้างบ้าน“จ๋า..คนสวยของแม่” หญิงสาวย่อตัวลงก่อนจะค่อยๆ อุ้มลูกสาวตัวน้อยขึ้นมาด้วยสรีระที่เปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัดเจน ใช่แล้ว! เธอกำลังตั้งท้องได้ยี่สิบแปดสัปดาห์หรือเจ็ดเดือน ชายหนุ่มอ้อนวอนเธอว่าอยากมีลูกเพิ่มอีกหนึ่งคน เขาไม่ยอมให้เธอคุมกำเนิด และเขาก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอทุกค่ำคืน จนในที่สุด เธอก็ท้องอีกครั้ง “ป้อ ป้อ” เด็กหญิงชี้ไปที่ชายหนุ่มที่เดินตรงมาที่ทั้งสองยืนอยู่ “ดาวนิล มาหาพ่อเร็ว” ชายหนุ่มยื่นมือทั้งสองข้างออกไปอุ้มลูกสาวตัวน้อย เขาไม่อยากให้ภรรยาที่ตอนนี้ท้องแก่ต้องอุ้มลูกสาวเยอะ เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับลูกน้อยในท้อง เด็กหญิงดาวนิลโน้มตัวไปหาผู้เป็นพ่ออย่างรวดเร็ว“ตอนนี้ดาวนิลกำลังซน เหนื่อยหน่อยนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของภรรยาดูเหนื่อยๆ เขารู้สึกสงสารภรรยาที่ต้องอุ้มท้องอีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้อยู่ในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ในคราแรกเธอไม่ยอมมีลูกอีก บอกว่าสองคนก็เพียงพอแล้ว แต่เป็นเพราะเขาที่ขอร้องอ้อนว
โรงแรมสุดหรูใจกลางกรุงเทพมหานครงานแต่งระหว่าง น่านฟ้า และ ลมหนาว จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ สมหน้าตาของทายาทเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังและเจ้าของห้องเสื้อแบรนด์ดัง ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในสังคม แขกที่มาในงานล้วนแล้วแต่เป็นญาติผู้ใหญ่และคนรู้จักของทั้งสองตระกูล ไฮโซของเมืองไทย ดาราเซเล็บ สื่อ ช่างภาพ นักข่าวทุกสำนัก ต่างมารวมตัวที่งานแต่งงานในวันนี้ กลายเป็นข่าว ท้อลออฟเดอะทาวน์กันเลยทีเดียวงานในตอนเช้า เมื่อเจ้าบ่าวเข้ามาในพิธีเรียบร้อยแล้ว เรนท์กับทิชาก็พาเพื่อนรักเดินมา ลมหนาวสวมใส่ชุดไทยประยุกต์สีทอง พาสสไบลูกไม้สีทอง ผมถูกเกล้าขึ้นไปอย่างสวยงาม เปิดใบหน้านวลอันหวานหยาดเยิ้มที่ถูกเครื่องสำอางราคาแพงตกแต่งด้วยฝีมือของช่างแต่งหน้าเบอร์หนึ่งของเมืองไทย เมื่อเจ้าสาวเดินเข้ามาในพิธี แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปก็รัวระยิบระยับ น่านฟ้าจ้องมองเจ้าสาวด้วยความตกตะลึง ปกติเธอไม่แต่งหน้าทำผมก็สวยมากอยู่แล้ว พอแต่งหน้าทำผมแบบวันนี้ยิ่งสวยเข้าไปอีกเป็นเท่าตัว เจ้าสาวเดินลงมานั่งพับเพียบข้างๆ เจ้าบ่าวที่แต่งชุดราชปะแตนหล่อเนี๊ยบเหมือนคุณชายในราชวัง“วันนี้หนาวสวยมากเลยรู้มั้ย?” ชายหนุ่มกระซิบ
