องค์หญิงสิบสามหาเลี้ยงตนเองด้วยการแอบออกจากวังและวาดภาพบุรุษรูปงามและนำมาขายให้แก่บรรดาเชื้อพระวงศ์เพื่อเลี้ยงชีพ อีกทั้งองค์หญิงยังมีความลับที่พยายามปกปิดไว้ เพราะตัวเองคือธิดาพยากรณ์ด้วยเป็นสายเลือดของผู้ทำนายของตำหนักเทพ นางต้องกลายร่างเป็นสัตว์ต่าง ๆ ไม่ซ้ำกันในทุกวันพระจันทร์เต็มดวง และต้องปกปิดความลับนี้มาตั้งแต่ยังเด็กโดยที่มีเพียงท่านน้าของนางที่เป็นหัวหน้าตำหนักธิดาเทพที่รู้ความลับและคอยช่วยปกปิดเอาไว้ไม่ให้นางถูกจับ กระทั่งเมื่อแม่ทัพหยางเอ้อหลางบุรุษรูปงามหล่อเหลาองค์อาจที่มีชีวิตรอดเพียงคนเดียวของสกุลหยางกลับจากสงครามแห่งสกุลหยางกลับมา เดิมทีเขาได้รับการมาดหมายให้ต้องแต่งกับองค์หญิงใหญ่ที่หลงใหลในตัวเขา แต่เพราะเกิดเหตุพลิกผันทำให้เขากับองค์หญิงสิบสามต้องแต่งงานกัน เมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยง เพื่อรักษาความลับเอาไว้และไม่อยากถูกสามีจับขังเพราะคิดว่านางเป็นสัตว์ประหลาด องค์หญิงสิบสามจึงบุกไปหาเขาเพื่อให้เขายกเลิกงานแต่ง ผู้ใดจะรู้ว่าหยางเอ้อหลางผู้นี้นอกจากจะไม่ยอมยกเลิก เขายังเร่งรัดการแต่งงานและตามติดนางและพยายามจับผิดนางจนนางหวาดกลัว และต้องรีบหย่ากับเขาให้เร็วที่สุด!
View Moreภายในตำหนักฉงหวาบัดนี้นอกจากจะมีไทเฮาที่ประทับอยู่ภายในแล้ว
ยังมีจินเทียนฮ่องเต้และเต๋อฮองเฮาประทับอยู่อีกด้านของเตียงเตาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
"เสด็จแม่หยางเอ้อหลางกลับจากชายแดนมาครานี้สร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ ลูกเห็นว่าควรตอบแทนเขาให้สมเกียรติ"
ไทเฮาแย้มพระพักตร์เยือกเย็นแล้วตรัสว่า
"ฝ่าบาทนับวันอิทธิพลของตระกูลหยางยิ่งมากขึ้น ประชาชนล้วนรักใคร่อีกทั้งตระกูลหยางเสียสละเพื่อแคว้นของเราเพียงใดแม้แต่เด็กแดงยังรู้ อย่าหาว่าแม่ยุ่งเรื่องราชกิจแต่เพราะเป็นห่วงเจ้าจริงๆ จึงอยากให้เจ้าคิดให้ถี่ถ้วน"
"ที่เสด็จแม่กล่าวมาไม่ผิด ตระกูลหยางทำความชอบใหญ่หลวงแต่อำนาจมากเกินไป ขุนนางต่างอยู่ใต้อำนาจแม้ไม่ได้ยุ่งการภายในแต่ทุกคนล้วนเกรงใจ หากปล่อยต่อไปลูกเกรงว่าอาจจะเป็นภัย"
"ในเมื่อเจ้ารู้อยู่แก่ใจควรจะหาวิธีลดทอนอำนาจเสีย"
"ฝ่าบาทเพคะหม่อมฉันคิดว่ามีวิธีที่ตระกูลหยางไม่อาจขัดได้อีกทั้งยังเป็นผลดีต่อพวกเรา"
ฮองเฮาตรัสนิ้วมือเรียวเต่งตึงราวกับสตรีแรกแย้มยกป้านน้ำชาขึ้นรินลงในจอกด้วยท่วงท่าสง่างามแล้วนำถวายแด่ฝ่าบาท
"วิธีการใดเล่าเจ้ารีบพูด"
