บททั้งหมดของ วายร้ายฮ่องเต้กำมะลอ: บทที่ 21 - บทที่ 30

30

บทที่ 21

หนิงไป๋พยายามตั้งสติจนได้ แล้วเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจว่า: “ท่านพ่อ ท่านว่าต่อไปจีจิ่งเหวินจะมาบ้าใส่พวกเราไหม?”เขาคือคุณชายตระกูลหนิงที่โด่งดังทั่วเมืองหลวง ราชเลขาธิการน้อยอันเป็นที่รู้กันว่าไม่ควรทำให้เขาไม่พอใจ เขาก็นึกว่าตัวเองมีอำนาจบาตรใหญ่ไม่มีใครกล้าแตะ แต่ว่าคนเหิมเกริมนั้นกลัวคนบ้าบิ่น คนบ้าบิ่นก็กลัวคนไม่กลัวตายตอนนี้ฮ่องเต้ไร้ค่าพระองค์นี้เองก็คือคนที่ไม่กลัวตายคนนั้น นอกจากนี้อีกไม่นานก็จะตายแล้วจริง ๆ เพราะฉะนั้นเขาจึงกลัวมาก“หึ”หนิงซงยิ้มและพูดว่า “เขาไม่กล้าหรอก อย่างไรก็ตาม…”…หลินจื่อโม่ไม่ได้ไปที่ประตูไช่ซื่อ ตอนที่ฉางยงถูกตัดศีรษะเขาได้กลับถึงวังแล้ว ขณะนี้กำลังให้หวังชิงร่างพระบรมราชโองการเพื่อส่งไปหลายที่ให้กรมคลังจัดสรรเงินซื้อธัญญาหาร พรุ่งนี้เช้าตั้งซุ้มแจกข้าวต้มที่นอกเมืองให้กรมโยธาจัดซื้อไม้ สร้างซุ้มไม้ที่นอกเมือง เพื่อเป็นที่พักให้ผู้ประสบภัยให้สำนักหมอหลวงเตรียมกำลังคน เพื่อตรวจโรคและจ่ายยาขณะที่กำลังแจกจ่ายข้าวต้มพรุ่งนี้ ป้องกันการเกิดโรคระบาดพระราชโองการส่งถึงแต่ละกรมทีละฉบับ ๆ แล้ว หลินจื่อโม่ถึงค่อยโล่งใจเขตประสบภัยทุกแห่งจะได้รับกา
Read More

บทที่ 22

เซี่ยเฟิ่งชิงฟังไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ห้ามเขาไว้ เพียงแต่พยักหน้าอย่างอ่อนโยน “ได้เพคะ แต่อย่างไรก็รีบกลับมาพักผ่อนนะเพคะ ฝ่าบาทไม่ได้บรรทมมาทั้งคืนแล้ว”หลินจื่อโม่ตบมือนางเบา ๆ เข้าไปใกล้นางแล้วจูบปากแดง ๆ เล็ก ๆ นั้นหนึ่งที เปิดประตู ก้าวเท้าออกไปเขายิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย“หวังชิง”“กระหม่อมพร้อมรับพระบัญชา”“เคลื่อนขบวนเสด็จไปตำหนักอี้เยว่!”ราชรถตระเตรียมเรียบร้อยแล้ว หลินจื่อโม่กำลังจะขึ้นไปนั่ง สวีต้าชุนก็นำหนังสือเล็ก ๆ เล่มหนึ่งเข้ามาถวาย“ฝ่าบาท เหวินป๋อจงอดีตผู้ช่วยเสนาบดีฝ่ายขวากรมขุนนางยอมรับเรื่องการรับสินบนทั้งหมดโดยไม่ปิดบัง ในบ้านเขายึดได้เงิน 800,000 ตำลึง โฉนดบ้าน 13 ฉบับ โฉนดที่ดิน 200 กว่าไร่ แก้วแหวนอัญมณี วัตถุโบราณ ภาพวาดภาพเขียนต่าง ๆ ที่เหลือระบุไว้อย่างละเอียดแล้วทั้งหมด ขอเชิญทอดพระเนตรพ่ะย่ะค่ะ”หลินจื่อโม่ชะงักครู่หนึ่ง รับบัญชีรายการมาดูคร่าว ๆ แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “เป็นตัวบ่อนทำลายตัวดีจริง ๆ สิ่งของเหล่านี้เราให้เจ้าจัดการ รีบขายให้เร็วที่สุด เราต้องการแต่เงิน เดี๋ยวเอาเงินที่ยึดมาได้จากบ้านนี้ บ้านฉางยง บ้านตระกูลสิง แล้วก็บ้านสวีเหลียงส่งเข้า
Read More

