ภายในผับแห่งหนึ่ง พัฒน์ชนะนั่งดื่มเหล้า สลับกับการสูบบุหรี่อย่างเอาเป็นเอาตาย อนุภพที่ถูกโทรศัพท์ไปตามตัวให้ออกมาพบ ได้แต่นั่งส่ายหน้า เพราะถามอะไรไปเพื่อนก็ไม่ยอมพูด เขาจึงมีหน้าที่รินเหล้าให้เท่านั้น รอให้พัฒน์ชนะพร้อม เดี๋ยวก็พูดออกมาเอง แต่หญิงสาวนางหนึ่งที่นั่งมองชายหนุ่มรูปหล่อ อย่างพัฒน์ชนะมานานแล้วก็ใจกล้าเดินเข้ามาคุยด้วย
“พี่คะ มาชนแก้วกันหน่อยสิ”“ออกไป!” เสียงห้วนๆ ของพัฒน์ชนะเอ่ยบอกหญิงสาวที่ลงมานั่งเบียดอย่างจงใจพร้อมชนแก้ว เพราะตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์มายิ้มให้ใครหรอกนะ “ดุชะมัด” หญิงสาวนางนั้นจำเป็นต้องถอย เมื่อสบตากับแววตาอันน่ากลัวและไม่มีความเป็นมิตรของพัฒน์ชนะ ชายหนุ่มยิ้มเหยียดให้ก่อนจะหยิบแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ซึ่งอนุภพก็จัดให้อีกแก้ว เพราะตอนนี้เขานั่งประจำการเป็นบาร์เหล้าเรียบร้อยแล้ว “วันนี้… ข้าไปเจอหวากับลูกมาแล้ว” น้ำเสียงของพัฒน์ชนะฟังดูปรกติ ไม่ได้บ่งบอกถึงความเมาแม้แต่น้อย เพราะเหล้าแค่นี้มันไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มสติหลุดได้หรอก “เอ็งว่าอะไรนะไอภัทรานิษฐ์เริ่มหวั่นใจกับการมาของพัฒน์ชนะ แต่เธอยังทำตัวให้เป็นปรกติ ไม่ได้แสดงออกให้เห็นว่าใจเธอนั้นร้อนรนแค่ไหนมีบางครั้งที่อยากหอบลูกหนี้ไปไกลๆ แต่นั่นคือทางเลือกสุดท้ายที่เธอจะทำ เช้านี้คุณแม่คนสวยขับรถมาส่งพลอยไพลินที่โรงเรียนอนุบาล ก่อนจะเข้าประตูที่มีคุณครูยืนรอรับอยู่ ภัทรานิษฐ์ก็หอมแก้มลูกทั้งสองข้าง เหมือนที่ทำทุกวัน“เป็นเด็กดีและสนุกกับการมาโรงเรียนนะคะลูก”“ค่ะ” พลอยไพลินเอ่ยรับเสียงใส ก่อนจะหอมแก้มแม่กลับด้วย จากนั้นจึงเดินเข้าไปในโรงเรียน ท่าทางคร่องแคร่ว เมื่อเจอเพื่อนก็จับมือเดินเข้าไปห้องด้วยกัน“คุณยี่หวา เย็นนี้พอจะมีเวลาว่างไหมครับ” ศุภวุฒิที่เห็นภัทรานิษฐ์ยืนอยู่หน้าโรงเรียน เขาจึงรีบเข้ามาหา“ครูใหญ่มีอะไรหรือเปล่าค่ะ”“ผมจะชวนคุณยี่หวากับน้องพลอยไปหาอะไรอร่อยกินน่ะครับ”“ได้ค่ะ” คำตอบรับของภัทรานิษฐ์ ทำให้ศุภวุฒิยิ้มออกมา เพราะคิดว่าเธอจะปฏิเสธเสียอีก“ขอบคุณครับ”“ค่ะ” ภัทรานิษฐ์ยิ้มให้ศุภ