"อภิเษกอย่างไรเล่าเพคะ" ฮองเฮาตรัสเบาๆ ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน
ฝ่าบาทคล้ายจะชะงักไปก่อนจะแย้มสรวลออกมา
"หลักแหลมมาก หากให้เขาแต่งกับองค์หญิงสักคนครานี้เขาจำต้องสละอำนาจทางการทหารเป็นเพียงราชบุตรเขยของเรา หากเขาไม่ยินยอมก็เท่ากับไม่อยากดองญาติกับราชวงศ์เช่นนี้ก็ถือว่ามีใจคิดไม่ซื่อ วิธีการนี้เรียกว่าไม่กวนน้ำให้ขุ่นแต่ประการใด"
เมื่อได้ยินดังนั้นไทเฮาที่มีสีพระพักตร์เรียบเฉยจึงตรัสขึ้น
"ฝ่าบาทต้องไตร่ตรองให้มากหน่อย กำลังทหารในมือของหยางเอ้อหลางมีถึงห้าแสนนายแต่ละคนล้วนเก่งกาจเป็นนักรบที่แข็งแกร่งยิ่ง หากเขานำกำลังบุกเข้าวังหลวงแม้แต่พระองค์ก็คงเอาชีวิตไว้ไม่ได้ อีกทั้งคนในตระกูลของเขาบุรุษทุกคนได้หลั่งเลือดปกป้องแผ่นดินมาแล้ว ทหารล้วนจงรักภักดีการจะลดทอนอำนาจของเขานั้นไม่ง่ายอีกทั้งต้องทำอย่างไรถึงจะให้ทหารเหล่านั้นเชื่อฟังนี่สิเป็นเรื่องสำคัญ การบีบบังคับให้หยางเอ้อหลางแต่งงานมิใช่จะสร้างคำครหาหรอกหรือ"
ฮ่องเต้มีสีพระพักตร์บ่งบอกว่ากลัดกลุ้มยิ่ง พระองค์ไม่อาจบีบให้ หยางเอ้อหลางแต่งงานได้ในตอนนี้ แต่นอกจากวิธีนี้แล้วก็ไม่เห็นหนทางอื่นที่จะลดทอนอำนาจของตระกูลหยางได้อีก อำนาจในมือขุนนางผู้หนึ่งซึ่งมากเกินไปย่อมไม่ดีต่อความมั่นคงของบัลลังก์
"เสด็จแม่ตรัสถูกต้องในความคิดเห็นของเสด็จแม่เช่นนั้นเราควรทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ"
"วิธีก็มีอยู่บ้าง" ไทเฮาผู้เป็นเจ้าของอำนาจในวังที่แท้จริงตรัสพลางยกยิ้มเยือกเย็น
"เสด็จแม่โปรดชี้แนะ"
"เรื่องนี้มอบให้ตำหนักเทพจัดการ หากเป็นโองการสวรรค์แม้แต่ หยางเอ้อหลางก็ไม่อาจขัด"
ตำหนักหยางชิง
องค์หญิงใหญ่หลินฉีกำลังเลือกอาภรณ์อย่างตั้งใจพร้อมบรรดาองค์หญิงหลายคนที่รุมล้อมบรรยากาศครึกครื้นยิ่ง
"พี่ใหญ่ท่านดูสิผ้าไหมจากแคว้นเป่ยนับเป็นของชั้นเลิศวาสนาพวกข้าช่างดีนักแม้ไม่ได้ใส่วันนี้ได้เห็นกับตาถือว่ามีบุญใหญ่"
"น้องห้าเจ้ากล่าวเช่นนี้พี่เห็นด้วยหากไม่ใช่เพราะเป็นพี่หญิงใหญ่หรอกหรือพวกเราถึงมีวาสนาได้ใส่กัน"
องค์หญิงใหญ่ปิดปากหัวเราะเบาๆ เพราะเป็นพระธิดาองค์โตซึ่งถือกำเนิดจากฮองเฮา ใบหน้างดงามกิริยาเรียบร้อย เก่งกลอนคล่องกวี เรื่องเพลงพิณนั้นเป็นเลิศ สติปัญญาฉลาดหลักแหลมจึงเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทและไทเฮานัก ดังนั้นของดีทั่วแว่นแคว้นไม่ว่าจะหายากเพียงใดเพียงองค์หญิงหลินฉีเอ่ยปากทุกสิ่งล้วนมาปรากฎตรงหน้าดุจเนรมิต
