“ที่รัก ร่างกายของคุณหวานอร่อยไปทั้งตัว หวานจนผมหยุดกินไม่ได้ แล้วตอนนี้ผมหิวอีกแล้ว” ตฤณ ท่านประธานบริษัท วัย 37 ปี หนุ่มโสดหล่อ รวย พ่อบุญทุ่ม ถูกใจใครก็เปย์หนัก ไม่เว้นแม้แต่เลขาสาวสวยที่เขาบังคับมารับตำแหน่ง ด้วยวิธีแสนเจ้าเล่ห์แม้เธอไม่เต็มใจ แต่ในเมื่อเขา “อยากได้” วิธีสุดแสนร้ายกาจเขาก็งัดมาใช้ เพื่อให้ได้เธอมาครอบครอง ***** “ผมขับรถไปรับคุณได้ด้วยตัวเองเลย ไม่ได้ขู่ด้วย เอาให้รู้ไปทั้งบริษัทว่า... คุณเป็นคนของผม ผมมีรถให้เลือกนั่ง 10 คัน ลือกมาสักยี่ห้อเดี๋ยวขับไปหาครับ” “คุณมันบ้า อีตาผู้ชายบ้า เวรกรรมอะไรของฉันเนี่ย แล้วต้องมาอยู่ซอยเดียวกัน” “ท่านประธาน คำที่ถูกต้อง ตกลงขึ้นรถมาหรือยังครับปั้นหยา” “คอยดูนะ ถ้าฉันเจอหน้าคุณ...” “จะสมนาคุณผมด้วยจูบเหรอ” “คุณ!”
Lihat lebih banyakปั้นหยา บ้านอยู่ต่างจังหวัด เพิ่งเรียนจบหมาดๆ กำลังเผชิญกับการตกงาน นั่นเพราะคนที่เรียนจบพร้อมกันเป็นแสนๆ คน ยุ่งยากที่สุดคือตอนหางาน ต่อให้เธอเรียนเก่งแค่ไหนก็ตามไม่รอดอยู่ดี เพราะงานสมัยนี้คัดเฉพาะคนมีประสบการณ์ แล้วคนเรียนจบใหม่อย่างเธอเล่า ใครจะเอา ทว่าฟ้าก็มีตา เธอสมัครทิ้งๆ ไว้หลายที่ ก็มีคนบริษัทเรียกตัวไปสัมภาษณ์บ้าง ที่เหลือเงียบกริบทิ้งใบสมัครของเธอแล้วกระมัง
วันนี้เป็นวันที่ปั้นหยาพอจะมีความหวังว่าจะได้งานทำ มีเงินมาจ่ายค่าเช่าบ้าน ไม่ต้องแบมือขอเงินครอบครัว เธอคิดอย่างมีความหวัง ขณะที่กำลังเดินเท้าออกจากซอยซึ่งเป็นบ้านเช่า ในมือหอบเอกสารส่วนตัวหนาเตอะเตรียมการเป็นอย่างดีไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ขอดูอะไรก็ให้ได้ การแต่งตัวก็จะสุภาพหน่อยคือเสื้อเชิ้ตขาวเข้ารูป กับกระโปรงทรงเอ รองเท้าส้นสูงที่เดินยากมากบนทางเท้าที่ขรุขระ แถมยังมีน้ำขังเจิ่งนองหลังฝนตก บางจุดต้องเดินหลบเลี่ยงไม่ให้รองเท้าเปื้อนโคลน “อากาศนี่ก็นะ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน บางวันก็หนาวขึ้นมาดื้อๆ” ปั้นหยาบ่นฟ้าบ่นฝนไปเรื่อย จังหวะเดียวกันก็มีมอร์เตอร์ไซค์รับจ้างแล่นผ่านไปมา แต่เธอไม่เรียกเพราะจากกลางซอยมาถึงปากซอยไม่ไกล และเดินอีกไม่กี่เมตรก็ถึงปากซอยแล้ว เหนื่อยแต่ก็ทนได้ “ขับเฟี้ยสขนาดนี้ ใครจะนั่งด้วย” ปั้นหยาบ่นให้มอร์เตอร์ไซค์รับจ้างที่ กำลังขับมาแล้วแซงซ้ายขวา ไม่สนใจรถที่กำลังจะสวนออกไปเลย และในจังหวะเดียวกันนั้น ก็ดันมีรถเก๋งขับมาทางที่เธอเดินพอดี รถเก๋งเหวี่ยงพวงมาลัยหลบมอร์เตอร์ไซค์มาทางซ้าย จังหวะนรกคือล้อรถเหยียบตรงน้ำขัง “ว๊าย! ตายแล้ว! อ๊าย!” ปั้นหยากรี๊ดด้วยความตกใจ เพราะน้ำโคลนสาดกระเด็นใส่เสื้อสีขาวของเธอเปียกทั้งตัว เธออึ้งไปหลายวิก่อนจะมองไปที่รถเก๋งคันนั้นที่ชะลอเช่นกัน เท่านั้นแหละแม่คุณองค์ลงทันที “นี่! หยุดเดี๋ยวนี้! ขับรถประสาอะไร! ไม่เห็นใจคนเดินเท้า คิดว่ารวยมากใช่ไหม! ขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือขนาดนี้! อยากจะขับยังไงก็ขับได้ใช่ไหม ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ! ไม่งั้นแม่จะถ่ายป้ายทะเบียนลงเฟซบุ๊กส์เลย!” เธอด่าไฟแลบพร้อมกับชี้มือชี้ไม้ คนในรถรีบจอดและได้ยินแต่เสียงแว๊ดๆ พร้อมกับภาพปั้นหยากำลังชี้มือมา เท่านั้นยังไม่พอ เธอเดินตรงมาที่รถด้วย “เอาไงดีครับคุณท่าน แย่แล้ว น่าจะใส่ชุดทำงานนะนั่น” กันระพีซึ่งเป็นคนขับรถบอกด้วยความตระหนก “แกลงไป ให้เงิน ให้อะไรไปปิดปาก จะได้เงียบ ท่าทางปากจัดไม่เบา” เจ้านายผู้ที่นั่งด้านหลังบอกอย่างไม่แยแส และไม่กล้าหันไปมอง “ฉันบอกให้ลงมาเดี๋ยวนี้!” ปั้นหยาตะโกนพร้อมกับเอามือถือถ่ายป้ายทะเบียนด้วยเลย “คุณท่าน ถ้าไม่ลงไปแย่แน่ โซเชียลอยู่ในมือนะครับนั่นน่ะ” “แล้วแกขับรถประสาอะไรวะเนี่ย” เจ้านายหนุ่มต่อว่าเสียอย่างนั้น “ก็คุณท่านบอกให้ผมขับเร็วๆ รีบ ไปประชุม” “ก็... เอ่อ” เจ้านายหนุ่มได้แต่อึกอัก เพราะมันเป็นคำสั่งของตนเอง “คุณท่านต้องรับผิดชอบ” คนขับรถบอกอีกครั้ง “บ้าจริง ฉันมีประชุมด้วย เอาเงินให้สักพันสองพัน เดี๋ยวก็เงียบแหละ” ตุบ! ตุบ! ตุบ! ระหว่างที่เจ้านายกับลูกน้องคุยกันอยู่นั้น ปั้นหยาก็ทุบกระจกเบาๆ ทำเอาสองหนุ่มถึงกับหันมอง ขณะเดียวกันปั้นหยาเห็นไม่ชัดว่าภายในรถเป็นอย่างไร เนื่องจากกระจกมืด “ให้ตายสิ” ตฤณผู้เป็นเจ้านายสบถอย่างหัวเสีย “จะไม่ลงมาใช่ไหม! ได้!” ปั้นหยาถามอีกครั้ง ชั่ววินาทีนั้นเธอก้มหน้าหาอะไรบางอย่างแต่ไม่พบ ไหนๆ ก็เปื้อนแล้ว เธอก็เดินกลับไปที่จุดน้ำขังแล้วเอามืออุ้มน้ำโคลนแล้ววิ่งมาสาดใส่ประตูรถทันที “นี่แน่ะ!” “เฮ้ย! อื้อหือ! ยัย... ผู้หญิงอะไรวะเนี่ย” ตฤณว่าด้วยความตกใจ ส่วนปั้นหยาก็ยังคงวิ่งไปเอามืออุ้มน้ำกลับมาสาดเหมือนเดิม จนเขาทนไม่ไหวรีบลงจากรถ “หยุดเดี๋ยวนี้! คุณทำอะไรรถผมเนี่ย! ผมบอกให้หยุด!” ตฤณร้องห้าม ขณะที่เธอเอาน้ำโคลนนั่นแหละป้ายรถเขาอีก แต่เมื่อเธอยังไม่หยุดเขาก็เอื้อมมือกระชากมือเธอเอาไว้แรงๆ จนเธอหันหน้ากลับมามอง วินาทีประจันหน้าเขาก็ชะงัก จากที่กำลังจะง้างปากด่าเสียหน่อย ถึงกับสะตั้นเพราะแม่สาวปากร้ายคนนี้สวยชะมัดเลย หน้าใสมาก จมูกโด่งแดงๆ ปากน่าจูบแต่ด่าเก่ง ทว่าเธอเองก็ต้องอึ้งเช่นกัน พอต่างฝ่ายต่างได้สติเธอก็สะบัดมือออกแรงๆ และเช่นเดียวกันจากที่เขาหัวร้อนเมื่อครู่ อารมณ์กลับเปลี่ยนซะงั้น“หึๆ หึๆ คุณหยาเนี่ยรู้มากเกินอายุนะครับ” “เขาก็ไม่ได้เด็กแล้วนะ แค่อายุน้อยกว่าเราเป็นสิบปี ยิ่งวัยรุ่นสมัยเนี้ยะ รู้เยอะกว่าเราก็มี”“ที่อายเนี่ยเพราะต้องเข้าห้องน้ำ ขณะที่คุณหยาอยู่ในห้องใช่ไหมครับ รู้สึกคุณท่านจะใจแข็งนะครับ”“หยุดพูดเลย ทั้งโดนไล่ที่ โดนไล่เข้าห้องน้ำ เอาแต่หัวเราะเยาะ รู้ถึงไหนอายถึงนั้น” เขาบ่นเป็นหมีกินผึ้งเชียว พลางลุกเข้าห้องน้ำช้าๆ“แต่ก็ได้ใจน่า ผมเชื่ออย่างนั้น”“โทรตามด้วย มาให้ทันมื้อเช้า ฉันจะกินข้าวเช้าที่นี่”“ครับผม อาบน้ำเถอะครับ” ก้องการุณรับคำ ก่อนจะออกไปจากห้อง ส่วนเจ้านายก็อาบน้ำแต่งตัวอย่างทุลักทุเลเพราะปวดหลัง ปวดจริงๆ เขาไม่เคยนอนพื้นแข็งๆ มาก่อน ตั้งแต่เกิดมาก็นอนเตียงนุ่มๆ อย่างเดียวเท่านั้น แม่คุณคนนี้มาเปิดประสบการณ์เหลือเกินต่อมา ปั้นหยาถูกโทรตามให้มาที่บ้านของตฤณอีกครั้ง โดยมีกันระพี คนขับรถไปรับถึงบ้าน เธอก็มาแต่โดยดีและตรงไปยังห้องอาหารแต่ไม่เห็นตฤณอยู่“สวัสดีค่ะน้
“แค่จูบเอง คุณมันบ้า หยาจะลงไปนอนข้างล่าง”“ไม่... คุณต้องรับผิดชอบ”“ไม่ค่ะ เราตกลงกันแล้ว อย่ามาผิดคำพูด”“ผมไม่ไหวแล้ว” เขาทำน้ำเสียงอ้อนก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ขณะที่เธอคิดว่าต้องรู้สึกสนิทแค่ไหนถึงได้พูดเรื่องแบบนี้ได้“โทรบอกก้อง ให้เรียกเด็กๆ ขึ้นมาสักคนไป” สิ้นคำของเขาเท่านั้นแหละเธอก็ขว้างหมอนใส่ทันที“โอ๊ย! อะไร ก็คุณทำไม่ได้ ก็ต้องคนอื่นสิครับ”“เข้าห้องน้ำไปเลยค่ะ ไป!”