Share

วายร้ายฮ่องเต้กำมะลอ
วายร้ายฮ่องเต้กำมะลอ
ผู้แต่ง: กุ้งยักษ์

บทที่ 1

ตำหนักกันเฉวียน

“ไม่…ไม่ได้นะ อย่าแตะต้องตัวข้า!”

ท่ามกลางเสียงตำหนิ หลินจื่อโม่เงยหน้าขึ้นอย่างงงงวย ร่างเพรียวบางที่คลุมเครือสายหนึ่งค่อยๆ ชัดเจนขึ้นต่อหน้าเขา

เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตางดงามดั่งเทพธิดาในภาพวาด แต่งกายหรูหรา เวลานี้ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจและความโกรธ ชุดกระโปรงถูกฉีกจนขาดหลายจุด แม้นางพยายามใช้แขนปิดบังแล้ว

หลินจื่อโม่มองภาพอันเย้ายวนตรงหน้าอย่างตะลึงงัน

เหมือนว่า…เขาจะเดินทางข้ามมิติแล้ว

“ไสหัวไป! เจ้า…เจ้ากล้าทำเช่นนี้กับข้าเชียวหรือ?!”

หญิงที่งามเหมือนหยาดน้ำค้างบนเตียงกล่าวตำหนิเขา ความอับอายและความโกรธปกคลุมเต็มใบหน้า

“ข้า? ดังนั้นนี่คือ…”

สิ่งนี้ทำให้หลินจื่อโม่อดไม่ได้ที่จะสูดลมเย็นทีหนึ่ง

บ้าเอ๊ย ตกลงเจ้าของร่างคนเดิมกำลังทำอะไรอยู่???

จากนั้นก็มีความทรงจำส่วนหนึ่งหลั่งไหลเข้ามาในสมองของเขาราวกับกระแสน้ำ

เขา เป็นตัวตายตัวแทนของฮ่องเต้ราชวงศ์ต้าเหยียน?!

จากความทรงจำ เจ้าของร่างคนเดิมมีหน้าตาที่เหมือนกับฮ่องเต้ไม่มีผิดเพี้ยน ดังนั้นจึงถูกจับเข้าวัง และไม่รู้เพราะอะไร คำสั่งแรกของฮ่องเต้ที่ป่วยออดแอดก็คือให้เขามาตำหนักกันเฉวียน

ต้องบอกก่อนว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นถึงนางสนมของฮ่องเต้องค์ก่อน

จากความทรงจำ เขาได้รู้ว่านางเป็นนางสนมคนสุดท้ายที่ฮ่องเต้องค์ก่อน แต่งงานเพื่อสะเดาะเคราะห์ตอนแก่ ใครจะรู้ว่าสะเดาะเคราะห์ไม่สำเร็จ กลับกันฮ่องเต้องค์ก่อนกลับสิ้นใจไปโดยพลัน

แต่ไม่นานหลินจื่อโม่ก็พบว่า จุดประสงค์ที่ฮ่องเต้เรียกเขามาตำหนักกันเฉวียนนั้นไม่ได้ง่ายเช่นนั้น

เหมือนว่าครั้นสมัยที่อายุยังน้อย ฮ่องเต้นั่นไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ดังนั้นจึงได้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไข ปัจจุบันขึ้นคลองราชบัลลังก์มาหลายปี ก็ยังไม่มีทายาทเสียที

ฮ่องเต้องค์หนึ่ง ไม่มีทายาท ก็เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากเช่นกัน

เจตนาที่ฮ่องเต้ให้พระเอกเข้ามานั้นชัดเจนมาก นั่นก็คือให้นางมีลูก!