บทที่ 23

นุ่มนวล ละมุนรู้สึกชา ๆ “ข้าต้องรู้สึกผิดไปเองแน่ ๆ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”ไม่ว่าอย่างไรนางไม่มีทางยอมรับเพราะว่าคืนนั้นนางก็ลองสัมผัสหน้าอกตัวเอง ยังลองบีบดูด้วยซ้ำ กลับไม่รู้สึกดีแบบนั้นหนิงไต้ซีขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ฟันซี่เล็ก ๆ ขาวราวกับหอยเบี้ยที่ร้อยเรียงเข้าด้วยกันกัดกันดังกรอด ดูเหมือนว่า ถ้าหลินจื่อโม่อยู่ตรงหน้านางตอนนี้ นางจะกระโจนเข้าไปกัดเขาแรง ๆ หนึ่งที“สารเลว อย่าให้ข้าเห็นเจ้าอีก ไม่เช่นนั้นข้า…”ทว่าความคิดของนางยังไม่ทันหยุดลง ก็มีเสียงดังมาจากนอกประตู“ฝ่าบาทเสด็จ!”“หา!”หนิงไต้ซีตกใจจนตัวสั่นทันทีทำไมเขามาล่ะ?จากนั้นนางกำนัลที่อยู่นอกประตูกราบบังคมทูลอย่างหวั่นเกรงและเร่งรีบว่า “ฝ่าบาท ไทเฮาทรงประชวร วันนี้ไม่สะดวก…อ๊า ฝ่าบาท…”เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้น ประตูตำหนักถูกเปิดออกหลินจื่อโม่สาวเท้าเข้าไป อ้างความชอบธรรมว่า “ไทเฮาทรงประชวร ข้าเป็นพระโอรสจะไม่มาเยี่ยมได้อย่างไร? หลีกไป!”นางกำนัลสองคนกระวนกระวายจนแทบจะร้องไห้แล้ว ตามติดไปอยากจะห้าม แต่ก็ไม่กล้าเดิมทีขันทีประจำตำหนักอี้เยว่นั้นกล้าห้าม เสียดายว่าถูกหลินจื่อโม่ปลิดชีพไปเสียแล้ว
Read More

บทที่ 24

หลินจื่อโม่ยิ้มยาหยี หน้าตาดูไม่มีพิษมีภัย “เราบอกแล้วมิใช่หรือว่ามีเรื่องอยากหารือกับเสด็จแม่ ท่านให้นางกำนัลสองคนนี้ออกไปก่อนดีกว่าไหม? คำพูดบางคำให้ไม่สะดวกจะให้พวกนางได้ยิน”หนิงไต้ซีใจเต้นตึกตัก นางอยากจะตะโกนเสียงดัง แต่มีดเล่มนั้นอยู่ในมือหลินจื่อโม่ แค่ยื่นมาก็จะบาดโดนตัวนางได้นางไม่กล้าเดิมพันว่าองครักษ์ที่อยู่นอกประตูจะเข้ามาช่วยนางได้เร็ว หรือนางจะตายเร็วกันแน่ จึงได้แต่ยอมจำนนประนีประนอม“พวกเจ้า…ออกไป”นางสั่งเสียงสั่นเครือ แอบภาวนาในใจว่านางกำนัลทั้งสองจะมองเห็นมีดในมือหลินจื่อโม่ แล้วจะไปเรียกองครักษ์มาอย่างฉับไว“เพคะ”น่าเสียดายที่แผนของนางไม่สำเร็จนางกำนัลสองคนไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติเลย ถอยออกไปแต่โดยดี และยังปิดประตูตำหนักให้ด้วยหนิงไต้ซีอยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก ตอนนี้ยิ่งวิตกกังวลจนไม่กล้าขยับแม้แต่ปลายนิ้ว“เจ้าเก็บมีดให้ดี ๆ ได้หรือไม่”หลินจื่อโม่เหมือนจะไม่ได้ยิน พูดแต่เรื่องตัวเองว่า “เรามาวันนี้ ก็เพื่อจะมาขอของสิ่งหนึ่งจากเสด็จแม่”“ของ…ของอะไร?”หลินจื่อโม่ไม่ตอบ แต่ยื่นมือลงไปลูบไล้เท้าเรียวสวยคู่นั้นอันงามละเอียดดุจหยก และพึมพำเบา ๆ ว่
Read More

