เพราะภัทรานิษฐ์กำลังง่วนอยู่กับการปักผ้าชุดแต่งงาน เธอไม่อยากกวนจึงเดินสำรวจความปลอดภัย ล็อคประตูหน้าต่างให้เรียบร้อย ก่อนจะขึ้นไปนอน พัฒน์ชนะรั้งรอเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนจะเดินออกมาจากที่ซ่อน ซึ่งมันคือผนังหลังตู้โชว์นั่นเอง ลักขณาเดินผ่านไปผ่านมาอยู่หลายรอบ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้เอะใจเลยเหมือนกัน ชายหนุ่มก้าวยาวๆ ตรงไปยังห้องที่ภัทรานิษฐ์อยู่ภายใน เปิดประตูเข้าไปแบบไม่เกรงกลัว พร้อมกดล็อคเมื่อเข้ามาด้านใน แถมยังปิดไฟในห้อง ให้แสงจากข้างนอกเล็ดลอดเข้ามาเท่านั้น“เก๋...บอกแล้วว่าไม่ต้องรอ นอนก่อนได้เลย” ภัทรานิษฐ์รู้ว่ามีคนเปิดประตูเข้ามาในห้องแถมยังปิดไฟไล่เธออีก ความที่คิดว่าเป็นลักขณาจึงไม่ได้เลยหน้าขึ้นมอง ได้แต่เอ่ยบอกไป“เผอิญพี่ไม่ใช่เก๋”“คุณ! เข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง ออกไปให้พ้น” พอได้ยินเสียงคนที่เข้ามาในห้องนั้น ภัทรานิษฐ์รู้สึกเย็นทั่วตัวทันที หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาผ่านความมืด พร้อมการไล่แบบไม่รีรอ พัฒน์ชนะเองก็ไม่มีทางทำตามคำสั่งเหมือนกัน ชายหนุ่มเดิมเข้าไปหาภัทรานิษฐ์ ก่อนจะพูดทำให้คนฟังสะอึก 
ความรู้สึกที่น่ารังเกียจและขยะแขยงยามที่พัฒน์ชะสัมผัสร่างกาย ที่ภัทรานิษฐ์ผลักไสให้ออกห่าง ปฏิเสธทุกทางว่าเธอจะไม่ยอมให้เขารังแกหรือข่มแขงอย่างใจแข็ง แต่สุดท้ายแล้วร่างกายและจิตใจกลับทรยศ เฝ้ารอคอยไออุ่นจากผู้ชายแสนร้ายกาจที่ชื่อพัฒน์ชนะ ซึ่ง ภัทรานิษฐ์เองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ความโหดร้าย ป่าเถื่อนที่เขาทำไว้กับเธอ ทำไมถึงยังไม่ลืม ไม่จำให้ขึ้นใจ กลับโหยหาสัมผัสแบบนั้น“ปล่อย!” น้ำเสียงสั่นๆ ของภัทรานิษฐ์เอ่ยสั่งเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเจ้าตัวและคนฟังก็ไม่ได้นับ มันช่างเป็นคำพูดที่ไร้ประโยชน์เสียจริงเพราะพัฒน์ชนะไม่มีทางทำมันอย่างแน่นอน ชายหนุ่มยังคงสำรวจร่างกายของภัทรานิษฐ์ด้วยมือและริมฝีปากไม่หยุด ร่างบางสะท้านทั้งความรู้สึกกลัวทั้งต้องการ ช่างสับสนกันไปหมดแล้ว“ไม่!” ชายหนุ่มที่ตอนนี้ลดใบหน้าลงต่ำจนถึงหน้าอกอวบอูมของภัทรานิษฐ์เอ่ยบอก เขาจะไม่ยอมหยุดไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ตาม ริมฝีปากร้อนๆ คลอเคลียฐานของดอกบัวคู่งาม ภัทรานิษฐ์นั้นห่อตัวหลบ ส่ายหน้าบอกว่าไม่จนผมสยายเต็มโต๊ะ มือที่ถูกมัดไขว้ไว้บนศีรษะกำเข้าหากันอย่างอดกลั้นในความรู้สึก แต่เธ