“ครับ ถามแม่จ๋าก่อนก็ได้ ปวดฉี่ใช่ไหม ให้ลุงพาไปข้าห้องน้ำนะ”“ฉันทำเองดีกว่าค่ะ” คุณครูเอ่ยขัดขึ้น เพราะจะพูดคุยกันตามปรกติ แต่ก็ยังไม่ไว้ใจ“ผมขอทำเองเถอะครับ ถ้าไม่ไว้ใจ คุณครูรอใกล้ๆ ก็ได้” พัฒน์ชนะหันมองมายังคุณครู แววตาของชายหนุ่มทำให้คนมองต้องใจอ่อน“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ น้องพลอย เดี๋ยวคุณลุงจะพาไปห้องน้ำนะคะ” ครูผึ้งเอ่ยบอกพลอยไพลิน เสียงใสๆ จึงเอ่ยรับ“ค่ะ” พัฒน์ชนะจูงมือพลอยไพลินไปยังห้องน้ำ ตามทางที่ครูผึ้งบอก ชายหนุ่มแทบไม่ได้ทำอะไร เพราะเด็กหญิงตัวน้อยเข้าห้องน้ำเองได้แล้ว เขาแค่มาเป็นเพื่อนจริงๆ เมื่อประตูเปิดออกพลอยไพลินก็ยิ้มแฉ่งให้พัฒน์ชนะ ลืมไปแล้วว่าได้ให้สัญญาอะไรกับแม่ไว้“เสร็จแล้วค่ะ”“ครับ หิวไหม เราไปกินไอศกรีมรอแม่จ๋าดีหรือเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยชวน ยามจูงมือพลอยไพลินออกจากห้องน้ำ พอได้ยินว่าไอศกรีมเท่านั้นแหละ พลอยไพลินถึงกับตาวาว เอ่ยถามเสียใสทันที
“คุณครูใหญ่จะไปเที่ยวบ้านน้องพลอยเหรอคะ” พลอยไพลิน ไม่ค่อยเข้าใจคำถามของศุภวุฒินัก เด็กหญิงจับใจความได้แต่ตีความหมายไปคนละทาง“ไม่ได้ไปเที่ยว แต่....”“คุณวุฒิคะ เรื่องนี้เราไว้คุยกันสองคนได้ไหม” ภัทรานิษฐ์เอ่ยค้านขึ้น ศุภวุฒิจึงได้ทีสวมแหวนลงไปบนนิ้วนางข้างซ้ายของหญิงสาวแบบไม่รอให้เธออนุญาต“ครับ แต่วันนี้ผมอยากให้คุณยี่หวารับแหวนวงนี้ไว้”“แต่ว่า...” ภัทรานิษฐ์จะเอ่ยค้าน ยิ่งตอบย้ำคำตอบ ศุภวุฒิสลดลงไปนิดหน่อยกับท่าทางของเธอ แต่สำหรับพัฒน์ชนะที่เอาแต่มองหน้าภัทรานิษฐ์อยู่นั้น ชายหนุ่มเดือดปุดๆ กับการที่เห็นว่าเธอรับแหวน วงนั้นไว้ แถมยังสวมบนนิ้วนางข้างซ้ายอีก“คำตอบของอคุณยี่หวาคือปฏิเสธใช่หรือเปล่า” พูดจบหัวใจของศุภวุฒิก็หวิวๆ“ใช่ค่ะ ฉันคิดกับคุณวุฒิแค่เพื่อนเท่านั้นจริงๆ”“ผมพอจะทราบดี แต่ก็ยังยื้อ คิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่าพอจะมีทางเปลี่ยนใจคุณยี
เพราะภัทรานิษฐ์กำลังง่วนอยู่กับการปักผ้าชุดแต่งงาน เธอไม่อยากกวนจึงเดินสำรวจความปลอดภัย ล็อคประตูหน้าต่างให้เรียบร้อย ก่อนจะขึ้นไปนอน พัฒน์ชนะรั้งรอเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนจะเดินออกมาจากที่ซ่อน ซึ่งมันคือผนังหลังตู้โชว์นั่นเอง ลักขณาเดินผ่านไปผ่านมาอยู่หลายรอบ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้เอะใจเลยเหมือนกัน ชายหนุ่มก้าวยาวๆ ตรงไปยังห้องที่ภัทรานิษฐ์อยู่ภายใน เปิดประตูเข้าไปแบบไม่เกรงกลัว พร้อมกดล็อคเมื่อเข้ามาด้านใน แถมยังปิดไฟในห้อง ให้แสงจากข้างนอกเล็ดลอดเข้ามาเท่านั้น“เก๋...