“หวา แกอย่างรั้นสิวะ เห็นใจลูกแกบ้าง”
“พอเถอะเก๋” ภัทรานิษฐ์เมิมริมฝีปากอิ่มเข้าหากันแน่น ภายในอกเหมือนมีก้อนอะไรจุกอยู่ “พี่แพทเขาบอกว่าถ้าน้องพลอยเป็นลูกเขา เขาจะรับผิดชอบ” “ทุเรศ” ใบหน้าของภัทรานิษฐ์ยิ้มเหยียดกับคำพูดนั้นของพัฒน์ชนะ ที่ลักขณาเป็นคนเอามาพูดให้ฟัง เธอไม่มีทางเชื่อคำพูดของผู้ชายคนนั้นเป็นอันขาด “ถามจริงๆ แกยังรักพี่แพทอยู่ไหม” ศิรดาที่นั่งฟังอยู่นานแล้วเอ่ยถามขึ้น “ไม่ได้รัก” แต่คำตอบของภัทรานิษฐ์นั้น ทั้งสองคนรู้ว่ามันไม่ได้ตรงกับใจนัก ถ้าไม่รักเพื่อนของพวกเธอคงไม่ร้อนรนแบบนี้หรอกแต่ลักขณาพูดกลับไปเหมือนลองใจ “ถ้าไม่ได้รัก แกก็ต้องเปิดใจให้กว้างเรื่องน้องพลอย ให้พ่อลูกเขาได้เจอกัน” “แกพูดเหมือนกับรู้ว่าน้องพลอยเป็นลูกผู้ชายคนนั้น” ภัทรานิษฐ์มองหน้าลักขณาทันที “รู้น่ะสิ ถึงได้พูด”“เก๋...” คนฟังอึ้งอีกครั้ง ภัทรานิษฐ์มองหน้าลักขณาและศิรดาสลับกันไปมา“แล้วเราจะเชื่อคำพูดพี่แพทได้สักแค่ไหนวะ เรื่องที่เขาบอกว่าจะรับผิดชอบ”“ไม่รู้สิ อันนี้ก็คงต้องดูกันต่อไป” ลักขณายักไหล่ให้ เพราะเธอก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน ภัทรานิษฐ์นั้นรักพัฒน์ชนะมากเพราะยังเก็บลูกของเขาไว้ แต่พัฒน์ชนะจะคิดยังไงกับภัทรานิษฐ์นี่สิคือประเด็นหลัก ที่บอกว่าจะรับผิดชอบเพียงเพื่อต้องการลูก มันก็ดูร้ายกาจสำหรับภัทรานิษฐ์เกินไปไหม ถ้าเป็นไปได้เธอนั้นอยากให้ทั้งสองคนรักกันจริงๆ มากกว่า และถ้าเป็นไปไม่ได้อย่างที่คิดก็ขอให้พัฒน์ชนะหายตัวไปซะ แต่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอคิดจะถูกหรือเปล่า“คิดแล้วกลุ้มจริงๆ ชวนหิวด้วย” พูดจบศิรดาก็ลูบหน้าท้องของตัวเองไปมา“แกนี่ ยิ่งท้องยิ่งเดาอารมณ์ยาก สามีแกไม่บ่นหรือไง”“ไม่เห็นจะบ่น”“เหรอ ว่าแต่พี่คริสของแกมีสิทธิ์บ่นด้วยเหรอยะ” คำแซวของลักขณา ทำให้ว่าที่คุณแม่ยิ้มให้“ไม่มี...”“สามีแกนี่ประเสริฐจริงๆ”
“เห็นแก่ตัว ออกไปจากบ้านฉัน” ภัทรานิษฐ์เอ่ยไล่ตัวสั่น เธอขยับออกห่างจากพัฒน์ชนะ แต่ชายหนุ่มก็ขยับตาม เขาใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม ในปากรับรู้รสชาติของลือดจางๆ“พี่ขอค่าตบก่อนสิ” พูดยังไม่จบประโยคพัฒน์ชนะก็คว้าตัวภัทรานิษฐ์เข้ามากอด ลึกๆ อยากทำดี อยากพูดดีด้วย แต่การกระทำของเขามันตรงกันข้ามชัดๆ“ปล่อยนะ” ภัทรานิษฐ์ออกแรงทั้งทุบทั้งตีพัฒน์ชนะสารพัด