บททั้งหมดของ พิศวาสร้อนซ่อนรัก: บทที่ 11 - บทที่ 20

54

บทที่ 11

วันรุ่งขึ้นภัทรานิษฐ์ก็จำต้องแข็งใจลุกขึ้นมาเปิดร้านของเธอตามปรกติ แม้จะอยากหนีไปให้พ้นๆ ก็ตามที แม้ดวงตาจะบวมมากเพราะร้องไห้อย่างหนักมาทั้งคืนก็ แต่หญิงสาวมีชุดแต่งงานที่ต้องตัดให้เสร็จเรียบร้อยภายในเดือนนี้ จึงต้องเก็บเรื่องส่วนตัวเอาไว้ ไม่ให้กระทบกับงาน แต่มันก็ยากเสียเหลือเกิน ตั้งแต่เปิดร้านและปักชุดแต่งงานอยู่ เข็มปลายแหลมปักนิ้วของภัทรานิษฐ์ไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนลูกน้องออกอาการเป็นห่วงเจ้านายอย่างเห็นได้ชัด ส่วนพัฒน์ชนะก็เข้าบริษัท เนื่องจากชายหนุ่มมีประชุมด่วนเรื่องที่จะขยายตลาดธุรกิจห้างสรรพสินค้าไปยังประเทศจีน แม้จะไม่คิดเรื่องเมื่อคืนแต่ภาพมันก็มักฉายเข้ามาในสมองของทั้งสองคนเสมอจนชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดตัวเอง แต่ก็ต้องคุมตัวเองไว้เหมือนกัน “ผมจะไปคุมงานที่จีนเองครับพ่อ” พัฒน์ชนะเอ่ยขึ้น เมื่อจบการประชุมและตอนนี้เขาอยู่กับบิดาเพียงสองคน ชายหนุ่มอยากรับผิดชอบงานนี้ตั้งแต่รู้ว่ามีโปรเจกต์ขยายฐานธุรกิจไปยังประเทศจีนแล้ว “ไม่เห็นต้องไปเอง ให้คนอื่นไปก็ได้” บรรพตเงยหน้าขึ้นมองลูกชายคนรอง “ผมอยากทำง
Read More

บทที่ 12

ขับรถเข้าไปในซอยประมาณสามร้อยเมตร พัฒน์ชนะก็พบร้าน ที่เขาต้องการ ภัทรา เวดดิ้ง ตั้งอยู่ตรงมุมของทาวน์โฮมทรงสวย ชั้นหนึ่งถึงสามเป็นกระจกและมีผ้าม่านประดับตกแต่งอย่างสวยงาม รวมถึงมีชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาวโชว์อยู่หลายชุด ภายในร้านมีคนอยู่หลายคนรวมทั้งคนที่ชายหนุ่มอยากพบเองก็กำลังคุยกับผู้หญิงที่สวมชุด เจ้าสาวอยู่ พัฒน์ชนะขับรถเข้าไปจอดข้างร้าน ด้วยความที่กระจกรถเขาติดฟิล์มค่อนข้างมืดคนภายนอกจึงไม่สามารถมองเห็นภายในรถได้แต่ชายหนุ่มนั้นสามารถมองเห็นทุกอย่างนอกรถได้ชัดเจน “เก่งนี่ที่ยังยิ้มได้” พัฒน์ชนะเอ่ยชม สายตาของเขาจับจ้องไปที่ภัทรานิษฐ์แทบไม่กระพริบตา หญิงสาวยังคงไม่รู้เรื่องเธอยังคงตั้งใจทำงาน แม้ภายนอกจะยังยิ้ม แต่ลึกๆ ภายในใจก็เจ็บปวดเหมือนกัน “ขอบคุณมากนะคะ” ภัทรานิษฐ์เปิดประตูให้ลูกค้าที่เข้ามาลองชุดแต่งงาน ก่อนจะกลับไปหย่อนตัวนั่งบนโซฟาอย่างคนหมดเรี่ยวแรง ทำเอาบรรดาลูกน้องต่างเหลือบตากันมองหน้าเจ้านายอย่างสงสาร เพราะรู้ว่างานค่อนข้างรีบไม่น้อย พวกเธอนั้นทำได้ในส่วนที่ทำได้ แต่ชุดแต่งงานส่วนใหญ่ภัทรานิษฐ์จะรับผิดชอบรายละเอียดยิบย่อยที่พ
Read More

