ภัทรานิษฐ์เริ่มหวั่นใจกับการมาของพัฒน์ชนะ แต่เธอยังทำตัวให้เป็นปรกติ ไม่ได้แสดงออกให้เห็นว่าใจเธอนั้นร้อนรนแค่ไหนมีบางครั้งที่อยากหอบลูกหนี้ไปไกลๆ แต่นั่นคือทางเลือกสุดท้ายที่เธอจะทำ เช้านี้คุณแม่คนสวยขับรถมาส่งพลอยไพลินที่โรงเรียนอนุบาล ก่อนจะเข้าประตูที่มีคุณครูยืนรอรับอยู่ ภัทรานิษฐ์ก็หอมแก้มลูกทั้งสองข้าง เหมือนที่ทำทุกวัน
“เป็นเด็กดีและสนุกกับการมาโรงเรียนนะคะลูก” “ค่ะ” พลอยไพลินเอ่ยรับเสียงใส ก่อนจะหอมแก้มแม่กลับด้วย จากนั้นจึงเดินเข้าไปในโรงเรียน ท่าทางคร่องแคร่ว เมื่อเจอเพื่อนก็จับมือเดินเข้าไปห้องด้วยกัน “คุณยี่หวา เย็นนี้พอจะมีเวลาว่างไหมครับ” ศุภวุฒิที่เห็นภัทรานิษฐ์ยืนอยู่หน้าโรงเรียน เขาจึงรีบเข้ามาหา“ครูใหญ่มีอะไรหรือเปล่าค่ะ” “ผมจะชวนคุณยี่หวากับน้องพลอยไปหาอะไรอร่อยกินน่ะครับ” “ได้ค่ะ” คำตอบรับของภัทรานิษฐ์ ทำให้ศุภวุฒิยิ้มออกมา เพราะคิดว่าเธอจะปฏิเสธเสียอีก “ขอบคุณครับ” “ค่ะ” ภัทรานิษฐ์ยิ้มให้ศุภ“ครับ ถามแม่จ๋าก่อนก็ได้ ปวดฉี่ใช่ไหม ให้ลุงพาไปข้าห้องน้ำนะ”“ฉันทำเองดีกว่าค่ะ” คุณครูเอ่ยขัดขึ้น เพราะจะพูดคุยกันตามปรกติ แต่ก็ยังไม่ไว้ใจ“ผมขอทำเองเถอะครับ ถ้าไม่ไว้ใจ คุณครูรอใกล้ๆ ก็ได้” พัฒน์ชนะหันมองมายังคุณครู แววตาของชายหนุ่มทำให้คนมองต้องใจอ่อน“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ น้องพลอย เดี๋ยวคุณลุงจะพาไปห้องน้ำนะคะ” ครูผึ้งเอ่ยบอกพลอยไพลิน เสียงใสๆ จึงเอ่ยรับ“ค่ะ” พัฒน์ชนะจูงมือพลอยไพลินไปยังห้องน้ำ ตามทางที่ครูผึ้งบอก ชายหนุ่มแทบไม่ได้ทำอะไร เพราะเด็กหญิงตัวน้อยเข้าห้องน้ำเองได้แล้ว เขาแค่มาเป็นเพื่อนจริงๆ เมื่อประตูเปิดออกพลอยไพลินก็ยิ้มแฉ่งให้พัฒน์ชนะ ลืมไปแล้วว่าได้ให้สัญญาอะไรกับแม่ไว้“เสร็จแล้วค่ะ”“ครับ หิวไหม เราไปกินไอศกรีมรอแม่จ๋าดีหรือเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยชวน ยามจูงมือพลอยไพลินออกจากห้องน้ำ พอได้ยินว่าไอศกรีมเท่านั้นแหละ พลอยไพลินถึงกับตาวาว เอ่ยถามเสียใสทันที
“คุณครูใหญ่จะไปเที่ยวบ้านน้องพลอยเหรอคะ” พลอยไพลิน ไม่ค่อยเข้าใจคำถามของศุภวุฒินัก เด็กหญิงจับใจความได้แต่ตีความหมายไปคนละทาง“ไม่ได้ไปเที่ยว แต่....”