All Chapters of วายร้ายฮ่องเต้กำมะลอ: Chapter 1 - Chapter 10

30 Chapters

บทที่ 1

ตำหนักกันเฉวียน“ไม่…ไม่ได้นะ อย่าแตะต้องตัวข้า!”ท่ามกลางเสียงตำหนิ หลินจื่อโม่เงยหน้าขึ้นอย่างงงงวย ร่างเพรียวบางที่คลุมเครือสายหนึ่งค่อยๆ ชัดเจนขึ้นต่อหน้าเขาเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตางดงามดั่งเทพธิดาในภาพวาด แต่งกายหรูหรา เวลานี้ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจและความโกรธ ชุดกระโปรงถูกฉีกจนขาดหลายจุด แม้นางพยายามใช้แขนปิดบังแล้วหลินจื่อโม่มองภาพอันเย้ายวนตรงหน้าอย่างตะลึงงันเหมือนว่า…เขาจะเดินทางข้ามมิติแล้ว“ไสหัวไป! เจ้า…เจ้ากล้าทำเช่นนี้กับข้าเชียวหรือ?!”หญิงที่งามเหมือนหยาดน้ำค้างบนเตียงกล่าวตำหนิเขา ความอับอายและความโกรธปกคลุมเต็มใบหน้า“ข้า? ดังนั้นนี่คือ…”สิ่งนี้ทำให้หลินจื่อโม่อดไม่ได้ที่จะสูดลมเย็นทีหนึ่งบ้าเอ๊ย ตกลงเจ้าของร่างคนเดิมกำลังทำอะไรอยู่???จากนั้นก็มีความทรงจำส่วนหนึ่งหลั่งไหลเข้ามาในสมองของเขาราวกับกระแสน้ำเขา เป็นตัวตายตัวแทนของฮ่องเต้ราชวงศ์ต้าเหยียน?!จากความทรงจำ เจ้าของร่างคนเดิมมีหน้าตาที่เหมือนกับฮ่องเต้ไม่มีผิดเพี้ยน ดังนั้นจึงถูกจับเข้าวัง และไม่รู้เพราะอะไร คำสั่งแรกของฮ่องเต้ที่ป่วยออดแอดก็คือให้เขามาตำหนักกันเฉวียนต้องบอกก่อนว
Read more

บทที่ 2

ตอนมาถึงถนนใหญ่ ทหารรักษาพระองค์กองหนึ่งลาดตระเวนผ่านมาพอดี“ฝ่าบาทอายุยืนหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี…”ทหารรักษาพระองค์กองนี้คุกเข่าลงคำนับหลินจื่อโม่“พวกเจ้าหยุดก่อน พาเราไปตำหนักฮองเฮา”ขณะที่ทหารรักษาพระองค์กำลังจะไป หลินจื่อโม่กลับเอ่ยปากกะทันหันเฉาสี่หันกลับไปฉับพลัน มองเขาด้วยสีหน้าที่ตะลึงงันเวลานี้ เขาตระหนักถึงความผิดปกติแล้ว แต่ตอนนี้หลินจื่อโม่ก็คือภาพลักษณ์ของฮ่องเต้ อีกทั้งยังสวมเพ้ามังกร ถ้าหากเขาเอ่ยปากห้ามเวลานี้ เช่นนั้นไม่เท่ากับล่วงเกินเบื้องสูงหรอกหรือ?“ฝ่าบาท ควรเสด็จกลับตำหนักแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”เฉาสี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม กึ่งก้มหน้า ดวงตาที่เย็นชาคู่นั้นจ้องเขาด้วยเจตนาข่มขู่อันเยือกเย็น“บัดซบ เราอยากไปที่ใด สุนัขขันทีอย่างเจ้ามีสิทธิ์ออกความเห็นด้วยหรือ?!”หลินจื่อโม่พลิกมือก็เหวี่ยงฝ่ามือใส่ใบหน้าเขา ตบจนเขาล้มลงกับพื้น มองดูรอยฝ่ามือสีแดงบนใบหน้าและดวงตาที่เต็มไปด้วยความคับแค้นของเขา หลินจื่อโม่ที่เดิมทีกลัวว่าเขาจะบอกตัวตนของตนออกมา เพื่อยับยั้งเขา พลันยกเท้าขึ้นเตะใส่ปากของเขาโดยตรง ทำให้เสียงที่อยากพูดของเขากลายเป็นเสียงร้องด้วยความเจ็บปว
Read more