“ไม่ได้ ไม่ชอบช่วยตัวเอง”“หยาก็ช่วยคุณไม่ได้ และจะไม่ให้ใครมายุ่งด้วย มานี่เลย” ว่าแล้วเธอก็ลงจากเตียงแล้วเดินไปดึงเขาเข้าห้องน้ำ ขณะที่เขาเอามือปิดกลางลำตัวเอาไว้“หยา... ใจร้าย” “คุณทำได้ คุณเก่ง หยาเชื่อ ใจเย็นๆ นะคะ” ยังมีหน้ามาปลอบใจเขาอีก พูดเสร็จก็ดันเขาเข้าห้องน้ำ ซึ่งแน่นอนวิธีจบปัญหานี้ของเขาคืออาบน้ำ เอาน้ำเย็นชะล้างร่างกายให้เย็นลง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ต้องจบด้วยความสุขที่สร้างได้ด้วยมือ
“ไม่เป็นไรครับ มานอนมา” เจอคำชวนมึนๆ ของเขาก็ทำให้เธอแทบจะตาโตด้วยความตกใจ“เอาหมอนข้างคั่นกลางเอาไว้ก็ได้ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก” สายตาเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ใครจะเชื่อ“คุณเป็นคนที่หน้ามึนมาก แต่หยาเป็นคนตรงๆ ถามก่อน ว่าคุณจะทำอะไรหยาไหม นี่เราเพิ่งรู้จักกันนะคะ แต่คุณทำเหมือนสนิทกับหยาเสียเหลือเกิน”“ก็เราต่างคนต่างแสดงธาตุแท้ออกมาให้กันเห็นเร็ว มันก็ต้องสนิทกันเร็วเป็นธรรมดา ผมเชื่อใจหยา หยาก็ต้องเชื่อใจผม”“เหรอคะ แล้วหยาเชื่อได้ไหมว่าคุณอาหารเป็นพิษจริงๆ”“ชะ... ชะ... เชื่อได้ ผมดีขึ้นแล้ว ก็เลยฉอดได้”“อย่าแม้แต่จะคิดนะคะ” เธอชี้หน้าเขาเล็กน้อย ส่วนเขาก็ยกมือยอมแพ้“ก็ดีค่ะ ขออนุญาตนะคะ” ว่าแล้วเธอก็เดินเข้าไปหาเขาใกล้ๆ กอดแขนข้างขวาของเขาแล้วพยุงลงจากเตียง“หืม อะไรครับ” ตฤณงุนงงแต่ก็ยอมทำตาม กระทั่งเธอหยิบหมอนลงมาวางเอาไว้บนพื้นด้วย เขาก็เข้าใจความหมายในทันที “อะไรเนี่ย” ตฤณถามเมื่อเธอ
“อ้าว! แล้วที่บอกว่ามีแฟนล่ะ”“ไม่มี!” เธอขึ้นเสียงลั่นและหันขวับกลับมามองหน้าเขา ตอบตรงตามความจริงทุกประการ นั่นก็เพราะว่าไม่มีจริงๆ เรื่องที่โกหกไว้ก็แค่เอาตัวรอดเท่านั้นแหละ แล้วเป็นไงล่ะ ลืมไปหมดครื้น! ครื้น! อยู่ๆ เสียงฟ้าก็ข่มคำรามเล็กน้อยพอให้ตื่นตัว ก็แหงเธอเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำก็เพราะฝนตกนี่แหละ ตกได้ตลอด เธอคิดพลางทำตาเลิ่กลั่ก“สรุปว่ายังไงครับเรื่องแฟน โกหกผมเหรอ” “ก็คุณถาม หยาก็แค่ตอบให้ตรงกับใจคุณเท่านั้นเอง แต่ว่า... คุณบอกว่าเห็นผู้ชายที่บ้าน” “นั่นน่ะสิ ใครครับ” ตฤณก็ยังแกล้งเธออยู่ “ไม่มีหรอกค่ะ เลิกอำหยาได้แล้ว