หลังคลอดลมหนาวต้องรอดูอาการอยู่ในห้องพักฟื้นสองชั่วโมง จากนั้นสองแม่ลูกจึงถูกส่งตัวไปห้องพักพิเศษ น่านฟ้าดูแลลมหนาวและลูกน้อยไม่ห่าง ยิ่งในยามที่ลูกสาวตัวน้อยดื่มนมจากอกของมารดา ปากน้อยๆ งับยอดดอกบัวสีชมพู ชายหนุ่มมองด้วยสายตาหื่นกระหาย เขาลอบกลืนน้ำลายลงคอจนหญิงสาวได้ยิน ลมหนาวเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเชิงตำหนิแบบไม่จริงจังนัก จากนั้นไม่นานลูกสาวตัวน้อยกินนมจนอิ่ม ปากน้อยผละออกจากยอดถันสีสวย หญิงสาวรีบติดกระดุมเสื้อทันที จนชายหนุ่มรู้สึกเสียดาย“เอ่อ..หนาวจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรครับ?” ตั้งสติได้ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามออกไป“คนโตหนาวเป็นคนตั้ง..คนเล็กให้พี่น่านตั้งก็แล้วกันค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้เขา“จริงเหรอ! หนาวให้พี่ตั้งชื่อลูกจริงๆ ใช่มั้ย?” ชายหนุ่มถามออกไปด้วยความดีใจ“ค่ะ..” หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ“อืม..ลูกชายคนโตชื่อดาวเหนือ ลูกสาวคนเล็กชื่อ…ดาวนิล ดีมั้ย?” ชายหนุ่มทำท่าคิดก่อนจะกล่าวออกไป“เพราะดีนะคะ..หนาวชอบ” ดาวเหนือกับดาวนิล เข้ากันดีนะ..เข้าใจคิดนะคุณพ่อลูกสอง หญิงสาวอมยิ้มอยู่คนเดียว“หนาวหายโกรธพี่แล้วใช่มั้ยครับ? ยกโทษให้พี่แล้วใช่มั้ย?” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ห
สองสัปดาห์ผ่านไปน่านฟ้าเดินทางไปฝรั่งเศสทันทีหลังจากที่เขาเคลียร์งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มลาพักร้อนหนึ่งสัปดาห์เพื่อมาง้อลูกง้อเมีย ทุกคนต่างเอาใจช่วยน่านฟ้าขอให้เขาง้อลมหนาวได้สำเร็จเสียงกริ่งดังขึ้นที่หน้าบ้านในขณะที่ลมหนาวกำลังนั่งออกแบบเสื้อผ้าอยู่ และน้าวีนากำลังเตรียมอาหารว่าง“หนาวไปดูให้น้าหน่อยว่าใครมา” ความจริงแล้ววีนารู้ดีที่สุดว่าใครที่มาเวลานี้“ได้ค่ะ” ลมหนาวตอบออกไปพร้อมกับเดินไปเปิดประตูหน้าบ้าน “มาทำไมไม่ทราบ?” ลมหนาวถามเสียงแข็งเมื่อเห็นว่าใครที่ยืนอยู่หน้าประตู“มาง้อลูกกับเมียครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยสายตากรุ้มกริ่ม เขาลอบมองลงไปที่ท้องนูนของหญิงสาว รู้สึกวาบหวิวในหัวใจ อยากยื่นมือไปสัมผัสลูกน้อยเหลือเกิน“มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น” หญิงสาวตะโกนไล่ชายหนุ่มเสียงดังพอที่น้าวีนาจะได้ยิน “ใครมาเหรอหนาว? อ้าวตาน่าน มาได้ยังไง เข้ามาก่อนมา” วีนาแสร้งทำเป็นตกใจที่เห็นน่านฟ้าและเอ่ยชวนแขกเข้าบ้าน“น้านาจะชวนเค้าเข้ามาทำไมคะ?” หญิงสาวหันไปถามน้าสาวด้วยน้ำเสียงคล้ายกับไม่พอใจ“อ้าว..ก็แขกมาบ้าน เราก็ต้องต้อนรับขับสู้สิลูก จะไปไล่แขกได้ยังไงกัน”“แต่..” “ไม่ต้องแต่แล้ว..ไ
ณ สนามบินxxx“เดินทางปลอดภัยนะแก..ถึงแล้วบอกด้วย” เรนท์ดึงหญิงสาวเข้ามากอด“อืม..ขอบใจแกมากนะ สำหรับทุกอย่าง” ลมหนาวน้ำตารื้นขึ้นมา เธอทนอยู่ที่นี่ไม่ไหวจริงๆ ครั้งนี้อาจจะเป็นการไปแบบถาวร เธออธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้คุณตาวีระชัยกับน้าวีนาฟังหมดทุกอย่าง ทั้งสองคนต่างเข้าใจและยอมรับในการตัดสินใจของเธอในขณะที่น่านฟ้านั้นกำลังขับรถไปที่สนามบินด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ แต่สภาพการจราจรในกรุงเทพฯ นั้น ทำให้เขาไม่สามารถขับได้อย่างใจต้องการ ชายหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือเหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีจะบ่ายโมง เขาเห็นวินมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ข้างๆ รถ ชายหนุ่มไม่รอช้า เขาคว้ากระเป๋าสตางค์รีบลงจากรถและกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปทันที โดยไม่สนใจเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เขาทิ้งรถไว้กลางถนนเลยแต่สุดท้าย..