บทที่ 13

“หวา น้องจะคุยด้วย” ผู้เป็นแม่เอ่ยบอกปลายสาย ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาให้ลูกชายได้คุยกับพี่สาวบ้าง แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่สองพี่น้องก็รักใคร่กันดี เห็นแบบนี้คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ดีใจไปด้วย “ว่าไงแม็ค”“พี่หวา ตอนนี้แม็ครวยแล้วนะ” วสุวัสรีบคุยโวใส่ทันที แต่ดูจะมีแค่ภัทรานิษฐ์เท่านั้นแหละที่ชายหนุ่มจะพูดแบบนี้ให้ฟัง “จริงเหรอ รวยแล้วอย่าลืมแบ่งพี่บ้างนะ” “แน่นอนอยู่แล้ว ต่อไปแม็คจะเลี้ยงพี่หวา แม่ พ่อด้วยเหมือนกัน” ชายหนุ่มเอ่ยรับปาก เพราะรู้ว่าภัทรานิษฐ์มีบุญคุณมากแค่ไหน “เลี้ยงตัวเองให้ดีก่อนเถอะแม็ค” เสียงผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น ก่อนจะส่ายหน้าให้ เพราะเธอไม่ได้หวังให้ลูกมาเลี้ยงหรอก ขอแค่ได้มองดูชีวิตพวกเขาประสบความสำเร็จก็ภูมิใจมากมายแล้ว “นั่นสิ แต่พี่ขอบใจแม็คนะที่ช่วยดูแลแม่กับพ่อ ตอนที่พี่ไม่อยู่บ้านแบบนี้นะ” “สบายมากฮะ” เสียงทุ้มๆของน้องชายเอ่ยรับ ทำให้ภัทรานิษฐ์ยิ้มออกมา “จ้ะ...ว่างๆ ก็พาแม่กับพ่อขึ้นมาหา
Read More

บทที่ 14

เมื่อมาถึงร้านภัทรานิษฐ์ก็บอกให้ลูกน้องกลับบ้านไปก่อนทันที แม้จะยังไม่ถึงเวลาปิดร้านก็ตาม เพราะตอนนี้เธออยากอยู่คนเดียวคิดอะไรคนเดียวและไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรทั้งนั้นแล้ว ลูกน้องของ ภัทรานิษฐ์ต่างกังวลกับอาการป่วยของเจ้านายเหมือนกัน เพราะกลับจากโรงพยาบาลแล้วดูไม่ดีเลย จะถามก็ไม่กล้า จึงพากัน ออกจากร้านไปเงียบๆเมื่ออยู่ตามลำพังสองคน ภัทรานิษฐ์ถึงกับปล่อยโฮออกมาเธอร้องไห้หนักมาก ศิรดาคว้าร่างที่สั่นเทาของเพื่อนเข้ามากอด เห็นแบบนี้แล้วน้ำตาของเธอก็พลอยจะร่วงตามไปอีกคน แต่ถ้าขืนกอดคอกันร้องไห้คนที่จะแย่คงหนีไม่พ้นภัทรานิษฐ์ เพราะเพื่อนอย่างเธอมานั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งแทนที่จะช่วยคิดหาทางออก ผ่านไปเกือบชั่วโมงอาการร้องไห้ของ ภัทรานิษฐ์จึงค่อยๆ หยุดลง “ฝน เราจะทำยังไงดี” เสียงสั่นๆ ของภัทรานิษฐ์เอ่ยถาม เพราะเธอไม่รู้จะทำยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้แล้ว “ตั้งสติก่อน ตั้งสติ” ศิรดาตบบ่าของภัทรานิษฐ์หนักๆ ร่างบอบบางที่เคยเข้มแข็ง ตอนนี้อ่อนแอเสียจนเพื่อนอย่างเธอสงสารมาก ใครไม่มาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้คงไม่เข้าใจหรอก “ทำไมต้อ
Read More