หยาอยู่คนเดียว” พอได้คำตอบที่ตรงใจเขาก็ยิ้มสิทีนี้“ยังไม่มีแฟน งั้นเราก็เป็นแฟนกันได้” “ยังไม่เลิกพูดอีก ถ้าไม่เปลี่ยนเรื่องคุยหยาจะกลับ เดินกลับก็ได้ ดึกก็ไม่กลัว”“งั้นเอาเป็นว่าหยาตกลงใช่ไหม ดีจัง วันนี้จะเลิกคุยเรื่องนี้” “หายปวดท้องขึ้นมาเลยหรือเปล่าคะ” เธอแกล้งแซวอีก“เอ่อ... เอ่อก็กินยาสองครั้งแล้ว ดีขึ้นมากเลยครับ” แหมเกือบแก้ตัวไม่ทัน “งั้นก็นอนพักนะคะ หยาจะเอาถ้วยข้าวไปเก็บ” “แล้วขึ้นมาได้ไหม” “ถ้าคุณรับรองความปลอดภัยให้หยา” “นี่ไม่ไว้ใจกั
“ก็คุณก้องยังรู้ แล้วหยาล่ะ” เขามองหน้าเธอนิ่งๆ ก่อนจะตอบ“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ” พูดแบบนี้แปลว่าเขาไม่ไว้ใจเธอสินะ หรือไม่ก็เธอยังใหม่อยู่ ยังไม่ควรรู้ความลับอะไร“โอเค ไม่รู้ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าหยาแอบรู้ขึ้นมาอย่าว่ากันนะคะ”“ถ้าหยารู้แล้วจะทำอะไรได้ จะช่วยอะไรผมมันเกี่ยวกับงานใหญ่ระดับพันล้าน” “อย่างน้อยช่วยให้คุณได้ระบายความอึดอัด แทนที่จะเก็บเอาไว้ไงคะ หยาชวนคุยได้” “ชวนปวดหัวมากกว่ามั้ง แต่อยู่กับหยาผมอึดอัดอยู่เรื่องเดียว” “เรื่องอะไรคะ” “เรื่อง... ที่เราต้องนอนห้องเดียวกันในคืนนี้” “ฝันไปเถอะค่ะ หยาต้องกลับ ไม่ค้างแน่” “ผมก็ไม่ให้หยากลับเวลานี้เหมือนกัน ถามจริง อยู่บ้านเช่าคนเดียวไม่กลัวหรือไง อันตรายจะตาย” “กลัวอะไรคะ หยาก็อยู่คนเดียวมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียน”“กลัวคน กลัวสิ่งที่มองไม่เห็น แล้วนี่ดึกดื่นแบบนี้ ใครจะให้กลับ หืม”“ก็เพราะคุณไงทำให้หยาต้องกลับดึก” “ก็ถึงบอกให้นอนที่นี่ไง กำลังคิดอยู่ว่าจะให้นอนตรงไหนดี” “หยาว่าคุณวางแผนให้หยาอยู่มากกว่า” เธอฉลาดมาก เดาออกว่าหัวใจของเขากำลังหวั่นไหวกับเธอตั้งแต่แรกเจอ แถมยังหาทางพูดจาเย้าแหย่อยู่ตลอด “คนอย่างผมต้องวางแผนด้วย ดูหน้า
“งั้นก็กินค่ะ กินเสร็จกินยานอนพักผ่อน หยาจะได้กลับ” เธอขู่กลับบ้าง พร้อมกับเอี้ยวตัวเหมือนจะเดินหนี แต่เขาคว้าข้อมือเธอเอาไว้เสียก่อน เรียกได้ว่าต้องเป็นฝ่ายง้อเสียเอง “อะไรคะ” ปั้นหยาถามน้ำเสียงไม่พอใจ “ปวดท้อง ถ้าท้องเสียขึ้นมาแย่เลย” “เกี่ยวอะไรกับหยา ท้องใครท้องมัน” “ก็ถ้าหยากลับใครจะอยู่ดูแลผม” นี่เขากำลังอ้อนสินะ แล้วเมื่อกี้ทำเสียงดุใส่เธอ“หยาว่าคุณกำลังเครียดจากที่คุยงาน แล้วมาพาลหยาหรือเปล่า แต่ถ้าพาลก็ไม่แปลก เป็นเรื่องปกติที่เจ้านายมักจะพาลเก่ง เหวี่ยงเก่งโดยไม่มีความผิด” “ทำไมบ่นยาวจัง หืม ไม่ได้พาลลลล” ตฤณลากเสียงยาวเพื่อให้เธอเชื่อ ซึ่งเธอไม่เชื่อ “เสียงดุ” “เปล่าดุ” พอเขาปฏิเสธเธอก็ได้แต่เมินหน้าหนี “ขอโทษครับ ก็ดุแหละ คือคุยงานแล้วอารมณ์ค้างน่ะ ยังสลัดความเครียดไม่ออก” “แล้วยังปวดท้องอยู่ไหมคะ” เธอลองถามย้ำเพราะเห็นทำท่าปกติ “ปวดดดด” แล้วเขาก็ทำเสียงอ้อนอีก เหมือนคนเป็นไบโพล่าเลย ให้ตายสิ เขานี่มันเจ้าเล่ห์เสียจริง เธอคิด พลางนั่งลงที่เดิมแล้วหยิบถ้วยโจ๊กส่งให้เขา แล้วมองนิ่งๆ สายตาไร้อารมณ์เสียเหลือเกิน ที่มาดูแลเขาเพราะถูกบังคับสินะ คิดแล้ว ก็ได้แต่ถอนใจ
“งั้นไปที่ห้องนั่งเล่นดีกว่าครับ เป็นส่วนตัวกว่าห้องรับแขกมีทีวีดูเพลินๆ ระหว่างรอ ผมจะได้หาอะไรมาให้กินเสียเลย” “ก็ดีค่ะ ดูท่าทางจะนาน” ว่าแล้วกันระพีก็พาเดินผ่านห้องรับแขกไป ซึ่งอยู่ติดกันนั้นเป็นห้องนั่งเล่น แบบเป็นส่วนตัว โดยตรงข้ามกันก็เป็นห้องทำงานของตฤณ เพิ่งสังเกตว่าบ้านหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์น ไม่ได้กว้างแบบโอ่โถงเหมือนคฤหาสน์เจ้าสัว แต่เป็นสัดส่วนมากกว่า ปั้นหยานั่งรออย่างสงบเสงี่ยม รอกันระพีนำอาหารมาเสิร์ฟ เพราะเธอยังไม่ได้กินอะไร นึกเป็นห่วงคนที่มีอาการไม่สบายท้อง แต่ดันมีการคุยงาน หรือนี่จะเป็นนิสัยที่บ้างานของเขาเนี่ย “หยาขอถามได้ไหมคะ ปกติแล้วจะมีคนแวะเวียนมาคุยงานด้วยแบบนี้เสมอเลยเหรอคะ” ปั้นหยาเอ่ยถามเมื่อกันระพีเข้ามา แล้ววางอาหารลง“ใช่ครับ” “แล้วนี่ไม่สบายด้วย จะทนนั่งได้นานแค่ไหน”“คงไม่เป็นไรหรอกครับ ท่านทนเก่ง” กันระพีตอบและยิ้มแปลกๆ “กินอะไรก่อนนะครับเดี๋ยวหิว” “เอ่อ แล้วท่านประธานคุยนานไหมคะ หรือแล้วแต่อารมณ์” “จะว่าแล้วแต่อารมณ์ก็ไม่ใช่เสียทีเดียวครับ แล้วแต่งานมากกว่า ถ้าสำคัญ เครียด และมีรายละเอียดเยอะก็คุยนาน แต่ถ้าไม่อะไรมากมายก็แปบเดียวครับ สักชั่วโม
