เมื่อกลับถึงบ้าน ภัทรานิษฐ์เปิดประตูลงจากรถ เข้าไปอุ้มพลอยไพลินไวแนบอกอีกครั้ง ตลอดทางที่นั่งรถกลับมาเด็กหญิงตัวน้อยนั่งนิ่งมาตลอดทาง แทบไม่มีความร่าเริงเลย คนเป็นแม่จึงรู้ว่าเธออาจจะพูดกับลูกสาวแรงไป พลอยไพลินไม่รู้เรื่องอะไรแต่เธอกลับโกรธลูก เพราะเห็นอยู่กับพัฒน์ชนะ ภัทรานิษฐ์บนโซฟาโดยมีพลอยไพลินนั่งอยู่บนตัก
“น้องพลอย แม่ขอโทษนะคะ” คนเป็นแม่ลูบใบหน้าลูกสาวเบาๆ พลอยไพลินโผเข้ากอดแม่ เหมือนจะรับรู้ว่าได้ทำผิดไป ก่อนจะเอ่ยเรียก “แม่จ๋า” “ต่อไปน้องพลอยอย่าเข้าใกล้หรืออยู่กับคนคนนั้นอีกนะ” “แต่คุณลุงซื้อไอติมให้น้องพลอย” ความไร้เดียงสาทำให้พลอยไพลินจดจำแต่สิ่งดีๆ ของคนรอบข้าง คิดตามประสาเด็กว่าใครดีด้วยก็คือคนดี เหมือนผ้าขาวที่ยังไม่มีใครเติมแต่งสีลงไป “แม่รู้ค่ะ แต่เขาเป็นคนไม่ดี” ภัทรานิษฐ์พยายามพูดให้พลอยไพลินเข้าใจ เธอนั้นต้องการให้ลูกเกลียดพัฒน์ชนะด้วยซ้ำ แต่กลับพูดความเลวร้ายของชายหนุ่มไม่ออก พลอยไพลินไม่ควรจะรับรู้เรื่องพวกนั้น แต่คำตอบของเด็กน้อยก็ยังยืนกรานกับสิ่“หวา แกอย่างรั้นสิวะ เห็นใจลูกแกบ้าง”“พอเถอะเก๋” ภัทรานิษฐ์เมิมริมฝีปากอิ่มเข้าหากันแน่น ภายในอกเหมือนมีก้อนอะไรจุกอยู่“พี่แพทเขาบอกว่าถ้าน้องพลอยเป็นลูกเขา เขาจะรับผิดชอบ”“ทุเรศ” ใบหน้าของภัทรานิษฐ์ยิ้มเหยียดกับคำพูดนั้นของพัฒน์ชนะ ที่ลักขณาเป็นคนเอามาพูดให้ฟัง เธอไม่มีทางเชื่อคำพูดของผู้ชายคนนั้นเป็นอันขาด“ถามจริงๆ แกยังรักพี่แพทอยู่ไหม” ศิรดาที่นั่งฟังอยู่นานแล้วเอ่ยถามขึ้น“ไม่ได้รัก” แต่คำตอบของภัทรานิษฐ์นั้น ทั้งสองคนรู้ว่ามันไม่ได้ตรงกับใจนัก ถ้าไม่รักเพื่อนของพวกเธอคงไม่ร้อนรนแบบนี้หรอกแต่ลักขณาพูดกลับไปเหมือนลองใจ“ถ้าไม่ได้รัก แกก็ต้องเปิดใจให้กว้างเรื่องน้องพลอย ให้พ่อลูกเขาได้เจอกัน”“แกพูดเหมือนกับรู้ว่าน้องพลอยเป็นลูกผู้ชายคนนั้น” ภัทรานิษฐ์มองหน้าลักขณาทันที“รู้น่ะสิ ถึงได้พูด”“เก๋...” คนฟังอึ้งอีกครั้ง ภัทรานิษฐ์มองหน้าลักขณาและศิรดาสลับกันไปมา
“แล้วเราจะเชื่อคำพูดพี่แพทได้สักแค่ไหนวะ เรื่องที่เขาบอกว่าจะรับผิดชอบ”“ไม่รู้สิ อันนี้ก็คงต้องดูกันต่อไป” ลักขณายักไหล่ให้ เพราะเธอก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน ภัทรานิษฐ์นั้นรักพัฒน์ชนะมากเพราะยังเก็บลูกของเขาไว้ แต่พัฒน์ชนะจะคิดยังไงกับภัทรานิษฐ์นี่สิคือประเด็นหลัก ที่บอกว่าจะรับผิดชอบเพียงเพื่อต้องการลูก