“เอ๊ะ” คำถามของพัฒน์ชนะ ทำเอาคนฟังพูดไม่ออก“จะต่อหรือหยุดดีนะ” พูดจบก็ถอนตัวออกแต่ยังไม่ทั้งหมด ภัทรานิษฐ์ขยับตามไปหาสัมผัสนั้นโดยอัตโนมัติ เธอจะตอบเขาว่ายังไง ขณะที่รอฟังคำตอบที่แสนเร้าใจ เส้นความอดทนของชายหนุ่มก็เริ่มจะหมดลงเหมือนกัน เพราะเขาเองก็เสียวซ่านและทรมานไม่แพ้เธอ“หยุด”“แน่ใจเหรอ” ชายหนุ่มยิ้มออกมา ก่อนจะค่อยๆ แทรกตัวเข้าหาภัทรานิษฐ์ช้าๆ เพียงนิดก็ถอนตัวออก ชายหนุ่มลอบเป่าลมออกปากเพราะเขาเองก็แทบจะบ้าตายกับการตอดรัดภายในตัวของภัทรานิษฐ์เหมือนกัน เสียงสั่นๆ ของคนที่ต้องยอมเป็นฝ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่งเอ่ยบอก เธอส่ายหน้าให้เขา พร้อมกับเม้มริมฝีปากจนแน่น“อะ..หยุดนะ”“ให้โอกาสตอบพี่อีกครั้ง” พัฒน์ชนะใช้มือข้างหนึ่งจับหน้าอกของภัทรานิษฐ์ ก่อนจะหยอกเย้าปลายถันด้วยนิ้ว บีบและตวัดมันเบาๆ จนเจ้าของสะท้าน“ยะ...หยุด” ภัทรานิษฐ์ส่ายร่างกายเปล่าเปลือยไปมาบนโต๊ะ ตาปรือ เพราะใช่ว่าหน้าอกจะถูกรุก ตอนนี้พัฒน์ชนะก็ขยับสะโพกเสียดสีหนักขึ้น
“แล้วที่คุณปล้ำฉันแบบนี้ คนโตๆ เขาทำกันหรือยังไง” คำพูดของภัทรานิษฐ์ ทำให้พัฒน์ชนะจุกไปเหมือนกัน แต่ก็ยังเฉไฉไปได้เรื่อย“ก็มันอดใจไม่อยู่”“ข้ออ้างของผู้ชายเห็นแก่ตัว”“แหวนนี่ ทิ้งมันไปซะ” พัฒน์ชนะจับมือซ้ายของภัทรานิษฐ์ไว้ ก่อนจะเอ่ยบอก ใจจริงอยากถอดมันแล้วทิ้งไปให้ไกลๆ ด้วยซ้ำ แต่อยากให้เธอทำมันเอง“ไม่ทิ้ง”“ยี่หวา อย่าดื้อกับพี่” น้ำเสียงของพัฒน์ชนะบ่งบอกความไม่พอใจ ชายหนุ่มมองคนดื้อรัน หัวชนฝาด้วยแววตาแข็งกระด้าง ทำให้ภัทรานิษฐ์ยิ่งต่อต้านมากขึ้นเท่านั้น“ฉันจะแต่งงานกับคุณวุฒิ”“พี่คงยอมหรอก”“เรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวกับฉัน ปล่อยสักที” ภัทรานิษฐ์พยายามลุกออกไปจากอ้อมกอดของพัฒน์ชนะ แต่ชายหนุ่มก็ขยับลุกตามมารั้งเธอให้ลงนั่งบนตักได้อีกรอบ ทั้งสองยื้อยุดฉุดกระชากกันคล้ายจะก่อสงครามเล็กๆ ก็ไม่ปาน“ถ้าอยากลองดี ก็เชิญ เพราะคนอย่างพี่ ทำได้ทุกอย่างเพื่อจะทวงของที่เป็นของของพ