ในจำนวนสตรีที่กำลังเพลิดเพลินกับผ้าไหมงดงาม กลับมีโฉมสะคราญผู้หนึ่งที่กำลังสนใจเพียงขนมด้านหน้าตนเอง หยิบเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างมีความสุขไม่สนใจแม้กระทั่งชายตาแลผ้าไหมงดงามเหล่านั้น
ความจริงนางชอบสิ่งของสวยงามทุกสิ่ง แต่ต้องข่มใจด้วยไม่อยากให้ตนนั้นเกิดความอยากได้มากเกินไป
"น้องสิบสามเจ้าไม่เลือกไปสักผืนหน่อยหรือ มาพี่หญิงใหญ่จะเลือกให้ เจ้าเอง"
"อย่าสนใจน้องสิบสามเลยพี่หญิง ดูนางสินิสัยแปลกประหลาดนัก ไม่สนใจร่ำเรียนจนไทเฮาทรงไม่พอพระทัยเราพี่น้องก็หวังเพียงทุกคนอยู่สบายอย่างสงบ แต่นางวันๆ เอาแต่หาเรื่องคนนั้นทีคนนี้ทีพี่หญิงใหญ่ใกล้ชิดนางมากเห็นทีว่านางจะนำเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจมาให้ในสักวัน" องค์หญิงแปดเอ่ยขึ้น
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินยกยิ้มเย็นแล้วโต้กลับเบาๆ
"พี่แปดท่านยังโกรธข้าอยู่หรือเพียงคุณชายตงหัวที่ท่านมีใจส่งกำไลหยก มาให้ข้าเพื่อตอบแทนที่ข้าช่วยน้องสาวของเขาจากพวกอันธพาลเท่านั้น เหตุใดท่านจึงคิดมากเช่นนี้เพราะคิดมากจึงได้รับโทษอย่างไรเล่า"
ร่างขององค์หญิงสิบสามอ่อนระทวย ในขณะที่เขาปรนเปรอนวดเฟ้นอกอวบเร่งจังหวะร้อนผ่าว เขาใช้เข่าดันแยกขาของนางออก กดแท่งใหญ่ยาวเข้าไปภายในที่นุ่มชุ่มฉ่ำจนมิดด้ามนางบีดรัดเขา ตอดเขาจนเขาเจียนคลั่ง หยางเอ้อหลางขยับกายดุนดันตนเองเข้าไปจนถึงส่วนที่ลึกที่สุดนางกำลังโอบล้อมเขาบีบบังคับเอาเสียงครางราวสัตว์ป่าบาดเจ็บออกมาจากริมฝีปากของเขา หยางเอ้อหลางครางทั้งที่ยังดูดกลืนปลายถันของนางเอาไว้ เขาเร่งจังหวะควบนางประดุจควบอาชา เข้าออกลึกล้ำแม้อากาศจะหนาวแต่สองร่างกลับเต็มไปด้วยเหงื่อชื้น เขาช้อนสะโพกผายขึ้นกระแทกนางจนร่างอรชรสั่นสะท้าน องค์หญิงสิบสามรู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกเขานำลงกระทะใบใหญ่แล้วเคี่ยวให้ละลายครั้งแล้วครั้งเล่าเขาทำอย่างที่พูดดูดกินร่างกายของนางทุกสัดส่วนไม่เหลือเว้นแม้แต่ส่วนเดียว หากนางไม่มีกระพรวนผู้พิทักษ์เกรงว่าทั้งร่างของนางคงเต็มไปด้วยร่องรอยรักที่เขาฝากไว้แล้วจังหวะดูดเม้มของเขาพร้อมกับสองมือที่บีบเคล้นปทุมถันนั้นทำให้นางเสียวสะท้าน ยามที่เขาขบกัดฟันลงมาที่ผิวขาวผ่องทำให้นางขนลุกชันองค์หญิงสิบสามกรีดร้องออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้อายเขาถาโถมร่างลงมา กดสะโพกของนา
