เช้าวันต่อมา
“ไอ้นนท์..เอ็งเห็นหลานสาวข้ามั้ยวะ? เช้านี้ไม่เห็นมาเตรียมของใส่บาตร ข้าเลยไปตามที่ห้องกลัวว่าจะไม่สบาย แต่ที่ห้องก็ไม่มี ข้าเดินตามหาจนทั่วบ้านแล้วก็ไม่เจอ” ชายชราเอ่ยถามเพื่อนรักที่เติบโตมาด้วยกัน กินนอนด้วยกัน เรียนด้วยกัน แถมบ้านยังอยู่ติดกัน “ข้าไม่เห็นว่ะ แต่เดี๋ยวข้าจะไปถามตาน่านดู เอ็งไปกับข้าสิ ไม่รู้ป่านนี้ตื่นรึยัง เมื่อคืนคงจะเมาหนัก” ว่าแล้วก็เดินนำเพื่อนรักไปยังห้องนอนของหลานชาย เมื่อชายชราทั้งสองเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องของหลานชาย ผู้เป็นตาจึงเคาะเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบรับเช่นกัน คงจะเมาหนัก เขาจึงตัดสินใจผลักประตูเข้าไป ทันใดนั้นเอง เสียงเอะอะก็ดังขึ้นด้วยความโมโห “น่าน…นี่แกทำอะไรน้อง?” เสียงตวาดของชายชราทำให้ร่างสองร่างที่นอนอยู่ข้างๆ กันตื่นขึ้นมาทันที น่านฟ้าทำหน้าฉงนและตกใจกับคำพูดของคุณตา เขาหันไปมองคนข้างกายด้วยสายตาที่ตกใจ เขารู้ได้ทันทีว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาพอจะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ แล้วความเกลียดชังในตัวหญิงสาวก็เพิ่มขึ้นจนแทบอยากจะบีบคอหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าให้ตายคามือ หล่อนจงใจเข้าหาเขา เพราะเห็นว่าเขาเมา “เมื่อคืนผมเมามากครับตา ผมไม่รู้ว่าหนาวมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ชายหนุ่มตอบออกไปพร้อมกับหันไปมองหญิงสาวด้วยสายตาชิงชัง “ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยทั้งคู่ แล้วลงไปคุยกันข้างล่าง” สิ้นเสียงประมุขของบ้าน ชายชราทั้งสองก็เดินลงไปรอที่ห้องรับแขก คุณตาของหญิงสาวสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก “นี่เธออยากมีผัวขนาดนี้เลยเหรอ เห็นว่าฉันเมาใช่มั้ยเลยถือโอกาส เธอนี่มันร้ายกาจมากเลยนะ” เสียงของชายหนุ่มเอ่ยออกมาทันทีที่คุณตาของทั้งคู่เดินจากไป “หนาวป่าวนะพี่น่าน..หนาวแค่เห็นว่าพี่เมามากหนาวก็เลยพามาส่งที่ห้อง” หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น “อย่ามาตอแหล..ฉันรู้ว่าเธอคิดยังไงกับฉัน แต่ฉันเกลียดเธอ จำใส่สมองไว้ด้วย ยิ่งตอนนี้ยิ่งโคตรเกลียด” พูดจบชายหนุ่มก็ลงจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นโดยไม่สนใจสักนิด หลังจากผ่านการร้องไห้อย่างหนักหน่วง หญิงสาวพยุงร่างบอบบางขึ้นจากเตียงก่อนจะข่มความเจ็บปวดจากจุดอ่อนไหวก้าวไปหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่กับพื้นขึ้นมาสวมใส่อย่างรวดเร็ว มือเรียวสวยปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะก้าวเดินออกไปด้วยความเจ็บปวด ยังไม่ทันจะออกจากห้อง เสียงทุ้มก็ดังมาจากประตูหน้าห้องน้ำ “เดี๋ยว.. อย่าพึ่งไป” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเดินไปที่โต๊ะข้างเตียงก่อนจะดึงลิ้นชักและหยิบบางสิ่งออกมา เขาสาวเท้าเดินไปหาหญิงสาวก่อนจะยื่นของในมือให้ “กินซะ!! ตอนนี้เลย..ฉันไม่ต้องการมีลูกกับเธอ” เขาสั่งเสียงแข็ง “หรือต่อให้เธอจะท้องฉันก็ไม่มีวันยอมรับมารหัวขนนั่นหรอก จำใส่หัวเธอไว้ด้วย” ต่อด้วยประโยคที่ฟังแล้วเจ็บจนจุก “.....” เขากลัวเธอจะท้องลูกของเขาสินะ..เกลียดกันขนาดนั้นเลยเหรอ..