“งั้นเดี๋ยวผมจะลงไปพร้อมกับคุณหยา จะได้บอกคนขับรถและการ์ด แล้วจะกลับมานะครับ”“อืม” ตฤณตอบเสียงเรียบ จากนั้นก้องการุณก็พาปั้นหยาลงไปด้านล่าง จัดการเรียกคนขับรถและการ์ดพาไปส่งที่บ้าน ดูแลความปลอดภัยให้เป็นอย่างดี เมื่อเรียบร้อยแล้วก้องการุณจึงขึ้นหาเจ้านายอีกรอบ “สรุปไปไหนมา” ตฤณถามขึ้นทันที “ไปธุระเรื่องผู้รับเหมารับ”“สรุปว่าเขาจะมาไหมล่ะ”“ก็จะมาครับ แต่เห็นคุณท่านเป็นแบบนี้ ผมคิดว่าจะมีแรงคุยหรือเปล่า ยกเลิกได้นะครับ” “ถ้าเรื่องงาน เหนื่อยแค่ไหนฉันก็ทำได้ ฉันอยากคุยแบบเห็นหน้า ไม่อยากโทร ไม่อยากนัดไปที่บริษัท”“อีกเดี๋ยวก็คงมาครับ น่าจะเป็นจังหวะดีที่คุณหยากลับบ้าน ว่าแต่... อาหารเป็นพิษจริงเหรอครับเนี่ย ปกติไม่เป็นแบบนี้” ก้องการุณแสร้งถามพลางหรี่ตามองเหมือนสงสัยเจ้านาย“แกสงสัยอะไร ก็จุกเสียดแน่นท้อง มันนึกอยากจะเป็นมันก็เป็น ร่างกายคนเรา จะให้แข็งแรงตลอดเวลาได้ยังไง” ตฤณแสร้งตอบเฉไฉแถมไม่มองหน้าอีก “เริ่มไม่แข็งแรงตอนคุณหยาอยู่ด้วยหรือเปล่าครับ” “รู้ดี” สิ้นคำ ตฤณก็ลุกพรวดจากที่นอน เดินดุ่มๆ เข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำเสียอย่างนั้น“ท่านประธานเป็นคนเจ้าเล่ห์ตั้งแต่เมื่
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ก่อนจะถูกเปิดเข้ามาช้าๆ นั่นคือแม่บ้านคนเดิม ถือถาดอาหารเข้ามา“เอ่อ น้าเตรียมอาหารอ่อนๆ มาให้ค่ะ” แม่บ้านบอกปั้นหยา“ขอบ... ขอบคุณค่ะ เอ่อ หยาขออนุญาตอยู่ดูท่านสักพักนะคะแล้วค่อยกลับ รอคุณก้องกลับมาก่อน” “อยู่เถอะค่ะ ดีเสียอีกมีคนอยู่เป็นเพื่อนท่าน”“จริงสิ หนูลืมแนะนำตัว หนูชื่อหยาค่ะ ปั้นหยาเป็นเลขาคนใหม่ของท่านประธาน”“น้าแจ่มค่ะ เป็นแม่บ้านที่นี่หลายปีแล้ว” น้าแจ่มแนะนำตัวยิ้มๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง“น้าฝากคุณท่านด้วยนะคะ”“ค่ะ” ปั้นหยารับปาก จากนั้นน้าแจ่มก็ออกไปอย่างมีมารยาท อย่างนี้ปั้นหยาจะปลุกเขาลุกขึ้นมารับประทานยังไงล่ะ ดูท่าจะหลับนาน แต่ก็ยังดีที่ไม่มีอาการงอแงปวดท้องจุดเสียดให้เห็น “เฮ้อ” ปั้นหยาได้แต่ถอนใจแล้วนั่งเฝ้า จะบอกว่าเบื่อก็ใช่เพราะไม่มีอะไรทำ เนื่องจากนี่ไม่ใช่บ้านตัวเอง ไม่กล้าลุกไปรื้อค้นอะไรให้เสียมารยาท “อื้อ!” ตฤณครางอื้ออึงในลำคออีกครั้งพร้อมกับบิดตัว มือก็กุมท้องเอาไว้ พอจุดเสียดมากๆ เข้าเขาก็ลืมตา พยุงตัวลุกขึ้นมาหายใจเข้าออกลึกๆ “นึกว่ากลับแล้วซะอีก” “ยังสิคะ ไม่ใช่คนชอบผิดคำพูดเสียห
Komen