ความรู้สึกเสียวแปลบเมื่อมือของเขาและมือของนางสัมผัสที่เต้าอวบ ทำให้องค์หญิงสิบสามครางต่ำ หยางเอ้อหลางดันขาของนางให้กว้างขึ้น สอนนางให้ขยี้ขยำเต้าอวบของตนเองก่อนจะปล่อยมือแล้วแยกขาของนางออกให้สุดเขาลงลิ้นชิมรสภรรยาอย่างหื่นกระหาย ปลายลิ้นแหลมดุนดันในขณะที่ขบกัดและละเลงลิ้นดูดกลืนนางเอาไว้ในปาก องค์หญิงสิบสามสะดุ้งครั้งแล้วครั้งเล่า ดันกายขยับสะโพกเข้าหาเขามือที่ถูกเขาสอนให้ล่วงเกินตัวเองยังคงทำหน้าที่กระตุ้นความรู้สึกร้อนรุ่มของตนเอง เพลิงสวาทที่เขาสร้างให้เกิดขึ้นกับนางอย่างรวดเร็วกำลังเผาไหม้องค์หญิงสิบสามเกือบจนสิ้นสติ นางกรีดร้องในลำคอทุกครั้งที่เขาแยงลิ้นเข้าหา เขารัวลิ้นฟาดฟันเบื้องล่างองค์หญิงสิบสามอย่างไม่ปรานี นางกดศีรษะของเขาลงให้เขากินมากกว่านี้ดื่มด่ำกับนางมากกว่านี้ สุดท้ายเป็นนางที่ดึงเอี๊ยมของตนเองทิ้ง ยันกายมองศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมยาวนุ่มหนาของสามี นางดึงปิ่นปักผมของเขาออก ก่อนจะดึงกวานเงินที่ครอบเส้นผมออกแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ปรานี นางเปลือยเปล่าเช่นนี้เหตุใดสามียังมีอาภรณ์ติดกายเห็นแล้วขัดเคืองยิ่งแต่นางยังไม่ทันได้คิดสิ่งใด ลิ้นของเขาก็ฟาดฟันลงมาจนนางบิดกายเร่า เ
เสียงปิดประตูด้านนอกเรือนดังขึ้น หยางเอ้อหลางรินน้ำชาให้องค์หญิงสิบสามนางยกขึ้นมาจิบ เห็นว่ารสชาติมีความหวานยิ่งอีกทั้งหอมกรุ่นอยู่ในปากนางชื่นชอบยกดื่มจนหมดจอก แล้วนางก็คิดขึ้นได้ว่าได้ดื่มชานี้เมื่อครั้นฝ่าบาทพระราชทานให้เมื่อนานมาแล้ว“ชานี้เป็นชาเลื่องชื่อที่หากินได้เพียงปีละครั้ง ข้าเคยชิมมาแล้วคิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีชาประเภทนี้อยู่ด้วย”“เป็นสินค้าของโรงชาของเรา”“โอ้ท่านพี่แม้แต่ชาหายากในแผ่นดินก็เป็นสินค้าของท่านหรือ”องค์หญิงสิบสามหัวเราะอย่างชอบใจ นางเป็นภรรยาเศรษฐีของจริงแล้ว ไม่อดตายแล้ว“แคว้นอิ๋นของท่านยายเชี่ยวชาญเรื่องดอกไม้ ใบชาดังนั้นสินค้าหลายอย่างก็มาจากการคิดค้นของท่านยาย”เขารินชาให้นางอีกจอก ก่อนที่จะเดินไปเทน้ำอุ่นลงในอ่างใบเล็กหยางเอ้อหลางถือชามมาถอดรองเท้าหุ้มแข้งสีขาวของภรรยาออกพร้อมกับถุงเท้าเขาจับเท้านางแช่ในน้ำอุ่นพร้อมกับนวดให้เบา ๆ นางรู้สึกผ่อนคลายยิ่ง คนที่อุ้มนางเดินคือเขาแต่เขากำลังทำราวกับว่านางได้ใช้เท้านี้อย่างหนักมากระนั้นแต่เมื่อเห็นว่าใบหน้าเขาดูอิ่มเอมนักองค์หญิงสิบสามจึงปล่อยให้สามีดูแลอย่างมีความสุข อีกทั้งความหอมของกลิ่นดอกไม้ที่ผสมในน้ำอ
