บททั้งหมดของ วายร้ายฮ่องเต้กำมะลอ: บทที่ 11 - บทที่ 20

30

บทที่ 11

“มันก็ไม่ได้มีเรื่องสำคัญอะไร แค่มาดูว่าช่วงนี้พวกเจ้าทำอะไร เราไม่ได้เจอพวกเจ้ามาหลายวันแล้ว”หลินจื่อโม่พลิกหนังสือเล่มหนึ่งบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ เขาไม่ได้มองสวีเหลียง น้ำเสียงเรียบเฉย คำพูดที่พูดออกมากลับทำให้สวีหลางและคนอื่นอดไม่ได้ที่จะเกร็งสวีหลางชะงักไปครู่หนึ่ง กล่าวตอบ “ทูลฝ่าบาท ช่วงนี้พวกกระหม่อมมีเรื่องจุกจิกมากมาย คดีในเมืองหลวงมีเยอะและซับซ้อน ด้วยเหตุนี้กำลังคนจึงไม่พอ”หลินจื่อโม่ยังคงดูหนังสือในมือ กล่าวโดยไม่เงยหน้า “ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง เช่นนั้นข้าก็เข้าใจเจ้าผิดแล้ว”สวีหลางประสานมือ “ขอบพระทัยที่ฝ่าบาทเข้าใจความลำบากของพวกกระหม่อม”“อืม”หลินจื่อโม่พยักหน้า วางหนังสือลง มองไปทางสวีหลาง “สมุดบัญชีนั่นเจ้าน่าจะพกติดตัวตลอดกระมัง เอามาให้เราดูหน่อย”สีหน้าสวีหลางเปลี่ยนฉับพลันสมุดบัญชีขององครักษ์เสื้อแพรไม่ใช่สมุดบัญชีจริงๆ แต่เป็นหนังสือลับที่บันทึกข่าวลับของขุนนางในราชสำนักใครรับสินบนวันไหนเท่าไร ใครยึดที่นาวันไหนเท่าไร แม้กระทั่งใครไปหาโสเภณีวันไหนไม่จ่ายเงินไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ สิ่งที่ควรมีก็มีทุกอย่าง สามารถเรียกได้ว่านี่เป็นสมุดเล่มหนึ
Read More

บทที่ 12

หลินจื่อโม่มองเฉินผิงแวบหนึ่ง พยักหน้าอย่างพึงพอใจนี่จึงจะเป็นทัศนคติและคุณภาพที่ถูกต้องขององครักษ์เสื้อแพรในที่สุดสวีหลางก็ตื่นตระหนกแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะถูกเชือกอ่อนรัดจนแน่น เขาถึงขั้นอยากคุกเข่า แต่ภายใต้ความตื่นตระหนก ตอนเอ่ยปากก็ลนลานไปด้วย“ฝ่าบาท ท่านฆ่าข้าไม่ได้นะ!”หลินจื่อโม่มองไปทางเขา “หืม? ให้เหตุผลที่เราไม่ฆ่าเจ้ามาหนึ่งข้อ”“ข้า…ข้าถูกแต่งตั้งโดยฮ่องเต้องค์ก่อน ดูแลองครักษ์เสื้อแพรสิบสี่สำนัก สามหมื่นกว่าคน หากฝ่าบาทฆ่าข้าตามอำเภอใจ ไม่กลัวการก่อกบฏหรือ?”“เหตุผลนี้ไม่พอ”หลินจื่อโม่ส่ายศีรษะ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ลากออกไปตัดหัว”ก่อกบฏ?ผู้นำถูกตัดหัวแล้ว ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ไม่กล้าก่อกบฏส่วนแต่งตั้งโดยฮ่องเต้องค์ก่อน?หลินจื่อโม่ยิ้มอย่างเย็นชานั่นเป็นพ่อของจีจิ่งเหวิน เกี่ยวอะไรกับข้า!เซี่ยอวิ๋นเดินเข้าไปเด็ดป้ายแขวนเอวขององครักษ์เสื้อแพรทั้งกลุ่มทีละคน จากนั้นก็โบกมือ ทหารรักษาพระองค์ลากสวีหลางทั้งห้าคนออกจากตำหนักสวีหลางยังคงดิ้นรนและด่าทอ “ฮ่องเต้ทรราช! เจ้ากล้าฆ่าข้าหรือ?!”ส่วนที่เหลืออีกสี่คนไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนเขา และไม่ได้ใจเย็นเหมือน
Read More

บทที่ 13

หลินจื่อโม่ไม่ได้ไปสำนักราชเลขาธิการเพื่อคิดบัญชีกับหนิงซงทันทีตอนนี้เขายังไม่มีกำลังมากพอที่จะงัดข้อกับสุนัขเฒ่านั่น แต่สำหรับเรื่องตรงหน้าเหล่านี้ เขาจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างนี่เป็นโอกาสที่ดีเป็นโอกาสที่สามารถชิงอำนาจบางส่วนคืนมาอีกทั้งมโนธรรมของเขาไม่อนุญาตให้เขาทิ้งผู้ลี้ภัยเหล่านั้นโดยไม่สนใจไยดีเป็นเช่นนี้ต่อไปราชวงศ์ต้าอู่ก็จบเห่หลินจื่อโม่แค่อยากเสพสุขอยู่อย่างสำราญ เป็นฮ่องเต้ทรราชที่ลุ่มหลงในความฟุ้งเฟ้อและสำมะเลเทเมาหลังจากชิงราชอำนาจคืนมา แต่ไม่อยากเป็นฮ่องเต้ที่บ้านเมืองล่มสลายแน่นอน!แต่พูดถึงเรื่องนี้ก็แปลกมาก ตอนแรกเขาฆ่าเฉาสี่ก่อน ต่อมาก็ปลดผู้ช่วยเสนาบดีฝ่ายซ้ายต้วนหัวของกรมคลัง เมื่อวานยังได้ฆ่าขันทีใหญ่ข้างกายไทเฮาสิ่งเหล่านี้เพียงพอที่จะทำให้หนิงซงกับไทเฮาถามหาความรับผิดชอบ แต่ตอนนี้ยังคงสงบไร้คลื่น ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยหลินจื่อโม่มีข้อดีอย่างหนึ่ง นั่นก็คือเรื่องที่คิดไม่ตกก็อย่าเพิ่งไปคิด ดังนั้นเขาตัดสินใจพักเรื่องเหล่านี้ไว้ก่อน และกลับไปเตรียมตัวสำหรับการประชุมเช้าของพรุ่งนี้เพียงแต่ตอนที่ใกล้จะกลับถึงตำหนัก หลินจื่อโม่ตบหน้าผากฉับพลันเขาเป
Read More

บทที่ 14

หลินจื่อโม่มองหวังชิงอีกแวบหนึ่ง “ยังเดินได้หรือไม่?”“ได้รับการคุ้มครองจากฝ่าบาท บ่าวไม่เป็นอะไรพ่ะย่ะค่ะ”“ดี เจ้าไปทำอีกงาน บอกเฉินผิงเรื่องที่เราจะประชุมเช้าพรุ่งนี้ ให้เขาเตรียมตัวให้พร้อม”หลินจื่อโม่มองไปข้างหน้า ตรงนั้นเป็นตำแหน่งของตำหนักไท่เหอ และเป็นสถานที่ที่เขาจะประชุมในวันพรุ่งนี้……เมืองหลวง ห้องหนังสือจวนหนิงหนิงไป๋กล่าวอย่างลนลาน “ท่านพ่อ จีจิ่งเหวินบ้าไปแล้วหรือ? ถึงกับฆ่าพวกสวีหลาง และยังสั่งให้เซี่ยอวิ๋นนำทหารไปช่วย…เฉินผิงอะไรนั้นบุกเข้าไปในสำนักเจิ้นฝู่ซือองครักษ์เสื้อแพร?”ตรงริมหน้าต่าง ชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังตัดแต่งต้นไผ่กระถางหนึ่งอย่างใจเย็น เขาสวมชุดเพ้าลายเมฆสีม่วง ใบหน้างามดั่งหยก ใต้คางมีหนวดสามจุก ทั้งร่างแผ่กลิ่นอายอันอ่อนโยนและสุภาพหากไม่ใช่เพราะคนที่รู้จักเขาเคยเห็น คิดไม่ถึงแน่นอนว่าเขาก็คือหนิงซง ขุนนางอันดับหนึ่งแห่งราชวงศ์ต้าอู่ ราชเลขาธิการที่คุมราชอำนาจหนิงไป๋เห็นเขายังคงตัดแต่งอย่างสงบ ไม่ได้สนใจตน อดไม่ได้ที่จะกล่าวอีกครั้ง “นี่เขาคิดจะชิงอำนาจโดยเร็ว เมื่อวานยังได้ฆ่าขุนนางข้างกายไทเฮาด้วย และยังปลดต้วนหัวต่อหน้าข้า หรือท่านพ่อจ
Read More

