Share

บทที่ 4

หอเหวินยวน

มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงตำแหน่งราชเลขาธิการของสำนักราชเลขาธิการ เขากำลังเขียนความเห็นของตนลงบนหนังสือฎีกา หลังจากเขียนเสร็จแล้ว จึงบิดขี้เกียจทีหนึ่ง

“ท่านราชเลขาธิการน้อยยิ่งอยู่ยิ่งทำงานราชการได้คล่องแล้ว เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ โดยเฉพาะตัวอักษรนี่ ไหลลื่นดั่งสายน้ำ เบาบางดั่งหมอกควัน”

ขุนนางที่อยู่ข้างๆ ยังไม่ทันได้อ่านความเห็นบนหนังสือฎีกาอย่างละเอียด ก็ชมตัวอักษรของชายหนุ่มผู้นี้ก่อนแล้ว

ชายหนุ่มผู้นี้ก็คือหนิงไป๋ ลูกชายของเลขาธิการหนิงซงแห่งสำนักราชเลขาธิการ

“ผู้ช่วยหลิวพูดถูกมาก ท่านราชเลขาธิการน้อยฉลาดหลักแหลมโดยกำเนิด งานด้านราชสำนักเพียงชี้แนะก็รู้แจ้ง ราชวงศ์ต้าอู่ของเราสามารถมีผู้ปราดเปรื่องอย่างท่านราชเลขาธิการน้อย เป็นวาสนาของต้าอู่ วันข้างหน้า ต้าอู่ต้องสามารถก้าวเข้าสู่ความรุ่งเรืองภายใต้การนำของท่านราชเลขาธิการน้อยแน่นอน!”

ปัจจุบันในสำนักราชเลขาธิการ แทบเป็นคนของราชเลขาธิการหนิงซงทั้งหมด ภายใต้การเยินยอของพวกเขา หนิงไป๋ตัวลอยไปนานแล้ว แต่ว่าบนใบหน้ากลับยังวางมาดสุภาพและถ่อมตน

“ใต้เท้าทุกท่านชมเกินไปแล้ว ข้ากับท่านพ่อยังห่างชั้นกันมาก ที่ทำงานราชการก็เพราะกลัวท่านพ่อจะทำงานหนักเกินไป ข้าแค่เขียนความเห็น สุดท้ายยังต้องให้ท่านพ่อตัดสินใจ”

แม้เขาไม่มีตำแหน่งขุนนาง แต่เห็นขุนนางราชสำนักรอบตัวยกยอตนเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกว่าเหมือนตนได้ดำรงตำแหน่งราชเลขาธิการแล้ว

แม้ปากพูดเหมือนถ่อมตน แต่ในความเป็นจริงวางตัวอยู่ในตำแหน่งที่สูงมาก

อีกทั้งคำที่ใช้คือความเห็น

ต้องบอกก่อนว่าสำนักราชเลขาธิการมีสิทธิ์แค่เขียนคำอ้างอิงแผนงาน

วิธีนี้เรียกว่าร่างหมาย

ความเห็น นั่นเป็นเรื่องที่ฮ่องเต้ทำ!

เห็นได้ชัดว่าการใช้คำศัพท์ของเขามันล้ำเส้นแล้ว

“เหลวไหลสิ้นดี!”

มีคนทนไม่ไหวแล้ว เขาก้าวออกมา

ผู้พูดเป็นชายชราอายุประมาณห้าสิบกว่าปี เหอหลี่ เขาเป็นมหาบัณฑิตของหอเหวินยวน ขุนนางพิเศษขั้นห้า ไม่มีตำแหน่งขุนนาง

โดยทั่วไปมหาบัณฑิตที่สามารถเข้าสำนักราชเลขาธิการ ล้วนควบตำแหน่งโดยเสนาบดีและผู้ช่วยเสนาบดีจากกรมต่างๆ

และเหอหลี่น่าจะเป็นขุนนางที่มีตำแหน่งต่ำที่สุดในคนกลุ่มนี้แล้ว

“เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เจ้าเป็นแค่สามัญชนคนหนึ่ง ถึงขั้นกล้านั่งบนตำแหน่งราชเลขาธิการ ใช้คำพูดล้ำเส้นอย่างโจ่งแจ้ง เจ้าเอากฎหมายและจรรยามารยาทของต้าอู่ไปไว้ที่ใด?!”

เมื่อคำพูดนี้ของเขาออกมา ภายในหอเหวินยวนเงียบสงัดทันที บรรยากาศที่กลมกลืนถูกทำลายในพริบตา สีหน้าที่เดิมทียังดูสุภาพของหนิงไป๋ก็เคร่งขรึมลง

ไม่จำเป็นต้องให้หนิงไป๋บอกด้วยซ้ำ ต้วนหัวผู้ช่วยเสนาบดีฝ่ายซ้ายของกรมคลังก็เอ่ยปากตำหนิเขาทันที “เหอหลี่ เจ้าเป็นแค่บัณฑิตขั้นห้าตัวน้อยๆ ที่นี่เจ้ามีสิทธิ์พูดด้วยหรือ?”