หนุ่มน้อยหลายคนถึงกับอายม้วนเมื่อสบสายตากับองค์หญิงสิบสาม นางกลายเป็นที่นิยมในเวลาเพียงชั่วลมหายใจหยางเอ้อหลางกระแอมอีกครั้งแล้วเอ่ยเสียงต่ำ“ข้าเพียงพาองค์หญิงมาเดินเล่น พวกเจ้าไม่ต้องมากพิธีสิ่งใดที่ควรทำก็ไปทำเสีย”“เจ้าค่ะ” บุรุษหนุ่มหลายคนแยกย้ายออกไปแล้วเหลือเพียงสตรีที่คอยดูแลนำพวกเขาไปที่เรือนพัก องค์หญิงสิบสามจึงสามารถโผล่ศีรษะมาจากอ้อมแขนของเขาได้ หยางเอ้อหลางสนทนากับหญิงชราอีกหลายคำก่อนนางจะประสานมือคารวะแล้วเลี่ยงไปดูแลจัดน้ำร้อนน้ำชาให้กับพวกเขา“ท่านพี่บอกพาข้ามาเดินเล่นแต่ท่านอุ้มข้าอยู่เช่นนี้ข้าจะเดินได้อย่างไร”“พื้นดินลื่นนัก ข้าเกรงท่านจะเสียหลักล้มข้าอุ้มเจ้าเช่นนี้ดีแล้ว”องค์หญิงสิบสามบิดคางของเขาแล้วเอ่ยว่า“ท่านพี่ข้าเป็นวรยุทธ์จะเสียหลักได้อย่างไร”นางหัวเราะแต่สองมือกลับโอบรอบคอของเขาแน่น เห็นได้ชัดว่าแม้เขาจะปล่อยนางลงนางก็จะเกาะเขาเป็นปลิงอยู่เช่นนี้ ใบหน้าขาวใสงดงามท่ามกลางหิมะขาวของท่านพี่หล่อเหลานัก หล่อเหลาจนอดที่จะยกมือลูบไล้อย่างไม่อายสายตาคนรอบข้างได้ จวบจนนางอดทนไม่ไหวโน้มคอของสามีลงมาจุมพิตเบาๆที่ริมฝีปากแดงระเรื่อของเขา “ชื่นใจจัง” นางเอ่ยอย
รูปร่างของเขาที่ว่าขณะสวมอาภรณ์นั้นงดงามมากสมบูรณ์แบบมากแล้วแต่ผู้ใดจะรู้ว่ารูปร่างที่แท้จริงภายใต้อาภรณ์นั้นกลับสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าภาพวาดบุรุษหนุ่มที่งดงามในหนังสือเสียอีกมัดกล้ามแข็งเป็นลอนไหล่กว้างน่าซบช่างเป็นบุรุษที่มีรูปโฉมที่แม้แต่เทพบนสวรรค์ยังต้องริษยาหยางเอ้อหลางมองใบหน้างามล้ำของภรรยาที่แดงระเรื่อนิ้วมือเรียวขาวผ่องที่ลูบไล้บนอกของตนแม้จะมีอาภรณ์หนากั้นกลางกลับส่งผ่านความเร่าร้อนเข้าไปด้านในจนเขากำลังรู้สึกว่าผิวกายบริเวณนั้นกำลังโดนลวก เขาต้องการนางจนไม่อาจรอช้าจึงพานางกระโดดเหาะขึ้นกลางอากาศด้วยเร่งร้อน นางยิ้มบางใบหน้ายังคงแดงระเรื่อดุจสีของกลีบกุหลาบยิ่งมองตัดกับภาพหิมะที่ขาวโพลนอยู่รอบกายช่างดูงามล้ำจนเขาแทบลืมหายใจองค์หญิงสิบสามแท้จริงแล้วนางงดงามยิ่งกว่าหญิงงามล่มเมืองที่เขาได้เชยชมมา มีหญิงงามในอ้อมกอดอีกทั้งเป็นหญิงที่เขาทั้งรักทั้งทะนุถนอมเช่นนี้ความต้องการในตัวนางของเขาจึงมีมากจนแทบคิดว่าตนเองตะกละตะกลามอย่างน่าละอายช่วงล่างของเขาบัดนี้แข็งแกร่งจนดันอาภรณ์ออกมาโชคดียังมีเสื้อคลุมตัวใหญ่คลุมร่างไว้ไม้ให้มันออกมาอวดความใหญ่โตด้านหน้าให้อับอายไปมากกว่านี้สุดปล