บทที่ 15

ภายในตำหนักเฉียนชิงมืดสนิท มีเพียงแสงเทียนจากห้องนอนของหลินจื่อโม่ที่สว่างไสวเมื่อใกล้ยามอิ๋น[1] เสียงเรียกเบาๆ ของหวังชิงดังมาจากนอกประตู“ฝ่าบาท ได้เวลาเตรียมประชุมเช้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เข้ามาเถอะ”หลินจื่อโม่วางหนังสือในมือลง บิดขี้เกียจไปทีหนึ่ง ดวงตาที่ลุกวาวมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่อยู่นอกตำหนัก“สุนัขเฒ่าหนิงซง ข้ามาแล้ว!”……นอกประอู่ของวังหลวง ขุนนางบุ๋นบู๊มากมายทยอยกันมารวมตัว ฤดูใบไม้ผลิอากาศเย็นเล็กน้อย น้ำค้างทำเครื่องแบบของพวกเขาเปียกชื้น กลับไม่มีใครรู้สึกหนาวตอนที่ยังไม่เปิดประตู มีขุนนางไม่น้อยจับกลุ่มคุยกันตรงนี้สามคนตรงนั้นห้าคนพร้อมกับเสียงหัวเราะ หัวข้อสนทนามีเพียงหนึ่งเดียวฮ่องเต้จะเข้าประชุมแล้ว“ฮ่องเต้องค์นี้ของพวกเราสืบราชบัลลังก์หกปี ไม่เคยสนใจการประชุมเช้า นี่วันนี้เขาจะทำอะไร?”“เหอะ ไทเฮาไม่เคยอนุญาตให้เขายุ่งเรื่องการเมือง ต่อให้เขามาประชุม นอกจากนั่งดูอย่างเดียว จะทำอะไรได้?”“เขาคงจะไม่ได้เบื่อการทำร้ายนางกำนัลแล้ว จะหันมาทำร้ายพวกเราแทนกระมัง? เช่นนั้นไม่ดีแน่”“ฮ่าๆๆ…”จากคำพูดของขุนนางทั้งหลาย สามารถฟังออกว่าพวกเขาไม่มีความเคารพต่อฮ่องเต้
Read More

บทที่ 16

หลินจื่อโม่กวาดสายตามองดู ล้วนไม่รู้จักสักคน แต่เดาก็รู้ว่า ล้วนเป็นฝ่ายสุนัขเฒ่าหนิงซงความขุ่นเคืองในใจของเขา แทบจะพลุ่งพล่านออกมา สุนัขเยอะกล้าแว้งกัดเจ้าของ?ข้าไม่เชื่อ!องครักษ์เสื้อแพรสองคน ยืนรออยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ เหล่าขุนนางอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่กล้าทำอะไรเสียงชักดาบออกจากฝักดังขึ้นมา หลินจื่อโม่พลิกมือชักดาบมาจากองครักษ์เสื้อแพรคนหนึ่ง พร้อมแกว่งมือเคลื่อนไหวเลือดพุ่งออกมาเหมือนลูกศร หลี่ยี่กุมลำคอไว้แน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจกลัวกับไม่อยากเชื่อ ส่งเสียงอู้อี้อยู่ในปาก เพียงสองสามลมหายใจ ล้มกองลงบนพื้นเสียงดังปัง หมดลมหายใจตายไปแล้วเสียงร้องตกใจดังกึกก้องในตำหนักไท่เหอ ทุกคนกลัวจนหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มผู้ว่าราชการเมืองหลวงเป็นถึงขุนนางขั้นสาม ถูกฮ่องเต้ทรราชบอกจะฆ่าก็ฆ่าตายเสียแล้ว?หลินจื่อโม่ถือดาบไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อย ๆ กวาดสายตามองดูทุกคนพร้อมพูดขึ้นมาว่า “เรา ทำเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร ทำเพื่อผู้ลี้ภัยนับแสนข้างนอกเมือง สังหารเจ้าหน้าที่สุนัขคนนี้ พวกเจ้า ใครมีความเห็นอันใด?”ทุกคนในท้องพระโรง มองดูเขาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึงหวาดกลัว ไม่ม
Read More