บอกแล้วว่าไม่ต้องรอ นอนก่อนได้เลย” ภัทรานิษฐ์รู้ว่ามีคนเปิดประตูเข้ามาในห้องแถมยังปิดไฟไล่เธออีก ความที่คิดว่าเป็นลักขณาจึงไม่ได้เลยหน้าขึ้นมอง ได้แต่เอ่ยบอกไป“เผอิญพี่ไม่ใช่เก๋”“คุณ! เข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง ออกไปให้พ้น” พอได้ยินเสียงคนที่เข้ามาในห้องนั้น ภัทรานิษฐ์รู้สึกเย็นทั่วตัวทันที หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาผ่านความมืด พร้อมการไล่แบบไม่รีรอ พัฒน์ชนะเองก็ไม่มีทางทำตามคำสั่งเหมือนกัน ชายหนุ่มเดิมเข้าไปหาภัทรานิษฐ์ ก่อนจะพูดทำให้คนฟังสะอึก 
ความรู้สึกที่น่ารังเกียจและขยะแขยงยามที่พัฒน์ชะสัมผัสร่างกาย ที่ภัทรานิษฐ์ผลักไสให้ออกห่าง ปฏิเสธทุกทางว่าเธอจะไม่ยอมให้เขารังแกหรือข่มแขงอย่างใจแข็ง แต่สุดท้ายแล้วร่างกายและจิตใจกลับทรยศ เฝ้ารอคอยไออุ่นจากผู้ชายแสนร้ายกาจที่ชื่อพัฒน์ชนะ ซึ่ง ภัทรานิษฐ์เองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ความโหดร้าย ป่าเถื่อนที่เขาทำไว้กับเธอ ทำไมถึงยังไม่ลืม ไม่จำให้ขึ้นใจ กลับโหยหาสัมผัสแบบนั้น“ปล่อย!” น้ำเสียงสั่นๆ ของภัทรานิษฐ์เอ่ยสั่งเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเจ้าตัวและคนฟังก็ไม่ได้นับ มันช่างเป็นคำพูดที่ไร้ประโยชน์เสียจริงเพราะพัฒน์ชนะไม่มีทางทำมันอย่างแน่นอน ชายหนุ่มยังคงสำรวจร่างกายของภัทรานิษฐ์ด้วยมือและริมฝีปากไม่หยุด ร่างบางสะท้านทั้งความรู้สึกกลัวทั้งต้องการ ช่างสับสนกันไปหมดแล้ว“ไม่!” ชายหนุ่มที่ตอนนี้ลดใบหน้าลงต่ำจนถึงหน้าอกอวบอูมของภัทรานิษฐ์เอ่ยบอก เขาจะไม่ยอมหยุดไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ตาม ริมฝีปากร้อนๆ คลอเคลียฐานของดอกบัวคู่งาม ภัทรานิษฐ์นั้นห่อตัวหลบ ส่ายหน้าบอกว่าไม่จนผมสยายเต็มโต๊ะ มือที่ถูกมัดไขว้ไว้บนศีรษะกำเข้าหากันอย่างอดกลั้นในความรู้สึก แต่เธ
“เอ๊ะ” คำถามของพัฒน์ชนะ ทำเอาคนฟังพูดไม่ออก“จะต่อหรือหยุดดีนะ” พูดจบก็ถอนตัวออกแต่ยังไม่ทั้งหมด ภัทรานิษฐ์ขยับตามไปหาสัมผัสนั้นโดยอัตโนมัติ เธอจะตอบเขาว่ายังไง ขณะที่รอฟังคำตอบที่แสนเร้าใจ เส้นความอดทนของชายหนุ่มก็เริ่มจะหมดลงเหมือนกัน เพราะเขาเองก็เสียวซ่านและทรมานไม่แพ้เธอ“หยุด”“แน่ใจเหรอ” ชายหนุ่มยิ้มออกมา ก่อนจะค่อยๆ แทรกตัวเข้าหาภัทรานิษฐ์ช้าๆ เพียงนิดก็ถอนตัวออก ชายหนุ่มลอบเป่าลมออกปากเพราะเขาเองก็แทบจะบ้าตายกับการตอดรัดภายในตัวของภัทรานิษฐ์เหมือนกัน เสียงสั่นๆ ของคนที่ต้องยอมเป็นฝ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่งเอ่ยบอก เธอส่ายหน้าให้เขา พร้อมกับเม้มริมฝีปากจนแน่น“อะ..หยุดนะ”“ให้โอกาสตอบพี่อีกครั้ง” พัฒน์ชนะใช้มือข้างหนึ่งจับหน้าอกของภัทรานิษฐ์ ก่อนจะหยอกเย้าปลายถันด้วยนิ้ว บีบและตวัดมันเบาๆ จนเจ้าของสะท้าน“ยะ...หยุด” ภัทรานิษฐ์ส่ายร่างกายเปล่าเปลือยไปมาบนโต๊ะ ตาปรือ เพราะใช่ว่าหน้าอกจะถูกรุก ตอนนี้พัฒน์ชนะก็ขยับสะโพกเสียดสีหนักขึ้น