มันก็ดูร้ายกาจสำหรับภัทรานิษฐ์เกินไปไหม ถ้าเป็นไปได้เธอนั้นอยากให้ทั้งสองคนรักกันจริงๆ มากกว่า และถ้าเป็นไปไม่ได้อย่างที่คิดก็ขอให้พัฒน์ชนะหายตัวไปซะ แต่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอคิดจะถูกหรือเปล่า“คิดแล้วกลุ้มจริงๆ ชวนหิวด้วย” พูดจบศิรดาก็ลูบหน้าท้องของตัวเองไปมา“แกนี่ ยิ่งท้องยิ่งเดาอารมณ์ยาก สามีแกไม่บ่นหรือไง”“ไม่เห็นจะบ่น”“เหรอ ว่าแต่พี่คริสของแกมีสิทธิ์บ่นด้วยเหรอยะ” คำแซวของลักขณา ทำให้ว่าที่คุณแม่ยิ้มให้“ไม่มี...”“สามีแกนี่ประเสริฐจริงๆ”
“เห็นแก่ตัว ออกไปจากบ้านฉัน” ภัทรานิษฐ์เอ่ยไล่ตัวสั่น เธอขยับออกห่างจากพัฒน์ชนะ แต่ชายหนุ่มก็ขยับตาม เขาใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม ในปากรับรู้รสชาติของลือดจางๆ“พี่ขอค่าตบก่อนสิ” พูดยังไม่จบประโยคพัฒน์ชนะก็คว้าตัวภัทรานิษฐ์เข้ามากอด ลึกๆ อยากทำดี อยากพูดดีด้วย แต่การกระทำของเขามันตรงกันข้ามชัดๆ“ปล่อยนะ” ภัทรานิษฐ์ออกแรงทั้งทุบทั้งตีพัฒน์ชนะสารพัด แรงมีเท่าไหร่ก็เอาออกมาใช้เพื่อให้หลุดพ้นจากชายหนุ่มหมด แต่มีหรือที่เธอจะสู้แรงของพัฒน์ชนะได้ สุดท้ายเขาก็ปล้นจูบไปจากหญิงสาวสำเร็จ แต่จูบครั้งนี้มันก็ไม่ได้ต่างไปจากครั้งแรกที่ได้รับ มันไม่มีความอบอุ่นและอ่อนหวานเลยแม้แต่น้อย“โอ๊ย!!” พัฒน์ชนะกุมปากตัวเอง เพราะถูกภัทรานิษฐ์กัดเต็มแรง จนเขาต้องปล่อยเธอเป็นอิสระ ทั้งๆ ที่อยากจูบให้นานกว่านี้อีกหน่อยเพียะ“สารเลว” ตบครั้งที่สองของภัทรานิษฐ์มอบให้พัฒน์ชนะอีกครั้ง ชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บอย่
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร”“ใช่ บ้ามากและถ้าพี่กลับมาเพียงเพื่อต้องการแค่จะพิสูจน์ว่าน้องพลอยคือลูกของพี่หรือเปล่า อย่าทำแบบนั้นเลย เพราะคนที่จะเจ็บปวดคือน้องพลอย และเก๋ขอบอกไว้ตอนนี้ว่าพี่จะไม่มีทางสมหวัง เพราะยี่หวาจะไม่ยอมแน่นอน”“แต่ถ้าพี่ต้องการทั้งสองคนล่ะ เก๋จะช่วยพี่ไหม” คำพูดของพัฒน์ชนะ ทำให้ลักขณาตกใจไม่น้อย ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนเหมือนกัน จะเชื่อได้แค่ไหนก็ไม่รู้“ขอคิดดูก่อน อีกอย่างที่พี่พูดออกมาแบบนี้ คิดดีแน่แล้วอย่างนั้นเหรอ รู้แน่แล้วหรือไงว่าน้องพลอยคือลูกใคร”“รู้...ถึงไม่ใช่ลูกพี่ พี่ก็จะรับ”“ต๊าย...พึ่งรู้ว่าพี่เป็นผู้ชายดีเลิศ ประเสริฐศรีเสียจริงๆ” ลักขณาเอ่ยอย่างประชดประชันตามเคย ไม่รู้ว่าพัฒน์ชนะกินยาผิดหรือลืมเขย่าขวดก่อนกินหรือเปล่า ถึงได้พูดแบบนั้นออกมาได้“ว่าไงเก๋ จะช่วยพี่ไหม”“บอกแล้วขอคิดดูก่อน เพราะเก๋ไม่เชื่อพี่ง่ายๆ หรอก”“พี่ยังไม่รู้ความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้หรอกนะว่าค