ส่วนผู้ชายใจร้อนที่ชอบก่อเรื่องให้ยุ่งยาก จัดการเรื่องส่วนตัวไม่ได้เรื่องเท่ากับงานที่ต้องรับผิดชอบ กำลังนั่งถอนหายใจเฮือกๆ คิ้วขมวดอยู่ในบ้านหลังใหญ่ ตั้งแต่กลับมาจากบ้านภัทรานิษฐ์ ชายหนุ่มก็แทบนอนไม่หลับ ข้างกายคือขวดแก้วที่ภายในมีเหล้ารสชาติเยี่ยมอยู่“เกิดอะไรขึ้นกับลูกน่ะคุณ ตั้งแต่กลับมาจากเมืองจีนดูจะแปลกๆ” นุชรีย์เอ่ยถามสามี แต่บรรพตเองก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน ก่อนจะตัดสินใจเดินไปหาพัฒน์ชนะ“แพท… มีปัญหากลุ้มใจอะไรหรือเปล่า หือ”“เปล่าครับพ่อ”“เปล่าอะไร ตั้งแต่ลูกกลับมาจากเมืองจีน แม่ว่าเราแปลกๆ ไปนะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นอีกคน ก่อนจะมองเลยไปยังขวดเหล้าที่วางอยู่ข้างตัวลูกชาย ใบหน้าของพัฒน์ชนะตอนนี้เหมือนกับไม่ได้นอนด้วยซ้ำ หน้าตาดูหมองๆ ชอบกล“ไม่มีอะไรจริงๆ ครับแม่”“จริงนะ” นุชรีย์ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เพราะชักจะไม่อยากเชื่อคำพูดของลูกชายสักเท่าไหร่ ท่าทางของพัฒน์ชนะบอกออกโต้งๆ แบบนี้ แต่ถ้าไม่ถึงที่สุดลูกชายเธอคงไม่ยอมเล่าให้ฟังแน่“ผมก็แค
ขณะที่อีกคนซึ่งเพิ่งอกหักครั้งใหญ่ ตอนนี้ก็กำลังนั่งเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากอยู่ในบ้าน ศุภวุฒิทำตัวเหมือนคนหมดทางจะไป คำปฏิเสธของภัทรานิษฐ์ยังดังก้องอยู่ในความคิด ก่อนจะสั่งตัวเองให้หยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น ชายหนุ่มกลับขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวออกไปยังโรงเรียน หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้วแต่ก็ยังไม่ทั้งหมด ก่อนจะถึงโรงเรียนมีร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ศุภวุฒิเลี้ยวรถเข้าไปจอดอย่างไม่ลังเล ก่อนจะสั่งขนมเค้กทุกอย่างในร้านให้ไปเสิร์ฟที่โต๊ะลักขณากำลังขับรถไปยังร้านอาหารร้านโปรดของพวกเธอ จังหวะที่มีคนข้ามถนนตรงทางม้าลาย ทำให้เธอต้องชะลอรถ สายตาของหญิงสาวมองไปเห็นศุภวุฒิที่นั่งอยู่ในร้านกาแฟริมถนน เป็นร้านกาแฟที่ติดกระจกใสมองเห็นทุกอย่างภายในก็ว่าได้ ตรงหน้าของชายหนุ่มมีเค้กนับสิบชิ้น ชวนให้คิดถึงคำพูดของภัทรานิษฐ์เมื่อคืน พอเห็นว่ายังมีเวลาไปทันมื้อเที่ยงแน่นอน หญิงสาวจึงเลี้ยวรถเข้าไปในร้านกาแฟอีกคน“กินของหวานแก้อกหักเหรอคะครูใหญ่” รู้ทั้งรู้แต่ลักขณาก็ถามจี้ใจดำ“คุณเก๋… ผมไม่ตลกนะครับ” ศุภวุฒิเงยหน้าขึ้นมองคนถาม สีหน้าเรียบเฉย แต่สักพักก็