มือบางสั่นสะท้านยื่นออกไปรับยาคุมฉุกเฉินจากมือของชายหนุ่ม เธอรีบแกะแล้วเอาเข้าปากทันทีก่อนจะกลืนลงไปด้วยความยากลำบากเพราะไม่มีน้ำเปล่า ชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้ากลืนยาลงคอแล้วก็ผลักหญิงสาวออกไปจากห้องแล้วปิดประตูทันที ใจร้าย… ทำไมเธอต้องมาหลงรักผู้ชายคนนี้ หญิงสาวปาดน้ำตาก่อนจะเดินไปห้องน้ำชั้นล่างเพื่อล้างหน้าล้างตาและไปหาคุณตาทั้งสองที่รออยู่ที่ห้องรับแขก ลมหนาวเดินมาถึงห้องรับแขกเธอเห็นน่านฟ้านั่งอยู่ก่อนแล้ว เขานั่งตรงข้ามกับคุณตาอานนท์ที่นั่งติดกับคุณตาของเธอ “หนาวนั่งก่อนสิลูก” คุณตาอานนท์บอกหญิงสาว ลมหนาวย่อตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ติดกันกับน่านฟ้า เธอหันไปมองเขาด้วยสายตาเศร้าๆ ในขณะที่น่านฟ้ามีเพียงแววตาที่ว่างเปล่าส่งมาให้เธอ “ตาจะไม่ถามว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง? เพราะถึงยังไงมันก็เกิดขึ้นแล้ว น่านต้องรับผิดชอบน้อง น่านต้องแต่งงานกับน้อง” คุณตาอานนท์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ซึ่งเรื่องนี้เขาได้โทรปรึกษาลูกสาวนั่นก็คือน้ำฟ้า แม่ของน่านฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว น้ำฟ้ากับอาทิตย์ ลูกเขยของเขาไม่มีปัญหาอะไร “ทำไมผมต้องแต่ง? ในเมื่อหนาวเป็นฝ่ายเข้ามาหาผมเอง ผมกินเหล้าของผมอยู่ดีๆ ผมรู้ว่าหนาวชอบผม อยากได้ผมเป็นผัว พอเห็นว่าผมเมา เลยถือโอกาส” น่านฟ้ายังพูดไม่ทันจบ เสียงของคุณตาอานนท์ก็แทรกขึ้นมา “หยุดพูดแบบนี้นะตาน่าน แกพูดแบบนี้ได้ยังไง แกเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า โทษผู้หญิงอยู่ฝ่ายเดียว แล้วเรื่องแบบนั้นมันมีแต่ผู้ชายหรือเปล่าที่เป็นคนเริ่ม” คุณตาอานนท์พูดด้วยความโมโห ในขณะที่ลมหนาวนั่งก้มหน้าน้ำตาคลอเบ้า ส่วนคุณตาวีระชัยนั้นนั่งฟังเงียบๆ โดยไม่แสดงความคิดเห็นเพราะรู้ว่าหลานสาวรักชายหนุ่มมากเพียงใด เขากลัวว่าที่น่านฟ้าพูดจะเป็นเรื่องจริง “ก็เพราะว่าผมเมาไง ถ้าไม่เมา ผมไม่มีวันเอาเด็กนี่มาทำเมียหรอก” น่านฟ้าพูดออกมาโดยไม่เกรงใจผู้ใหญ่ทั้งสองเลยสักนิด “ถึงยังไงแกก็ต้องรับผิดชอบน้อง พ่อแม่แกก็รู้เรื่องนี้แล้ว แกเตรียมตัวแต่งงานกับน้องได้เลย” “ไม่!! ผมไม่แต่ง” “ถ้าแกไม่แต่ง แกก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าตา ฉันกับแกขาดกัน แล้วทรัพย์สมบัติทั้งหมดแกก็จะไม่ได้เลยสักแดงเดียว” สิ้นเสียงยื่นคำขาดประมุขของบ้าน ทำให้น่านฟ้าเริ่มมีท่าทีอ่อนลง “งั้นผมขอหมั้นไว้ก่อนได้มั้ยครับตา ถ้าผมเรียนจบกลับมาค่อยแต่ง” ชายหนุ่มต่อรอง “หนาวว่าไงลูก” คุณตาอานนท์หันไปถามหญิงสาวที่ตอนนี้กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอหันไปสบตากับคุณตาวีระชัย “แล้วแต่หนาวจะตัดสินใจเลยลูก ตาอยู่ข้างหนาวเสมอ” คุณตาวีระชัยเอ่ยกับหลานสาว “ฮึก..ถ้าพี่น่านยังไม่อยากแต่ง หมั้นไว้ก่อนก็ได้ค่ะ” หญิงสาวกลั้นใจพูดออกไปในที่สุด “โอเค..งั้นก็ตกลงตามนี้ เดี๋ยวที่เหลือฝ่ายตาจะเป็นคนจัดการเอง” คุณตาอานนท์สรุปการสนทนา จากนั้น คุณตาวีระชัยก็พาลมหนาวกลับบ้านไปพักผ่อน ส่วนน่านฟ้าที่ตอนนี้กำลังรู้สึกโกรธและเกลียดหญิงสาวเป็นที่สุดที่ทำให้เขาต้องโดนบังคับให้แต่งงาน เขาหันไปมองหญิงสาวด้วยสายตาเคียดแค้น ชิงชัง ก่อนจะลุกเดินกลับห้องไป ทิ้งให้คุณตาอานนท์นั่งอยู่ในห้องรับแขกเพียงลำพังสองสัปดาห์ผ่านไปงานหมั้นถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย แขกที่มาร่วมงานมีเฉพาะคนในครอบครัวของทั้งสองฝ่าย ตลอดทั้งงานหน้าตาว่าที่เจ้าบ่าวเหมือนคนอมทุกข์ ไม่ยิ้มไม่แย้ม ผิดกับว่าที่เจ้าสาวที่ยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลาแม่ว่าภายในใจนั้นจะรู้สึกเจ็บปวดที่ว่าที่เจ้าบ่าวของเธอไม่เต็มใจหมั้นกับเธอก็ตาม“อยากมีผัวจนตัวสั่นขนาดนั้นเลย?” น่านฟ้ากระซิบถามคู่หมั้นที่นั่งอยู่ข้างกายเมื่อเห็นว่าหล่อนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ได้หมั้นหมายกับเขา“ค่ะ…อยากมีมาก แล้วตอนนี้ก็มีแล้วด้วย” ลมหนาวเอ่ยเสียงเบาๆ ประชดเขากลับไป“เธอจะได้เห็นขาอ่อนฉันแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ อย่าหวังว่าจะได้แต่งงานกับฉัน ฉันจะทำทุกอย่างให้เธอถอนหมั้น คอยดูละกัน” เขาตอบกลับพร้อมกับยักคิ้วข้างเดียวให้คู่หมั้นสาว เขามั่นใจว่าจะสามารถทำให้ลมหนาวขอถอนหมั้นเขาได้อย่างแน่นอน และถ้าเวลานั้นมาถึงเขาก็จะเป็นอิสระ ไม่ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาเกลียด ในขณะที่คนฟังน้ำตาคลอเบ้าแต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้ เพราะไม่อยากให้ใครสังเกตเห็น“เสียใจค่ะ..