“แล้วที่คุณปล้ำฉันแบบนี้ คนโตๆ เขาทำกันหรือยังไง” คำพูดของภัทรานิษฐ์ ทำให้พัฒน์ชนะจุกไปเหมือนกัน แต่ก็ยังเฉไฉไปได้เรื่อย“ก็มันอดใจไม่อยู่”“ข้ออ้างของผู้ชายเห็นแก่ตัว”“แหวนนี่ ทิ้งมันไปซะ” พัฒน์ชนะจับมือซ้ายของภัทรานิษฐ์ไว้ ก่อนจะเอ่ยบอก ใจจริงอยากถอดมันแล้วทิ้งไปให้ไกลๆ ด้วยซ้ำ แต่อยากให้เธอทำมันเอง“ไม่ทิ้ง”“ยี่หวา อย่าดื้อกับพี่” น้ำเสียงของพัฒน์ชนะบ่งบอกความไม่พอใจ ชายหนุ่มมองคนดื้อรัน หัวชนฝาด้วยแววตาแข็งกระด้าง ทำให้ภัทรานิษฐ์ยิ่งต่อต้านมากขึ้นเท่านั้น“ฉันจะแต่งงานกับคุณวุฒิ”“พี่คงยอมหรอก”“เรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวกับฉัน ปล่อยสักที” ภัทรานิษฐ์พยายามลุกออกไปจากอ้อมกอดของพัฒน์ชนะ แต่ชายหนุ่มก็ขยับลุกตามมารั้งเธอให้ลงนั่งบนตักได้อีกรอบ ทั้งสองยื้อยุดฉุดกระชากกันคล้ายจะก่อสงครามเล็กๆ ก็ไม่ปาน“ถ้าอยากลองดี ก็เชิญ เพราะคนอย่างพี่ ทำได้ทุกอย่างเพื่อจะทวงของที่เป็นของของพ
ส่วนผู้ชายใจร้อนที่ชอบก่อเรื่องให้ยุ่งยาก จัดการเรื่องส่วนตัวไม่ได้เรื่องเท่ากับงานที่ต้องรับผิดชอบ กำลังนั่งถอนหายใจเฮือกๆ คิ้วขมวดอยู่ในบ้านหลังใหญ่ ตั้งแต่กลับมาจากบ้านภัทรานิษฐ์ ชายหนุ่มก็แทบนอนไม่หลับ ข้างกายคือขวดแก้วที่ภายในมีเหล้ารสชาติเยี่ยมอยู่“เกิดอะไรขึ้นกับลูกน่ะคุณ ตั้งแต่กลับมาจากเมืองจีนดูจะแปลกๆ” นุชรีย์เอ่ยถามสามี แต่บรรพตเองก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน ก่อนจะตัดสินใจเดินไปหาพัฒน์ชนะ“แพท… มีปัญหากลุ้มใจอะไรหรือเปล่า หือ”“เปล่าครับพ่อ”“เปล่าอะไร ตั้งแต่ลูกกลับมาจากเมืองจีน แม่ว่าเราแปลกๆ ไปนะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นอีกคน ก่อนจะมองเลยไปยังขวดเหล้าที่วางอยู่ข้างตัวลูกชาย ใบหน้าของพัฒน์ชนะตอนนี้เหมือนกับไม่ได้นอนด้วยซ้ำ หน้าตาดูหมองๆ ชอบกล“ไม่มีอะไรจริงๆ ครับแม่”“จริงนะ” นุชรีย์ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เพราะชักจะไม่อยากเชื่อคำพูดของลูกชายสักเท่าไหร่ ท่าทางของพัฒน์ชนะบอกออกโต้งๆ แบบนี้ แต่ถ้าไม่ถึงที่สุดลูกชายเธอคงไม่ยอมเล่าให้ฟังแน่“ผมก็แค