ภายในผับแห่งหนึ่ง พัฒน์ชนะนั่งดื่มเหล้า สลับกับการสูบบุหรี่อย่างเอาเป็นเอาตาย อนุภพที่ถูกโทรศัพท์ไปตามตัวให้ออกมาพบ ได้แต่นั่งส่ายหน้า เพราะถามอะไรไปเพื่อนก็ไม่ยอมพูด เขาจึงมีหน้าที่รินเหล้าให้เท่านั้น รอให้พัฒน์ชนะพร้อม เดี๋ยวก็พูดออกมาเอง แต่หญิงสาวนางหนึ่งที่นั่งมองชายหนุ่มรูปหล่อ อย่างพัฒน์ชนะมานานแล้วก็ใจกล้าเดินเข้ามาคุยด้วย“พี่คะ มาชนแก้วกันหน่อยสิ”“ออกไป!” เสียงห้วนๆ ของพัฒน์ชนะเอ่ยบอกหญิงสาวที่ลงมานั่งเบียดอย่างจงใจพร้อมชนแก้ว เพราะตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์มายิ้มให้ใครหรอกนะ“ดุชะมัด” หญิงสาวนางนั้นจำเป็นต้องถอย เมื่อสบตากับแววตาอันน่ากลัวและไม่มีความเป็นมิตรของพัฒน์ชนะ ชายหนุ่มยิ้มเหยียดให้ก่อนจะหยิบแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ซึ่งอนุภพก็จัดให้อีกแก้ว เพราะตอนนี้เขานั่งประจำการเป็นบาร์เหล้าเรียบร้อยแล้ว“วันนี้… ข้าไปเจอหวากับลูกมาแล้ว” น้ำเสียงของพัฒน์ชนะฟังดูปรกติ ไม่ได้บ่งบอกถึงความเมาแม้แต่น้อย เพราะเหล้าแค่นี้มันไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มสติหลุดได้หรอก“เอ็งว่าอะไรนะไอ
ภัทรานิษฐ์เริ่มหวั่นใจกับการมาของพัฒน์ชนะ แต่เธอยังทำตัวให้เป็นปรกติ ไม่ได้แสดงออกให้เห็นว่าใจเธอนั้นร้อนรนแค่ไหนมีบางครั้งที่อยากหอบลูกหนี้ไปไกลๆ แต่นั่นคือทางเลือกสุดท้ายที่เธอจะทำ เช้านี้คุณแม่คนสวยขับรถมาส่งพลอยไพลินที่โรงเรียนอนุบาล ก่อนจะเข้าประตูที่มีคุณครูยืนรอรับอยู่ ภัทรานิษฐ์ก็หอมแก้มลูกทั้งสองข้าง เหมือนที่ทำทุกวัน“เป็นเด็กดีและสนุกกับการมาโรงเรียนนะคะลูก”“ค่ะ” พลอยไพลินเอ่ยรับเสียงใส ก่อนจะหอมแก้มแม่กลับด้วย จากนั้นจึงเดินเข้าไปในโรงเรียน ท่าทางคร่องแคร่ว เมื่อเจอเพื่อนก็จับมือเดินเข้าไปห้องด้วยกัน“คุณยี่หวา เย็นนี้พอจะมีเวลาว่างไหมครับ” ศุภวุฒิที่เห็นภัทรานิษฐ์ยืนอยู่หน้าโรงเรียน เขาจึงรีบเข้ามาหา“ครูใหญ่มีอะไรหรือเปล่าค่ะ”“ผมจะชวนคุณยี่หวากับน้องพลอยไปหาอะไรอร่อยกินน่ะครับ”“ได้ค่ะ” คำตอบรับของภัทรานิษฐ์ ทำให้ศุภวุฒิยิ้มออกมา เพราะคิดว่าเธอจะปฏิเสธเสียอีก“ขอบคุณครับ”“ค่ะ” ภัทรานิษฐ์ยิ้มให้ศุภ