แรงมีเท่าไหร่ก็เอาออกมาใช้เพื่อให้หลุดพ้นจากชายหนุ่มหมด แต่มีหรือที่เธอจะสู้แรงของพัฒน์ชนะได้ สุดท้ายเขาก็ปล้นจูบไปจากหญิงสาวสำเร็จ แต่จูบครั้งนี้มันก็ไม่ได้ต่างไปจากครั้งแรกที่ได้รับ มันไม่มีความอบอุ่นและอ่อนหวานเลยแม้แต่น้อย“โอ๊ย!!” พัฒน์ชนะกุมปากตัวเอง เพราะถูกภัทรานิษฐ์กัดเต็มแรง จนเขาต้องปล่อยเธอเป็นอิสระ ทั้งๆ ที่อยากจูบให้นานกว่านี้อีกหน่อยเพียะ“สารเลว” ตบครั้งที่สองของภัทรานิษฐ์มอบให้พัฒน์ชนะอีกครั้ง ชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บอย่
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร”“ใช่ บ้ามากและถ้าพี่กลับมาเพียงเพื่อต้องการแค่จะพิสูจน์ว่าน้องพลอยคือลูกของพี่หรือเปล่า อย่าทำแบบนั้นเลย เพราะคนที่จะเจ็บปวดคือน้องพลอย และเก๋ขอบอกไว้ตอนนี้ว่าพี่จะไม่มีทางสมหวัง เพราะยี่หวาจะไม่ยอมแน่นอน”“แต่ถ้าพี่ต้องการทั้งสองคนล่ะ เก๋จะช่วยพี่ไหม” คำพูดของพัฒน์ชนะ ทำให้ลักขณาตกใจไม่น้อย ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนเหมือนกัน จะเชื่อได้แค่ไหนก็ไม่รู้“ขอคิดดูก่อน อีกอย่างที่พี่พูดออกมาแบบนี้ คิดดีแน่แล้วอย่างนั้นเหรอ รู้แน่แล้วหรือไงว่าน้องพลอยคือลูกใคร”“รู้...ถึงไม่ใช่ลูกพี่ พี่ก็จะรับ”“ต๊าย...พึ่งรู้ว่าพี่เป็นผู้ชายดีเลิศ ประเสริฐศรีเสียจริงๆ” ลักขณาเอ่ยอย่างประชดประชันตามเคย ไม่รู้ว่าพัฒน์ชนะกินยาผิดหรือลืมเขย่าขวดก่อนกินหรือเปล่า ถึงได้พูดแบบนั้นออกมาได้“ว่าไงเก๋ จะช่วยพี่ไหม”“บอกแล้วขอคิดดูก่อน เพราะเก๋ไม่เชื่อพี่ง่ายๆ หรอก”“พี่ยังไม่รู้ความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้หรอกนะว่าค
ภายในผับแห่งหนึ่ง พัฒน์ชนะนั่งดื่มเหล้า สลับกับการสูบบุหรี่อย่างเอาเป็นเอาตาย อนุภพที่ถูกโทรศัพท์ไปตามตัวให้ออกมาพบ ได้แต่นั่งส่ายหน้า เพราะถามอะไรไปเพื่อนก็ไม่ยอมพูด เขาจึงมีหน้าที่รินเหล้าให้เท่านั้น รอให้พัฒน์ชนะพร้อม เดี๋ยวก็พูดออกมาเอง แต่หญิงสาวนางหนึ่งที่นั่งมองชายหนุ่มรูปหล่อ อย่างพัฒน์ชนะมานานแล้วก็ใจกล้าเดินเข้ามาคุยด้วย“พี่คะ มาชนแก้วกันหน่อยสิ”“ออกไป!” เสียงห้วนๆ ของพัฒน์ชนะเอ่ยบอกหญิงสาวที่ลงมานั่งเบียดอย่างจงใจพร้อมชนแก้ว เพราะตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์มายิ้มให้ใครหรอกนะ“ดุชะมัด” หญิงสาวนางนั้นจำเป็นต้องถอย