แต่แทนที่ชายหนุ่มจะตรงกลับบ้านพักผ่อน พัฒน์ชนะกลับขับรถของพี่ชายไปยังถนนสุขุมวิท เลี้ยวเข้าไปในซอยๆ หนึ่งที่เขาแวะมาที่นี่ทุกปีตอนกลับเมืองไทย และต่อจากนี้อาจจะได้มาบ่อยขึ้นก็เป็นได้ทุกครั้งที่กลับมา เขามักจะขับรถมานั่งมองหน้าร้านภัทรา เวดดิ้งเงียบๆ บางปีได้เห็นเจ้าของร้านบ้าง บางปีก็ไม่เห็นอะไรเลยเพราะเธอปิดร้าน และไม่รู้ว่าทำไมเขาที่ต้องทำแบบนี้ ชายหนุ่มเองก็ไม่เข้าใจตัวเองนัก
พัฒน์ชนะก้าวลงไปจากรถ เดินไปยังหน้าร้านที่ยังเห็นไฟเปิดอยู่ รวมทั้งไฟริมถนนก็สว่างจนทำให้มองเห็นภายในได้ชัด ชายหนุ่มเดินมองจนสายตาสะดุดกับรูปถ่ายของเด็กหญิงคนหนึ่ง หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเป็นแบบให้กับชุดเจ้าสาวตัวน้อย ซึ่งรอบๆ ร้านนั้นมีอยู่หลายรูปทีเดียว “ลูกใคร น่ารักจริง” เสียงทุ้มๆ เอ่ยขึ้น เพราะภัทรานิษฐ์อาจหานางแบบตัวน้อยมาเรียกลูกค้าก็เป็นได้ ร้านเวดดิ้งของหญิงสาวขยับขยายกิจการมากกว่าเมื่อก่อน การตกแต่งร้านก็ดูดึงดูดว่าที่เจ้าบ่าว เจ้าสาวให้เข้ามาใช้บริการไม่น้อย แถมยังมีชุดออกงานให้เลือกอีก ผู้หญิงตัวคนเดียวทำอะไรได้แบบนี้ก็เก่งแล้ว “หวา ทำไมพี่ถึงลืมเธอไม่ไภาพบนเตียงภายในโรงแรมที่ชายหญิงกำลังคลอเคลียด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า หญิงสาวที่นอนราบกับเตียงยกขาเกี่ยวรอบเอวชายหนุ่มที่ขยับขึ้นลงตามแรงกระแทกกระทั้นของพัฒน์ชนะเขาไม่ได้สนใจว่าเธอเป็นใคร จะสวยหรือไม่สวย เพราะตอนนี้ชายหนุ่มอยากได้คนที่ช่วยปลดปล่อยเท่านั้นเอง“แรงอีกนิดสิคะ” คำร้องขอของหญิงสาวที่พัฒน์ชนะยังไม่รู้แม้กระทั่งชื่อเอ่ยบอก คืนนี้เธอได้นอนกับผู้ชายที่หล่อเหลา คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม เกมพิศวาสของเขาก็เก่งใช่เล่น ทำเอาเธออ่อนระทวยไปเลย ผู้ชายอะไรแข็งแรงทั้งร่างกายและส่วนนั้นที่มันใหญ่จนมือเธอแทบกุมไม่มิด แถมตอนที่เขาขยับเข้าออกนั้นมันก็เสียวซ่านเป็นที่สุดด้วยพัฒน์ชนะเหมือนจะตาพร่ามัวมองเห็นคู่นอนเป็นภัทรานิษฐ์จึงออกแรงรุกล้ำ ขยับเข้าออกในตัวหญิงสาวหนักขึ้นตามความต้องการ โดยคนด้านล่างเธอหลงตัวเองว่าเป็นเพราะเธอเอ่ยบอก แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แบบนั้นสักนิด เพราะเขามองเห็นเธอเป็นผู้หญิงอีกคน เสน่หาราคะจึงเพิ่มมากขึ้นและอยากปลดปล่อย แต่อยู่ๆ ใบหน้าของภัทรานิษฐ์ก็หายไป เหลือเพียงใบหน้าเหยเกบ่งบอกความวาบหวามที่ได้รับชีวิตผู้ชายก็แบบนี้ซื้อเซ็กส์ได้ก็ซื้อ แต่
“เอ๊ะ… ยกชุดนี้ให้” คำพูดที่เห็นแก่ได้นั้นทำให้ภัทรานิษฐ์อุทานอย่างตกใจ รวมทั้งบรรดาลูกน้องของหญิงสาวที่ได้ยินด้วย เพราะชุดผ้าไหมชุดนี้ราคามันหลายหมื่นบาทเชียวนะ“ใช่ ถ้าไม่ยกชุดให้ฉัน ร้านของเธอก็ต้องเสียชื่อ เพราะทำงานไม่ได้เรื่อง รู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร” พูดจบก็เชิดหน้าใส่ ก่อนจะส่งแววตาออกแนวรังเกียจมาให้ภัทรานิษฐ์และทุกคนในร้าน“เอ่อ… ต้องขอโทษด้วยนะคะ เพราะดิฉันไม่ทราบจริงๆ ว่าคุณเป็นใคร รู้แต่ว่าคุณคือลูกค้า” ยิ่งมาเจอคนเจ้ายศเจ้าอย่างแบบนี้ภัทรานิษฐ์ก็ยิ่งข่มใจไว้“ไม่ได้เรื่อง ฉันคือคุณหญิงแขไขย่ะ”“คุณหญิงแขไข” ชื่อนี้เหมือนจะคุ้นๆ ภัทรานิษฐ์จึงเอ่ยทวนแต่เจ้าของชื่อกระหยิ่มยิ้มย่องก่อนจะโอ้อวดฐานะของตัวเองต่อไม่หยุด“ใช่ สามีฉันเป็นนายตำรวจใหญ่ ที่สั่งปิดร้านของเธอได้อย่างสบายๆ เชียวนะ”“น่าเกรงขามจังเลยนะคะ” ตอนนี้ภัทรานิษฐ์ถึงบางอ้อแล้วว่าชื่อแขไขที่ว่านั้นเคยได้ยินมาจากที่ไหน หญิงสาวลอบยิ้มกับตัวเองนิดหน่อย คิดในใจว่าคุณห
“จะหิวได้ยังไง กินซาลาเปาหมูสับไปตั้งสองลูกใหญ่ๆ สงสัยกำลังโต กินจุจริง” ลักขณาเอ่ยยิ้มๆให้ลูกสาวบุญธรรมตัวน้อยของเธอ ไปอยู่เชียงรายเธอต้องนอนร้องไห้เพราะคิดถึงพลอยไพลินแน่ๆ ภัทรานิษฐ์ยิ้มให้กับคำพูดของเพื่อน น้ำหนักของลูกสาวเธอเพิ่มจนแก้มยุ้ยแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะลักขณาเลี้ยงดีนี่เอง“ฮื้อ...ไม่เห็นเอามาให้แม่กินบ้างเลย” ภัทรานิษฐ์ลูบใบหน้าของลูกสาวเบาๆ ก่อนที่เสียงใสๆ จะเอ่ยบอก คำพูดคำจาเหมือนผู้ใหญ่เข้าไปทุกวัน“ครั้งหน้านะคะแม่ น้องพลอยจะซื้อมาเยอะๆ เลย เอามาให้แม่จ๋า แม่ฝนแล้วก็ทุกคนด้วย” คำพูดพร้อมท่าทางประกอบกับการวาดแขนน้อยๆ ให้กว้างในอากาศ ทำให้ทุกคนยิ้มรับ“จ้าๆ” คนเป็นแม่ก้มตัวลงไปหอมแก้มลูกสาวเบาๆ เธอหยิบสมุดระบายสีกับกล่องสีมาให้พลอยไพลิน ก่อนที่เสียงใสๆ จะเอ่ยถาม“กี่หน้าคะ” คำว่ากี่หน้าของพลอยไพลิน คือคำถามที่เด็กหญิงถามแม่ ว่าวันนี้เธอสามารถระบายสีได้กี่หน้า เพราะนี่คือกฏที่ภัทรานิษฐ์ตั้งไว้ ให้ลูกมีระเบียบ