“คุณวุฒิคะ เรื่องนี้เราไว้คุยกันสองคนได้ไหม” ภัทรานิษฐ์เอ่ยค้านขึ้น ศุภวุฒิจึงได้ทีสวมแหวนลงไปบนนิ้วนางข้างซ้ายของหญิงสาวแบบไม่รอให้เธออนุญาต“ครับ แต่วันนี้ผมอยากให้คุณยี่หวารับแหวนวงนี้ไว้”“แต่ว่า...” ภัทรานิษฐ์จะเอ่ยค้าน ยิ่งตอบย้ำคำตอบ ศุภวุฒิสลดลงไปนิดหน่อยกับท่าทางของเธอ แต่สำหรับพัฒน์ชนะที่เอาแต่มองหน้าภัทรานิษฐ์อยู่นั้น ชายหนุ่มเดือดปุดๆ กับการที่เห็นว่าเธอรับแหวน วงนั้นไว้ แถมยังสวมบนนิ้วนางข้างซ้ายอีก“คำตอบของอคุณยี่หวาคือปฏิเสธใช่หรือเปล่า” พูดจบหัวใจของศุภวุฒิก็หวิวๆ“ใช่ค่ะ ฉันคิดกับคุณวุฒิแค่เพื่อนเท่านั้นจริงๆ”“ผมพอจะทราบดี แต่ก็ยังยื้อ คิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่าพอจะมีทางเปลี่ยนใจคุณยี
เพราะภัทรานิษฐ์กำลังง่วนอยู่กับการปักผ้าชุดแต่งงาน เธอไม่อยากกวนจึงเดินสำรวจความปลอดภัย ล็อคประตูหน้าต่างให้เรียบร้อย ก่อนจะขึ้นไปนอน พัฒน์ชนะรั้งรอเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนจะเดินออกมาจากที่ซ่อน ซึ่งมันคือผนังหลังตู้โชว์นั่นเอง ลักขณาเดินผ่านไปผ่านมาอยู่หลายรอบ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้เอะใจเลยเหมือนกัน ชายหนุ่มก้าวยาวๆ ตรงไปยังห้องที่ภัทรานิษฐ์อยู่ภายใน เปิดประตูเข้าไปแบบไม่เกรงกลัว พร้อมกดล็อคเมื่อเข้ามาด้านใน แถมยังปิดไฟในห้อง ให้แสงจากข้างนอกเล็ดลอดเข้ามาเท่านั้น“เก๋...บอกแล้วว่าไม่ต้องรอ นอนก่อนได้เลย” ภัทรานิษฐ์รู้ว่ามีคนเปิดประตูเข้ามาในห้องแถมยังปิดไฟไล่เธออีก ความที่คิดว่าเป็นลักขณาจึงไม่ได้เลยหน้าขึ้นมอง ได้แต่เอ่ยบอกไป“เผอิญพี่ไม่ใช่เก๋”“คุณ! เข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง ออกไปให้พ้น” พอได้ยินเสียงคนที่เข้ามาในห้องนั้น ภัทรานิษฐ์รู้สึกเย็นทั่วตัวทันที หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาผ่านความมืด พร้อมการไล่แบบไม่รีรอ พัฒน์ชนะเองก็ไม่มีทางทำตามคำสั่งเหมือนกัน ชายหนุ่มเดิมเข้าไปหาภัทรานิษฐ์ ก่อนจะพูดทำให้คนฟังสะอึก 
ความรู้สึกที่น่ารังเกียจและขยะแขยงยามที่พัฒน์ชะสัมผัสร่างกาย ที่ภัทรานิษฐ์ผลักไสให้ออกห่าง ปฏิเสธทุกทางว่าเธอจะไม่ยอมให้เขารังแกหรือข่มแขงอย่างใจแข็ง แต่สุดท้ายแล้วร่างกายและจิตใจกลับทรยศ เฝ้ารอคอยไออุ่นจากผู้ชายแสนร้ายกาจที่ชื่อพัฒน์ชนะ ซึ่ง ภัทรานิษฐ์เองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ความโหดร้าย ป่าเถื่อนที่เขาทำไว้กับเธอ ทำไมถึงยังไม่ลืม ไม่จำให้ขึ้นใจ กลับโหยหาสัมผัสแบบนั้น“ปล่อย!” น้ำเสียงสั่นๆ ของภัทรานิษฐ์เอ่ยสั่งเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเจ้าตัวและคนฟังก็ไม่ได้นับ มันช่างเป็นคำพูดที่ไร้ประโยชน์เสียจริงเพราะพัฒน์ชนะไม่มีทางทำมันอย่างแน่นอน ชายหนุ่มยังคงสำรวจร่างกายของภัทรานิษฐ์ด้วยมือและริมฝีปากไม่หยุด