เมื่อสบตากับแววตาอันน่ากลัวและไม่มีความเป็นมิตรของพัฒน์ชนะ ชายหนุ่มยิ้มเหยียดให้ก่อนจะหยิบแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ซึ่งอนุภพก็จัดให้อีกแก้ว เพราะตอนนี้เขานั่งประจำการเป็นบาร์เหล้าเรียบร้อยแล้ว“วันนี้… ข้าไปเจอหวากับลูกมาแล้ว” น้ำเสียงของพัฒน์ชนะฟังดูปรกติ ไม่ได้บ่งบอกถึงความเมาแม้แต่น้อย เพราะเหล้าแค่นี้มันไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มสติหลุดได้หรอก“เอ็งว่าอะไรนะไอ
ภัทรานิษฐ์เริ่มหวั่นใจกับการมาของพัฒน์ชนะ แต่เธอยังทำตัวให้เป็นปรกติ ไม่ได้แสดงออกให้เห็นว่าใจเธอนั้นร้อนรนแค่ไหนมีบางครั้งที่อยากหอบลูกหนี้ไปไกลๆ แต่นั่นคือทางเลือกสุดท้ายที่เธอจะทำ เช้านี้คุณแม่คนสวยขับรถมาส่งพลอยไพลินที่โรงเรียนอนุบาล ก่อนจะเข้าประตูที่มีคุณครูยืนรอรับอยู่ ภัทรานิษฐ์ก็หอมแก้มลูกทั้งสองข้าง เหมือนที่ทำทุกวัน“เป็นเด็กดีและสนุกกับการมาโรงเรียนนะคะลูก”“ค่ะ” พลอยไพลินเอ่ยรับเสียงใส ก่อนจะหอมแก้มแม่กลับด้วย จากนั้นจึงเดินเข้าไปในโรงเรียน ท่าทางคร่องแคร่ว เมื่อเจอเพื่อนก็จับมือเดินเข้าไปห้องด้วยกัน“คุณยี่หวา เย็นนี้พอจะมีเวลาว่างไหมครับ” ศุภวุฒิที่เห็นภัทรานิษฐ์ยืนอยู่หน้าโรงเรียน เขาจึงรีบเข้ามาหา“ครูใหญ่มีอะไรหรือเปล่าค่ะ”“ผมจะชวนคุณยี่หวากับน้องพลอยไปหาอะไรอร่อยกินน่ะครับ”“ได้ค่ะ” คำตอบรับของภัทรานิษฐ์ ทำให้ศุภวุฒิยิ้มออกมา เพราะคิดว่าเธอจะปฏิเสธเสียอีก“ขอบคุณครับ”“ค่ะ” ภัทรานิษฐ์ยิ้มให้ศุภ
“ครับ ถามแม่จ๋าก่อนก็ได้ ปวดฉี่ใช่ไหม ให้ลุงพาไปข้าห้องน้ำนะ”“ฉันทำเองดีกว่าค่ะ” คุณครูเอ่ยขัดขึ้น เพราะจะพูดคุยกันตามปรกติ แต่ก็ยังไม่ไว้ใจ“ผมขอทำเองเถอะครับ ถ้าไม่ไว้ใจ คุณครูรอใกล้ๆ ก็ได้” พัฒน์ชนะหันมองมายังคุณครู แววตาของชายหนุ่มทำให้คนมองต้องใจอ่อน“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ น้องพลอย เดี๋ยวคุณลุงจะพาไปห้องน้ำนะคะ” ครูผึ้งเอ่ยบอกพลอยไพลิน เสียงใสๆ จึงเอ่ยรับ“ค่ะ” พัฒน์ชนะจูงมือพลอยไพลินไปยังห้องน้ำ ตามทางที่ครูผึ้งบอก ชายหนุ่มแทบไม่ได้ทำอะไร เพราะเด็กหญิงตัวน้อยเข้าห้องน้ำเองได้แล้ว เขาแค่มาเป็นเพื่อนจริงๆ เมื่อประตูเปิดออกพลอยไพลินก็ยิ้มแฉ่งให้พัฒน์ชนะ ลืมไปแล้วว่าได้ให้สัญญาอะไรกับแม่ไว้“เสร็จแล้วค่ะ”“ครับ หิวไหม เราไปกินไอศกรีมรอแม่จ๋าดีหรือเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยชวน ยามจูงมือพลอยไพลินออกจากห้องน้ำ พอได้ยินว่าไอศกรีมเท่านั้นแหละ พลอยไพลินถึงกับตาวาว เอ่ยถามเสียใสทันที