“ครับ ถามแม่จ๋าก่อนก็ได้ ปวดฉี่ใช่ไหม ให้ลุงพาไปข้าห้องน้ำนะ”“ฉันทำเองดีกว่าค่ะ” คุณครูเอ่ยขัดขึ้น เพราะจะพูดคุยกันตามปรกติ แต่ก็ยังไม่ไว้ใจ“ผมขอทำเองเถอะครับ ถ้าไม่ไว้ใจ คุณครูรอใกล้ๆ ก็ได้” พัฒน์ชนะหันมองมายังคุณครู แววตาของชายหนุ่มทำให้คนมองต้องใจอ่อน“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ น้องพลอย เดี๋ยวคุณลุงจะพาไปห้องน้ำนะคะ” ครูผึ้งเอ่ยบอกพลอยไพลิน เสียงใสๆ จึงเอ่ยรับ“ค่ะ” พัฒน์ชนะจูงมือพลอยไพลินไปยังห้องน้ำ ตามทางที่ครูผึ้งบอก ชายหนุ่มแทบไม่ได้ทำอะไร เพราะเด็กหญิงตัวน้อยเข้าห้องน้ำเองได้แล้ว เขาแค่มาเป็นเพื่อนจริงๆ เมื่อประตูเปิดออกพลอยไพลินก็ยิ้มแฉ่งให้พัฒน์ชนะ ลืมไปแล้วว่าได้ให้สัญญาอะไรกับแม่ไว้“เสร็จแล้วค่ะ”“ครับ หิวไหม เราไปกินไอศกรีมรอแม่จ๋าดีหรือเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยชวน ยามจูงมือพลอยไพลินออกจากห้องน้ำ พอได้ยินว่าไอศกรีมเท่านั้นแหละ พลอยไพลินถึงกับตาวาว เอ่ยถามเสียใสทันที
“คุณครูใหญ่จะไปเที่ยวบ้านน้องพลอยเหรอคะ” พลอยไพลิน ไม่ค่อยเข้าใจคำถามของศุภวุฒินัก เด็กหญิงจับใจความได้แต่ตีความหมายไปคนละทาง“ไม่ได้ไปเที่ยว แต่....”“คุณวุฒิคะ เรื่องนี้เราไว้คุยกันสองคนได้ไหม” ภัทรานิษฐ์เอ่ยค้านขึ้น ศุภวุฒิจึงได้ทีสวมแหวนลงไปบนนิ้วนางข้างซ้ายของหญิงสาวแบบไม่รอให้เธออนุญาต“ครับ แต่วันนี้ผมอยากให้คุณยี่หวารับแหวนวงนี้ไว้”“แต่ว่า...” ภัทรานิษฐ์จะเอ่ยค้าน ยิ่งตอบย้ำคำตอบ ศุภวุฒิสลดลงไปนิดหน่อยกับท่าทางของเธอ แต่สำหรับพัฒน์ชนะที่เอาแต่มองหน้าภัทรานิษฐ์อยู่นั้น ชายหนุ่มเดือดปุดๆ กับการที่เห็นว่าเธอรับแหวน วงนั้นไว้ แถมยังสวมบนนิ้วนางข้างซ้ายอีก“คำตอบของอคุณยี่หวาคือปฏิเสธใช่หรือเปล่า” พูดจบหัวใจของศุภวุฒิก็หวิวๆ“ใช่ค่ะ ฉันคิดกับคุณวุฒิแค่เพื่อนเท่านั้นจริงๆ”“ผมพอจะทราบดี แต่ก็ยังยื้อ คิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่าพอจะมีทางเปลี่ยนใจคุณยี