บทที่ 25

“ได้เลย ท่านลงโทษเรา เราก็ลงโทษท่าน เกมที่สนุกขนาดนี้ แค่คิดก็…ตื่นเต้นเสียจริง ๆ”หลินจื่อโม่ยังคงยิ้ม โอบหนิงไต้ซีไว้ไม่ปล่อย สัมผัสความรู้สึกอันนุ่มนวลราวกับไม่มีกระดูกนั้นอย่างเต็มที่หนิงไต้ซีนั่งไม่ติดเหมือนอยู่บนเตียงที่เต็มไปด้วยหนาม อยากจะผละออกอีกครั้ง แต่ก็ถูกดึงกลับมาอย่างรุนแรง“อย่ารีบสิเสด็จแม่ ท่านดูสิ เราพกมีดหายากมาด้วยเล่มหนึ่ง ตั้งใจอยากให้ท่านชื่นชมประเมินค่าเสียหน่อย”หลินจื่อโม่พูดที่ข้างหูนางเบา ๆ ทำให้นางขนลุกซู่ที่คอทุกอณูเสียงชิ้งดังขึ้น ฝักมีดตกลงบนพื้น เผยให้เห็นมีดสั้นสีดำทึบไร้เงาหนิงไต้ซีตกใจจนเหงื่อออกเต็มหลัง พูดเสียงสั่นว่า “ฝ่าบาท เจ้า…เจ้าอย่าวู่วาม มาตุฆาตถือเป็นความอกตัญญูอย่างมหันต์ ไม่สิ เป็นการขัดต่อหลักมนุษยธรรม บรรดาขุนนางจะไม่ยอมรับเจ้า!”“มาตุฆาต? จะเป็นไปได้อย่างไร เราชอบเสด็จแม่เสียขนาดนั้น จริงนะเสด็จแม่ ก็แค่ให้ท่านชื่นชมประเมินค่ามันเท่านั้นเอง”ในใจหลินจื่อโม่ขำจนแทบบ้า สวมบทคนโรคจิตครั้งแรกในชีวิต ก็เหมือนจะสมบทบาทไม่เบาเพื่อให้ดูสมจริง เขาเอามีดเข้าไปใกล้หน้าอกหนิงไต้ซีอย่างช้า ๆ คมมีดลากไปเบา ๆ บนเสื้อคลุมตัวนั้น“ท่าน
Read More

บทที่ 26

“เจ้า! หยาบช้า!”หนิงไต้ซีคุมอารมณ์ไม่อยู่อีกต่อไป หน้าแดงก่ำ มือถือกระบี่ยาว หายใจแรง เหมือนมีแรงกระตุ้นให้แทงได้ทุกเมื่อ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าไม่มึนศีรษะแล้ว หลังจากที่ตื่นตระหนกตกใจและถูกหลู่เกียรติให้อับอาย อาการป่วยของนางก็เหมือนจะหายดี มีกำลังวังชาขึ้นมาไม่น้อยในพริบตาดังนั้นนางยิ่งอยากสู้ตายกับหลินจื่อโม่แล้วหลินจื่อโม่ยิ้มอย่างชั่วร้าย “ไทเฮาอยากจะประลองกระบี่กับเราหรือ? เลิกล้มเสียเถอะ ท่านเอาชนะกระบี่วิเศษของเราไม่ได้หรอก”เวลานี้เอง ก็มีเสียงหวานจ๋อยดังมาจากนอกประตู “เสด็จแม่ อวี้เอ๋อร์มาแล้วเพคะ เข้าไปได้ไหม?”หลินจื่อโม่ตะลึง เสียงนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนแต่เพียงไม่นาน เขาก็บอกได้ว่าเป็นใครจากการเรียกชื่อจีฉู่อวี้ องค์หญิงจิ้นหยาง พระธิดาเพียงคนเดียวของฮ่องเต้เซวียนเจิ้ง น้องสาวคนเดียวของจีจิ่งเหวิน“ฮึ่ย!”หลินจื่อโม่เจ็บจี๊ดขึ้นมา องค์หญิงนี่มาผิดเวลาจริง ๆ เดิมทีเขายังอยากจะแกล้งหนิงไต้ซีต่ออีกหน่อยดังนั้น บรรยากาศแปลกประหลาดในตำหนักที่มีทั้งความคุกรุ่นและความอึดอัดคลุมเครือปะปนกันถูกทำลายในพริบตาหนิงไต้ซีสูดหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง เปลี่ยนจากใบหน้าท
Read More