บทที่ 15

“ห๊า...กับใครวะ” คนฟังอุทานเสียงหลง “ถามแล้ว แต่หวาไม่ยอมบอก แถมกำชับไม่ให้ถามอีกว่าใครคือพ่อของเด็ก” พูดจบศิรดาก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ เพราะเธอเองก็กลุ้มใจไม่แพ้ภัทรานิษฐ์เหมือนกัน “เวรกรรม ไอ้หวามันคิดอะไรของมัน เรื่องนี้ผู้ชายต้องรู้สิ จะได้ช่วยกันคิดหาทางออก” “ฉันก็พูดแบบนี้ แต่มันไม่ยอม ให้ทำไง” สองสาวมองหน้ากัน เพราะรู้จักนิสัยของภัทรานิษฐ์ดีว่าเป็นคนยังไง เห็นอ่อนโยน สวย หวานแบบนี้ แต่ลึกๆ กลับหัวรั้น ไม่ยอมฟังใครง่ายๆ  “ฉันจะลองพูดกับหวาดู เผื่อจะเปลี่ยนใจ” ลักขณาเดินขึ้นไปยังชั้นสี่ของทาวน์โฮม ก่อนจะมองเห็นภัทรานิษฐ์นั่งกอดตัวเองเป็นก้นกลมอยู่บนมุมโซฟาอย่างคนเหม่อลอย ลักขณาลงไปนั่งข้างๆ เพื่อนก่อนจะวางมือลงไปบนหัวเข่า ภัทรานิษฐ์หันมองลักขณาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “เก๋...” “ฉันรู้แล้วแก ใจเย็นๆ ก่อนนะ” “ฉันจะทำยังไงดี” ที่ภัทรานิษฐ์ต้องกลัวและหวั่นไหวแบบนี้ เพราะหญิงสาวไม่ได้เตรียมใจรับมือเรื่องตั้งท้องมาก่อน อีก
Read More

บทที่ 16

“เออ เห็นด้วย” เสียงของศิรดาเอ่ยสมบท ทั้งสองคนนั่งคิดหาทางออก เด็กต้องเอาไว้แน่นอน แต่จะให้ภัทรานิษฐ์อยู่ที่ทาวน์โฮมคนเดียวตอนท้องแบบนี้คงไม่สะดวกแน่นอน และถ้าพวกเธอจะมาอยู่ด้วยก็คงไม่ได้อีกนั่นแหละ “ฝน บ้านที่ม๊าแกปล่อยให้เช่า ว่างอยู่ไหม” คำถามของลักขณาทำให้ศิรดาสงสัย แต่สำหรับลักขณาเรื่องที่อยู่ต้องให้คุณหนูอย่างศิรดาเข้ามาช่วย เพราะบ้านของศิรดาเป็นเจ้าของธุรกิจบ่อพลอยที่เมืองกาญ ฐานะมั่นคงแถมแม่ของเพื่อนคนนี้ยังชอบซื้อบ้านไว้ปล่อยเช่าอีกต่างหาก “บ้านเช่าเหรอ ขอไปถามม๊าก่อนนะ เพราะเรื่องนี้ฉันไม่รู้ว่ะแกจะเอาไปทำอะไร” “จะให้ยายหวาไปอยู่ ท้องอยู่แบบนี้เดินขึ้นลงบ้านเกือบห้าชั้น อันตราย” “เดี๋ยวถามม๊าให้ ตอนนี้เลยแล้วกัน” ศิรดาหยิบโทรศัพท์โทรออกไปหาแม่ทันที ไม่ถึงห้านาทีก็กลับมาพร้อมรอยยิ้มที่ลักขณารู้ว่านั่นคือคำตอบว่าพอจะมีบ้านว่างอยู่ “มีใช่ไหม”“อืม หมู่บ้านแถวนี้พอดี แต่ค่าเช่าสูงมากเดือนเกือบแสน เพราะม๊าให้ฝรั่งเช่าอยู่ แต่จะหมดสัญญาสิ้นเดื
Read More