หนาวไม่มีวันถอนหมั้นพี่หรอก” หญิงสาวตอบออกไปอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน เอาสิ! มาดูกันว่าระหว่างเธอกับเขา ใครจะชนะ?หลังจากงานห
ระหว่างทางกลับบ้านต้องผ่านเส้นทางที่ไม่ค่อยมีรถสัญจร มีต้นไม้น้อยใหญ่อยู่เต็มสองข้างทาง ถนนเส้นนี้เรียกได้ว่าเปลี่ยวและน่ากลัวไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็น ลมหนาวที่รู้จักเส้นทางนี้ดีว่าเป็นอย่างไร เธอรีบหันไปหาชายหนุ่มที่ยังขับรถแบบชิวๆ“พี่น่าน..ถนนเส้นนี้น่ากลัว พี่น่านขับไวๆ ได้มั้ย?” หญิงสาวบอกออกไปพร้อมกับสีหน้าวิตกกังวล“ได้สิ เอ๊ะ!! ข้างหน้าน่าจะมีอุบัติเหตุนะ..เราจอดดูหน่อยมั้ย?” “อย่าเลย..พี่น่าน หนาวว่ามันน่ากลัวอ่ะ” หญิงสาวห้ามพร้อมกับยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมากอดอก ร่างบางตัวสั่นเล็กน้อยเพราะความกลัว“แต่พี่ว่าจอดดูหน่อยเถอะเผื่อเค้าต้องการความช่วยเหลือ หนาวก็เห็นว่าแถวนี้แทบจะไม่มีรถผ่านเลย หนาวไม่สงสารเค้าเหรอ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนเป็นห่วงเป็นใยคนอื่น“งั้นก็แล้วแต่พี่น่านเลยค่ะ” สิ้นเสียงของหญิงสาว น่านฟ้าก็ขับไปจอดใกล้บริเวณที่มีรถมอเตอร์ไซค์ของวัยรุ่นล้มอยู่ข้างทางและมีวัยรุ่นชายสองคนนอนร้องครวญครางอยู่ เขาปลดสายคาดเบลล์และกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ“หนาวรอพี่อยู่นี่แหละ..ไม่ต้องลงไป” เขาหันมาสั่ง ก่อนจะลงจากรถแล้วเดินไปหากลุ่มวัยรุ่นลมหนาวมองไ
หลังจากวันนั้น ลมหนาวก็ไม่เคยเจอน่านฟ้าอีกเลย เพราะเช้าวันต่อมาน่านฟ้าก็กลับกรุงเทพฯ ทันที หลังจากที่น่านฟ้าบินไปเรียนต่อต่างประเทศ ลมหนาวก็รู้สึกมีอาการแปลกๆ ทั้งเวียนหัว อยากจะอาเจียน เธอสงสัยว่าจะท้อง แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะใช่เพราะวันนั้น น่านฟ้าให้เธอกินยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งเธอก็ได้กินอีกหนึ่งเม็ดตามเวลาที่กำหนดในเอกสารกำกับยา แต่ก็ไม่มีการคุมกำเนิดชนิดใดที่สามารถคุมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เธอรู้เรื่องนี้ดีเพราะอยู่ในบทเรียนที่เธอเคยเรียนมา ลมหนาวไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาสามยี่ห้อจากร้านขายยา ตรวจให้รู้กันไปเลยดีกว่าสองขีด!! ท้อง!!ลมหนาวมองที่ตรวจครรภ์ทั้งสามอัน มันขึ้นสองขีดเหมือนกันหมดทั้งสามอัน น้ำตาหลั่งไหลลงมา มือบางของเธอกำที่ตรวจครรภ์จนแน่น เธอทรุดลงนั่งกับพื้นห้องน้ำใกล้อ่างล้างหน้า น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย เธออายุแค่สิบแปด กำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ ที่เธอตั้งใจอ่านหนังสือสอบ สุดท้ายเธอสอบติดคณะที่เธอใฝ่ฝัน แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันกำลังพังทลาย ความฝันของเธอ อนาคตของเธอ มันกำลังจะดับ เพราะผู้ชายเลวๆ คนนั้น อันที่จริงจะโทษเขาคนเดียวก็ไม่ได้ ถ้าวันนั้นเธอไม่ยินยอมพร้อมใจ วันนี