“ดีมากจ้ะ” ภัทรานิษฐ์ลูบใบหน้าพลอยประภัสเบาๆ เด็กหญิงจึงได้ทีถามแม่เรื่องการแต่งตัว เพราะอยากให้ชม“แม่จ๋า… น้องพราวแต่งตัวเสร็จแล้ว เก่งไหมคะ”“เก่งค่ะ ว่าแต่วันนี้ใครแต่งตัวให้น้องพราวของแม่นะ” ภัทรานิษฐ์มองชุดที่ลูกสาวสวมอยู่ ไม่มีอะไรเกินความคาดหมายวันนี้พลอยประภัสมาในชุดเสื้อยืดเท่ๆ กางเกงยีนส์ขายาว คาดเข็มขัด ผมยาวเลยบ่าไปแล้ว มัดสูงขึ้นรวบตึงที่ด้านหลัง ใส่หมวกอีกใบคงเท่ขึ้นเป็นกอง“พี่พลอย”“ขอบคุณพี่หรือยังคะ”“ยังค่ะ”“หนูต้องทำยังไง” คนเป็นแม่เอ่ยถามลูก พลอยประภัสหันมองหาพลอยไพลิน เมื่อเห็นว่ากำลังเดินลงมาจากบันไดก็เข้าไปกอดและเขย่งเท้าขึ้นหอมแก้ม ก่อนจะเอ่ยบอก“ขอบคุณค่ะ พี่สาวของน้องพราว” พลอยไพลินที่ลงมาช้า เพราะพึ่งแต่งตัวเสร็จ หลังจับน้องจอมซนใส่เสื้อผ้าแล้ว เด็กหญิงยิ้มให้น้องทันที ก่อนจะจูงมือไปยังโต๊ะอาหารที่พ่อนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งภัทรานิษฐ์และพัฒน์ชนะยิ้มให้ เพราะทั้งสองคนมักจะบอกลูกๆ ว่าใ
ห้าปี ต่อมาครอบครัวของพัฒน์ชนะและภัทรานิษฐ์ สมบูรณ์แบบตามคำว่าครอบครัว มีความรักลอยอบอวลอยู่รอบข้างของเหล่าสมาชิกที่ตอนนี้เพิ่มมาเป็นสี่คนและอีกหนึ่งคนกำลังเติบโตอยู่ในท้องของภัทรานิษฐ์รอเวลาลืมตาดูโลก ภาพตอนนี้ คือทั้งสี่คนกำลังยืนแปรงฟันหน้ากระจกและอ่างล่างหน้าที่ลดหลั่นเป็นขั้นบันไดไปตามความสูง เริ่มที่พัฒน์ชนะ ภัทรานิษฐ์ พลอยไพลินและพลอยประภัส สมาชิกคนที่สี่ที่ตอนนี้อายุได้สามขวบแล้ว ส่วนพลอยไพลินเป็นพี่ใหญ่อายุเจ็ดขวบครึ่ง“แปรงให้สะอาดนะคะ” เสียงอบอุ่นของแม่เอ่ยบอก ทั้งสามีและลูกๆ ของเธอ“ค่ะ/ค่ะแม่” เสียงเจื้อยแจ้วของลูกสาวทั้งสองคนเอ่ยตอบภัทรานิษฐ์กลับไป ยิ่งนานวันครอบครัวนี้ก็ยิ่งมีแต่ความสุขและความน่ารักของสมาชิก“ไหน… อ้าปากให้พ่อดูหน่อย น้องพลอย น้องพราว” พัฒน์ชนะที่แปรงฟันเสร็จแล้ว ลงไปนั่งยองๆ มองหน้าลูกทั้งสองคน“อ้า...” พลอยไพลินและพลอยประภัสอ้าปากให้ผู้เป็นพ่อดูความสะอาด ก่อนจะยิ้มแฉ่งอวดฟันซี่เล็กๆ สีขาวที่ดูแลเป็นอย่างดี“โอ้โห้...ฟันขาวสะอาดกั
“คุณเก๋!” น้ำเสียงตึงๆ ของศุภวุฒิดังขึ้นไปอีก ชายหนุ่มกำลังโกรธเพราะหึงอยู่นั่นเอง ลักขณาจึงเอ่ยดักทางไว้“ทำเสียงเข้มๆ แบบนั้นทำไมคะ หึงหรือไง”“เปล่า ไม่ได้หึง” ศุภวุฒิรีบปฏิเสธทันที ก่อนจะกลับไปทำ หน้าตาย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ลักขณาส่ายหน้าให้ผู้ชายปากแข็ง ลักขณาขี้เกียจจะซักต่อ จึงเอ่ยถามถึงที่หลับที่นอนของเขาแทน“เปล่าก็เปล่า แล้วนี่คุณวุฒิจะพักที่ไหน”“ที่นี่” ชายหนุ่มเอ่ยตอบแบบไม่รีรอ คนฟังอุทานเสียงดังทันที“เอ๋…ได้ไงคะ”“ทำไมจะไม่ได้ ผมจะนอนที่นี่”“เก๋…พึ่งรู้ว่าคุณวุฒิเอาแต่ใจ”“อืม จะว่าไปที่นี่มีโรงเรียนอนุบาลหรือยังนะ” ศุภวุฒิไม่ตอบคำถามนั้นของลักขณา ก่อนจะทำท่าคิด เรื่องที่เขาต้องการจะทำอีกอย่าง“ถามทำไมคะ”“คงต้องสำรวจตลาดกันสักหน่อย เผื่อจะมีคู่แข่ง” สีหน้าของชายหนุ่มดูจริงจังมาก ก่อนจะควานหาอะไรในกระเป๋