บทที่ 27

หนิงไต้ซีเบิกตากว้างทันที มองดูหลินจื่อโม่ด้วยสีหน้าตะลึงงันกินอะไรผิดมาหรือ? คำพูดเมื่อกี้เจ้าเป็นคนพูดหรือ? เจ้าเคยสังเกตจิ้นหยางเมื่อไรกัน?องค์หญิงจิ้นหยางก็อึ้งอย่างเห็นได้ชัด ตอนนางเด็ก ๆ เสด็จพี่ฮ่องเต้รักและตามใจนางจริง แต่ว่าตั้งแต่เขาขึ้นครองราชย์แล้วนิสัยก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างมาก ไม่สนใจนางแม้แต่นิดเดียวแล้วแต่วันนี้กลับพูดว่าไม่มีทางลืมนาง? และยังบอกว่านางซูบลง?นางตอบสนองเร็วมาก ใบหน้านางเบิกบานอีกครั้งทันที พุ่งเข้ามากอดแขนหลินจื่อโม่ “หื้ม ๆ เสด็จพี่ดีที่สุดเลย!”ในใจหลินจื่อโม่ถึงกับสั่นไหวโอ้พระเจ้า เห็นอายุยังน้อย นึกไม่ถึงว่าจะเก็บอาการเก่งขนาดนี้องค์หญิงมาแล้ว ก็แกล้งหยอกไทเฮาไม่ได้แล้ว แต่หลินจื่อโม่ก็พอใจแล้ว วันหลังค่อยว่ากัน วันหลังค่อยว่ากัน“เอาละ ในเมื่ออวี้เออร์มาแล้ว ก็คุยเป็นเพื่อนเสด็จแม่ไปนะ เรายังมีธุระ ขอตัวก่อนละ”หลินจื่อโม่ชักแขนออกมาอย่างอาลัยอาวรณ์ ทอดถอนใจเบา ๆ ที่ต้องจากไปองค์หญิงจิ้นหยางพยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย “อวี้เอ๋อร์ถวายพระพรลาเสด็จพี่เพคะ เสด็จพี่คราวหน้ามีเวลาอย่าลืมหาเล่นกับอวี้เออร์นะเพคะ”หนิงไต้ซีถอนหายใจยาว ๆ ใ
Read More

บทที่ 28

หลินจื่อโม่กลับถึงตำหนักเฉียนชิง หลังจากที่ความตื่นเต้นหายไป ผลที่ตามมาจากการอดหลับอดนอนทั้งคืนก็ค่อย ๆ แสดงออกมา เขาง่วงมากแต่ว่ากลับถึงห้องนอนแล้ว ก็ดึงตัวเซี่ยเฟิงชิงมาถามคำถามมากมายเขาเคยได้ยินชื่อบัณฑิตเฉินมาก่อนว่าเคยเป็นมหาบัณฑิตตำหนักหัวไก้ ราชครูประจำองค์รัชทายาท เป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาแก่จีจิ่งเหวินสมัยยังอยู่ที่ตำหนักบูรพาหลินจื่อโม่มีคนข้างกายที่สามารถใช้งานได้น้อยเกินไป โดยเฉพาะในราชสำนัก ต่อให้ไม่ใช่พวกเดียวกับหนิงซง ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกับหลินจื่อโม่ดังนั้น ปฏิกิริยาแรกหลังจากเขาได้ยินชื่อนี้ก็คืออยากลองดูว่าจะชักชวนให้มาเป็นพวกตนได้หรือไม่ อาศัยว่าเคยเป็นครูและศิษย์กันมาก่อน ดึงตัวผู้อาวุโสท่านนี้กลับมาทว่าคำตอบรับที่ได้มาคือ บัณฑิตเฉินเป็นโรคจักษุตั้งแต่กำเนิด จึงค่อย ๆ มองอะไรไม่ชัดแล้ว ดังนั้นจึงเกษียณไปเพื่อพักฟื้นเซี่ยเฟิ่งชิงอธิบายทุกอย่างที่นางรู้ให้เขาฟังโดยละเอียด บัณฑิตเฉินมีนามว่าซีเหนียน กำลังจะเข้าสู่วัยที่ฟังคำใด ๆ จิตก็ยังคงนิ่ง ซึ่งก็คือวัยหกสิบปีจงรักภักดี ตรงไปตรงมา ไม่ยอมก้มหัวให้เรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะเหตุนี้เองฮ่องเต้พร
Read More