“คุณครูใหญ่จะไปเที่ยวบ้านน้องพลอยเหรอคะ” พลอยไพลิน ไม่ค่อยเข้าใจคำถามของศุภวุฒินัก เด็กหญิงจับใจความได้แต่ตีความหมายไปคนละทาง“ไม่ได้ไปเที่ยว แต่....”“คุณวุฒิคะ เรื่องนี้เราไว้คุยกันสองคนได้ไหม” ภัทรานิษฐ์เอ่ยค้านขึ้น ศุภวุฒิจึงได้ทีสวมแหวนลงไปบนนิ้วนางข้างซ้ายของหญิงสาวแบบไม่รอให้เธออนุญาต“ครับ แต่วันนี้ผมอยากให้คุณยี่หวารับแหวนวงนี้ไว้”“แต่ว่า...” ภัทรานิษฐ์จะเอ่ยค้าน ยิ่งตอบย้ำคำตอบ ศุภวุฒิสลดลงไปนิดหน่อยกับท่าทางของเธอ แต่สำหรับพัฒน์ชนะที่เอาแต่มองหน้าภัทรานิษฐ์อยู่นั้น ชายหนุ่มเดือดปุดๆ กับการที่เห็นว่าเธอรับแหวน วงนั้นไว้ แถมยังสวมบนนิ้วนางข้างซ้ายอีก“คำตอบของอคุณยี่หวาคือปฏิเสธใช่หรือเปล่า” พูดจบหัวใจของศุภวุฒิก็หวิวๆ“ใช่ค่ะ ฉันคิดกับคุณวุฒิแค่เพื่อนเท่านั้นจริงๆ”“ผมพอจะทราบดี แต่ก็ยังยื้อ คิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่าพอจะมีทางเปลี่ยนใจคุณยี
เพราะภัทรานิษฐ์กำลังง่วนอยู่กับการปักผ้าชุดแต่งงาน เธอไม่อยากกวนจึงเดินสำรวจความปลอดภัย ล็อคประตูหน้าต่างให้เรียบร้อย ก่อนจะขึ้นไปนอน พัฒน์ชนะรั้งรอเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนจะเดินออกมาจากที่ซ่อน ซึ่งมันคือผนังหลังตู้โชว์นั่นเอง ลักขณาเดินผ่านไปผ่านมาอยู่หลายรอบ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้เอะใจเลยเหมือนกัน ชายหนุ่มก้าวยาวๆ ตรงไปยังห้องที่ภัทรานิษฐ์อยู่ภายใน เปิดประตูเข้าไปแบบไม่เกรงกลัว พร้อมกดล็อคเมื่อเข้ามาด้านใน แถมยังปิดไฟในห้อง ให้แสงจากข้างนอกเล็ดลอดเข้ามาเท่านั้น“เก๋...บอกแล้วว่าไม่ต้องรอ นอนก่อนได้เลย” ภัทรานิษฐ์รู้ว่ามีคนเปิดประตูเข้ามาในห้องแถมยังปิดไฟไล่เธออีก ความที่คิดว่าเป็นลักขณาจึงไม่ได้เลยหน้าขึ้นมอง ได้แต่เอ่ยบอกไป“เผอิญพี่ไม่ใช่เก๋”“คุณ! เข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง ออกไปให้พ้น” พอได้ยินเสียงคนที่เข้ามาในห้องนั้น ภัทรานิษฐ์รู้สึกเย็นทั่วตัวทันที หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาผ่านความมืด พร้อมการไล่แบบไม่รีรอ พัฒน์ชนะเองก็ไม่มีทางทำตามคำสั่งเหมือนกัน ชายหนุ่มเดิมเข้าไปหาภัทรานิษฐ์ ก่อนจะพูดทำให้คนฟังสะอึก