หลังเสร็จงานแต่งงานของพัฒน์ชนะและภัทรานิษฐ์ที่แสนเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความทรงจำที่แสนล้ำค่า พอเห็นลูกมีความสุขจรรยาและทวี รวมทั้งวสุวัสก็ขอตัวกลับบ้าน ภัทรานิษฐ์อยากให้ครอบครัวเธออยู่ต่ออีกหน่อย แต่ทุกคนกลับส่ายหน้าให้ เพราะสามสี่วันที่ได้อยู่ดัวยกันมันก็มีค่ามากพอแล้ว อีกอย่างกรุงเทพฯ - ตราดก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ ไปมาหาสู่ได้สบาย อนุภพมีงานก็ขอตัวกลับด้วยเหมือนกันส่วนศิรดาและรัชยศก็ขอตัวกลับกรุงเทพฯ เพราะศิรดามีนัดตรวจครรภ์ ลักขณาเองก็ต้องกลับโดยมีศุภวุฒิขับรถไปส่งเธอใจจริงหญิงสาวอยากอยู่นานๆ แต่ด้วยงานที่ต้องรับผิดชอบจึงทำแบบนั้นไม่ได้ ที่ชะอำในตอนนี้จึงมีแต่เหล่าสมาชิกของบ้านสุนทรโรจน์อยู่กันพร้อมหน้า พวกเขาจะอยู่ต่ออีกวัน พรุ่งเช้าค่อยกลับกรุงเทพฯ ศุภวุฒิขับรถมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ชายหนุ่มเข้าไปรับตั๋วเครื่องบินให้ลักขณา เพราะเขาจองตั๋วไว้แล้ว แต่ในมือศุภวุฒิลับมีตั๋วถึงสองใบ ก่อนที่ชายหนุ่มจะส่งตั๋วเครื่องบินใบหนึ่งให้เธอ“คุณวุฒิ… จะบินไปไหนคะ”“ผมมีงานน่ะครับ” ศุภวุฒิ ไม่ได้บอกว่าเขามีงานที่ไหน ลักขณาออกอาการงง
“พี่รักยี่หวา”“ยี่หวาก็รักพี่แพทค่ะ”“เราจะรักกันไปจนวันตาย”“ค่ะ” ภัทรานิษฐ์เอ่ยรับคำพูดนั้น ทุกคนที่ได้ยินทั้งสองเอ่ยคำรักกันและกัน ถึงกับยิ้มอย่างตื้นตัน เมื่อสวมแหวนเรียบร้อย บ่าวสาวก็เดินไปนั่งตรงซุ้มที่ประดับประดาอย่างสวยงาม ให้ทุกคนได้รดน้ำสังข์ แต่น้ำสังข์ของงานแต่งงานครั้งนี้เป็นทรายสีชมพูที่ผ่านการอวยพรมาจากทุกคนที่ทั้งสองรักบรรยากาศรดน้ำสังข์ทำเอาน้ำตาของภัทรานิษฐ์ไหลนองหน้า คำอวยพรจากพ่อแม่ของเธอ รวมทั้งพ่อและแม่ของพัฒน์ชนะ มันทำให้หญิงสาวมีความสุขจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ เพราะทุกคนล้วนอวยพรให้เธอและพัฒน์ชนะมีความสุขทั้งนั้น ลักขณาและศิรดาก็แอบปาดน้ำตาเหมือนกัน เธอดีใจที่ภัทรานิษฐ์มีวันนี้ วันที่เพื่อนเธอมีความสุข และคนรอบข้างก็อวยพรให้อย่างจริงใจและปรารถนาดีเมื่อผ่านการรดน้ำสังข์และได้รับคำอวยพรจากทุกคน ภัทรานิษฐ์ก็โยนช่อดอกไม้ โดยมีบรรดาสาวโสดที่เป็นพนักงานของรีสอร์ตมายืนรอกันไม่น้อย แต่กลับไม่มีลักขณา เพราะเธอเขินจึงยืนหลบอยู่กลังศุภวุฒิ แต่โชคชะตาก็ได้กำหนดให้ช่อกอดไม้ของภัทรานิษฐ์ มาหล่
