เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วพลอยไพลินก็ได้เวลาโชว์เพลงใหม่ให้คุณแม่อีกคนได้ดูว่าวันนี้ที่โรงเรียนสอนอะไรมาบ้าง เพราะเธอ ลักขณาและศิรดามักจะถามทุกวันว่าลูกสาวตัวน้อยไปโรงเรียนสนุกไหม ซึ่งคำตอบที่ได้คือสนุก ผิดกับวันแรกที่ต้องไปโรงเรียน เพราะวันนั้นภัทรานิษฐ์จำได้ว่าลูกสาวร้องไห้โยเย ไม่ยอมท่าเดียว แถมยังกอดเธอเอาไว้แน่น ทำเอาคนเป็นแม่ไม่รู้จะทำยังไง แต่ก็ได้ศุภวุฒิครูใหญ่ของโรงเรียนอนุบาลมาช่วยไว้
“เต้นแบบนี้เหรอคะ” ลักขณาเอ่ยถามว่าท่าทางของเธอตอนนี้ทำถูกไหม เพราะพลอยไพลินบอกให้เธอเต้นตาม พอเห็นท่าทางของคนที่เด็กน้อยเรียกว่าแม่เต้นไม่ถูก ก็เดินเข้ามาจัดท่าทางให้ภัทรานิษฐ์นั้นได้แต่ยิ้มกับภาพที่เห็น “ไม่ค่ะ ต้องเอามือวางตรงนี้” มือน้อยๆ ของพลอยไพลินจับมือของลักขณาไปวางไว้ข้างเอว ก่อนจะขยับไปยืนตรงหน้าแล้วเริ่มร้องเพลงเจ้าต้นไม้และเต้นโยกตัวไปมาตามจังหวะเพลง โดยมีลักขณาเต้นตาม คราวนี้ภัทรานิษฐ์ก็หัวเราะออกมาอย่างสุดที่จะกลั้นไหว ท่าทางของเด็กมันน่ารักดีหรอกกับการยกมือยกแขน แต่ลักขณานี่ไม่ไหว ดูเก้งก้างชอบกล เมื่อลูกสาวได้เวลานอน แม้กิจก“แกนี่ขี้บ่นว่ะ” ลักขณาเอ่ยอย่างไม่จริงจังนัก ภัทรานิษฐ์จึงยิ้มออกมา เพราะรู้ว่าเพื่อนเธอตัดสินใจได้แน่แล้ว แต่ติดกังวลนั่นนี่ตามประสาคนไม่เคยต้องออกไปทำงานต่างจังหวัด เพราะบ้านเกิดของลักขณาอยู่ที่ราชบุรี ให้ขึ้นไปทำงานเชียงรายมันก็ไกลเหมือนกันนะอยู่ด้วยกันมาสี่ปีกว่าพอรู้ว่าจะห่างใจมันก็หวิวๆอยู่ๆ ลักขณาก็ขยับเข้าไปกอดภัทรานิษฐ์แน่น ทำท่าทางเหมือนจะร้องไห้ออกมาซะอย่างนั้น ส่วนคนถูกกอดก็อึ้งไปเหมือนกันก่อนที่จะเอ่ยขึ้น“เก๋ ขอบใจแกเรื่องน้องพลอยนะ”“ขอบใจอะไร ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย แกรับไปหมด” ลักขณาผละตัวออกมาจากภัทรานิษฐ์ ก่อนจะเอ่ยสิ่งที่เป็นความจริงเพราะหน้าที่เลี้ยงลูกภัทรานิษฐ์ดูจะรับไปหมดให้เธอกับศิรดาดูแล แค่คนละสิบเปอร์เซ็นเท่านั้นเอง จะถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้“ก็ลูกฉันนี่”“ได้ยินแบบนี้ฉันก็สบายใจ เพราะตอนนี้รู้แล้วว่าแกรักน้องพลอยมากแค่ไหน”“อืม รักมากกว่าชีวิตฉันอีก”“ไอ้ฝนพูดเอาไว้ไม่มีผิด ว่าแม่คือคนที่รักลูกมากที่สุด&r