“ดีมากจ้ะ” ภัทรานิษฐ์ลูบใบหน้าพลอยประภัสเบาๆ เด็กหญิงจึงได้ทีถามแม่เรื่องการแต่งตัว เพราะอยากให้ชม“แม่จ๋า… น้องพราวแต่งตัวเสร็จแล้ว เก่งไหมคะ”“เก่งค่ะ ว่าแต่วันนี้ใครแต่งตัวให้น้องพราวของแม่นะ” ภัทรานิษฐ์มองชุดที่ลูกสาวสวมอยู่ ไม่มีอะไรเกินความคาดหมายวันนี้พลอยประภัสมาในชุดเสื้อยืดเท่ๆ กางเกงยีนส์ขายาว คาดเข็มขัด ผมยาวเลยบ่าไปแล้ว มัดสูงขึ้นรวบตึงที่ด้านหลัง ใส่หมวกอีกใบคงเท่ขึ้นเป็นกอง“พี่พลอย”“ขอบคุณพี่หรือยังคะ”“ยังค่ะ”“หนูต้องทำยังไง” คนเป็นแม่เอ่ยถามลูก พลอยประภัสหันมองหาพลอยไพลิน เมื่อเห็นว่ากำลังเดินลงมาจากบันไดก็เข้าไปกอดและเขย่งเท้าขึ้นหอมแก้ม ก่อนจะเอ่ยบอก“ขอบคุณค่ะ พี่สาวของน้องพราว” พลอยไพลินที่ลงมาช้า เพราะพึ่งแต่งตัวเสร็จ หลังจับน้องจอมซนใส่เสื้อผ้าแล้ว เด็กหญิงยิ้มให้น้องทันที ก่อนจะจูงมือไปยังโต๊ะอาหารที่พ่อนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งภัทรานิษฐ์และพัฒน์ชนะยิ้มให้ เพราะทั้งสองคนมักจะบอกลูกๆ ว่าใ
ห้าปี ต่อมาครอบครัวของพัฒน์ชนะและภัทรานิษฐ์ สมบูรณ์แบบตามคำว่าครอบครัว มีความรักลอยอบอวลอยู่รอบข้างของเหล่าสมาชิกที่ตอนนี้เพิ่มมาเป็นสี่คนและอีกหนึ่งคนกำลังเติบโตอยู่ในท้องของภัทรานิษฐ์รอเวลาลืมตาดูโลก ภาพตอนนี้ คือทั้งสี่คนกำลังยืนแปรงฟันหน้ากระจกและอ่างล่างหน้าที่ลดหลั่นเป็นขั้นบันไดไปตามความสูง เริ่มที่พัฒน์ชนะ ภัทรานิษฐ์ พลอยไพลินและพลอยประภัส สมาชิกคนที่สี่ที่ตอนนี้อายุได้สามขวบแล้ว ส่วนพลอยไพลินเป็นพี่ใหญ่อายุเจ็ดขวบครึ่ง“แปรงให้สะอาดนะคะ” เสียงอบอุ่นของแม่เอ่ยบอก ทั้งสามีและลูกๆ ของเธอ“ค่ะ/ค่ะแม่” เสียงเจื้อยแจ้วของลูกสาวทั้งสองคนเอ่ยตอบภัทรานิษฐ์กลับไป ยิ่งนานวันครอบครัวนี้ก็ยิ่งมีแต่ความสุขและความน่ารักของสมาชิก“ไหน… อ้าปากให้พ่อดูหน่อย น้องพลอย น้องพราว” พัฒน์ชนะที่แปรงฟันเสร็จแล้ว ลงไปนั่งยองๆ มองหน้าลูกทั้งสองคน“อ้า...” พลอยไพลินและพลอยประภัสอ้าปากให้ผู้เป็นพ่อดูความสะอาด ก่อนจะยิ้มแฉ่งอวดฟันซี่เล็กๆ สีขาวที่ดูแลเป็นอย่างดี“โอ้โห้...ฟันขาวสะอาดกั
“คุณเก๋!” น้ำเสียงตึงๆ ของศุภวุฒิดังขึ้นไปอีก ชายหนุ่มกำลังโกรธเพราะหึงอยู่นั่นเอง ลักขณาจึงเอ่ยดักทางไว้“ทำเสียงเข้มๆ แบบนั้นทำไมคะ หึงหรือไง”“เปล่า ไม่ได้หึง” ศุภวุฒิรีบปฏิเสธทันที ก่อนจะกลับไปทำ หน้าตาย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ลักขณาส่ายหน้าให้ผู้ชายปากแข็ง ลักขณาขี้เกียจจะซักต่อ จึงเอ่ยถามถึงที่หลับที่นอนของเขาแทน“เปล่าก็เปล่า แล้วนี่คุณวุฒิจะพักที่ไหน”“ที่นี่” ชายหนุ่มเอ่ยตอบแบบไม่รีรอ คนฟังอุทานเสียงดังทันที“เอ๋…ได้ไงคะ”“ทำไมจะไม่ได้ ผมจะนอนที่นี่”“เก๋…พึ่งรู้ว่าคุณวุฒิเอาแต่ใจ”“อืม จะว่าไปที่นี่มีโรงเรียนอนุบาลหรือยังนะ” ศุภวุฒิไม่ตอบคำถามนั้นของลักขณา ก่อนจะทำท่าคิด เรื่องที่เขาต้องการจะทำอีกอย่าง“ถามทำไมคะ”“คงต้องสำรวจตลาดกันสักหน่อย เผื่อจะมีคู่แข่ง” สีหน้าของชายหนุ่มดูจริงจังมาก ก่อนจะควานหาอะไรในกระเป๋
หลังเสร็จงานแต่งงานของพัฒน์ชนะและภัทรานิษฐ์ที่แสนเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความทรงจำที่แสนล้ำค่า พอเห็นลูกมีความสุขจรรยาและทวี รวมทั้งวสุวัสก็ขอตัวกลับบ้าน ภัทรานิษฐ์อยากให้ครอบครัวเธออยู่ต่ออีกหน่อย แต่ทุกคนกลับส่ายหน้าให้ เพราะสามสี่วันที่ได้อยู่ดัวยกันมันก็มีค่ามากพอแล้ว อีกอย่างกรุงเทพฯ - ตราดก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ ไปมาหาสู่ได้สบาย อนุภพมีงานก็ขอตัวกลับด้วยเหมือนกันส่วนศิรดาและรัชยศก็ขอตัวกลับกรุงเทพฯ เพราะศิรดามีนัดตรวจครรภ์ ลักขณาเองก็ต้องกลับโดยมีศุภวุฒิขับรถไปส่งเธอใจจริงหญิงสาวอยากอยู่นานๆ แต่ด้วยงานที่ต้องรับผิดชอบจึงทำแบบนั้นไม่ได้ ที่ชะอำในตอนนี้จึงมีแต่เหล่าสมาชิกของบ้านสุนทรโรจน์อยู่กันพร้อมหน้า พวกเขาจะอยู่ต่ออีกวัน พรุ่งเช้าค่อยกลับกรุงเทพฯ ศุภวุฒิขับรถมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ชายหนุ่มเข้าไปรับตั๋วเครื่องบินให้ลักขณา เพราะเขาจองตั๋วไว้แล้ว แต่ในมือศุภวุฒิลับมีตั๋วถึงสองใบ ก่อนที่ชายหนุ่มจะส่งตั๋วเครื่องบินใบหนึ่งให้เธอ“คุณวุฒิ… จะบินไปไหนคะ”“ผมมีงานน่ะครับ” ศุภวุฒิ ไม่ได้บอกว่าเขามีงานที่ไหน ลักขณาออกอาการงง
“พี่รักยี่หวา”“ยี่หวาก็รักพี่แพทค่ะ”“เราจะรักกันไปจนวันตาย”“ค่ะ” ภัทรานิษฐ์เอ่ยรับคำพูดนั้น ทุกคนที่ได้ยินทั้งสองเอ่ยคำรักกันและกัน ถึงกับยิ้มอย่างตื้นตัน เมื่อสวมแหวนเรียบร้อย บ่าวสาวก็เดินไปนั่งตรงซุ้มที่ประดับประดาอย่างสวยงาม ให้ทุกคนได้รดน้ำสังข์ แต่น้ำสังข์ของงานแต่งงานครั้งนี้เป็นทรายสีชมพูที่ผ่านการอวยพรมาจากทุกคนที่ทั้งสองรักบรรยากาศรดน้ำสังข์ทำเอาน้ำตาของภัทรานิษฐ์ไหลนองหน้า คำอวยพรจากพ่อแม่ของเธอ รวมทั้งพ่อและแม่ของพัฒน์ชนะ มันทำให้หญิงสาวมีความสุขจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ เพราะทุกคนล้วนอวยพรให้เธอและพัฒน์ชนะมีความสุขทั้งนั้น