เจ็ดปีต่อมา / ประเทศฝรั่งเศส“อย่า! อย่าเข้ามานะ..ออกไป! อย่า!!”หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ฝัน! เธอฝันอีกแล้ว เธอฝันเห็นเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นในวันนั้นเจ็ดปีแล้วที่มันยังคงตามมาหลอกหลอนเธอ เมื่อไหร่มันจะหายไปจากความทรงจำของเธอสักที เธอเจ็บปวดทุกครั้งที่ฝันถึงเรื่องวันนั้น แล้วเรื่องราวต่างๆ ที่เธออยากจะลืมมันก็กลับเข้ามาในหัวของเธออีกครั้ง และไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ลมหนาวตกใจอีกครั้ง เธอเปิดไฟที่อยู่บนหัวเตียงก่อนจะลงจากเตียงแล้วเดินไปเปิดประตู ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นใคร“แม่ฝันร้ายอีกแล้วหรอฮะ?” ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก เด็กชายดาวเหนือในวัยหกขวบ ที่มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลามาตั้งแต่เล็กๆ เอ่ยถามมารดา “จ่ะ..แม่น่าจะเหนื่อยน่ะ ก็เลยฝันร้าย เหนือกลับไปนอนเถอะลูก ดึกมากแล้ว” หญิงสาวยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะตอบลูกชาย เธอไม่อยากให้ลูกต้องเป็นห่วง“ให้เหนือนอนกับแม่ได้มั้ยฮะ? เหนืออยากนอนกอดแม่ เผื่อแม่จะได้ไม่ฝันร้ายอีก” หญิงสาวยิ้มให้ลูกชายก่อนจะตอบกลับไป“ได้เลยจ่ะ..ปะ! งั้นเรามานอนกอดกัน” จากนั้นไม่นานนักสองแม่ลูกก็นอนกอดกันและพากันเข้า
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาณ สนามบินxxxลมหนาวกับดาวเหนือมาถึงสนามบินเวลาประมาณเกือบเที่ยงตามเวลาของประเทศไทย ดาวเหนือดูตื่นเต้นที่ได้มาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นประเทศที่มารดาบอกว่าเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเขาและมารดา ในขณะที่สองแม่ลูกกำลังเดินออกจากประตูผู้โดยสารขาออก ลมหนาวมองไปยังข้างหน้าที่มีผู้คนมากมายยืนถือป้ายรอรับผู้โดยสารที่ลงมาจากเครื่องบิน บ้างก็เป็นญาติ เป็นเพื่อน เธอหาดูว่ามีป้ายชื่อของเธอหรือไม่ เพราะเธอไม่รู้ว่าเพื่อนรักของเธอที่นัดกันไว้ว่าจะมารับเธอกับลูกนั้นมาถึงสนามบินหรือยัง เธอติดต่อเพื่อนไม่ได้ แต่เธอก็บอกเวลาที่จะมาถึงให้เพื่อนทราบแล้ว ทันใดนั้น ลมหนาวก็เจอคนที่กำลังรอ เรนท์ ผู้ชายตัวสูงๆ ขาวๆ หล่อแบบตี๋ๆ เธอรีบโบกมือให้เพื่อนรักทันที เพราะเรนท์ ก็เห็นเธอกับดาวเหนือแล้วเช่นกัน เขาโบกมือกลับมา “หนาว..คิดถึงจัง ขอกอดหน่อย” พูดจบเรนท์ก็ยื่นแขนทั้งสองข้างไปกอดเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันเกือบปี “ฉันก็คิดถึงแก ปล่อยได้แล้วหายใจไม่ออก” ลมหนาวบอกเพื่อนรักเพราะรู้สึกว่าเรนท์จะกอดเธอแน่นจนเกินไป“น้องเหนือ…มาให้ป๊ากอดหน่อยเร็ว ป๊าคิดถึงจะแย่” “สวัสดีฮะ..ป๊า” ดาวเหนือยกมือ
หลายวันผ่านไปครืด! ครืด!เสียงโทรศัพท์ของลมหนาวดังขึ้น เมื่อเห็นว่าใครโทรมาลมหนาวจึงกดรับสายทันที(หนาว..แกไปดูโรงเรียนให้ลูกชายฉันหรือยัง?) ทันทีที่เพื่อนรับสาย เรนท์ก็โพล่งออกไป“ไปดูมาแล้วแก เป็นโรงเรียนเอกชนชื่อดังของจังหวัด ฉันว่าโอเคนะแก สภาพแวดล้อม การเรียนการสอน ทุกอย่างโอเค ฉันเลือกที่นี่แหละ ไม่ไกลจากบ้านด้วย”(อืมๆ ดีแล้วแก ถ้ามาเรียนในกรุงเทพฯ เดินทางลำบาก สงสารลูกชาย)“แกโทรมามีอะไรรึเปล่า?”(มีสิ เสาร์อาทิตย์นี้ยัยทิชากลับจากต่างจังหวัด ฉันว่าจะชวนแกสองคนไปดริ้งค์สักหน่อย ยัยทิชาโอเคแล้วเหลือฉันก็เลยโทรมาบอกแกนี่แหละ)“ฉันไม่รู้จะไปได้รึเปล่า ไหนจะน้องเหนืออีก)(แกห้ามปฏิเสธ ถือว่าฉันเลี้ยงต้อนรับแกกลับไทย ส่วนน้องเหนือไม่ต้องเป็นห่วง ป๊ากับม๊าฉันอาสาดูแลให้ ป๊ากับม๊าอยากเจอน้องเหนือมากๆ)“จะดีเหรอแก..เกรงใจป๊ากับม๊าแกอ่ะ” “ไม่ต้องเกรงใจ ป๊ากับม๊าฉันชอบเด็ก โอเคตามนี้นะ เดี๋ยววันศุกร์ฉันจะไปรับ”“โอเคค่า..คุณเพื่อน” ดีเหมือนกันเพราะเธอเองก็อยากไปเปิดหูเปิดตาบ้าง เมื่อก่อนทั้งสามคนไปเที่ยวผับกันบ่อย ตั้งแต่ที่เพื่อนทั้งสองกลับเมืองไทยเธอก็ไม่เคยได้ไปเที่ยวแบบนี้อีกเลยเ