“ลุงก็คิดว่าอย่างนั้น เพราะน้องพลอยเองก็สวยและน่ารักเหมือนพ่อกับแม่ไม่มีผิด”“คุณลุงรู้จักแม่จ๋าของน้องพลอยไหมคะ” เด็กหญิงช่างเจราจาเอ่ยถาม คำถามนี้ช่างดูโตเป็นผู้ใหญ่เสียเหลือเกิน“รู้จักครับ”“เพื่อนแม่จ๋าเหรอ เหมือนแม่เก๋ แม่ฝนกับพ่อคริสหรือเปล่า” คำพูดของพลอยไพลินทำให้พัฒน์ชนะสงสัย คนที่ชื่อคริสที่เด็กหญิงบอกว่าเป็นพ่อเมื่อครู่ ทำไมตอนนี้ถึงเป็นเพื่อนของภัทรานิษฐ์กัน ก่อนจะตอบคำถามของพลอยไพลิน“ครับ เป็นเพื่อน”“ไอติมหมดแล้ว” พลอยไพลินสับสวิตช์ตัวเองเร็วมาก เมื่อครู่ยังพูดถึงเรื่องของภัทรานิษฐ์และบรรดาแม่ๆ รวมทั้งพ่อบุญธรรมเป็นต่อยหอย แต่ตอนนี้เด็กหญิงกลับหยุดทุกอย่างเมื่อไอศกรีมในมือหมดลง“จะกลับเข้าไปในร้านแล้วเหรอครับ” พัฒน์ชนะเอ่ยถาม เด็กตัวแค่นี้แต่พูดจารู้เรื่องไปซะทุกอย่าง“ไม่ค่ะ จะนั่งคุยกับคุณลุงก่อน”“น่ารักจังนะ” คำตอบของพลอยไพลินทำให้พัฒน์ชนะยิ้มออกมา พลอยไพลินไม่กลัวผู้ชาย
“เก๋ เราจะพาลูกกลับบ้าน ฝากแกปิดร้านให้ที” ภัทรานิษฐ์เอ่ยบอกเพื่อน คิ้วของหญิงสาวมวด หายใจฮึดฮัด กอดพลอยไพลินไว้แน่นอย่างหวงแหน“เออๆ ไม่ต้องห่วงทางนี้เดี๋ยวฉันจัดการให้” ลักขณาเอ่ยรับปาก ก่อนที่ภัทรานิษฐ์จะเดินอุ้มพลอยไพลินเข้าไปยังร้าน คว้ากระเป๋าและกลับลงมาที่รถและขับออกไปทันที พัฒน์ชนะได้แต่ยืนมองจริงๆ เขาทำอะไรไม่ได้เลย สายตามองตามรถของภัทรานิษฐ์จนมันเลยร้านไป ก่อนจะหันมาหาหญิงสาวตรงหน้า“น้องคือเพื่อนยี่หวาใช่ไหม”“เก๋ค่ะ เป็นเพื่อนสนิทยี่หวา ถ้าจำไม่ผิดเราน่าจะเคยคุยกันมาก่อน” ลักขณาความจำยังดีอยู่ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีเธอไม่มีวันลืมใบหน้าของพัฒน์ชนะได้อย่างแน่นอน แม้จะเคยคุยกันแค่ครั้งเดียวก็ตามที เพราะนอกนั้นเธอ ศิรดาและภัทรานิษฐ์ได้แต่คุยเรื่องของเขาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้แต่ทุกอย่างก็หยุด ไม่มีใครเอ่ยชื่อพัฒน์ชนะหรืออะไรที่เกี่ยวกับเขาให้ภัทรานิษฐ์ได้ยินอีกตั้งแต่เพื่อนคนนี้ของเธอตั้งท้อง แต่เธอกับ ศิรดายังมีการแอบสืบความเคลื่อนไหวของพัฒน์ชนะบ้างในบางครั้ง“ยี่หวา
เมื่อกลับถึงบ้าน ภัทรานิษฐ์เปิดประตูลงจากรถ เข้าไปอุ้มพลอยไพลินไวแนบอกอีกครั้ง ตลอดทางที่นั่งรถกลับมาเด็กหญิงตัวน้อยนั่งนิ่งมาตลอดทาง แทบไม่มีความร่าเริงเลย คนเป็นแม่จึงรู้ว่าเธออาจจะพูดกับลูกสาวแรงไป พลอยไพลินไม่รู้เรื่องอะไรแต่เธอกลับโกรธลูก เพราะเห็นอยู่กับพัฒน์ชนะ ภัทรานิษฐ์บนโซฟาโดยมีพลอยไพลินนั่งอยู่บนตัก“น้องพลอย แม่ขอโทษนะคะ” คนเป็นแม่ลูบใบหน้าลูกสาวเบาๆ พลอยไพลินโผเข้ากอดแม่ เหมือนจะรับรู้ว่าได้ทำผิดไป