บทที่ 17

“ไม่มีคำว่าแต่” เสียงของลักขณาดังขึ้น สองต่อหนึ่งเสียงมีหรือที่ภัทรานิษฐ์จะค้านได้ แม้จะอยากค้านให้หัวชนฝาก็ตามที “ตามใจ พวกแกสองคนเป็นแม่ของเด็กคนนี้แล้วนี่ให้ทำไงได้ แต่ฉันจะอยู่จนถึงวันคลอดเท่านั้น หลังจากนั้นจะกลับมาอยู่ที่นี่”“ได้” ศิรดาเอ่ยรับ ก่อนจะลงไปชั้นล่างเพื่อเปิดร้านให้ภัทรานิษฐ์ เนื่องจากวันนี้ว่าที่คุณแม่คงต้องพักเสียหน่อย “ฝนเราเหมือนกำลังจะพรากแม่พรากลูกแบบนี้ จะดีหรือวะแก” คนเจ้าความคิดที่จะรับลูกของภัทรานิษฐ์มาเป็นลูกตัวเอง ชักไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรือผิดกันแน่ “ไม่ได้พราก แกเชื่อไหมว่าถ้าเราสามารถทำให้ยายหวาเอาเด็กไว้ได้ จนคลอดและเลี้ยงดูเขา สายใยของคำว่าแม่ลูกมันจะเกี่ยวรัดทั้งสองให้ผูกพันธุ์กันไปจนวันตาย ตัดยังไงก็ตัดไม่ขาด เวลานี้ยายหวาอาจจะไม่รักลูกในท้องมาก จนมีความคิดอยากทำแท้ง แต่ตลอดเจ็ดเดือนต่อจากนี้ตอนที่หวาอุ้มท้อง ฉันคิดว่าหวาคือคนที่จะรักลูกมากที่สุดและจะเป็นแม่ที่ดีได้ เพราะไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูก จริงไหม ถ้าไม่รักป่านนี้ยายหวาหนีฉันกับแกไปเอาเด็กออกแล้ว ที่สำคั
Read More

บทที่ 18

3 ปี ผ่านไปภัทรานิษฐ์เติบโตขึ้นและผ่านเรื่องราวที่ยากลำบากมาหลายอย่าง แต่สิ่งที่พบเจอกลับทำยิ่งส่งให้เธอนั้นเข้มแข็ง หญิงสาวกำลังขับรถไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง เพื่อรับใครบางคน ทุกวันนี้เธอแทบไม่ร้องไห้กับเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นอีกแล้ว เธอสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและเข้มแข็งขึ้นมาก รถคันใหญ่เลี้ยวเข้าไปจอดยังลานจอดรถ ก่อนจะเปิดประตูลงไปมองหาคนที่เธอจะมารับ “แม่จ๋า” เสียงเจื้อยแจ้วสดใสของเด็กหญิงพลอยไพลินเอ่ยเรียกผู้เป็นแม่ ดังมาตั้งแต่หน้าประตูโรงเรียนอนุบาล ที่เด็กหญิงตัวน้อยเข้าเรียนที่นี่ได้มาเกือบสี่เดือน มือน้อยๆ ที่จับมือของครู่ใหญ่อยู่รีบปล่อยมือนั้น ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาแม่ทันที “จ๋าลูก” ภัทรานิษฐ์ลงไปนั่งคุกเข่า พร้อมอ้าแขนรับลูกสาวเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะหอมแก้มซ้ายที ขวาทีอย่างรักใคร่ พร้อมรับเด็กหญิงกลับบ้านแล้ว “แม่จ๋า คิดถึงน้องพลอยไหมคะ” ความช่างพูดและออดอ้อนเก่ง ทำให้ภัทรานิษฐ์หลงลูกสาวคนนี้หัวปักหัวปำ หลงมากกว่าลักขณาและศิรดาด้วยซ้ำ “คิดถึงสิคะ วันนี้ลูกแม่ซนหรือเปล่า”
Read More