ทั้งๆ ที่ฮ่องเต้นั่นก็มีฮองเฮา นี่คือ…ทำใจไม่ได้? ดังนั้นจึงให้เขามาตำหนักกันเฉวียน อีกทั้งหากทำงานไม่สำเร็จ เขาก็จะสามารถออกจากประตูบานนี้ไปได้

แต่เนื่องจากฝ่ายหญิงต่อต้านอย่างรุนแรง ดังนั้นจึงส่งผลให้เขามาถึงที่นี่

ในเวลานี้ หลินจื่อโม่จึงจะกวาดตามองผู้หญิงตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างละเอียด

นางดูยังอายุน้อยมาก ผมสีดำห้อยตกลงมาราวน้ำตก ขนตายาวสั่นไหว ดวงตาเหมือนมีหมอกปกคลุม ริมฝีปากแดง ฟันหยกเปล่งประกายราวกับผลึกแก้ว ลำคอเรียวงาม ผิวพรรณผ่องใส อวัยวะสัมผัสทั้งห้าละเอียดอ่อน ใบหน้างามเลิศ ทุกการเคลื่อนไหวแผ่กลิ่นอายอันยวนใจ

โดยเฉพาะดวงตาที่มีหมอกปกคลุม ราวกับมีตะขอแหลมกระชากวิญญาณ แม้จ้องหลินจื่อโม่อย่างโกรธเคือง ทว่าเขาเห็นแล้วแทบเข่าอ่อน

เป็นผู้หญิงที่งามเลิศจริงๆ

เหมือนว่าเวลานี้ เขาก็ไม่มีทางเลือกที่สองแล้ว

เช่นนั้นก็ได้แต่…

ทุกคนมองออกอยู่แล้ว เขาถูกบังคับ มันไม่ใช่เจตนาของเขา

“อย่าเข้ามา…เจ้าต้องการเกียรติยศหรือความมั่งคั่ง ข้าสามารถให้เจ้าได้ทั้งหมด! …ละเว้นข้า…”

เมื่อเห็นเขาเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ บนใบหน้าที่มีเสน่ห์ของอันหลิงซวิ่นเผยให้เห็นความหวาดกลัว ร่างกายก้าวถอยหลังไม่หยุด กระทั่งหลังติดกำแพง ไม่มีทางถอยแล้ว ท่าทางที่น่าเอ็นดู ใครเห็นแล้วก็สงสาร

ด้วยสถานะของนางในปัจจุบัน ถ้าหากนางเสียพรหมจรรย์ ในแง่ของธรรมเนียมปฏิบัติ นางมีแต่ตายสถานเดียว

“คนสวยโปรดให้อภัย ข้าเองก็ถูกบีบคั้นจนไม่มีทางเลือกเช่นกัน…”

หลินจื่อโม่กล่าวไปพลาง กลับเดินเข้าใกล้ทีละก้าวไปพลาง

พลันโบกฝ่ามือใหญ่ หลังจากเสื้อชั้นนอกที่ฉีกขาดร่วงหล่น ผิวพรรณอันขาวเนียนปรากฏ ราวกับในห้องที่มืดสลัวนี้สว่างขึ้นหลายส่วน

“เจ้า…เจ้าไม่ใช่ฮ่องเต้? เจ้าเป็นใครกันแน่?!”

พลันอันหลิงซวิ่นเหม่อลอยไปชั่วขณะ กระชากซ้ายปิดขวา กระชากขวาปิดซ้าย สุดท้ายเสื้อชั้นในก็ร่วงไปตกอยู่ที่ใต้เตียง

“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือวันนี้เจ้าต้องเป็นคนของข้า!” หลินจื่อโม่กระโจนเข้าไป กดมือทั้งสองข้างของนางไว้เหนือศีรษะ หลังจากนั้น จึงจะกระซิบข้างหูนางเบาๆ “ให้ความร่วมมือหน่อย ไม่เช่นนั้นพวกเราทั้งคู่ต้องตายอยู่ที่นี่”

อันหลิงซวิ่นที่เดิมทียังดิ้นรนอย่างสุดชีวิต ภายใต้การบอกใบ้ของเขา ราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง

คนตรงหน้าอาจไม่ใช่ฮ่องเต้ที่ป่วยออดแอดจริงๆ

“เอี๊ยดอ๊าด เอี๊ยดอ๊าด…”

หลินจื่อโม่ดันร่างกายท่อนบนขึ้น เริ่มใช้กำลังของมือและเท้าโยกเตียง

แม้กำลังเล่นละคร แต่ว่าเวลานี้ทั้งคู่กลับติดกันแน่น ทำให้หลินจื่อโม่อดไม่ได้ที่จะหายใจถี่ขึ้น

เขาเป็นผู้ชายปกติ ใต้ร่างกายมีหญิงงามเช่นนี้ เขาจะสามารถอดกลั้นได้อย่างไร?

แต่เขาก็รู้ดี วันที่หญิงงามผู้นี้ตั้งครรภ์ ก็คือวันตายของเขา

ดังนั้นเขาจำเป็นต้องอดกลั้น

“เจ้า…ช่วย…”

อาจเป็นเพราะโดนเขาทับจึงอึดอัด หรือความใกล้ชิดทางผิวหนังเช่นนี้ ทำให้อันหลิงซวิ่นรู้สึกไม่เป็นตัวเอง นางบิดตัวไปมา เหมือนต้องการหลีกเลี่ยงความใกล้ชิดเช่นนี้

“ซี๊ด…”

นางไม่บิดตัวยังดี เมื่อบิดตัวเช่นนี้ เกือบจะบิดวิญญาณของหลินจื่อโม่หลุดไปด้วย

“อย่าขยับส่งเดช!”

หลินจื่อโม่ตัดสินใจทับร่างกายครึ่งท่อนลงบนร่างนางให้รู้แล้วรู้รอด เดิมทีใบหน้าของเขาก็อยู่ตรงลำคอนาง ติ่งหูกลมๆ ที่น่ารักอยู่ข้างปากพอดี เขาอ้าปาก กัดเบาๆ ทีหนึ่งเป็นการลงโทษ

ทันใดนั้น ร่างกายอันหลิงซวิ่นสั่นสะท้าน จากนั้นก็หดเกร็งไปทั้งร่าง บนใบหน้านางเผยให้เห็นความตกใจ ความหวาดกลัว และความตื่นตระหนก นางจะผลักเขาออกโดยไม่รู้ตัวทันที

ทว่าเพราะการเคลื่อนไหวของนาง กลับยิ่งทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น

หลินจื่อโม่ก็ถูกนางทำเอาหมดคำพูดเช่นกัน

ถ้าหากนางไม่ให้ความร่วมมือ มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาทั้งคู่ยากจะได้เดินออกจากห้องนี้

เขาสงสัยขึ้นมาแล้ว

ผู้หญิงที่เข้าวัง ล้วนถูกนางกำนัลฝ่ายจรรยามารยาทของวังหลวงสอนเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงทำเหมือนเด็กน้อยที่ไม่รู้อะไรเลย?

เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่า ผู้หญิงของโลกนี้ได้รับการปลูกฝังตั้งแต่เด็ก ทั้งชีวิตสามารถปรนนิบัติสามีคนเดียว แนวคิดเรื่องพรหมจรรย์แรงกล้า

เดิมทีใกล้ชิดทางผิวหนังกับหลินจื่อโม่ อันหลิงซวิ่นก็ประหม่าแล้ว นับประสาอะไรกับติ่งหูที่มีความละเอียดอ่อนถูกรุกล้ำ ปฏิกิริยาของนางค่อนข้างรุนแรงก็เป็นเรื่องปกติ

ทว่าท่าทางที่น้ำตาคลอเบ้าของนาง…

กลับยิ่งทำให้เลือดของหลิงจื่อโม่พลุ่งพล่าน

เวลานี้แล้ว ยังจะขัดขืนอะไรอีก?!