“หวา… อย่าพึ่งร้องไห้สิ เดี๋ยวไม่สวยนะ” ศิรดาเอ่ยบอกเพื่อน ซึ่งมันดูยากที่จะห้ามเหลือเกิน เพราะเธอเคยผ่านอารมณ์การแต่งงานมาแล้ว จึงพอเข้าใจว่าตื่นเต้นมากแค่ไหน แถมพัฒน์ชนะยังทำเซอร์ไพรส์ใหญ่แบบนี้ ไม่ตกใจก็ให้มันรู้ไปสิ“ก็คนมันอดไม่ได้ แกสองคนรู้เรื่องนี้กันตั้งแต่ตอนไหน”“เรื่องอะไร ฉันไม่รู้” ลักขณาปฏิเสธตาใส ภัทรานิษฐ์จึงคาดคั้น“ฝน เก๋ เล่ามา”“เสร็จงานก่อน แล้วพวกฉันจะสารภาพนะเพื่อน” ศิรดายิ้มให้ ก่อนจะบรรจงแต่งหน้าภัทรานิษฐ์ให้สวยที่สุด ลักขณาหยิบดอกไม้สีขาวขึ้นมาปักบนเส้นผมที่จัดแต่งอย่างสวยงามของเพื่อน ตามด้วยมงกุฎเพชร ที่เข้ากับชุดแต่งงานสีขาวนั่นเป็นที่สุดเมื่อหน้าผมพร้อม ภัทรานิษฐ์ก็เปลี่ยนชุด เธอยืนมองตัวเองหน้ากระจกเป็นนาน ลูบชุดแต่งงานเกาะอกสีขาวบริสุทธิ์ที่สวมอยู่อย่างเบามือ มุกและคริสตัลทุกเม็ด รวมทั้งลูกไม้ที่ปักอยู่สวยงามไม่มีที่ติ ที่สำคัญเธอใส่มันได้พอดี จึงชวนให้คิดวันที่ศิรดาขอวัดตัวเธอ แล้วบอกว่าจะตัดชุดส่งไปให้ญาติที่ต่างประเทศ ที่แท้ก็เ
“พี่แพท” ภัทรานิษฐ์เอ่ยเรียกชายหนุ่มไม่เต็มเสียงนัก ตาปรือๆ มองสบตากันผ่านกระจก ท่วงท่ายั่วยวนของภัทรานิษฐ์แบบนี้ ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของชายหนุ่มได้ดี พัฒน์ชนะเริ่มทำให้เธอครางไม่หยุด เขาขยับเข้าออกรัวเร็ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นช้าๆ เนิบๆ จนภัทรานิษฐ์ส่ายหน้าให้ บอกว่าไม่ไหวแล้ว“ในน้ำ” พัฒน์ชนะกระซิบข้างหูภัทรานิษฐ์ ก่อนจะพาเธอไปยังอ่างอาบน้ำที่มีน้ำอยู่เกือบเต็ม ชายหนุ่มลงไปนอนในนั้นโดยมีภัทรานิษฐ์นั่งคร่อมหันหลังให้อยู่ด้านบน เธอได้จังหวะขยับเข้าออก ยิ่งอยู่ในน้ำ ความคับแน่นก็ยิ่งมีมากขึ้น พัฒน์ชนะถึงกับกำขอบอ่างแน่น“ที่รักคะ”“ครับ… สุดยอด” ชายหนุ่มขานรับ ก่อนจะเอ่ยบอกความรู้สึก ภัทรานิษฐ์ได้ใจขยับเร่งจังหวะของสะโพกขึ้นลงหนักหน่วงขึ้น เพราะรู้ว่าตัวเองต้องการแบบไหน รวมทั้งตอบสนองความต้องการของพัฒน์ชนะด้วย รสเซ็กส์แม้จะคล้ายกัน แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียวอยู่ที่คนเล่นว่าจะพัฒนาฝีมือ ทำให้คู่ครองชอบได้มากแค่ไหนพัฒน์ชนะรั้งตัวภัทรานิษฐ์ให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาชายหนุ่มเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าอกข