“ข้าเป็นมหาบัณฑิตของหอเหวินยวน เหตุใดจึงไม่มีสิทธิ์พูดในสำนักราชเลขาธิการ?!”

เหอหลี่ไม่หวั่นไหวเลยสักนิด ไม่เกรงกลัวเขาที่มีสถานะเป็นขุนนางขั้นสามแม้แต่น้อย ถึงขั้นจ้องเขม็ง กล่าวตำหนิด้วยความโกรธ “พวกท่านทุกคนอยู่บนสถานที่อันสูงส่ง กลับไม่คำนึงถึงบ้านเมือง ไม่นึกถึงราษฎร กินบำเหน็จไปวันๆ รู้จักแต่ประจบประแจง เยินยอเด็กสามัญชนคนหนึ่ง ศึกภายในและภายนอกของต้าอู่ พวกท่านทุกคนมองไม่เห็นเลยหรือ?!”

รูปร่างของเขาผอมบาง แต่เวลานี้กลับเหมือนยักษ์ตนหนึ่ง

เสียงดังชัดเจน หนักแน่นทรงพลัง ทว่าไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย กลับกันยังถูกพวกเขาต่อว่า

“ยังกล้าเถียงอีก? นี่เจ้าเท่ากับล่วงเกินเบื้องบน สมควรถูกแขวนคอ!”

“ตาเฒ่า ข้าอดทนเจ้ามานานแล้ว ล่วงเกินท่านราชเลขาธิการน้อย เจ้าสมควรถูกประหารเก้าชั่วโคตร…”

“ยังไม่รีบไปคุกเข่าขอโทษท่านราชเลขาธิการน้อยอีก ไม่แน่อาจสามารถเหลือศพที่สมบูรณ์ไว้ให้เจ้า!”

เหอหลี่ยืดอกหลังตรง เผชิญหน้าการข่มขู่และการดูหมิ่นของพวกเขา สีหน้ายังคงสงบมาก แต่ในส่วนลึกของดวงตาที่ขุ่นมัวนั่น กลับเผยให้เห็นความผิดหวังและความเด็ดเดี่ยวอันลึกล้ำ

ต้าอู่

ใกล้จะล่มสลายแล้ว!

และในเวลานี้เอง หลินจื่อโม่ได้มาถึงหน้าประตูหอเหวินยวนแล้ว

“ฝ่าบาท”

ขันทีแก่คนหนึ่งที่อยู่หน้าประตูยืนขวางทางเขา แม้ฝั่งตรงข้ามเป็นฮ่องเต้ แต่บนใบหน้าของเขากลับไม่มีเจตนาของการเคารพเสียเท่าไร

“หลบไป!”

หลินจื่อโม่ขมวดคิ้ว

แค่ขันทีคนหนึ่ง ถึงขั้นกล้าขวางทางเขาที่เป็นฮ่องเต้คนนี้ ฮ่องเต้หงฮว่ายังนับเป็นฮ่องเต้อยู่หรือไม่?!

“ฝ่าบาทมาหอเหวินยวนมีธุระอันใด?”

แม้ถูกเขาตวาด แต่ขันทีแก่ยังคงไม่เร่งไม่รีบ ไม่มีท่าทีที่จะเกรงกลัวแม้แต่น้อย

“เราในฐานะฮ่องเต้ ย่อมมาเพื่อทำงานราชการ!”

หลินจื่อโม่จ้องเขา เริ่มเกิดเจตนาฆ่าในใจแล้ว

ขันทีที่ไม่เชื่อฟังและไม่รู้จักเคารพฮ่องเต้ จะเก็บไว้ในวังหลวงเพื่ออะไร?

“ไทเฮาทรงมีพระบัญชา ฝ่าบาทห้ามเข้าหอเหวินยวน งานราชการ ปล่อยให้สำนักราชเลขาธิการทำก็พอ สุดท้ายจะส่งให้สำนักขันทีฝ่ายพิธีการอนุมัติ”

ขันทีแก่ยกคนหนุนหลังของตนออกมา

ไทเฮา

ผู้หญิงที่ว่าราชการหลังม่าน

หนิงไต้ซี

ลูกสาวของราชเลขาธิการหนิงซง

ในมีไทเฮา นอกมีราชเลขาธิการ ทั้งราชสำนักเกือบจะกลายเป็นคำชี้ขาดของตระกูลหนิงของพวกเขา แม้แต่ฮ่องเต้ก็ถูกพวกเขาเชิด

“บังอาจ!”

“เจ้าสุนัขขันที รนหาที่ตายหรือ?!”