วันเสาร์ / ผับชื่อดังแห่งหนึ่งโครงการฝากลูกไว้กับคุณปู่คุณย่านั้นถือว่าประสบผลสำเร็จ ป๊ากับม๊าของเรนท์นั้นรักและเอ็นดูดาวเหนือมาก ส่วนดาวเหนือก็ติดปู่กับย่าแจเพราะถูกตามใจ ดาวเหนือเป็นเด็กที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย เธอจึงไม่กังวลเรื่องนี้ เธอกับเรนท์นัดเจอกับทิชาที่ผับแห่งหนึ่ง ตอนนี้ทิชากำลังจะจอดรถ เมื่อสองสาวกับหนึ่งหนุ่มมาเจอกัน ความสนุกสนานได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง“หนาว ฉันคิดถึงแกมาก” ทิชาลากเสียงยาวเพื่อต้องการให้เพื่อรู้ว่าเธอคิดถึงเพื่อนมากแค่ไหน“ฉันก็คิดถึงแก” พูดจบลมหนาวกับทิชาก็กอดกันกลมจนผู้ชายคนเดียวในกลุ่มเริ่มจะอิจฉา“นี่หล่อน..จะกอดกันอีกนานมั้ย? รีบเข้าไปกันดีกว่าฉันอยากจะแดนซ์ใจจะขาด” “จ้า / จ้า” สองเสียงประสานขึ้นพร้อมกัน จากนั้นเพื่อนรักทั้งสามคนก็พากันเดินเข้าไปในผับที่มีชื่อเสียงที่สุดในกรุงเทพฯเรนท์เลือกโต๊ะที่อยู่มุมๆ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน เพราะต้องการเม้าท์มอยกับเพื่อนที่ไม่ค่อยได้เจอกัน จากนั้นทั้งสามคนก็สั่งเครื่องดื่ม ลมหนาวดื่มแอลกอฮอล์เป็นเพราะเพื่อนสองคนนี้แหละ ครั้งแรกที่เธอเข้าผับ เธอสั่งน้ำเปล่า จนเพื่อนทั้งสองทนไม่ไหวบังคับให้เธอหัดดื่มแอลกอฮอล์ เรนท
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปคุณตาอานนท์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้โยกตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าบ้าน เห็นรถของหลานชายแล่นเข้ามา ชายชราจึงวางหนังสือลงบนโต๊ะที่อยู่ข้างเก้าอี้ นึกแปลกใจเพราะช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลานชายไม่ค่อยได้มาที่บ้านสวนเพราะมีงานที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ค่อยมีเวลาว่าง น่านฟ้าจะมาก็ต่อเมื่อเขาป่วยหรือมีธุระที่ต้องให้น่านฟ้าเป็นคนจัดการ “สวัสดีครับตา” น่านฟ้าเดินเข้ามาหาผู้เป็นตาก่อนจะยกมือไหว้“ไงตาน่าน ทำไมวันนี้ถึงมาหาตาได้ งานไม่ยุ่งหรือไง?”“ผมพึ่งเคลียร์งานเสร็จครับ พอดีช่วงนี้ที่ห้างกำลังจัดโปรโมชั่นช่วงซัมเมอร์ ตอนนี้ผมก็เลยพอมีเวลา เลยมาหาตานี่แหละครับ ตาสบายดีนะครับ?” น่านฟ้าอธิบายให้ผู้เป็นตาทราบก่อนจะเอ่ยถามออกไป“ก็สบายดีตามประสาคนแก่แหละ ไม่มีลูกหลานมาดูแลเหมือนไอ้ชัยมันก็จะเหงาๆ นิดหน่อย” ชายชราพูดด้วยอารมณ์น้อยใจเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักที่บ้านอยู่ติดกันมีหลานสาวมาดูแลยามแก่ชรา“โถ่!! ตาครับ ผมสัญญาว่าผมจะหาเวลามาเยี่ยมตาบ่อยๆ ดีมั้ยครับ อ้อ! เมื่อกี้ตาบอกว่าตาชัยมีลูกหลานมาดูแล หมายความว่ายังไงครับ” ชายหนุ่มถามเหมือนกับว่าเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าลมหนาวกลับมาแล้ว
หนึ่งปีผ่านไป“แมะ แมะ” เสียงเรียกแม่ของเด็กหญิงดาวนิลที่ตอนนี้อายุได้หนึ่งขวบห้าเดือน เด็กหญิงกับผู้เป็นแม่เดินเล่นอยู่ที่สวนข้างบ้าน“จ๋า..คนสวยของแม่” หญิงสาวย่อตัวลงก่อนจะค่อยๆ อุ้มลูกสาวตัวน้อยขึ้นมาด้วยสรีระที่เปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัดเจน ใช่แล้ว! เธอกำลังตั้งท้องได้ยี่สิบแปดสัปดาห์หรือเจ็ดเดือน ชายหนุ่มอ้อนวอนเธอว่าอยากมีลูกเพิ่มอีกหนึ่งคน เขาไม่ยอมให้เธอคุมกำเนิด และเขาก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอทุกค่ำคืน จนในที่สุด เธอก็ท้องอีกครั้ง “ป้อ ป้อ” เด็กหญิงชี้ไปที่ชายหนุ่มที่เดินตรงมาที่ทั้งสองยืนอยู่ “ดาวนิล มาหาพ่อเร็ว” ชายหนุ่มยื่นมือทั้งสองข้างออกไปอุ้มลูกสาวตัวน้อย เขาไม่อยากให้ภรรยาที่ตอนนี้ท้องแก่ต้องอุ้มลูกสาวเยอะ เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับลูกน้อยในท้อง เด็กหญิงดาวนิลโน้มตัวไปหาผู้เป็นพ่ออย่างรวดเร็ว“ตอนนี้ดาวนิลกำลังซน เหนื่อยหน่อยนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของภรรยาดูเหนื่อยๆ เขารู้สึกสงสารภรรยาที่ต้องอุ้มท้องอีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้อยู่ในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ในคราแรกเธอไม่ยอมมีลูกอีก บอกว่าสองคนก็เพียงพอแล้ว แต่เป็นเพราะเขาที่ขอร้องอ้อนว