บทที่ 3

ฮ่องเต้จีจิ่งเหวิน จักรพรรดิรุ่นที่สิบสองของราชวงศ์ต้าอู่ ขึ้นครองราชย์ศักราชเซวียนเจิ้ง ปีที่สามสิบเอ็ด และได้เปลี่ยนศักราชใหม่เป็นหงฮว่าปีนั้นเขาเพิ่งอายุสิบห้าปี เพราะอายุยังน้อย อำนาจในราชสำนักจึงตกอยู่ในมือไทเฮาที่ว่าราชการหลังม่าน กับสามขุนนางที่ปรึกษาแผ่นดิน ในกรณีนี้ จีจิ่งเหวินก็เหมือนกับหุ่นเชิด เป็นแค่สิ่งของมงคลที่นั่งอยู่บนราชบัลลังก์ก็เท่านั้นประกอบกับสูญเสียความสามารถในด้านนั้นของผู้ชาย นิสัยของเขาจึงวิปริตหัวรุนแรง ไม่รู้ว่ามีนางกำนัลกี่คนที่ตายภายใต้การทารุณกรรมของเขาเซี่ยเฟิ่งชิง บิดาเป็นขุนพลอวิ๋นฮุย[1] ขุนนางขั้นสาม เพียงเพราะได้ยินว่าชื่อเสียงของจีจิ่งเหวินไม่ดี จึงปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายโดนตั้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ลดตำแหน่งเป็นขุนพลติ้งหยวน[2] ย้ายไปอยู่ที่ชายแดน เพื่อความสงบสุขของครอบครัว เซี่ยเฟิ่งชิงตัดสินใจเข้าวังสิ่งที่เกินความคาดหมายคือ ฮ่องเต้ไม่ได้ทรมานนาง กลับกันยิ่งใจกว้างต่อนาง เพราะรูปลักษณ์ที่งามหยาดเยิ้มล้มบ้านล้มเมืองของนาง และยังถึงขั้นแต่งตั้งนางเป็นฮองเฮาดังนั้น ในช่วงเวลานั้น จีจิ่งเหวินถึงขั้นงมงายเชื่อเรื่องยาอายุวัฒน
Read more

บทที่ 4

หอเหวินยวนมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงตำแหน่งราชเลขาธิการของสำนักราชเลขาธิการ เขากำลังเขียนความเห็นของตนลงบนหนังสือฎีกา หลังจากเขียนเสร็จแล้ว จึงบิดขี้เกียจทีหนึ่ง“ท่านราชเลขาธิการน้อยยิ่งอยู่ยิ่งทำงานราชการได้คล่องแล้ว เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ โดยเฉพาะตัวอักษรนี่ ไหลลื่นดั่งสายน้ำ เบาบางดั่งหมอกควัน”ขุนนางที่อยู่ข้างๆ ยังไม่ทันได้อ่านความเห็นบนหนังสือฎีกาอย่างละเอียด ก็ชมตัวอักษรของชายหนุ่มผู้นี้ก่อนแล้วชายหนุ่มผู้นี้ก็คือหนิงไป๋ ลูกชายของเลขาธิการหนิงซงแห่งสำนักราชเลขาธิการ“ผู้ช่วยหลิวพูดถูกมาก ท่านราชเลขาธิการน้อยฉลาดหลักแหลมโดยกำเนิด งานด้านราชสำนักเพียงชี้แนะก็รู้แจ้ง ราชวงศ์ต้าอู่ของเราสามารถมีผู้ปราดเปรื่องอย่างท่านราชเลขาธิการน้อย เป็นวาสนาของต้าอู่ วันข้างหน้า ต้าอู่ต้องสามารถก้าวเข้าสู่ความรุ่งเรืองภายใต้การนำของท่านราชเลขาธิการน้อยแน่นอน!”ปัจจุบันในสำนักราชเลขาธิการ แทบเป็นคนของราชเลขาธิการหนิงซงทั้งหมด ภายใต้การเยินยอของพวกเขา หนิงไป๋ตัวลอยไปนานแล้ว แต่ว่าบนใบหน้ากลับยังวางมาดสุภาพและถ่อมตน“ใต้เท้าทุกท่านชมเกินไปแล้ว ข้ากับท่านพ่อยังห่างชั้นกันมาก ที่ทำงานราชการก็
Read more