บนใบหน้าที่มีเสน่ห์นั่น มีความขุ่นเคืองปนความน่าเอ็นดู  และยังมีการดึงดันไม่ยอมเสี้ยวหนึ่งแฝงอยู่

ใครจะไปทนไหว?

เหตุใดต้องทดสอบเขาเช่นนี้?

ทว่าระหว่างที่อันหลิงซวิ่นบิดตัวและดิ้นรนเช่นนี้นั้นเอง ก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น…

“อื้อ…”

หลังจากเสียงร้องที่เจ็บปวดสายหนึ่งดังขึ้น เตียงก็เริ่มโยกต่อ

ข้างนอก หลังจากเฉาสี่ขันทีคนสนิทฮ่องเต้ฟังได้พอประมาณแล้ว ก็เดินจากไปอย่างเงียบๆ

ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม ความเคลื่อนไหวในตำหนักกันเฉวียนค่อยๆ สงบลง

ภายในหนึ่งชั่วยามนี้ น้ำตาของอันหลิงซวิ่นราวกับไหลจนแห้ง หรืออาจเพราะไม่อยากให้ตัวเองส่งเสียงแปลกๆ อะไรออกมา นางกัดริมฝีปากแดงเบาๆ ทำให้ริมฝีปากแลดูซีดเล็กน้อย ดวงตาที่แดงก่ำ จ้องหลินจื่อโม่ที่นอนทับอยู่บนตัวนาง

หลินจื่อโม่ก็ปวดหัวเช่นกัน

คราวนี้ เกรงว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแล้ว

ทั้งๆ ที่นางเป็นคนทำร้ายเขา แต่ปรากฏว่านางยังทำท่าทางเหมือนเขารังแกนาง หลินจื่อโม่ก็ไม่ได้ตามใจนาง “อย่า…”

อันหลิงซวิ่นมองเขาอย่างหวาดกลัว

นี่ยังเป็นคนอยู่อีกหรือ?

ทั้งๆ ที่เมื่อครู่เสร็จกิจไปแล้วชัด ๆ

ด้วยเหตุนี้ นางยิ่งมั่นใจว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ฮ่องเต้จริงๆ

เพราะจริงๆ แล้ว หลายปีนี้มีข่าวลือที่เกี่ยวกับฮ่องเต้แพร่หลายมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม ขึ้นครองราชบัลลังก์หลายปีแล้ว ก็ไม่มีข่าวเกี่ยวกับทายาทใดๆ เห็นได้ชัดว่านี่มันผิดปกติ

เริ่มแล้ว หลินจื่อโม่ก็ไม่ได้คิดจะหยุด

เตียงเริ่มโยกอีกครั้ง…

“จำไว้ ข้าถึงจะเป็นฮ่องเต้ที่แท้จริง!”

หลินจื่อโม่กัดติ่งหูของนางเบาๆ กล่าวข้างหูนางด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำประโยคหนึ่ง แล้วลุกลงจากเตียง

เขารู้สถานการณ์ของตัวเองเป็นอย่างดี ตอนนี้ หากเขาอยากมีชีวิตรอด เช่นนั้นก็มีเส้นทางเดียวที่สามารถเลือกเดินได้…เข้ามาแทนที่

ตอนนี้ ทั้งวังหลวง มีเพียงคนสองคนที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา คนหนึ่งคือฮ่องเต้ อีกคนคือเฉาสี่ขันทีคนสนิทของฮ่องเต้ คนอื่นๆ ถูกกำจัดทิ้งไปนานแล้ว

ตอนที่หลินจื่อโม่เดินออกจากประตู เฉาสี่ได้รออยู่ตรงนั้นนานแล้ว

เฉาสี่กวาดมองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง จึงจะกล่าวขึ้น “เหตุใดจึงนานเช่นนี้ ตามข้ามาเถอะ”

“เหอะ!”

หลินจื่อโม่เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แค่ขันทีคนหนึ่งจะไปรู้อะไร?

นานไม่น่าอาย!

ไม่นานสิถึงจะน่าอาย?!

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status