น่านฟ้าก็ไปไม่ทัน ลมหนาวกับดาวเหนือไปแล้ว เขาทรุดลงกับพื้นร้องไห้ออกมา พร่ำด่าตัวเองจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ต่างก็มองมาที่ชายหนุ่ม ในขณะที่เขากำลังก้มหน้าอยู่กับพื้นนั้น เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา “อย่าพึ่งหมดหวังสิคุณน่าน..ฝรั่งเศสอยู่แค่นี้เอง ตื๊อเท่านั้นที่ครองโ
ทางด้านลมหนาว หลังจากที่เธอพาดาวเหนือขึ้นมาบนห้อง เธอรีบโทรหาเรนท์และบอกให้เรนท์มารับเธอที่บ้านของน่านฟ้าตอนนี้ เธอทนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวแล้ว หญิงสาวรีบเก็บเสื้อผ้าของตัวเองและของดาวเหนือใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เรนท์ที่ยังงงๆ เพราะไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ก็รีบขับรถมาหาเพื่อนทันที“หนาวลานะคะ..คุณลุงคุณป้า หนาวคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว น้องเหนือกราบลาคุณปู่กับคุณย่าสิครับ” เด็กชายยกมือไหว้คุณปู่คุณย่าตามที่มารดาบอก“ใจเย็นๆ นะหนูหนาว..รอพี่เค้าก่อนนะลูก นี่ก็ค่ำมืดแล้วจะพาลูกพาเต้าไปไหน” “ไม่รอค่ะ..หนาวให้เพื่อนมารับ คุณป้าไม่ต้องห่วงนะคะ” “โถ่เอ้ย! เวรกรรมอะไรหนักหนา น้องเหนือก็พึ่งจะยอมรับในตัวพ่อ ดันมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” คุณหญิงน้ำฟ้าบ่นพึมพำออกมา“หนาวไปแล้วนะคะ..เพื่อนมารอแล้ว” พูดจบหญิงสาวก็ลากกระเป๋าเดินออกไปจากคฤหาสน์แห่งนี้พร้อมกับลูกชายของเธอหลังจากนั้นไม่นาน เรนท์ก็พาสองแม่ลูกไปพักที่คอนโดของเขา ซึ่งนานๆ เขาจะมานอนเพราะปกติเขานอนที่บ้าน หญิงสาวเล่าเรื่องทุกอย่างให้เรนท์ฟัง ในขณะที่ดาวเหนือนอนหลับไปแล้วด้วยความเพลีย“ทำไมคุณน่านถึงได้เลวขนาดนี้วะ..แล้วนี่แกจะเอายัง
เมื่อน่านฟ้าขับรถกลับมาถึงบ้านเสียงข้อความแจ้งเตือนดังขึ้น ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วก็หย่อนใส่กระเป๋ากางเกงทันทีเพียงฟ้า : น่าน สะดวกคุยมั้ย ถ้าสะดวกโทรมาหาฟ้าหน่อยนะ ลมหนาวกับดาวเหนือเข้าบ้านไปแล้ว ชายหนุ่มจึงเดินออกไปที่สวนข้างบ้าน จากนั้นจึงโทรหาเพียงฟ้าทันที“ฮัลโหลฟ้า มีอะไรหรือเปล่า”(น่าน พอดีฟ้ารู้สึกเวียนหัวมากเลยแล้วก็อาเจียนหนักมาก ฟ้ากินอะไรไม่ได้เลย)“จริงเหรอ แล้วฟ้าไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวให้เราไปหามั้ย?”(ไม่เป็นไร ฟ้าเกรงใจ น่านอยู่กับลูกกับเมียน่านไปเถอะ)“ฟ้าอย่าคิดมากนะ ถึงยังไงเราก็จะรับผิดชอบฟ้ากับลูกอยู่แล้ว” (แล้วน้องหนาวล่ะ)“เอ่อ..เรื่องนั้นเดี๋ยวเราจัดการเอง” (ฟ้าขอบคุณน่านมากๆ นะ ที่ยอมรับลูกในท้องของฟ้า)“ฟ้าอย่าพูดแบบนั้นสิ ถึงยังไงเด็กในท้องของฟ้าก็เป็นลูกของเรา”(น่านยังรักฟ้าอยู่มั้ย)“เรารักฟ้านะ”สิ้นสุดประโยคนี้จากปากของน่านฟ้า ลมหนาวแทบจะทรงตัวไม่อยู่ เธอเห็นว่าเขาเดินออกมาข้างบ้านก็เลยออกมาตามหา เธอได้ยินทุกอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นจนถึงประโยคล่าสุด เรารักฟ้านะ เธอไม่สามารถจะยืนฟังต่อได้จริงๆ เธอรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที แต่เดินมาได้ไม่กี
