พี่ชายนั้นลำบากมาก เขาอายุมากกว่าฉันสิบปีตั้งแต่พ่อป่วยเป็นโรคซึมเศร้า บริษัทของครอบครัวก็เริ่มเข้าสู่ช่วงขาลงเขาเรียนเก่งมาก ทั้งยังได้ข้ามชั้นปีอยู่ตลอด ตอนอายุยี่สิบก็เรียนจบมหาวิทยาลัย ก่อนจะเข้าบริษัทแล้วเริ่มรับช่วงต่อจากเด็กไม่รู้ประสาคนหนึ่งที่เพิ่งก้าวเข้าสู่สังคม ตอนนี้ได้กลายเป็นซีอีโอของตระกูลหลินแล้วชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นไม่ง่ายเลยฉันถึงได้สงสารพี่ชายมากตอนที่พี่ดื่มเหล้าอย่างไม่คิดชีวิตจนถึงดึกดื่นเพื่อหน้าที่การงาน ฉันจะต้มซุปแก้เมาค้างให้เขา แล้วแอบวางไว้บนโต๊ะตื่นเช้ามาก็จะเคี่ยวโจ๊กข้าวฟ่างอุ่นท้องให้เขาพอพี่ชายขยี้ตาด้วยความเหนื่อยล้า ฉันก็ใช้เงินค่าขนมที่ฉันเก็บหอมรอมริบมาทั้งเดือน เปลี่ยนโคมไฟแสงแยงตาบนโต๊ะหนังสือของพี่ทันที ทั้งยังวางยาหยอดตากับวิตามินไว้บนโต๊ะให้เขาด้วยฉันจะรีดเสื้อเชิ้ตที่ซักแล้วของพี่ชายให้เรียบกริบ เหมือนที่แม่ทำฉันคิดว่าการที่แอบดูแลพี่อยู่ห่าง ๆ แบบนี้ก็นับว่าเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระให้เขาอย่างหนึ่งหากไม่ใช่เพราะเขา ฉันคงไม่ได้อยู่บ้านหลังใหญ่โตขนาดนี้แต่ความจริงแล้ว บ้านจะใหญ่โตหหรือเปล่านั้น ฉันไม่เคยสนใจเลยสิ่ง
Read More