แม้ยกไทเฮากับราชเลขาธิการมาข่มตน แต่ภายใต้ความโกรธ หลินจื่อโม่ยกเขาถีบใส่หน้าอกของเขาโดยตรง ขันทีลอยกระเด็นออกไปไกลหนึ่งเมตร กระแทกใส่ประตูใหญ่ของหอเหวินยวน แล้วกระอักเลือดล้มลงพื้น

เห็นได้ชัดว่าขันทีคาดคิดไม่ถึงว่าเขาจะลงมือโดยตรง ตะลึงงันก่อน หลังจากล้มลงพื้น ตอนที่มองไปทางเขา ในดวงตาเต็มไปด้วยความดุร้าย ตะโกนจนเสียงแหบ “ฝ่าบาท นี่เป็นพระบัญชาของไทเฮานะ หรือพระองค์ไม่กลัวไทเฮากล่าวโทษ?!”

“เราทำงานราชการ เป็นสัจธรรมของธรรมชาติ ไม่กลัวผู้ใดกล่าวโทษ!”

หลินจื่อโม่ถึงขั้นไม่มองเขาแม้แต่แวบเดียว เขากล่าวออกคำสั่งอย่างไม่ใส่ใจ “ลากออกไป โบยจนตาย!”

พลันเซี่ยอวิ๋นโบกมือ ก็มีทหารรักษาพระองค์สองคนเดินเข้ามา ลากเขาจากไปราวกับลากสุนัขตาย

“ยังมีใครจะขวางเราอีก?!”

หลินจื่อโม่กวาดมองโดยรอบ ไม่มีใครกล้าสบตากับเขา

“ฝ่าบาทเสด็จ!”

หลังจากเสียงรายงานดังขึ้น หลินจื่อโม่ที่สวมเพ้ามังกรอันน่าเกรงขามและหรูหราของจักรพรรดิ ก้าวเดินเข้าไปในหอเหวินยวน โดยมีเซี่ยอวิ๋นเดินตามหลังอีกที

ในสถานที่ถกเถียงเรื่องการเมืองอย่างสำนักราชเลขาธิการ ขุนนางไม่จำเป็นต้องคุกเข่าคำนับฮ่องเต้ แต่จะลุกขึ้นมาต้อนรับทั้งหมด

หลินจื่อโม่กวาดมองไปทั่ว ก็พบว่าหนิงไป๋ยังคงนั่งอยู่ตรงตำแหน่งราชเลขาธิการ หลังจากเห็นเขาที่เป็นฮ่องเต้คนนี้เข้ามา หนิงไป๋ในฐานะที่เป็นสามัญชน ไม่เพียงไม่ตื่นตระหนก กลับกันยังมองหลินจื่อโม่อย่างเย่อหยิ่งแวบหนึ่ง และถึงขั้นไม่ลุกขึ้นมาต้อนรับ

หลินจื่อโม่ไม่รู้จักหนิงซง แต่มองจากอายุแล้ว เขามองออกว่าหนิงไป๋ไม่มีทางเป็นราชเลขาธิการแน่นอน

“เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงนั่งอยู่บนตำแหน่งของราชเลขาธิการ?”

หลินจื่อโม่ที่เดินไปทางเก้าอี้มังกรหยุดลง แล้วกล่าวถามเขา

“ฝ่าบาท ท่านนี้คือหนิงไป๋ ลูกชายของราชเลขาธิการ ท่านกั๋วจิ้ว[1]พ่ะย่ะค่ะ”

ขุนนางใหญ่ที่อยู่ใกล้คนหนึ่งกล่าวอธิบาย

“ฮืม”

หลินจื่อโม่นั่งลงบนเก้าอี้หลักก่อน เซี่ยอวิ๋นอารักขาอยู่ข้างๆ เขา หลังจากนั้นเขากล่าวถาม “นี่ราชเลขาธิการเกษียณแล้วหรือ? เหตุใดเขาจึงอยู่ที่นี่?”

คำพูดประโยคเดียว สร้างความตกใจให้กับทุกคน

ราชเลขาธิการอายุยังไม่ถึงห้าสิบปี จะเกษียณได้อย่างไร ฮ่องเต้ที่ไร้ความสามารถนี่พูดเหลวไหลอะไร

หนิงไป๋เหลือบมองหน้าประตูแวบหนึ่ง แววตาแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน ราวกับไม่เข้าใจว่าเหตุใดขันทีที่อยู่หน้าประตูจึงปล่อยให้หลินจื่อโม่เข้ามา

“ฝ่าบาท ข้าอยู่ที่นี่ เพียงเพื่อแบ่งเบาภาระแทนท่านพ่อ”

เขาไม่ได้มีความกลัวต่อฮ่องเต้องค์นี้ เพราะเขาเคยฮ่องเต้องค์นี้แสดงความขี้ขลาดต่อหน้าไทเฮาและพ่อของตน

ฮ่องเต้องค์หนึ่ง ใต้บัญชาไม่มีผู้ที่สามารถใช้งานได้ เช่นนั้นเขาก็เป็นแค่หุ่นเชิดเท่านั้น

อย่างเช่นราชเลขาธิการ แม้ไม่ใช่ฮ่องเต้ แต่มีอิทธิพลอย่างมากในราชสำนัก ไม่เหมือนฮ่องเต้ แต่เหมือนยิ่งกว่าฮ่องเต้

_______________________________

[1] กั๋วจิ้ว คำที่ใช้เรียกน้องชายของไทเฮา

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status