บทที่ 19

“หิวหรือยัง วันนี้มีขนมเยอะเลย ของโปรดของน้องพลอยทั้งนั้น” ลักขณาเอ่ยถามลูกสาวบุญธรรมตัวน้อยของเธอ ก่อนที่เสียงใสๆ ของพลอยไพลินจะเอ่ยบอก “หิวค่ะ”“ฝากด้วยนะเก๋” ภัทรานิษฐ์เอ่ยบอกเพื่อน เพราะตลอดทางที่กลับบ้านพลอยไพลินนั้นเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้คนเป็นแม่ฟังอย่างสนุกสนาน แถมยังร้องเพลงให้ฟังด้วย เนื่องจากที่ห้องเรียนในวันนี้คุณครูสอนร้องเพลงใหม่ๆ ร้องชัดบ้างไม่ชัดบ้าง แต่ภัทรานิษฐ์ก็ยิ้มกับพัฒนาการของลูก “สบายมาก” แม่บุญธรรมที่ชื่อลักขณาเอ่ยรับ ก่อนจะอุ้มพลอยไพลินเข้าไปในบ้าน ภัทรานิษฐ์หันไปมองหน้าศิรดา ก่อนจะเดินเข้าบ้าน ทิ้งตัวลงบนโซฟา ซึ่งศิรดาก็ลงไปนั่งข้างๆ เหมือนกัน ท่าทางของภัทรานิษฐ์ดูเหนื่อยอ่อนอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้งานที่ร้านเวดดิ้งค่อนข้างยุ่งทีเดียว ผ่านมาหลายปีเธอขยับขยายร้านออกไปกว้างขวางขึ้น ลูกน้องก็มีมากขึ้นกว่าแต่ก่อนตามขนาดของงานการดีลงานกับโรงแรมเรื่องสถานที่จัดงานแต่งงาน โรงพิมพ์ โรงงานหรือบริษัทต่างๆ เรื่องของชำร่วย งานพวกนี้มันเหนื่อยใช่เล่นแต่ก็คุ้มกับความพอใจของลูกค้าที่เพิ่มมากข
Read More

บทที่ 20

เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วพลอยไพลินก็ได้เวลาโชว์เพลงใหม่ให้คุณแม่อีกคนได้ดูว่าวันนี้ที่โรงเรียนสอนอะไรมาบ้าง เพราะเธอ ลักขณาและศิรดามักจะถามทุกวันว่าลูกสาวตัวน้อยไปโรงเรียนสนุกไหม ซึ่งคำตอบที่ได้คือสนุก ผิดกับวันแรกที่ต้องไปโรงเรียน เพราะวันนั้นภัทรานิษฐ์จำได้ว่าลูกสาวร้องไห้โยเย ไม่ยอมท่าเดียว แถมยังกอดเธอเอาไว้แน่น ทำเอาคนเป็นแม่ไม่รู้จะทำยังไง แต่ก็ได้ศุภวุฒิครูใหญ่ของโรงเรียนอนุบาลมาช่วยไว้ “เต้นแบบนี้เหรอคะ” ลักขณาเอ่ยถามว่าท่าทางของเธอตอนนี้ทำถูกไหม เพราะพลอยไพลินบอกให้เธอเต้นตาม พอเห็นท่าทางของคนที่เด็กน้อยเรียกว่าแม่เต้นไม่ถูก ก็เดินเข้ามาจัดท่าทางให้ภัทรานิษฐ์นั้นได้แต่ยิ้มกับภาพที่เห็น “ไม่ค่ะ ต้องเอามือวางตรงนี้” มือน้อยๆ ของพลอยไพลินจับมือของลักขณาไปวางไว้ข้างเอว ก่อนจะขยับไปยืนตรงหน้าแล้วเริ่มร้องเพลงเจ้าต้นไม้และเต้นโยกตัวไปมาตามจังหวะเพลง โดยมีลักขณาเต้นตาม คราวนี้ภัทรานิษฐ์ก็หัวเราะออกมาอย่างสุดที่จะกลั้นไหว ท่าทางของเด็กมันน่ารักดีหรอกกับการยกมือยกแขน แต่ลักขณานี่ไม่ไหว ดูเก้งก้างชอบกล เมื่อลูกสาวได้เวลานอน แม้กิจก
Read More
ก่อนหน้า
123456
DMCA.com Protection Status