"มิน่าเล่าท่านถึงร่ำรวยนัก เป็นเพราะสกุลหยางวางแผนอย่างดีเยี่ยม ข้านับถือยิ่งบรรพบุรุษสกุลหยางนอกจากชำนาญการรบยังสายตากว้างไกลอีกด้วย""ความสุขที่สกุลหยางมีในวันนี้กระนั้นก็ยังแลกกับชีวิตบุรุษสกุลหยางเกือบทั้งสกุล เมื่อเหลือข้าเพียงคนเดียวจึงเป็นความหวังของทุกคนนัก""ท่านไม่ต้องห่วงข้าจะตั้งใจมีทายาทสืบสกุลให้สกุลหยางมากหน่อยเพื่อทำความหวังของสกุลให้เป็นจริง"นางจับมือเขาแน่น หวังเพียงว่าตนเองอาจช่วยคลายความเศร้าโศกในใจของเขาให้มลายไปได้สักเล็กน้อย"ไม่เป็นไรท่านอย่ากดดันตนเองให้มาก แม้ไม่มีก็ไม่เป็นไร"ดวงตาของหยางเอ้อหลางอ่อนแสง องค์หญิงสิบสามไม่ทันสังเกตว่าใบหน้าเขาหม่นหมองลงเล็กน้อยก่อนจะปรับเป็นปกติโดยพลัน"ความจริงแต่งให้ท่านมาก็นานแล้วข้าอย่างไรเสียก็รู้สึกผิดอยู่บ้างที่ยังไม่ท้องเสียที""ท่านมีหินจันทราในร่างกายหากตั้งครรภ์ข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอันตรายใดหรือไม่ เราป้องกันไว้ดีกว่าจะได้ไม่เสียใจภายหลัง""ท่านพี่"องค์หญิงสิบสามน้ำตาคลอแล้วยิ่งเขาดีเช่นนี้นางยิ่งรู้สึกผิด ความจริงที่ว่านางแอบดื่มยาหยุดครรภ์เขาอาจจะรู้แต่นางไม่อาจเสี่ยงให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ หากนางตั้งครรภ์แล
เถ้าแก่เหลาน้ำชาออกมาต้อนรับประดุจพวกเขาเป็นลูกค้าปกติทั่วไป ยามเช้าผู้คนในเหลาน้ำชาแน่นขนัดด้วยเป็นเหลาขึ้นชื่ออันดับหนึ่งในต้าชิงข้างในจึงคึกคักยิ่ง เห็นได้ชัดว่ากิจการดีและทำเงินได้มากเพียงใด ความจริงองค์หญิงสิบสามก็เคยมาที่นี่บ่อยครั้งเมื่อครั้นฉางอ๋องยังประจำการที่เมืองหลวงเถ้าแก่ร้านน้ำชาจึงรู้จักนางเป็นอย่างดี แต่คิดไม่ถึงว่าบุรุษเช่นหยางเอ้อหลางที่อาศัยอยู่ชายแดนมายาวนานจะดูสนิทสนมกับเถ้าแก่ได้เพียงนี้หยางเอ้อหลางจูงมือภรรยาตามเถ้าแก่เข้ามาในห้องรับรองห้องหนึ่งแยกจากห้องโถงรวมเพียงเข้ามาในห้องนี้เสียงด้านนอกที่ดังจอแจโหวกเหวกพลันเงียบสนิทองค์หญิงสิบสามมองไปรอบๆภายในห้องอบอุ่นและตกแต่งอย่างงดงามอีกทั้งยังสะอาดเรียบร้อย"ท่านพี่ที่นี่เหมือนห้องพักในโรงเตี๊ยมมากกว่าเป็นเหลาน้ำชา" นางเอ่ยเบาๆ เมื่อเถ้าแก่ส่งพวกเขาแล้วหยางเอ้อหลางก็ไม่ได้สั่งสิ่งใดเพียงแต่พยักหน้าคนผู้นั้นก็ออกจากห้องทันที "ข้ามีบางสิ่งต้องการให้ท่านเห็น"เขาเอ่ยพลางเดินไปที่เตียงนอนองค์หญิงสิบสามเดินตามสามีมาพบว่าด้านข้างเตียงถูกประดับด้วยเครื่องปั้นสลักลายผลทับทิมงดงามนักหยางเอ้อหลางใช้สองมือหมุนเครื่องปั้