บทที่ 17

ภัยธรรมชาติไม่อาจต้านทานได้ แต่ฉวยโอกาสทำร้ายผู้ลี้ภัยเพื่อความร่ำรวย ความเป็นคนถูกทำลายลงแล้วหลินจื่อโม่มองเห็นอย่างชัดเจน เด็กที่ถูกซื้อไปพวกนั้นล้วนอายุเพียงเจ็ดแปดขวบ ยังมีเล็กยิ่งกว่านั้น อายุเล็กเพียงแค่นี้ก็ถูกขายถูกซื้อไปจากพ่อแม่ ยังถูกฝึกฝนเป็นเครื่องมือทำธุรกิจผ่านเรือนร่างชั่วชีวิตนี้ เขาไม่เคยโกรธโมโหขนาดนี้มาก่อน!เฉินผิงโบกมือ องครักษ์เสื้อแพรหลายคนที่ตามอยู่ข้างหลัง รีบออกไปทันที ไม่ช้าหลายคนนั้นก็ถูกจับกดลงพื้นแววตาหลินจื่อโม่แทบระเบิดเพลิงไฟแห่งความโกรธออกมา ก้าวเดินไปอย่างรวดเร็ว เห็นหลายคนนั้นยังคงตะโกนด่าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโอหัง“รู้ไหมว่าข้าเป็นใคร ถึงได้กล้าลงมือ?”“ถ้าไม่โง่ก็รีบปล่อย ไม่อย่างนั้นข้าจะให้พวกเจ้าได้รับผลที่จะตามมา!”มือปราบสองคนนั้น ค่อนข้างฉลาดอย่างมาก มองเห็นดาบที่จ่ออยู่บนคอพวกเขา ก็รู้สถานะของพวกเขาทันที หลังจากมองตากันแล้วสีหน้าขาวซีด ก้มหน้าไม่กล้าพูดอะไรดาบซิ่วชุน นี่เป็นองครักษ์เสื้อแพร!“อ๋า? ใช่หรือ?”หลินจื่อโม่เดินมาพูดขึ้นว่า “ไหนว่ามา บ้านของเจ้าเป็นใคร ดูว่าข้าจะได้รับผลที่จะตามมาไหม!”“เชอะ พวกเราเป็นคนของตร
Read More

บทที่ 18

มีคนมาสนใจความเป็นความตายของพวกเขาแล้ว!หลินจื่อโม่คืนดาบให้กับเฉินผิง พร้อมพูดขึ้นว่า “กลับเข้าเมือง!”เขาจะต้องจัดให้มีการบรรเทาสาธารณภัยให้ไวที่สุด อย่างน้อยก็ให้พวกผู้ลี้ภัยที่อยู่นอกเมือง สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่รู้ว่าผู้ลี้ภัยคนไหนที่อยู่ข้างหลัง ได้สติกลับมาพร้อมคุกเข่าลง ร้องตะโกนขึ้นมาอย่างสั่นเทาว่า “ขอบคุณใต้เท้า!”ติดต่อกันหนึ่งคน สองคน คนจำนวนนับไม่ถ้วน ระเบิดเสียงออกมายังอ่อนแรง แต่ดังกึกก้องสะเทือนหู“ขอบคุณใต้เท้า!”หลินจื่อโม่ชะงักฝีเท้าครู่หนึ่ง บอกไม่ถูกว่าในใจรู้สึกดีใจหรือทรมานกลับเข้ามาถึงในเมือง หลินจื่อโม่ใจลอยไปครู่หนึ่ง ภาพเจริญรุ่งเรืองคึกคักตรงหน้า แตกต่างอย่างมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาเพิ่งไปเห็นมาความแตกต่างนี้ทำให้เขารู้สึกขยะแขยง อยากอาเจียนองครักษ์เสื้อแพรคนหนึ่ง มาปรากฏอยู่ตรงหน้า มีคนพลุกพล่านขวักไขว่ เขาจึงไม่ได้ถวายความเคารพ เพียงแค่คารวะพร้อมพูดขึ้นมาว่า “จับกุมตัวทุกคนในตระกูลสิงไว้แล้ว รอคำสั่งจากนายท่าน”“ดีมาก ไป ไปยังตระกูลสิง”หลินจื่อโม่หัวเราะเย้ย พร้อมระงับความรู้สึกคลื่นไส้ไว้ เทียบกับผู้ลี้ภัยนับแสน หลายคนที่ฆ่าไปเม
Read More