บทที่ 5

ภายในหอเหวินยวน ขุนนางใหญ่หลายคนก้าวออกมาอธิบายแทนหนิงไป๋“ฝ่าบาทมาได้พอดี มหาบัณฑิตเหอล่วงเกินเบื้องบน ขอให้พระองค์ทรงมีราชโองการปลดมหาบัณฑิตเหอหลี่ออกจากหอเหวินยวน ส่งตัวเข้าคุกหลวง รอประหารหลังฤดูใบไม้ผลิพ่ะย่ะค่ะ!”ผู้ช่วยเสนาบดีฝ่ายซ้ายต้วนหัวจากกรมคลังเอ่ยปาก ดึงดูดเสียงสนับสนุนของทุกคนทันทีหลินจื่อโม่มองไปตามทิศทางที่พวกเขาชี้เหอหลี่ที่รูปร่างผอมบางยืนอยู่ตรงนั้น เขาเหมือนกับเป็นต้นสนที่อยู่ริมหน้าผา ดูอ่อนแอไม่ทนลม รูปร่างกลับตั้งตรงและหนักแน่นเมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่ขุนนางเหล่านี้พูด เหอหลี่ยังคงหน้าไม่เปลี่ยนสี ดูค่อนข้างเย่อหยิ่ง “เล่ามาอย่างละเอียด”จู่ๆ หลินจื่อโม่ก็เริ่มเกิดความสนใจในตัวเขาเวลานี้ ข้างกายของเขา คนเดียวที่สามารถใช้งานได้ก็คือรองผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์เซี่ยอวิ๋น ในราชสำนัก เขายิ่งโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง“สามัญชน?”หลินจื่อโม่หรี่ตาเล็กน้อย กวาดมองไปทางหนิงไป๋ที่ยังคงนั่งอยู่ตรงตำแหน่งราชเลขาธิการ “เจ้าเป็นแค่สามัญชนคนหนึ่ง เข้าตำหนักเฉียนชิงได้อย่างไร? ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าควรมา ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”เขาไม่ชอบขี้หน้าหมอนี่แต่แรกตนที่เ
Read more

บทที่ 6

ต้วนหัวสีหน้าแดงก่ำจนแทบระเบิดด้วยความขมขื่น สุดท้ายก็จำต้องคุกเข่าลงด้วยความเสียหน้าเขารู้สึกว่านี่คือการถูกฮ่องเต้เหยียดหยาม“นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ปลดต้วนหัวออกจากตำแหน่งผู้ช่วยเสนาบดีฝ่ายซ้ายของกรมขุนนาง และให้เหอหลี่ มหาบัณฑิตแห่งหอเหวินยวนมารับตำแหน่งแทน!”แม้หลินจื่อโม่จะยังไม่รู้จักคนที่ชื่อ ‘เหอหลี่’ โดยละเอียด แต่เขาก็รู้ว่าอายุของคนผู้นี้ล่วงเลยไปห้าสิบกว่าปีแล้ว ซ้ำยังไร้ตำแหน่งที่สมฐานะ ยังเป็นแค่มหาบัณฑิต สิ่งนี้ชี้ชัดว่าเขาไม่เข้าพวกกับขุนนางทั้งหลาย อีกทั้งยังยืนอยู่ในขั้วตรงข้ามกับราชเลขาธิการเพียงเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับหลินจื่อโม่แล้ว“ฝ่าบาท กระหม่อมเป็นผู้ช่วยเสนาบดีฝ่ายซ้ายของกรมขุนนาง ย่อมอยู่ภายใต้การดูแลของราชเลขาธิการ หากจะปลดกระหม่อมก็ต้องผ่านการอนุญาตจากราชเลขาธิการเสียก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ!”ต้วนหัวเงยหน้า พร้อมทั้งโต้แย้งเสียงดังทันควัน“บังอาจนัก! เจ้ากล้าตะโกนใส่เราหรือ?!”เมื่อได้ยินคำว่า ‘ราชเลขาธิการ’ อีกครั้ง ดวงตาของหลินจื่อโม่กลับเย็นเยียบขึ้นทันตา พร้อมทั้งโทสะที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ เขาตวาดเสียงเย็นเยียบ “เราถามเจ้าหน่อย ใครใหญ่กว่า ระหว่างราชเลข
Read more