บทที่ 29

“ข้า…ไม่มีอะไร เขาก็แค่มาขอรางวัลให้ขันทีคนหนึ่งที่ติดตามเขา ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร”หนิงไต้ซีพยายามแกล้งพูดอย่างสบาย ๆ สิ่งที่หลินจื่อโม่ทำกับนางเหล่านั้นน่าอัปยศเกินไป ต่อให้เป็นบิดาและน้องชายของตัวเองก็บอกไม่ได้แต่จะละไว้ไม่พูดถึงเลยแบบนี้ นางก็ไม่ยอมแววตาของหนิงไต้ซีเย็นเยียบ นางกล่าวเบา ๆว่า “เจ้าไปที่อารามต้าเต๋อซิ เตือนนักพรตเถาหน่อยว่า เขาไม่ได้ถวายยาอายุวัฒนะให้ฝ่าบาทมากี่วันแล้ว”หนิงไป๋ตะลึง “แต่ว่าท่านพ่อบอกแล้วว่า…”“สามเดือนนานเกินไป ข้ารอไม่ไหวแล้ว!”…หลินจื่อโม่ตื่นแล้ว ครั้งนี้เขาหลับลึกมาก ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหนื่อยเกินไป หรือว่าเพราะชัยชนะเล็ก ๆ น้อย ๆ ในท้องพระโรงเมื่อวานตื่นมาล้างหน้าล้างตาบ้วนปาก แต่งองค์ทรงเครื่องให้เรียบร้อย วันนี้เขาสวมชุดลำลองเซี่ยเฟิงชิงผูกผ้าคาดชุดให้เขาด้วยตนเอง พูดอย่างกังวลเล็กน้อยว่า “ฝ่าบาทจะออกไปนอกเมืองอีกแล้วหรือเพคะ? มีราษฎรผู้ประสบภัยมากขนาดนั้น อันตรายเกินไปนะเพคะ”หลินจื่อโม่ส่ายหัว “เราต้องไปให้ได้ ไม่เห็นพวกเขาทำงานกับตา เราไม่วางใจ”แม้ว่าเขาจะสั่งการให้แต่ละกรมไปบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยนอกเมืองแล้ว แต่ว่าเข
Read More

บทที่ 30

หลินจื่อโม่ก็เห็นแล้วผู้ประสบภัยคนหนึ่งที่ถึงคิวแล้วถือชามด้วยสองมือ ผู้สูงอายุที่ตักข้าวต้มให้ตักให้เขาหนึ่งทัพพีเต็ม ๆ ข้าวต้มถึงกับพูนขึ้นมาจนเห็นเป็นยอดสูงข้าวต้มนี้ไม่ได้แค่ข้น นี่แทบจะเป็นข้าวสวยที่หุงจนแฉะแล้วผู้ประสบภัยคนนั้นถือชามที่เต็มไปด้วยข้าวต้ม โค้งคำนับด้วยความซาบซึ้ง “พระมหากรุณาธิคุณยิ่งใหญ่นัก พระมหากรุณาธิคุณยิ่งใหญ่จริง ๆ”ขุนนางขั้นเจ็ดคนนั้นพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ระวังหน่อยนะ ข้าวต้มนี้ร้อนมาก”ถึงตอนนี้เขาเหมือนเพิ่งจะเห็นหลินจื่อโม่และคณะ โดยเฉพาะเมื่อเห็นเสื้อผ้าและดาบประจำตัวขององครักษ์ผ้าแพรแล้ว ก็รีบวางทัพพีในมือลง กำมือทำการคารวะ “คารวะใต้เท้าทุกท่าน”สวีต้าชุนกับหวังชิงเบี่ยงตัวออก ให้เห็นหลินจื่อโม่ที่อยู่ข้างหลังหลินจื่อโม่เดินไพล่หลังขึ้นไปข้างหน้า ใช้ทัพพีไม้ตักควานจากก้นหม้อขึ้นมาหนึ่งทัพพีข้าวใหม่แต่ละเม็ดที่สมบูรณ์ถูกต้มจนบาน ข้าวต้มหอมเตะจมูก“ไม่เลว”หลินจื่อโม่พยักหน้าและชมคำหนึ่ง ส่งทัพพีไม้คืนให้ผู้สูงอายุขุนนางคนนั้นถอนหายใจ พูดด้วยน้ำใสใจจริงว่า “ในสถานการณ์ภัยพิบัติเช่นนี้ ประชาชนใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ข้าน้อยก็เพียงแต่ทำ
Read More
ก่อนหน้า
123
DMCA.com Protection Status