ขณะที่ภัทรานิษฐ์กำลังพาพลอยไพลินขึ้นไปยังศูนย์การเรียนรู้ที่อยู่ชั้นบน ศุภวุฒิที่มาดักรออยู่ตั้งแต่ห้างเปิดก็เอาแต่ชะเง้อมองหาทั้งสองคนไม่หยุด หวังว่าวันนี้จะเป็นวันที่โชคดีของเขา แต่ดูท่าทางของครูใหญ่จะออกอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัด เพราะอายุก็เลยเลขสามไปแล้ว แต่กลับตื่นเต้นที่จะบอกว่าชอบภัทรานิษฐ์ อีกฝั่งหนึ่งของห้างอนุภพเองก็พาสาวสวยคนหนึ่งมาดูหนังด้วยเหมือนกัน“พี่ภพ วันนี้เราจะดูหนังเรื่องอะไรกันดีคะ” เสียงหวานๆ ของสาวสวยคนนั้นเอ่ยถามขึ้น“หนังผีไหม”“ไม่เอาหรอกแตงโมกลัวผี” พูดจบก็เกาะแขนชายหนุ่มแน่น พร้อมกับการจงใจใช้หน้าอกของตัวเองที่ล้นทะลักเสื้อสายเดี่ยวตัวที่กำลังใส่อยู่เบียดกับต้นแขนของอนุภพ ซึ่งชายหนุ่มก็ชอบไม่น้อย“แล้วผีผ้าห่มล่ะ ไม่กลัวเหรอ” คำพูดของอนุภพทำให้สาวสวยถึงกับเขินอาย เพราะเมื่อคืนอนุภพเป็นผีผ้าห่ม ตามหลอกเธอบนเตียงตั้งหลายครั้ง“ชอบมากกว่าค่ะ” ท่าทางเหมือนจะอาย แต่คำพูดกลับตรงกันข้ามก่อนจะซุกใบหน้ากับต้นแขนชายหนุ่มแก้อาย อนุภพยิ้มเยาะออกมา กวาดสายตามองไปร
“พี่ไปก่อนนะครับ ว่างๆ ค่อยคุยกัน นี่นามบัตรพี่” อนุภพรีบหยิบนามบัตรออกมาส่งให้ภัทรานิษฐ์ หวังว่าจะได้พูดคุยกันอีก“ขอบคุณค่ะ” ภัทรานิษฐ์ก้มมองนามบัตรในมือ หัวใจของเธอเต้นรัวไปหมด ทำไมถึงเป็นแบบนี้กันก็ไม่รู้ อนุภพคือเพื่อนสนิทของ พัฒน์ชนะ การพบกันครั้งนี้จะสร้างปัญหาให้เธอภายหลังหรือเปล่า แต่ภัทรานิษฐ์ก็ต้องหยุดคิด เมื่อเสียงใสๆ ของพลอยไพลินเอ่ยเรียก“แม่จ๋า...”“คะลูก” คนเป็นแม่หยุดคิดเรื่องอื่นออกไปก่อน เธอหันมายิ้มและยื่นมือไปสัมผัสแก้มของลูกสาวเบาๆ เช็ดคราบไอศกรีมที่ติดอยู่ตรงมุมปากออกให้ด้วย“อิ่มแล้วค่ะ” เสียงใสๆ ของลูกสาวเอ่ยบอก“จ้ะ งั้นเราขึ้นไปข้างบนกันนะ”“ขึ้นลิฟต์แก้วได้ไหมคะแม่” เสียงใสๆ เอ่ยขอพร้อมส่งแววตาออดอ้อนน่ารักมาให้คนเป็นแม่ เพราะพลอยไพลินนั้นชอบลิฟต์แก้วภายในห้างสรรพสินค้ามาก พอเข้าไปข้างในได้ทีไรก็จะกดเปิดปิดและกดชั้นที่อยากไปอย่างชำนาญเชียว จากนั้นก็ไปยืนเกาะกระจกมองออกไปนอกลิฟต์“ได้สิคะ” ภัทรานิษ
แต่แทนที่ชายหนุ่มจะตรงกลับบ้านพักผ่อน พัฒน์ชนะกลับขับรถของพี่ชายไปยังถนนสุขุมวิท เลี้ยวเข้าไปในซอยๆ หนึ่งที่เขาแวะมาที่นี่ทุกปีตอนกลับเมืองไทย และต่อจากนี้อาจจะได้มาบ่อยขึ้นก็เป็นได้ทุกครั้งที่กลับมา เขามักจะขับรถมานั่งมองหน้าร้านภัทรา เวดดิ้งเงียบๆ บางปีได้เห็นเจ้าของร้านบ้าง บางปีก็ไม่เห็นอะไรเลยเพราะเธอปิดร้าน และไม่รู้ว่าทำไมเขาที่ต้องทำแบบนี้ ชายหนุ่มเองก็ไม่เข้าใจตัวเองนักพัฒน์ชนะก้าวลงไปจากรถ เดินไปยังหน้าร้านที่ยังเห็นไฟเปิดอยู่ รวมทั้งไฟริมถนนก็สว่างจนทำให้มองเห็นภายในได้ชัด