“อากาศดีจังเลยนะคะ” ภัทรานิษฐ์เอ่ยบอก คนที่ยืนกอดซ้อนหลังเธออยู่ ทั้งสองคนออกมายืนรับลมตรงระเบียงของรีสอร์ต เสียงคลื่นซัดทราย ช่างเป็นเสียงที่ไพเราะมาก“ใช่…” เสียงทุ้มๆ เอ่ยรับ ภัทรานิษฐ์เอียงใบหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะได้ถามอะไร พัฒน์ชนะก็หอมแก้มเธอหนักๆ“จริงสิคะ หวาจะถามตั้งแต่มาถึงแล้ว ข้างหน้าเขาจะมีงานอะไรหรือเปล่า เห็นจัดสถานที่ไว้”“เห็นทางรีสอร์ตบอกจะมีงานแต่งงาน” พัฒน์ชนะเอ่ยตอบตามตรง แต่บอกไม่หมดว่ามันคืองานแต่งงานของเขากับเธอ“จริงเหรอคะ ไม่น่าละ บรรยากาศดูสวย และอบอุ่นขึ้นเป็นกอง”“ยี่หวาละ อยากมีงานแต่งงานแบบไหน”“ไม่เคยคิดค่ะ” คำถามของพัฒน์ชนะ ทำให้ภัทรานิษฐ์รู้สึกแปลกๆ เธอไม่เคยพูดเรื่องที่จะให้เขามาแต่งงานด้วย เพราะกลัวเขาจะหลงตัวเอง คิดว่าเธออยากแต่งงานด้วยมาก แต่เรื่องานแต่งงานของตัวเอง เธอยังไม่ได้คิดจริงๆ ไม่มีแผนในสมองสักนิด เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แม้แต่ชุดแต่งงานเธอก็ไม่เคยคิดว่าอยากใส่แบบไหนอะไรยังไงด้วยซ้ำ คงเป็นเพ
“พี่แพท เป็นยังไงบ้างคะ”“ไม่มีปัญหาครับ พ่อและแม่ของยี่หวาถึงจะไม่พอใจที่พี่ทำแบบนั้นลงไป แต่พี่ก็สู้ไม่ถอย จนท่านสองคนใจอ่อนลงไปมากแล้ว” พัฒน์ชนะกุมมือของภัทรานิษฐ์ไว้ เพราะรู้ว่าเธอกังวล แต่ตัวของชายหนุ่มกลับลงไปกองบนโซฟา เมื่อถูกวสุวัสปล่อยหมัดใส่แบบไม่ทันตั้งตัว“แม็ค… ทำอะไร” ภัทรานิษฐ์ผลักอกน้องชายให้ออกห่างจากพัฒน์ชนะ ไม่รู้ว่าไปใจร้อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นยังดีๆ อยู่เลย ศิรดาเองก็ออกอาการอึ้ง ไม่แพ้พลอยไพลิน“ต่อยไงพี่หวา อยากทำแบบนี้ตั้งแต่แรกที่เจอหน้าแล้ว”“ไม่เป็นไร” คนถูกต่อยเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม หมัดแค่นั้นมันไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดอะไรมากมายนักหรอก“คุณเป็นผู้ชายประสาอะไร ทำไมถึงทำกับพี่สาวผมแบบนี้ ห๊า…หน้าตัวเมีย” คำพูดของวสุวัส ทำให้ภัทรานิษฐ์ตกใจ เพราะท่าทางน้องชายของเธอโกรธมาก ศิรดาดึงสติกลับมาได้ก่อน จึงเข้าไปรั้งแขนของวสุวัสไว้“แม็ค ใจเย็น…”“จะต่อยอีกไหม พี่ให้