บทที่ 7

เมื่อขึ้นนั่งบนราชรถที่กว้างขวางซึ่งมีคนสิบหกคนคอยแบกอยู่ หลินจื่อโม่เหลือบมองเซี่ยอวิ๋นที่ยืนเฝ้าอยู่ข้าง ๆเขาเป็นคนซื่อสัตย์ภักดีคนหนึ่งน้องสาวเป็นถึงฮองเฮา แต่เซี่ยอวิ๋นกลับไม่ใช้สถานะญาติฝ่ายฮองเฮาเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัว ตรงกันข้าม เขากลับมีเรื่องขัดแย้งกับฮ่องเต้เสียเองหากเซี่ยอวิ๋นยอมก้มหัวสักนิดแล้วแสดงความจงรักภักดี คงไม่ต้องเป็นเพียงรองผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์เช่นนี้“เจ้าขึ้นมาเถิด”หลินจื่อโม่กล่าวกับเซี่ยอวิ๋นแม้ว่าเซี่ยอวิ๋นจะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการ แต่ก็ยอมขึ้นมาบนราชรถ“เรื่องของท่านพ่อตา เป็นความผิดของเราเอง เราจะสั่งให้ท่านพ่อตากลับเข้ารับตำแหน่งเดิม”หลินจื่อโม่กล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้เซี่ยอวิ๋นตกตะลึงอีกครั้งฮ่องเต้ผู้นี้ก่อนหน้านี้มิใช่ประกาศว่าจะปล่อยให้บิดาของเขาตายอย่างโดดเดี่ยวในชายแดนหรือ? เหตุใดจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้?“กระหม่อมในนามของบิดา ขอขอบพระทัยฝ่าบาท”แม้จะไม่เข้าใจว่าฮ่องเต้ตรงหน้าทำไมจึงเปลี่ยนไปมากเช่นนี้ เซี่ยอวิ๋นก็ยังคงคำนับ แต่กลับถูกหลินจื่อโม่พยุงขึ้น “ไม่ต้อง นี่เป็นความผิดของเราเอง”“เราตัดสินใจที่จะเริ่มปฏิรูปราชสำ
Read more

บทที่ 8

มิแปลกใจเลย!ฮ่องเต้ผู้ไร้ค่าที่เคยมาขอให้เขามอบเชื้อสายให้นั้น ร่างกายนับวันยิ่งเสื่อมโทรม จนกลายเป็นคนป่วยเรื้อรัง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลจากการวางแผนของบิดาและบุตรสาวคู่นี้อย่างหนิงซงและหนิงไต้ซีต้องเข้าใจว่า แม้จีจิ่งเหวินจะโหดร้ายและอำมหิต แต่เขามีความรู้ความสามารถในด้านการอ่านตำราและเข้าใจเรื่องราวบ้านเมืองอย่างถ่องแท้ อีกทั้งยังมีความคิดที่ชัดเจนและแน่วแน่ในการปกครองและการทหารอันเป็นเรื่องสำคัญของแผ่นดินคำกล่าวที่ว่าองค์ฮ่องเต้ไร้ความรู้ความสามารถทางการเมืองนั้น เป็นเพียงข้ออ้างที่หนิงไต้ซีใช้เพื่อจำกัดอำนาจของเขาเท่านั้นทว่ายิ่งมีความคิดที่แน่วแน่ ก็ยิ่งยากที่จะควบคุม ดังนั้นสุนัขเฒ่าอย่างหนิงซงจึงหมดความอดทน และต้องการเปลี่ยนคนแล้วเขาต้องการให้องค์ชายจีจิ่งอี้วัยสิบขวบเป็นรัชทายาท เพื่อรอให้ฮ่องเต้สิ้นพระชนม์และสามารถขึ้นครองราชย์ได้ทันที แล้วหนิงซงก็จะสามารถครองอำนาจเหนือราชสำนักได้อย่างมั่นคง ทั้งยังมีไทเฮาหนิงไต้ซีคอยควบคุมฝ่ายใน แผ่นดินต้าอู่นี้ก็จะตกเป็นของตระกูลหนิงโดยสิ้นเชิงหลินจื่อโม่แสยะยิ้มเย็นชา ในเมื่อพวกเจ้าต้องการชีวิตของข้า เช่นนั้นก็ไม่มีสิ่งใดจะต้องเจ
Read more