ชายหนุ่มเดินมองจนสายตาสะดุดกับรูปถ่ายของเด็กหญิงคนหนึ่ง หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเป็นแบบให้กับชุดเจ้าสาวตัวน้อย ซึ่งรอบๆ ร้านนั้นมีอยู่หลายรูปทีเดียว“ลูกใคร น่ารักจริง” เสียงทุ้มๆ เอ่ยขึ้น เพราะภัทรานิษฐ์อาจหานางแบบตัวน้อยมาเรียกลูกค้าก็เป็นได้ ร้านเวดดิ้งของหญิงสาวขยับขยายกิจการมากกว่าเมื่อก่อน การตกแต่งร้านก็ดูดึงดูดว่าที่เจ้าบ่าว เจ้าสาวให้เข้ามาใช้บริการไม่น้อย แถมยังมีชุดออกงานให้เลือกอีก ผู้หญิงตัวคนเดียวทำอะไรได้แบบนี้ก็เก่งแล้ว“หวา ทำไมพี่ถึงลืมเธอไม่ไ
ภาพบนเตียงภายในโรงแรมที่ชายหญิงกำลังคลอเคลียด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า หญิงสาวที่นอนราบกับเตียงยกขาเกี่ยวรอบเอวชายหนุ่มที่ขยับขึ้นลงตามแรงกระแทกกระทั้นของพัฒน์ชนะเขาไม่ได้สนใจว่าเธอเป็นใคร จะสวยหรือไม่สวย เพราะตอนนี้ชายหนุ่มอยากได้คนที่ช่วยปลดปล่อยเท่านั้นเอง“แรงอีกนิดสิคะ” คำร้องขอของหญิงสาวที่พัฒน์ชนะยังไม่รู้แม้กระทั่งชื่อเอ่ยบอก คืนนี้เธอได้นอนกับผู้ชายที่หล่อเหลา คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม เกมพิศวาสของเขาก็เก่งใช่เล่น ทำเอาเธออ่อนระทวยไปเลย ผู้ชายอะไรแข็งแรงทั้งร่างกายและส่วนนั้นที่มันใหญ่จนมือเธอแทบกุมไม่มิด แถมตอนที่เขาขยับเข้าออกนั้นมันก็เสียวซ่านเป็นที่สุดด้วยพัฒน์ชนะเหมือนจะตาพร่ามัวมองเห็นคู่นอนเป็นภัทรานิษฐ์จึงออกแรงรุกล้ำ ขยับเข้าออกในตัวหญิงสาวหนักขึ้นตามความต้องการ โดยคนด้านล่างเธอหลงตัวเองว่าเป็นเพราะเธอเอ่ยบอก แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แบบนั้นสักนิด เพราะเขามองเห็นเธอเป็นผู้หญิงอีกคน เสน่หาราคะจึงเพิ่มมากขึ้นและอยากปลดปล่อย แต่อยู่ๆ ใบหน้าของภัทรานิษฐ์ก็หายไป เหลือเพียงใบหน้าเหยเกบ่งบอกความวาบหวามที่ได้รับชีวิตผู้ชายก็แบบนี้ซื้อเซ็กส์ได้ก็ซื้อ แต่
“เอ๊ะ… ยกชุดนี้ให้” คำพูดที่เห็นแก่ได้นั้นทำให้ภัทรานิษฐ์อุทานอย่างตกใจ รวมทั้งบรรดาลูกน้องของหญิงสาวที่ได้ยินด้วย เพราะชุดผ้าไหมชุดนี้ราคามันหลายหมื่นบาทเชียวนะ“ใช่ ถ้าไม่ยกชุดให้ฉัน ร้านของเธอก็ต้องเสียชื่อ เพราะทำงานไม่ได้เรื่อง รู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร” พูดจบก็เชิดหน้าใส่ ก่อนจะส่งแววตาออกแนวรังเกียจมาให้ภัทรานิษฐ์และทุกคนในร้าน“เอ่อ… ต้องขอโทษด้วยนะคะ เพราะดิฉันไม่ทราบจริงๆ ว่าคุณเป็นใคร รู้แต่ว่าคุณคือลูกค้า” ยิ่งมาเจอคนเจ้ายศเจ้าอย่างแบบนี้ภัทรานิษฐ์ก็ยิ่งข่มใจไว้“ไม่ได้เรื่อง