นางลูบแขนที่ขาวผ่องของเขาเบาๆ ราวกับเป็นหยกล้ำค่า ที่สำคัญหากขายของคนต้องเห็นใบหน้าหล่อๆ ของเขาอีกมาก หากมีสตรีใจกล้าหน้าด้านมาทำให้นางปวดหัวคงลำบากน่าดู ครั้นคิดถึงว่าต้องแบ่งเขาให้ผู้อื่นเชยชมแล้วก็รู้สึกขัดใจยิ่ง ค้าขายเช่นนี้แม้ได้กำไรในตัวเงินแต่นางย่อมขาดทุนในเรื่องสามีดังนั้นเลิกคิดตอนนี้จะดีกว่าหยางเอ้อหลางยิ้มแล้วเอ่ยว่า"หมินเออร์อยากให้ข้าทำอาชีพใดเล่า" หยางเอ้อหลางเอ่ยอย่างเอาใจภรรยา"ไม่ต้องทำอันใด"นางขมวดคิ้วทำท่าครุ่นคิดก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมกับดีดนิ้วเสียงดัง"หืม ไม่ต้องแล้วหรือ" เขามองท่าทางน่ารักของนางพร้อมกับยีศีรษะนางเบาๆ"ท่านพี่ ข้าว่าเราหาที่เหมาะ ๆ แล้วเอาเงินไปฝังดินหลีกเลี่ยงทางการดีหรือไม่ป้องกันไว้ก่อนย่อมเป็นการดี หากฝังดินแล้วเราก็สามารถเอาสมบัติมาใช้ในภายหลังได้"องค์หญิงสิบสามหัวเราะอย่างมีความสุข สมบัติของเขามีมากต้องเริ่มหาที่ทางที่ปลอดภัยเพื่อจัดการแล้วหยางเอ้อหลางหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก นางคิดว่าเขาสิ้นไร้ไม้ตอกและฝ่าบาทจะทรงพระทัยดำกับสกุลหยางเพียงนี้หรือ ในที่สุดเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า"หมินเออร์ท่านแต่งให้ข้า ข้าสัญญาจะปกป้องเจ้าไม่มีทางให้ลำบ
อาชิงคิดว่าตนเองคงชี้แนะได้เพียงเท่านี้ นางกินให้เขาดูเป็นตัวอย่างพร้อมกับเป็นฝ่ายป้อนหมั่นโถวให้กับองครักษ์ฝาน เขาผู้นั้นไม่ขัดข้องอ้าปากกินอย่างว่าง่ายแต่ว่าอาชิงมองว่าเขาช่างดูไร้วิญญาณชะมัดปากอวบอิ่มของอาชิงที่อ้าปากกินหมั่นโถวนั่นยั่วยวนเกินไปแล้ว นิ้วมือเล็กๆ ที่เขาบังเอิญได้สัมผัสเมื่อยามนางป้อนเขาอ่อนนุ่มจนเขาไม่อยากปล่อยยิ่งนางงดงามยิ่งนางใสซื่อองครักษ์ฝานยิ่งเจ็บปวด เขาชอบทุกสิ่งที่เป็นนางแล้วจะให้เขาปล่อยวางได้อย่างไรคนผู้นั้นมีใบหน้าเป็นอย่างไร องอาจเพียงใดจึงทำให้อาชิงต้องตาต้องใจได้เพียงนั้น จู่ๆ องครักษ์ฝานก็อยากเห็นหน้าคนผู้นั้นนัก"ท่านอย่าบอกว่าวันนี้ยอมตื่นเช้าเพียงเพื่อมาต่อแถวซื้อหมั่นโถวนี่หรอกนะ"หยางเอ้อเอ่ยถามพลางยื่นมือไปรับถุงหมั่นโถวจากภรรยาพร้อมกับล้วงเจ้าก้อนกลมสีขาวนุ่มนิ่มออกมา ก่อนจะเป่าหมั่นโถวเบาๆ ไล่ความร้อนออกไปจนอุ่นดีแล้วจึงป้อนให้องค์หญิงสิบสาม นางอ้าปากรับพร้อมกินอย่างมีความสุข เมื่อชิมรสชาติของหมั่นโถวที่สามีทั้งเป่าทั้งป้อนให้จนหมดไปทั้งลูกแล้วจึงเอ่ยว่า"ไม่ใช่เท่านี้เพียงแต่ว่าข้าเห็นว่าหากท่านออกจากราชการแล้วเราควรค้าขายดีหรือไม่ ข้าว
Comments