ร่างบางสะท้านทั้งความรู้สึกกลัวทั้งต้องการ ช่างสับสนกันไปหมดแล้ว“ไม่!” ชายหนุ่มที่ตอนนี้ลดใบหน้าลงต่ำจนถึงหน้าอกอวบอูมของภัทรานิษฐ์เอ่ยบอก เขาจะไม่ยอมหยุดไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ตาม ริมฝีปากร้อนๆ คลอเคลียฐานของดอกบัวคู่งาม ภัทรานิษฐ์นั้นห่อตัวหลบ ส่ายหน้าบอกว่าไม่จนผมสยายเต็มโต๊ะ มือที่ถูกมัดไขว้ไว้บนศีรษะกำเข้าหากันอย่างอดกลั้นในความรู้สึก แต่เธ
“เอ๊ะ” คำถามของพัฒน์ชนะ ทำเอาคนฟังพูดไม่ออก“จะต่อหรือหยุดดีนะ” พูดจบก็ถอนตัวออกแต่ยังไม่ทั้งหมด ภัทรานิษฐ์ขยับตามไปหาสัมผัสนั้นโดยอัตโนมัติ เธอจะตอบเขาว่ายังไง ขณะที่รอฟังคำตอบที่แสนเร้าใจ เส้นความอดทนของชายหนุ่มก็เริ่มจะหมดลงเหมือนกัน เพราะเขาเองก็เสียวซ่านและทรมานไม่แพ้เธอ“หยุด”“แน่ใจเหรอ” ชายหนุ่มยิ้มออกมา ก่อนจะค่อยๆ แทรกตัวเข้าหาภัทรานิษฐ์ช้าๆ เพียงนิดก็ถอนตัวออก ชายหนุ่มลอบเป่าลมออกปากเพราะเขาเองก็แทบจะบ้าตายกับการตอดรัดภายในตัวของภัทรานิษฐ์เหมือนกัน เสียงสั่นๆ ของคนที่ต้องยอมเป็นฝ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่งเอ่ยบอก เธอส่ายหน้าให้เขา พร้อมกับเม้มริมฝีปากจนแน่น“อะ..หยุดนะ”“ให้โอกาสตอบพี่อีกครั้ง” พัฒน์ชนะใช้มือข้างหนึ่งจับหน้าอกของภัทรานิษฐ์ ก่อนจะหยอกเย้าปลายถันด้วยนิ้ว บีบและตวัดมันเบาๆ จนเจ้าของสะท้าน“ยะ...หยุด” ภัทรานิษฐ์ส่ายร่างกายเปล่าเปลือยไปมาบนโต๊ะ ตาปรือ เพราะใช่ว่าหน้าอกจะถูกรุก ตอนนี้พัฒน์ชนะก็ขยับสะโพกเสียดสีหนักขึ้น
“แล้วที่คุณปล้ำฉันแบบนี้ คนโตๆ เขาทำกันหรือยังไง” คำพูดของภัทรานิษฐ์ ทำให้พัฒน์ชนะจุกไปเหมือนกัน แต่ก็ยังเฉไฉไปได้เรื่อย“ก็มันอดใจไม่อยู่”“ข้ออ้างของผู้ชายเห็นแก่ตัว”“แหวนนี่ ทิ้งมันไปซะ” พัฒน์ชนะจับมือซ้ายของภัทรานิษฐ์ไว้ ก่อนจะเอ่ยบอก ใจจริงอยากถอดมันแล้วทิ้งไปให้ไกลๆ ด้วยซ้ำ แต่อยากให้เธอทำมันเอง“ไม่ทิ้ง”“ยี่หวา อย่าดื้อกับพี่” น้ำเสียงของพัฒน์ชนะบ่งบอกความไม่พอใจ ชายหนุ่มมองคนดื้อรัน หัวชนฝาด้วยแววตาแข็งกระด้าง ทำให้ภัทรานิษฐ์ยิ่งต่อต้านมากขึ้นเท่านั้น“ฉันจะแต่งงานกับคุณวุฒิ”“พี่คงยอมหรอก”“เรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวกับฉัน ปล่อยสักที” ภัทรานิษฐ์พยายามลุกออกไปจากอ้อมกอดของพัฒน์ชนะ แต่ชายหนุ่มก็ขยับลุกตามมารั้งเธอให้ลงนั่งบนตักได้อีกรอบ ทั้งสองยื้อยุดฉุดกระชากกันคล้ายจะก่อสงครามเล็กๆ ก็ไม่ปาน“ถ้าอยากลองดี ก็เชิญ เพราะคนอย่างพี่ ทำได้ทุกอย่างเพื่อจะทวงของที่เป็นของของพ