“เมื่อคืนพี่น่านกลับดึกเหรอคะ?” ลมหนาวถามออกไปขณะอยู่บนรถหลังจากที่ทั้งคู่ไปส่งดาวเหนือที่โรงเรียนแล้ว“เอ่อ..พี่กลับประมาณห้าทุ่มได้ พี่คิดว่าหนาวน่าจะหลับแล้วก็เลยไม่ได้บอก พี่ขอโทษนะครับ..”“อ๋อค่ะ..ไม่เป็นไรหนาวเข้าใจ ยังไงลูกค้าก็เป็นคนสำคัญ” หญิงสาวตอบพร้อมกับส่งยิ้มน้อยๆ ให้ชายหนุ่มสามวันผ่านไป‘น่าน หมอให้ฟ้าออกจากโรงพยาบาลแล้ว น่านมารับฟ้าได้มั้ย’ข้อความส่งมาจากเพียงฟ้า ชายหนุ่มตรึกตรองอยู่ชั่วครู่ จึงส่งสติกเกอร์โอเคกลับไป หลังจากนั้นน่านฟ้าก็โทรหาลมหนาวบอกว่าต้องออกไปพบลูกค้า น่าจะกลับค่ำ ให้หญิงสาวไปรับลูกกลับบ้านก่อนเลยหลังจากนั้นน่านฟ้าก็ไปรับเพียงฟ้าออกจากโรงพยาบาลและพาไปส่งที่คอนโดของหญิงสาว“กินน้ำก่อนสิ..น่าน” เพียงฟ้ารินน้ำที่อยู่ในตู้เย็นใส่แก้วและเดินมายื่นให้ชายหนุ่ม“ขอบคุณนะ” น่านฟ้ารับน้ำมาและยกขึ้นดื่มจนหมดแก้ว เพียงฟ้าลอบยิ้มอยู่ในใจ“น่านจะกลับเลยก็ได้นะ..ฟ้าไม่เป็นไรแล้ว ฟ้าอยู่ได้” “แน่ใจเหรอว่าอยู่ได้” ชายหนุ่มถามกลับไป ทว่าจู่ๆ เขาก็รู้สึกมึนๆ ชั่วพริบตาชายหนุ่มก็ไม่ได้สติหลับไปในที่สุดเวลาล่วงเลยมาจนเกือบเที่ยงคืน น่านฟ้าตื่นลืมตาขึ้นมา ชายหนุ่มตก
หลังจากวันที่น่านฟ้าได้เจอกับเพียงฟ้า หญิงสาวก็เริ่มส่งข้อความหา โทรหา หรือมาหาชายหนุ่มที่ห้องทำงานบ่อยขึ้นจนน่านฟ้าเองเริ่มรู้สึกอึดอัด และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เพียงฟ้ามาหาชายหนุ่มที่ห้องทำงานเพื่อจะชวนชายหนุ่มไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน แต่ทว่า..ก๊อก! ก๊อก! พร้อมกับเสียงเปิดประตู น่านฟ้ารู้ทันทีว่าลูกชายมาหาเพราะเขาบอกกับเลขาหน้าห้องว่าถ้าลมหนาวกับดาวเหนือมาให้เข้ามาได้เลย ตอนนี้มีพนักงานไม่กี่คนที่รู้ว่าเขามีลูกมีเมียแล้วและหนึ่งในนั้นก็คือวิภา เลขาของเขา “พ่อฮะ..ไปทานข้าวกันเถอะฮะ เหนือหิวแล้ว” เด็กชายวิ่งไปเกาะไหล่ผู้เป็นพ่อทันทีที่ประตูห้องทำงานถูกเปิดออก โดยไม่ได้สนใจว่ามีใครนั่งหันหลังให้ ลมหนาวที่เดินตามเข้ามาติดๆ เมื่อเห็นว่าน่านฟ้ามีแขกจึงรีบเอ่ยออกมา“เอ่อ..ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าพี่น่านกำลังมีแขก น้องเหนือออกมาก่อนลูก” ไม่เห็นเลขาของเขาจะพูดอะไร“ไม่เป็นไรหนาว..นี่เพื่อนพี่เอง เพียงฟ้าไง จำได้มั้ย?” เพียงฟ้าที่กำลังงงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ น่านฟ้ามีลูกมีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย เจนจิราก็เหมือนจะไม่รู้เรื่องนี้“อ๋อ..ค่ะ จำได้ค่ะ” เธอจำได้ดีเลยล่ะ “เอ่อ..นี