โรงแรมสุดหรูใจกลางกรุงเทพมหานครงานแต่งระหว่าง น่านฟ้า และ ลมหนาว จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ สมหน้าตาของทายาทเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังและเจ้าของห้องเสื้อแบรนด์ดัง ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในสังคม แขกที่มาในงานล้วนแล้วแต่เป็นญาติผู้ใหญ่และคนรู้จักของทั้งสองตระกูล ไฮโซของเมืองไทย ดาราเซเล็บ สื่อ ช่างภาพ นักข่าวทุกสำนัก ต่างมารวมตัวที่งานแต่งงานในวันนี้ กลายเป็นข่าว ท้อลออฟเดอะทาวน์กันเลยทีเดียวงานในตอนเช้า เมื่อเจ้าบ่าวเข้ามาในพิธีเรียบร้อยแล้ว เรนท์กับทิชาก็พาเพื่อนรักเดินมา ลมหนาวสวมใส่ชุดไทยประยุกต์สีทอง พาสสไบลูกไม้สีทอง ผมถูกเกล้าขึ้นไปอย่างสวยงาม เปิดใบหน้านวลอันหวานหยาดเยิ้มที่ถูกเครื่องสำอางราคาแพงตกแต่งด้วยฝีมือของช่างแต่งหน้าเบอร์หนึ่งของเมืองไทย เมื่อเจ้าสาวเดินเข้ามาในพิธี แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปก็รัวระยิบระยับ น่านฟ้าจ้องมองเจ้าสาวด้วยความตกตะลึง ปกติเธอไม่แต่งหน้าทำผมก็สวยมากอยู่แล้ว พอแต่งหน้าทำผมแบบวันนี้ยิ่งสวยเข้าไปอีกเป็นเท่าตัว เจ้าสาวเดินลงมานั่งพับเพียบข้างๆ เจ้าบ่าวที่แต่งชุดราชปะแตนหล่อเนี๊ยบเหมือนคุณชายในราชวัง“วันนี้หนาวสวยมากเลยรู้มั้ย?” ชายหนุ่มกระซิบ
หลังคลอดลมหนาวต้องรอดูอาการอยู่ในห้องพักฟื้นสองชั่วโมง จากนั้นสองแม่ลูกจึงถูกส่งตัวไปห้องพักพิเศษ น่านฟ้าดูแลลมหนาวและลูกน้อยไม่ห่าง ยิ่งในยามที่ลูกสาวตัวน้อยดื่มนมจากอกของมารดา ปากน้อยๆ งับยอดดอกบัวสีชมพู ชายหนุ่มมองด้วยสายตาหื่นกระหาย เขาลอบกลืนน้ำลายลงคอจนหญิงสาวได้ยิน ลมหนาวเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเชิงตำหนิแบบไม่จริงจังนัก จากนั้นไม่นานลูกสาวตัวน้อยกินนมจนอิ่ม ปากน้อยผละออกจากยอดถันสีสวย หญิงสาวรีบติดกระดุมเสื้อทันที จนชายหนุ่มรู้สึกเสียดาย“เอ่อ..หนาวจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรครับ?” ตั้งสติได้ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามออกไป“คนโตหนาวเป็นคนตั้ง..คนเล็กให้พี่น่านตั้งก็แล้วกันค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้เขา“จริงเหรอ! หนาวให้พี่ตั้งชื่อลูกจริงๆ ใช่มั้ย?” ชายหนุ่มถามออกไปด้วยความดีใจ“ค่ะ..” หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ“อืม..ลูกชายคนโตชื่อดาวเหนือ ลูกสาวคนเล็กชื่อ…ดาวนิล ดีมั้ย?” ชายหนุ่มทำท่าคิดก่อนจะกล่าวออกไป“เพราะดีนะคะ..หนาวชอบ” ดาวเหนือกับดาวนิล เข้ากันดีนะ..เข้าใจคิดนะคุณพ่อลูกสอง หญิงสาวอมยิ้มอยู่คนเดียว“หนาวหายโกรธพี่แล้วใช่มั้ยครับ? ยกโทษให้พี่แล้วใช่มั้ย?” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ห
สองสัปดาห์ผ่านไปน่านฟ้าเดินทางไปฝรั่งเศสทันทีหลังจากที่เขาเคลียร์งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มลาพักร้อนหนึ่งสัปดาห์เพื่อมาง้อลูกง้อเมีย ทุกคนต่างเอาใจช่วยน่านฟ้าขอให้เขาง้อลมหนาวได้สำเร็จเสียงกริ่งดังขึ้นที่หน้าบ้านในขณะที่ลมหนาวกำลังนั่งออกแบบเสื้อผ้าอยู่ และน้าวีนากำลังเตรียมอาหารว่าง“หนาวไปดูให้น้าหน่อยว่าใครมา” ความจริงแล้ววีนารู้ดีที่สุดว่าใครที่มาเวลานี้“ได้ค่ะ” ลมหนาวตอบออกไปพร้อมกับเดินไปเปิดประตูหน้าบ้าน “มาทำไมไม่ทราบ?” ลมหนาวถามเสียงแข็งเมื่อเห็นว่าใครที่ยืนอยู่หน้าประตู“มาง้อลูกกับเมียครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยสายตากรุ้มกริ่ม เขาลอบมองลงไปที่ท้องนูนของหญิงสาว รู้สึกวาบหวิวในหัวใจ อยากยื่นมือไปสัมผัสลูกน้อยเหลือเกิน“มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น” หญิงสาวตะโกนไล่ชายหนุ่มเสียงดังพอที่น้าวีนาจะได้ยิน “ใครมาเหรอหนาว? อ้าวตาน่าน มาได้ยังไง เข้ามาก่อนมา” วีนาแสร้งทำเป็นตกใจที่เห็นน่านฟ้าและเอ่ยชวนแขกเข้าบ้าน“น้านาจะชวนเค้าเข้ามาทำไมคะ?” หญิงสาวหันไปถามน้าสาวด้วยน้ำเสียงคล้ายกับไม่พอใจ“อ้าว..ก็แขกมาบ้าน เราก็ต้องต้อนรับขับสู้สิลูก จะไปไล่แขกได้ยังไงกัน”“แต่..” “ไม่ต้องแต่แล้ว..ไ
ณ สนามบินxxx“เดินทางปลอดภัยนะแก..ถึงแล้วบอกด้วย” เรนท์ดึงหญิงสาวเข้ามากอด“อืม..ขอบใจแกมากนะ สำหรับทุกอย่าง” ลมหนาวน้ำตารื้นขึ้นมา เธอทนอยู่ที่นี่ไม่ไหวจริงๆ ครั้งนี้อาจจะเป็นการไปแบบถาวร เธออธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้คุณตาวีระชัยกับน้าวีนาฟังหมดทุกอย่าง ทั้งสองคนต่างเข้าใจและยอมรับในการตัดสินใจของเธอในขณะที่น่านฟ้านั้นกำลังขับรถไปที่สนามบินด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ แต่สภาพการจราจรในกรุงเทพฯ นั้น ทำให้เขาไม่สามารถขับได้อย่างใจต้องการ ชายหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือเหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีจะบ่ายโมง เขาเห็นวินมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ข้างๆ รถ ชายหนุ่มไม่รอช้า เขาคว้ากระเป๋าสตางค์รีบลงจากรถและกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปทันที โดยไม่สนใจเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เขาทิ้งรถไว้กลางถนนเลยแต่สุดท้าย..น่านฟ้าก็ไปไม่ทัน ลมหนาวกับดาวเหนือไปแล้ว เขาทรุดลงกับพื้นร้องไห้ออกมา พร่ำด่าตัวเองจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ต่างก็มองมาที่ชายหนุ่ม ในขณะที่เขากำลังก้มหน้าอยู่กับพื้นนั้น เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา “อย่าพึ่งหมดหวังสิคุณน่าน..ฝรั่งเศสอยู่แค่นี้เอง ตื๊อเท่านั้นที่ครองโ
ทางด้านลมหนาว หลังจากที่เธอพาดาวเหนือขึ้นมาบนห้อง เธอรีบโทรหาเรนท์และบอกให้เรนท์มารับเธอที่บ้านของน่านฟ้าตอนนี้ เธอทนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวแล้ว หญิงสาวรีบเก็บเสื้อผ้าของตัวเองและของดาวเหนือใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เรนท์ที่ยังงงๆ เพราะไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ก็รีบขับรถมาหาเพื่อนทันที“หนาวลานะคะ..คุณลุงคุณป้า หนาวคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว น้องเหนือกราบลาคุณปู่กับคุณย่าสิครับ” เด็กชายยกมือไหว้คุณปู่คุณย่าตามที่มารดาบอก“ใจเย็นๆ นะหนูหนาว..รอพี่เค้าก่อนนะลูก นี่ก็ค่ำมืดแล้วจะพาลูกพาเต้าไปไหน” “ไม่รอค่ะ..หนาวให้เพื่อนมารับ คุณป้าไม่ต้องห่วงนะคะ” “โถ่เอ้ย! เวรกรรมอะไรหนักหนา น้องเหนือก็พึ่งจะยอมรับในตัวพ่อ ดันมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” คุณหญิงน้ำฟ้าบ่นพึมพำออกมา“หนาวไปแล้วนะคะ..เพื่อนมารอแล้ว” พูดจบหญิงสาวก็ลากกระเป๋าเดินออกไปจากคฤหาสน์แห่งนี้พร้อมกับลูกชายของเธอหลังจากนั้นไม่นาน เรนท์ก็พาสองแม่ลูกไปพักที่คอนโดของเขา ซึ่งนานๆ เขาจะมานอนเพราะปกติเขานอนที่บ้าน หญิงสาวเล่าเรื่องทุกอย่างให้เรนท์ฟัง ในขณะที่ดาวเหนือนอนหลับไปแล้วด้วยความเพลีย“ทำไมคุณน่านถึงได้เลวขนาดนี้วะ..แล้วนี่แกจะเอายัง