ลักขณาและศิรดาก็แอบปาดน้ำตาเหมือนกัน เธอดีใจที่ภัทรานิษฐ์มีวันนี้ วันที่เพื่อนเธอมีความสุข และคนรอบข้างก็อวยพรให้อย่างจริงใจและปรารถนาดีเมื่อผ่านการรดน้ำสังข์และได้รับคำอวยพรจากทุกคน ภัทรานิษฐ์ก็โยนช่อดอกไม้ โดยมีบรรดาสาวโสดที่เป็นพนักงานของรีสอร์ตมายืนรอกันไม่น้อย แต่กลับไม่มีลักขณา เพราะเธอเขินจึงยืนหลบอยู่กลังศุภวุฒิ แต่โชคชะตาก็ได้กำหนดให้ช่อกอดไม้ของภัทรานิษฐ์ มาหล่
“หวา… อย่าพึ่งร้องไห้สิ เดี๋ยวไม่สวยนะ” ศิรดาเอ่ยบอกเพื่อน ซึ่งมันดูยากที่จะห้ามเหลือเกิน เพราะเธอเคยผ่านอารมณ์การแต่งงานมาแล้ว จึงพอเข้าใจว่าตื่นเต้นมากแค่ไหน แถมพัฒน์ชนะยังทำเซอร์ไพรส์ใหญ่แบบนี้ ไม่ตกใจก็ให้มันรู้ไปสิ“ก็คนมันอดไม่ได้ แกสองคนรู้เรื่องนี้กันตั้งแต่ตอนไหน”“เรื่องอะไร ฉันไม่รู้” ลักขณาปฏิเสธตาใส ภัทรานิษฐ์จึงคาดคั้น“ฝน เก๋ เล่ามา”“เสร็จงานก่อน แล้วพวกฉันจะสารภาพนะเพื่อน” ศิรดายิ้มให้ ก่อนจะบรรจงแต่งหน้าภัทรานิษฐ์ให้สวยที่สุด ลักขณาหยิบดอกไม้สีขาวขึ้นมาปักบนเส้นผมที่จัดแต่งอย่างสวยงามของเพื่อน ตามด้วยมงกุฎเพชร ที่เข้ากับชุดแต่งงานสีขาวนั่นเป็นที่สุดเมื่อหน้าผมพร้อม ภัทรานิษฐ์ก็เปลี่ยนชุด เธอยืนมองตัวเองหน้ากระจกเป็นนาน ลูบชุดแต่งงานเกาะอกสีขาวบริสุทธิ์ที่สวมอยู่อย่างเบามือ มุกและคริสตัลทุกเม็ด รวมทั้งลูกไม้ที่ปักอยู่สวยงามไม่มีที่ติ ที่สำคัญเธอใส่มันได้พอดี จึงชวนให้คิดวันที่ศิรดาขอวัดตัวเธอ แล้วบอกว่าจะตัดชุดส่งไปให้ญาติที่ต่างประเทศ ที่แท้ก็เ
“พี่แพท” ภัทรานิษฐ์เอ่ยเรียกชายหนุ่มไม่เต็มเสียงนัก ตาปรือๆ มองสบตากันผ่านกระจก ท่วงท่ายั่วยวนของภัทรานิษฐ์แบบนี้ ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของชายหนุ่มได้ดี พัฒน์ชนะเริ่มทำให้เธอครางไม่หยุด เขาขยับเข้าออกรัวเร็ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นช้าๆ เนิบๆ จนภัทรานิษฐ์ส่ายหน้าให้ บอกว่าไม่ไหวแล้ว“ในน้ำ” พัฒน์ชนะกระซิบข้างหูภัทรานิษฐ์ ก่อนจะพาเธอไปยังอ่างอาบน้ำที่มีน้ำอยู่เกือบเต็ม ชายหนุ่มลงไปนอนในนั้นโดยมีภัทรานิษฐ์นั่งคร่อมหันหลังให้อยู่ด้านบน เธอได้จังหวะขยับเข้าออก ยิ่งอยู่ในน้ำ ความคับแน่นก็ยิ่งมีมากขึ้น พัฒน์ชนะถึงกับกำขอบอ่างแน่น“ที่รักคะ”“ครับ… สุดยอด” ชายหนุ่มขานรับ ก่อนจะเอ่ยบอกความรู้สึก ภัทรานิษฐ์ได้ใจขยับเร่งจังหวะของสะโพกขึ้นลงหนักหน่วงขึ้น เพราะรู้ว่าตัวเองต้องการแบบไหน รวมทั้งตอบสนองความต้องการของพัฒน์ชนะด้วย รสเซ็กส์แม้จะคล้ายกัน แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียวอยู่ที่คนเล่นว่าจะพัฒนาฝีมือ ทำให้คู่ครองชอบได้มากแค่ไหนพัฒน์ชนะรั้งตัวภัทรานิษฐ์ให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาชายหนุ่มเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าอกข