ส่วนผู้ชายใจร้อนที่ชอบก่อเรื่องให้ยุ่งยาก จัดการเรื่องส่วนตัวไม่ได้เรื่องเท่ากับงานที่ต้องรับผิดชอบ กำลังนั่งถอนหายใจเฮือกๆ คิ้วขมวดอยู่ในบ้านหลังใหญ่ ตั้งแต่กลับมาจากบ้านภัทรานิษฐ์ ชายหนุ่มก็แทบนอนไม่หลับ ข้างกายคือขวดแก้วที่ภายในมีเหล้ารสชาติเยี่ยมอยู่“เกิดอะไรขึ้นกับลูกน่ะคุณ ตั้งแต่กลับมาจากเมืองจีนดูจะแปลกๆ” นุชรีย์เอ่ยถามสามี แต่บรรพตเองก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน ก่อนจะตัดสินใจเดินไปหาพัฒน์ชนะ“แพท… มีปัญหากลุ้มใจอะไรหรือเปล่า หือ”“เปล่าครับพ่อ”“เปล่าอะไร ตั้งแต่ลูกกลับมาจากเมืองจีน แม่ว่าเราแปลกๆ ไปนะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นอีกคน ก่อนจะมองเลยไปยังขวดเหล้าที่วางอยู่ข้างตัวลูกชาย ใบหน้าของพัฒน์ชนะตอนนี้เหมือนกับไม่ได้นอนด้วยซ้ำ หน้าตาดูหมองๆ ชอบกล“ไม่มีอะไรจริงๆ ครับแม่”“จริงนะ” นุชรีย์ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เพราะชักจะไม่อยากเชื่อคำพูดของลูกชายสักเท่าไหร่ ท่าทางของพัฒน์ชนะบอกออกโต้งๆ แบบนี้ แต่ถ้าไม่ถึงที่สุดลูกชายเธอคงไม่ยอมเล่าให้ฟังแน่“ผมก็แค
ขณะที่อีกคนซึ่งเพิ่งอกหักครั้งใหญ่ ตอนนี้ก็กำลังนั่งเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากอยู่ในบ้าน ศุภวุฒิทำตัวเหมือนคนหมดทางจะไป คำปฏิเสธของภัทรานิษฐ์ยังดังก้องอยู่ในความคิด ก่อนจะสั่งตัวเองให้หยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น ชายหนุ่มกลับขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวออกไปยังโรงเรียน หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้วแต่ก็ยังไม่ทั้งหมด ก่อนจะถึงโรงเรียนมีร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ศุภวุฒิเลี้ยวรถเข้าไปจอดอย่างไม่ลังเล ก่อนจะสั่งขนมเค้กทุกอย่างในร้านให้ไปเสิร์ฟที่โต๊ะลักขณากำลังขับรถไปยังร้านอาหารร้านโปรดของพวกเธอ จังหวะที่มีคนข้ามถนนตรงทางม้าลาย ทำให้เธอต้องชะลอรถ สายตาของหญิงสาวมองไปเห็นศุภวุฒิที่นั่งอยู่ในร้านกาแฟริมถนน เป็นร้านกาแฟที่ติดกระจกใสมองเห็นทุกอย่างภายในก็ว่าได้ ตรงหน้าของชายหนุ่มมีเค้กนับสิบชิ้น ชวนให้คิดถึงคำพูดของภัทรานิษฐ์เมื่อคืน พอเห็นว่ายังมีเวลาไปทันมื้อเที่ยงแน่นอน หญิงสาวจึงเลี้ยวรถเข้าไปในร้านกาแฟอีกคน“กินของหวานแก้อกหักเหรอคะครูใหญ่” รู้ทั้งรู้แต่ลักขณาก็ถามจี้ใจดำ“คุณเก๋… ผมไม่ตลกนะครับ” ศุภวุฒิเงยหน้าขึ้นมองคนถาม สีหน้าเรียบเฉย แต่สักพักก็