บทที่ 9

เสียงนั้นพลันทำให้บรรยากาศภายในตำหนักเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน หนิงไต้ซีรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ ผลักหลินจื่อโม่ออกอย่างแรง ก่อนจะกุมหน้าอกพลางหายใจหอบอย่างไม่หยุดหลินจื่อโม่เองก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกเซี่ยอวิ๋นมิได้ทำให้เขาผิดหวัง อำนาจการควบคุมทหารรักษาพระองค์ถูกส่งมอบอย่างราบรื่นตามที่คิดเขาจัดระเบียบฉลองพระองค์ของตนใหม่ ใบหน้าแสดงออกถึงความเย้ยหยันและไม่ใส่ใจดั่งเช่นเดิม จากนั้นจึงคำนับหนิงไต้ซีพร้อมกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ลูกขอลา!”หนิงไต้ซีหันหน้าหนี ไม่ตอบสนองใด ๆ เพียงกอดอกแน่น หลินจื่อโม่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วจึงหมุนตัวเดินออกจากตำหนักเมื่อเปิดประตูออกไป ก็พบว่าภายนอกมีทหารรักษาพระองค์นับร้อยล้อมรอบอยู่หลายชั้น โดยมีเซี่ยอวิ๋นยืนอยู่ข้างหน้า ขันทีและนางกำนัลที่เคยเฝ้าตำหนักถูกผลักออกไปไกลหลินจื่อโม่เหลือบมองไปยังประตู เห็นคนสามคนยืนอยู่ ที่หนึ่งคืออ๋องจ้าวจีจิ่งอี้ที่ยังคงถือคัมภีร์อยู่ในมือด้วยสีหน้างุนงง อีกคนคือขันทีเฒ่าผู้หยิ่งยโสที่รับใช้ไทเฮา และอีกคนคือขันทีวัยกลางคนที่ติดตามเขามาบนใบหน้าของขันทีวัยกลางคนนั้นปรากฏรอยฝ่ามืออย่างเด่นชัด และที่มุมปากก็ยังมีรอยเ
Read more

บทที่ 10

ราชรถมังกรเคลื่อนออกจากตำหนัก ไม่ช้านานก็กลับมาถึงตำหนักเฉียนชิงยังไม่ทันจะก้าวเข้าสู่ประตูตำหนัก หลินจื่อโม่ประหลาดใจที่พบว่าเซี่ยเฟิ่งชิงยืนรออยู่ที่หน้าประตู“ฮองเฮา เหตุใดถึงไม่ไปพักผ่อน กลับมายืนรอเราอยู่ที่นี่เล่า?”เซี่ยเฟิ่งชิงคว้ามือของเขาแล้วดึงเข้าสู่ตำหนัก ปิดประตูเบา ๆ ก่อนจะถามด้วยเสียงอันตื่นตระหนก “ไทเฮาทรงเรียกให้ฝ่าบาทเข้าพบ มิได้ทำให้ฝ่าบาทลำบากใจใช่หรือไม่เพคะ?”หลินจื่อโม่ยิ้มบาง “เดิมทีคิดจะทำให้เราลำบาก แต่เราหาทางออกได้”หลินจื่อโม่จูงมืออันอ่อนละมุนของนางเดินเข้าสู่ห้องชั้นใน ก่อนจะเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตำหนักอี้เยว่โดยสังเขป แน่นอนว่าเขาได้ตัดเรื่องการหยอกล้อไทเฮาออกไปเซี่ยเฟิ่งชิงฟังแล้วตาโตด้วยความตะลึง ก่อนจะพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา “ฝ่า...ฝ่าบาทฆ่าขันทีใหญ่ข้างกายไทเฮาเชียวหรือ?”“ก็แค่ข้ารับใช้ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ฆ่าก็ฆ่าไปเถิด”หลินจื่อโม่หัวเราะเยาะ “พวกมันต่างก็อยากให้ข้าตาย ข้าจำต้องหาสุนัขที่จงรักภักดีมาอยู่ข้างกายก่อน”เขามิได้ปิดบังความคิดของตนเองแม้แต่น้อย เพราะในยามนี้ทั่วหล้าก็มีเพียงเซี่ยเฟิ่งชิงผู้เดียวที่รู้ว่าเขามิใช่ฮ่อ
Read more
PREV
123
DMCA.com Protection Status