“อากาศดีจังเลยนะคะ” ภัทรานิษฐ์เอ่ยบอก คนที่ยืนกอดซ้อนหลังเธออยู่ ทั้งสองคนออกมายืนรับลมตรงระเบียงของรีสอร์ต เสียงคลื่นซัดทราย ช่างเป็นเสียงที่ไพเราะมาก“ใช่…” เสียงทุ้มๆ เอ่ยรับ ภัทรานิษฐ์เอียงใบหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะได้ถามอะไร พัฒน์ชนะก็หอมแก้มเธอหนักๆ“จริงสิคะ หวาจะถามตั้งแต่มาถึงแล้ว ข้างหน้าเขาจะมีงานอะไรหรือเปล่า เห็นจัดสถานที่ไว้”“เห็นทางรีสอร์ตบอกจะมีงานแต่งงาน” พัฒน์ชนะเอ่ยตอบตามตรง แต่บอกไม่หมดว่ามันคืองานแต่งงานของเขากับเธอ“จริงเหรอคะ ไม่น่าละ บรรยากาศดูสวย และอบอุ่นขึ้นเป็นกอง”“ยี่หวาละ อยากมีงานแต่งงานแบบไหน”“ไม่เคยคิดค่ะ” คำถามของพัฒน์ชนะ ทำให้ภัทรานิษฐ์รู้สึกแปลกๆ เธอไม่เคยพูดเรื่องที่จะให้เขามาแต่งงานด้วย เพราะกลัวเขาจะหลงตัวเอง คิดว่าเธออยากแต่งงานด้วยมาก แต่เรื่องานแต่งงานของตัวเอง เธอยังไม่ได้คิดจริงๆ ไม่มีแผนในสมองสักนิด เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แม้แต่ชุดแต่งงานเธอก็ไม่เคยคิดว่าอยากใส่แบบไหนอะไรยังไงด้วยซ้ำ คงเป็นเพ
“พี่แพท เป็นยังไงบ้างคะ”“ไม่มีปัญหาครับ พ่อและแม่ของยี่หวาถึงจะไม่พอใจที่พี่ทำแบบนั้นลงไป แต่พี่ก็สู้ไม่ถอย จนท่านสองคนใจอ่อนลงไปมากแล้ว” พัฒน์ชนะกุมมือของภัทรานิษฐ์ไว้ เพราะรู้ว่าเธอกังวล แต่ตัวของชายหนุ่มกลับลงไปกองบนโซฟา เมื่อถูกวสุวัสปล่อยหมัดใส่แบบไม่ทันตั้งตัว“แม็ค… ทำอะไร” ภัทรานิษฐ์ผลักอกน้องชายให้ออกห่างจากพัฒน์ชนะ ไม่รู้ว่าไปใจร้อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นยังดีๆ อยู่เลย ศิรดาเองก็ออกอาการอึ้ง ไม่แพ้พลอยไพลิน“ต่อยไงพี่หวา อยากทำแบบนี้ตั้งแต่แรกที่เจอหน้าแล้ว”“ไม่เป็นไร” คนถูกต่อยเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม หมัดแค่นั้นมันไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดอะไรมากมายนักหรอก“คุณเป็นผู้ชายประสาอะไร ทำไมถึงทำกับพี่สาวผมแบบนี้ ห๊า…หน้าตัวเมีย” คำพูดของวสุวัส ทำให้ภัทรานิษฐ์ตกใจ เพราะท่าทางน้องชายของเธอโกรธมาก ศิรดาดึงสติกลับมาได้ก่อน จึงเข้าไปรั้งแขนของวสุวัสไว้“แม็ค ใจเย็น…”“จะต่อยอีกไหม พี่ให้