ก่อนจะเอ่ยเรียก“แม่จ๋า”“ต่อไปน้องพลอยอย่าเข้าใกล้หรืออยู่กับคนคนนั้นอีกนะ”“แต่คุณลุงซื้อไอติมให้น้องพลอย” ความไร้เดียงสาทำให้พลอยไพลินจดจำแต่สิ่งดีๆ ของคนรอบข้าง คิดตามประสาเด็กว่าใครดีด้วยก็คือคนดี เหมือนผ้าขาวที่ยังไม่มีใครเติมแต่งสีลงไป“แม่รู้ค่ะ แต่เขาเป็นคนไม่ดี” ภัทรานิษฐ์พยายามพูดให้พลอยไพลินเข้าใจ เธอนั้นต้องการให้ลูกเกลียดพัฒน์ชนะด้วยซ้ำ แต่กลับพูดความเลวร้ายของชายหนุ่มไม่ออก พลอยไพลินไม่ควรจะรับรู้เรื่องพวกนั้น แต่คำตอบของเด็กน้อยก็ยังยืนกรานกับสิ่
“หวา แกอย่างรั้นสิวะ เห็นใจลูกแกบ้าง”“พอเถอะเก๋” ภัทรานิษฐ์เมิมริมฝีปากอิ่มเข้าหากันแน่น ภายในอกเหมือนมีก้อนอะไรจุกอยู่“พี่แพทเขาบอกว่าถ้าน้องพลอยเป็นลูกเขา เขาจะรับผิดชอบ”“ทุเรศ” ใบหน้าของภัทรานิษฐ์ยิ้มเหยียดกับคำพูดนั้นของพัฒน์ชนะ ที่ลักขณาเป็นคนเอามาพูดให้ฟัง เธอไม่มีทางเชื่อคำพูดของผู้ชายคนนั้นเป็นอันขาด“ถามจริงๆ แกยังรักพี่แพทอยู่ไหม” ศิรดาที่นั่งฟังอยู่นานแล้วเอ่ยถามขึ้น“ไม่ได้รัก” แต่คำตอบของภัทรานิษฐ์นั้น ทั้งสองคนรู้ว่ามันไม่ได้ตรงกับใจนัก ถ้าไม่รักเพื่อนของพวกเธอคงไม่ร้อนรนแบบนี้หรอกแต่ลักขณาพูดกลับไปเหมือนลองใจ“ถ้าไม่ได้รัก แกก็ต้องเปิดใจให้กว้างเรื่องน้องพลอย ให้พ่อลูกเขาได้เจอกัน”“แกพูดเหมือนกับรู้ว่าน้องพลอยเป็นลูกผู้ชายคนนั้น” ภัทรานิษฐ์มองหน้าลักขณาทันที“รู้น่ะสิ ถึงได้พูด”“เก๋...” คนฟังอึ้งอีกครั้ง ภัทรานิษฐ์มองหน้าลักขณาและศิรดาสลับกันไปมา
“แล้วเราจะเชื่อคำพูดพี่แพทได้สักแค่ไหนวะ เรื่องที่เขาบอกว่าจะรับผิดชอบ”“ไม่รู้สิ อันนี้ก็คงต้องดูกันต่อไป” ลักขณายักไหล่ให้ เพราะเธอก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน ภัทรานิษฐ์นั้นรักพัฒน์ชนะมากเพราะยังเก็บลูกของเขาไว้ แต่พัฒน์ชนะจะคิดยังไงกับภัทรานิษฐ์นี่สิคือประเด็นหลัก ที่บอกว่าจะรับผิดชอบเพียงเพื่อต้องการลูก มันก็ดูร้ายกาจสำหรับภัทรานิษฐ์เกินไปไหม ถ้าเป็นไปได้เธอนั้นอยากให้ทั้งสองคนรักกันจริงๆ มากกว่า และถ้าเป็นไปไม่ได้อย่างที่คิดก็ขอให้พัฒน์ชนะหายตัวไปซะ แต่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอคิดจะถูกหรือเปล่า“คิดแล้วกลุ้มจริงๆ ชวนหิวด้วย” พูดจบศิรดาก็ลูบหน้าท้องของตัวเองไปมา“แกนี่ ยิ่งท้องยิ่งเดาอารมณ์ยาก สามีแกไม่บ่นหรือไง”“ไม่เห็นจะบ่น”“เหรอ ว่าแต่พี่คริสของแกมีสิทธิ์บ่นด้วยเหรอยะ” คำแซวของลักขณา ทำให้ว่าที่คุณแม่ยิ้มให้“ไม่มี...”“สามีแกนี่ประเสริฐจริงๆ”