บทที่ 19

ร่างกายฉางยงสะดุ้ง อึ้งตะลึงไปครู่หนึ่ง ดึงแขนเสื้อขึ้นพร้อมคุกเข่ากราบถวายบังคม “กระหม่อมฉางยง ถวายบังคมฝ่าบาท!”“อืม เจ้าคุกเข่าไว้ ไม่ต้องลุกขึ้นมา เรามีเรื่องจะถามเจ้า”ฉางยงตะลึงไปครู่หนึ่งอย่างอดไม่ได้ เขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพียงได้ยินว่าองครักษ์เสื้อแพร ปิดล้อมตระกูลสิงกับจวนของเขาจึงรีบเร่งมา แต่ฮ่องเต้ไม่ให้เขาลุกขึ้นมา หรือตัวเขาเองทำอะไรผิด?“ฝ่าบาท กระหม่อมทำสิ่งใดให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัยหรือ?”“สิ่งใด? ฮ่าๆ”หลินจื่อโม่หัวเราะเย้ย ทันใดนั้นก็ยกฝ่ามือฟาดไปหนึ่งที่ ฉางยงกรีดร้องขึ้นมา ใบหน้าครึ่งหนึ่งบวมขึ้นมาอย่างรวดเร็วเหมือนกับผู้เฒ่าตระกูลสิง“ในที่ว่าราชกิจเช้านี้ เราเพิ่งบอกไปว่าจัดการดูแลผู้ลี้ภัยนอกเมืองให้ดี แต่เจ้าเป็นถึงราชบัณฑิต ควรถ่ายทอดความรู้แก้ไขบรรเทาปัญหา มหาบัณฑิตที่ควรอบรมสอนคนให้เป็นคนดี กลับให้พี่เขยสุนัขของเจ้าคนนี้ ไปบีบบังคับซื้อเด็กในบรรดาผู้ลี้ภัย นี่ไม่ใช่เป็นการทำให้เราไม่พอใจ แต่เป็นการทำให้เราอยากสับเจ้าเป็นชิ้น ๆ แล้วโยนให้สุนัขกิน!”น้ำเสียงของหลินจื่อโม่เยือกเย็น พร้อมแฝงไปด้วยรัศมีสังหารฉางยงตกตะลึง พร้อมรีบพูดอธิบายขึ้นมา
Read More

บทที่ 20

เฉินผิงยกมือประสาน พร้อมพูดขึ้นมาว่า “กระหม่อม น้อมรับพระราชกระแสรับสั่ง”สวีต้าชุนดีใจเป็นอย่างยิ่ง คุกเข่าก้มคำนับ พร้อมพูดขึ้นมาว่า “กระหม่อมสวีต้าชุน ขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี!”หลินจื่อโม่โบกมือ พร้อมพูดขึ้นมาว่า “ลุกขึ้นมาเถอะ ทำงานก่อน เราจะดูว่า ตระกูลสิงที่เป็นตระกูลใหญ่โตในเมืองหลวงนี้ มีทรัพย์สินเงินทองมากมายเท่าไหร่”ตอนนี้เฉินผิงเป็นผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพร มีงานยุ่งมาก ยังจะคอยติดตามหลินจื่อโม่นั้นไม่ค่อยเหมาะ สวีต้าชุนคนนี้ทำงานละเอียดและรวดเร็ว ทำให้เขาพอใจอย่างมากในสมุดพับบันทึกไว้ว่าตระกูลสิงมีเงินสี่ล้านตำลึง ฉางยงมีสองล้านเก้าแสนตำลึง รวมกันแล้วเกือบเจ็ดล้านตำลึงแค่ดูตัวเลขยังไม่มีความรู้สึกอะไร เมื่อหลินจื่อโม่เดินเข้าไปในห้องโถง มองเห็นเงินทองกองอยู่ในนั้น รู้สึกวิงเวียนหน้ามืดขึ้นมาทันใดนั้นเขาก็รู้สึกโศกเศร้าขึ้นมา เงินทองมากมายขนาดนี้ ไม่รู้ว่าตระกูลสิง อาศัยภัยพิบัติได้เงินทองมาตั้งมากมายเท่าไหร่ยังมีฉางยง วันนี้ไม่ว่าใครมา ล้วนจะต้องตาย!“ผ่างๆ ผ่าง...”เสียงตีระฆังดังไปทั่วทุกมุมของเมือ
Read More
ก่อนหน้า
123
DMCA.com Protection Status