ฉันคือคุณหญิงแขไขย่ะ”“คุณหญิงแขไข” ชื่อนี้เหมือนจะคุ้นๆ ภัทรานิษฐ์จึงเอ่ยทวนแต่เจ้าของชื่อกระหยิ่มยิ้มย่องก่อนจะโอ้อวดฐานะของตัวเองต่อไม่หยุด“ใช่ สามีฉันเป็นนายตำรวจใหญ่ ที่สั่งปิดร้านของเธอได้อย่างสบายๆ เชียวนะ”“น่าเกรงขามจังเลยนะคะ” ตอนนี้ภัทรานิษฐ์ถึงบางอ้อแล้วว่าชื่อแขไขที่ว่านั้นเคยได้ยินมาจากที่ไหน หญิงสาวลอบยิ้มกับตัวเองนิดหน่อย คิดในใจว่าคุณห
“จะหิวได้ยังไง กินซาลาเปาหมูสับไปตั้งสองลูกใหญ่ๆ สงสัยกำลังโต กินจุจริง” ลักขณาเอ่ยยิ้มๆให้ลูกสาวบุญธรรมตัวน้อยของเธอ ไปอยู่เชียงรายเธอต้องนอนร้องไห้เพราะคิดถึงพลอยไพลินแน่ๆ ภัทรานิษฐ์ยิ้มให้กับคำพูดของเพื่อน น้ำหนักของลูกสาวเธอเพิ่มจนแก้มยุ้ยแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะลักขณาเลี้ยงดีนี่เอง“ฮื้อ...ไม่เห็นเอามาให้แม่กินบ้างเลย” ภัทรานิษฐ์ลูบใบหน้าของลูกสาวเบาๆ ก่อนที่เสียงใสๆ จะเอ่ยบอก คำพูดคำจาเหมือนผู้ใหญ่เข้าไปทุกวัน“ครั้งหน้านะคะแม่ น้องพลอยจะซื้อมาเยอะๆ เลย เอามาให้แม่จ๋า แม่ฝนแล้วก็ทุกคนด้วย” คำพูดพร้อมท่าทางประกอบกับการวาดแขนน้อยๆ ให้กว้างในอากาศ ทำให้ทุกคนยิ้มรับ“จ้าๆ” คนเป็นแม่ก้มตัวลงไปหอมแก้มลูกสาวเบาๆ เธอหยิบสมุดระบายสีกับกล่องสีมาให้พลอยไพลิน ก่อนที่เสียงใสๆ จะเอ่ยถาม“กี่หน้าคะ” คำว่ากี่หน้าของพลอยไพลิน คือคำถามที่เด็กหญิงถามแม่ ว่าวันนี้เธอสามารถระบายสีได้กี่หน้า เพราะนี่คือกฏที่ภัทรานิษฐ์ตั้งไว้ ให้ลูกมีระเบียบ
“ลุงก็คิดว่าอย่างนั้น เพราะน้องพลอยเองก็สวยและน่ารักเหมือนพ่อกับแม่ไม่มีผิด”“คุณลุงรู้จักแม่จ๋าของน้องพลอยไหมคะ” เด็กหญิงช่างเจราจาเอ่ยถาม คำถามนี้ช่างดูโตเป็นผู้ใหญ่เสียเหลือเกิน“รู้จักครับ”“เพื่อนแม่จ๋าเหรอ เหมือนแม่เก๋ แม่ฝนกับพ่อคริสหรือเปล่า” คำพูดของพลอยไพลินทำให้พัฒน์ชนะสงสัย คนที่ชื่อคริสที่เด็กหญิงบอกว่าเป็นพ่อเมื่อครู่ ทำไมตอนนี้ถึงเป็นเพื่อนของภัทรานิษฐ์กัน ก่อนจะตอบคำถามของพลอยไพลิน“ครับ เป็นเพื่อน”“ไอติมหมดแล้ว” พลอยไพลินสับสวิตช์ตัวเองเร็วมาก เมื่อครู่ยังพูดถึงเรื่องของภัทรานิษฐ์และบรรดาแม่ๆ รวมทั้งพ่อบุญธรรมเป็นต่อยหอย แต่ตอนนี้เด็กหญิงกลับหยุดทุกอย่างเมื่อไอศกรีมในมือหมดลง“จะกลับเข้าไปในร้านแล้วเหรอครับ” พัฒน์ชนะเอ่ยถาม เด็กตัวแค่นี้แต่พูดจารู้เรื่องไปซะทุกอย่าง“ไม่ค่ะ จะนั่งคุยกับคุณลุงก่อน”“น่ารักจังนะ” คำตอบของพลอยไพลินทำให้พัฒน์ชนะยิ้มออกมา พลอยไพลินไม่กลัวผู้ชาย