“ดี… นึกว่าอยากได้ผู้หญิง”“ทำไม… ถ้าลูกฉันเป็นผู้หญิงจริงๆ แกจะทำไงเก๋” ศิรดาเอ่ยถามเสียงเขียว“ก็ถ้าลูกแกเป็นผู้หญิง แล้วลูกชายบ้านไหนได้เป็นเมีย สงสัยจะจนไปทั้งชาติ เพราะกินจุตั้งแต่ยังไม่ทันเกิดน่ะสิ”“ไอ้เก๋… แกว่าลูกฉันเหรอ” ว่าที่คุณแม่ตีหมับลงไปบนต้นแขนของเพื่อนทันที ที่กล้าว่าลูกของเธอแบบนี้ ถ้าคลอดแล้วจะไม่ให้ลักขณาอุ้มเลยคอยดู และคนที่ห้ามศึกที่ไม่จริงจังนี้คือภัทรานิษฐ์ เพราะรู้ว่าลักขณาแค่แหย่เพื่อนเล่นเท่านั้น“หยุด… พวกแกสองคนจะแขวะกันอีกนานไหม”“ไม่ได้แขวะ ฉันพูดเรื่องจริง” ลักขณาเอ่ยตอบ แต่ใบหน้านั้นยิ้มๆ ศิรดาเชิดหน้าขึ้นสูง ก่อนจะเอ่ยขึ้น“เชอะ ไม่สน”“จ้ะ ว่าที่คุณแม่” น้ำเสียงล้อๆ ของลักขณาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง“รู้ก็ดี แล้วนั่นแกถืออะไรมาด้วย” สายตาของศิรดามองไปยังกล่องสวยๆ ที่วางอยู่ข้างๆ ลักขณา ดูอารมณ์จะเปลี่ยนแปลงขึ้นลง รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ“เค
ภัทรานิษฐ์อยู่ด้วยความระแวง กลัวว่าพัฒน์ชนะจะบุกมาหาเธอตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ชายหนุ่มนั้นไม่อยู่เมืองไทย เพราะบินไปดูงานด่วนที่มาเลเซียแล้ว เธอซื้อกุญแจตัวใหญ่มาหลายอันเพื่อล็อคบ้าน หวังว่ามันจะปลอดภัยมากขึ้น ภัทรานิษฐ์ดูจะไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ยิ่งคืนนี้ลักขณาบอกว่าจะกลับดึกด้วยเธอก็ยิ่งระแวง เมื่อไปรับลูกเรียบร้อยเธอก็รีบล็อคบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด คอยสอดส่องมองหาความไม่ปลอดภัยและตอนนี้ยังมีเครื่องช็อตไฟฟ้าติดตัวตลอดเวลาอีกลักขณาขับรถมาที่โรงเรียนอนุบาลของศุภวุฒิ เธอไม่ได้ลงไปจากรถ เอาแต่นั่งนิ่งอยู่แบบนั้น เพราะกำลังชั่งใจตัวเองว่าจะไปกับชายหนุ่มดีหรือไม่ ถึงจะตัดสินใจเด็ดขาดไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอกลับมารอเขาแถวๆ โรงเรียนซะแล้ว ศุภวุฒิเองก็ไม่ได้ลืมนัด ชายหนุ่มรีบเคลียร์งานก่อนจะมานั่งรอหญิงสาวที่หน้าโรงเรียน เกือบสองทุ่มก็ยังไม่เห็นเธอ แต่เขานั้นจำได้ว่ารถคันที่จอดอยู่ไม่ไกลต้องเป็นรถของลักขณาแน่ๆ เห็นมาตั้งแต่เย็นแต่ทำไมเธอถึงยังไม่ยอมลงจากรถอีก ศุภวุฒิจึงเดินเข้าไปหา ก่อนจะเคาะกระจกเรียกทำเอาลักขณาสะดุ้ง กดกระจกรถลงเพื่อจะคุยกับเขา“จะนั่งในรถอีกนานไหม