เมื่อน่านฟ้าขับรถกลับมาถึงบ้านเสียงข้อความแจ้งเตือนดังขึ้น ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วก็หย่อนใส่กระเป๋ากางเกงทันทีเพียงฟ้า : น่าน สะดวกคุยมั้ย ถ้าสะดวกโทรมาหาฟ้าหน่อยนะ ลมหนาวกับดาวเหนือเข้าบ้านไปแล้ว ชายหนุ่มจึงเดินออกไปที่สวนข้างบ้าน จากนั้นจึงโทรหาเพียงฟ้าทันที“ฮัลโหลฟ้า มีอะไรหรือเปล่า”(น่าน พอดีฟ้ารู้สึกเวียนหัวมากเลยแล้วก็อาเจียนหนักมาก ฟ้ากินอะไรไม่ได้เลย)“จริงเหรอ แล้วฟ้าไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวให้เราไปหามั้ย?”(ไม่เป็นไร ฟ้าเกรงใจ น่านอยู่กับลูกกับเมียน่านไปเถอะ)“ฟ้าอย่าคิดมากนะ ถึงยังไงเราก็จะรับผิดชอบฟ้ากับลูกอยู่แล้ว” (แล้วน้องหนาวล่ะ)“เอ่อ..เรื่องนั้นเดี๋ยวเราจัดการเอง” (ฟ้าขอบคุณน่านมากๆ นะ ที่ยอมรับลูกในท้องของฟ้า)“ฟ้าอย่าพูดแบบนั้นสิ ถึงยังไงเด็กในท้องของฟ้าก็เป็นลูกของเรา”(น่านยังรักฟ้าอยู่มั้ย)“เรารักฟ้านะ”สิ้นสุดประโยคนี้จากปากของน่านฟ้า ลมหนาวแทบจะทรงตัวไม่อยู่ เธอเห็นว่าเขาเดินออกมาข้างบ้านก็เลยออกมาตามหา เธอได้ยินทุกอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นจนถึงประโยคล่าสุด เรารักฟ้านะ เธอไม่สามารถจะยืนฟังต่อได้จริงๆ เธอรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที แต่เดินมาได้ไม่กี
“เมื่อคืนพี่น่านกลับดึกเหรอคะ?” ลมหนาวถามออกไปขณะอยู่บนรถหลังจากที่ทั้งคู่ไปส่งดาวเหนือที่โรงเรียนแล้ว“เอ่อ..พี่กลับประมาณห้าทุ่มได้ พี่คิดว่าหนาวน่าจะหลับแล้วก็เลยไม่ได้บอก พี่ขอโทษนะครับ..”“อ๋อค่ะ..ไม่เป็นไรหนาวเข้าใจ ยังไงลูกค้าก็เป็นคนสำคัญ” หญิงสาวตอบพร้อมกับส่งยิ้มน้อยๆ ให้ชายหนุ่มสามวันผ่านไป‘น่าน หมอให้ฟ้าออกจากโรงพยาบาลแล้ว น่านมารับฟ้าได้มั้ย’ข้อความส่งมาจากเพียงฟ้า ชายหนุ่มตรึกตรองอยู่ชั่วครู่ จึงส่งสติกเกอร์โอเคกลับไป หลังจากนั้นน่านฟ้าก็โทรหาลมหนาวบอกว่าต้องออกไปพบลูกค้า น่าจะกลับค่ำ ให้หญิงสาวไปรับลูกกลับบ้านก่อนเลยหลังจากนั้นน่านฟ้าก็ไปรับเพียงฟ้าออกจากโรงพยาบาลและพาไปส่งที่คอนโดของหญิงสาว“กินน้ำก่อนสิ..น่าน” เพียงฟ้ารินน้ำที่อยู่ในตู้เย็นใส่แก้วและเดินมายื่นให้ชายหนุ่ม“ขอบคุณนะ” น่านฟ้ารับน้ำมาและยกขึ้นดื่มจนหมดแก้ว เพียงฟ้าลอบยิ้มอยู่ในใจ“น่านจะกลับเลยก็ได้นะ..ฟ้าไม่เป็นไรแล้ว ฟ้าอยู่ได้” “แน่ใจเหรอว่าอยู่ได้” ชายหนุ่มถามกลับไป ทว่าจู่ๆ เขาก็รู้สึกมึนๆ ชั่วพริบตาชายหนุ่มก็ไม่ได้สติหลับไปในที่สุดเวลาล่วงเลยมาจนเกือบเที่ยงคืน น่านฟ้าตื่นลืมตาขึ้นมา ชายหนุ่มตก
หลังจากวันที่น่านฟ้าได้เจอกับเพียงฟ้า หญิงสาวก็เริ่มส่งข้อความหา โทรหา หรือมาหาชายหนุ่มที่ห้องทำงานบ่อยขึ้นจนน่านฟ้าเองเริ่มรู้สึกอึดอัด และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เพียงฟ้ามาหาชายหนุ่มที่ห้องทำงานเพื่อจะชวนชายหนุ่มไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน แต่ทว่า..ก๊อก! ก๊อก! พร้อมกับเสียงเปิดประตู น่านฟ้ารู้ทันทีว่าลูกชายมาหาเพราะเขาบอกกับเลขาหน้าห้องว่าถ้าลมหนาวกับดาวเหนือมาให้เข้ามาได้เลย ตอนนี้มีพนักงานไม่กี่คนที่รู้ว่าเขามีลูกมีเมียแล้วและหนึ่งในนั้นก็คือวิภา เลขาของเขา “พ่อฮะ..ไปทานข้าวกันเถอะฮะ เหนือหิวแล้ว” เด็กชายวิ่งไปเกาะไหล่ผู้เป็นพ่อทันทีที่ประตูห้องทำงานถูกเปิดออก โดยไม่ได้สนใจว่ามีใครนั่งหันหลังให้ ลมหนาวที่เดินตามเข้ามาติดๆ เมื่อเห็นว่าน่านฟ้ามีแขกจึงรีบเอ่ยออกมา“เอ่อ..ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าพี่น่านกำลังมีแขก น้องเหนือออกมาก่อนลูก” ไม่เห็นเลขาของเขาจะพูดอะไร“ไม่เป็นไรหนาว..นี่เพื่อนพี่เอง เพียงฟ้าไง จำได้มั้ย?” เพียงฟ้าที่กำลังงงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ น่านฟ้ามีลูกมีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย เจนจิราก็เหมือนจะไม่รู้เรื่องนี้“อ๋อ..ค่ะ จำได้ค่ะ” เธอจำได้ดีเลยล่ะ “เอ่อ..นี