บททั้งหมดของ เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ: บทที่ 171 - บทที่ 180

730

บทที่ 171

“เจ้าจะเปลี่ยนธนูคันใหม่หรือไม่?”ฉินเย่ว์เจียวหันกลับมาขวับและจ้องเฉินฝานอยู่นานกว่าจะพูด“ข้า……ไม่อยากเปลี่ยน!”เมื่อก่อน เฉินฝานเตือนนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นผู้หญิงใช้ธนูอะไรกันเขาไม่อนุญาตให้นางสัมผัสธนูมาระยะหนึ่งแล้ว นางกังวลว่าเฉินฝานเพียงต้องการทดสอบนาง“ไม่เปลี่ยนจริงหรือ? เช่นนั้นก็ช่าง…...”“จริงหรือเจ้าคะ?” ฉินเย่ว์เจียวเกือบจะตะครุบเฉินฝานเฉินฝานก้มศีรษะลงเล็กน้อยและเห็นใบหน้าที่สวยงามของฉินเย่ว์เจียว ดวงตาที่เหมือนหยดน้ำของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง โหนกแก้มสองข้างแดงก่ำ รอบตัวเต็มไปด้วยลมหายใจที่มีชีวิตชีวาเฉินฝานอดไม่ได้จึงแตะปลายจมูกของฉินเย่ว์เจียวแผ่วเบา “จริงสิ”เขาไม่ใช่คนโบราณ ความคิดของเขาก็ไม่ได้ล้าหลังขนาดนั้น ผู้หญิงไม่สามารถร่ำเรียนหรือรู้ศิลปะการต่อสู้ได้ล้วนแต่เป็นสิ่งเพ้อเจ้อเมื่อก่อนเขาไม่อนุญาตให้นางใช้ เพราะนางระวังเขามากเกินไป ที่สำคัญก็มีนิสัยหุนหันพลันแล่น เขากลัวว่านางจะก่อปัญหาจึงไม่ให้นางใช้ตอนนี้ไม่ต้องกังวลแล้วสมัยโบราณแตกต่างจากสมัยปัจจุบัน บางทีก็มีสัตว์ป่าปรากฏตัว ประกบอกับสถานการณ์ในปัจจุบันไม่ดีและการรักษาความปลอดภัยก็ยุ่งเหยิ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 172

“เช่นนั้นข้าขอปิ่นปักยาวดอกไม้มุกหนึ่งอันก็พอแล้ว”ใบหน้าที่อ่อนโยนและเรียบนิ่งของฉินเย่ว์โหรว แสดงไว้ด้วยรอยยิ้มอันแสนหวานคำว่า “ดอกไม้มุก” สามคำ เผยให้เห็นถึงความชอบในความงามของนาง“แค่ปิ่นยาวดอกไม้มุกหนึ่งอันได้อย่างไร? ข้าบอกแล้วว่าห้าอย่างก็ต้องมีห้าอย่างสิ”“นายท่านพูดถูก” ฉินเย่ว์ฉู่เอียงหัว ดวงตาไข่มุกสีดำจ้องไปที่ฉินเย่ว์ฉู่“พี่สี่ พี่เกิดมาสวยขนาดนี้ มีแค่ปิ่นยาวอย่างเดียวไม่พอจริง ๆ พี่ควรมีปิ่นระย้า ปิ่นสับ[footnoteRef:1] ปลอกแขนและสายคาดเอวพวกนี้ด้วย” [1: ปิ่นสับ คือ ส่วนหัวของปิ่นทำเป็นแผ่นทรงเหลี่ยมหรือทรงกลม] “ไม่ได้ ๆ ของเหล่านี้มีแต่บุตรีคนโตกับคุณหนูตระกูลร่ำรวยเท่านั้นถึงจะใช้ได้ ถ้าข้าใส่มันคงจะดูโอ่อ่าเกินไป”“อะไรที่ไม่เหมาะสม เรายังไม่ซื้อตอนนี้ อันไหนที่เหมาะสม พวกเจ้าค่อยซื้อพรุ่งนี้ วันหลังเมื่อพวกเรากลายเป็นตระกูลใหญ่ สิ่งที่เย่ว์ฉู่กล่าวถึงเหล่านั้นข้าจะชดเชยให้ทั้งหมด”คำพูดประโยคหลังของเฉินฝาน ไม่เพียงแต่พูดกับภรรยาของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตัวเขาด้วย“ซื้อสร้อยหยกและพลอยที่สวมใส่ตรงคอแบบเรียบง่ายให้กับเสียวฉู่เถอะเจ้าค่ะ” ฉินเย่ว์โหรวกล่า
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 173

“อืม”เสียงงึมงำที่เกียจคร้านและละเอียดอ่อนดังมาจากอ้อมแขนของเฉินฝาน และมีสิ่งนุ่มนวลและอบอุ่นกำลังดิ้นเล็กน้อยอยู่ในอ้อมแขนของเขาทันทีที่เฉินฝานเคลื่อนไหว เสียงงึมงำดังขึ้นต่อเนื่องพร้อมกับขยับตัวเข้าไปในอ้อมแขนและทิ้งศีรษะลงบนแขนของเขาตามมาด้วยกลิ่นหอมสดชื่นแตะที่ปลายจมูกนี่คือ......“หนาว~” เป็นเสียงพึมพำที่แผ่วเบาและอ่อนโยนเป็นเสียงของฉินเย่ว์โหรวหืม?ทำไมนางถึงนอนในอ้อมแขนของเขา?เฉินฝานถอยตัวออกเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ พยายามคิดว่าเกิดสิ่งใดขึ้นปรากฏว่า เมื่อเขาเพิ่งถอยตัว…...เท้าเล็ก ๆ ข้างหนึ่งก็พาดจากอีกข้างขึ้นมาอยู่บนท้องของเขาเฉินฝานหันกลับมาก็พบว่ามีหัวเล็กปุกปุยอยู่ตรงหน้าเด็กอายุสิบขวบจะมีท่านอนที่ดีได้อย่างไร ขาข้างหนึ่งพาดอยู่บนท้องของเฉินฝาน จากนั้นขาอีกข้างหนึ่งก็พาดขึ้นไปอีกทั้งตัวอยู่ในแนวนอนอย่างสมบูรณ์ ท่านอนนั้นเผด็จการยิ่งนัก“เสียวฉู่ อย่าขยับสิ!”ฉินเย่ว์เจียวที่อยู่ริมสุดตีฉินเย่ว์ฉู่หนึ่งทีแล้วหันหลังกลับไปนอนต่อ“นายท่าน!”ฉินเย่ว์เจียวที่เพิ่งหันกลับไปพลันลุกขึ้นนั่งเมื่อพบว่าน้องสาวนอนหลับในสภาพระเกะระกะบนตัวเฉินฝาน นางก็แสดงสีห
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 174

เมื่อพูดถึงเรื่องของชายและหญิง พี่น้องสองสามคนนี้ แต่ละคนขี้กลัวและขี้อายกว่าอีกคนหนึ่งช่างเถอะ ไม่หยอกล้อพวกนางแล้วเฉินฝานลงจากเตียงเตาก่อน เมื่อหันกลับมาก็พบว่าพี่น้องสองสามคนนั้นยังอยู่ในท่าเดิม“ท้องฟ้าสว่างหมดแล้ว จะไม่ไปซื้อของใช้ในเรือนกับเครื่องประดับใหม่ที่ตัวอำเภอแล้วหรือ? ยังนั่งอยู่ทำไม ยังไม่รีบมาช่วยข้ามัดผมอีก”ในสมัยโบราณผู้ชายทุกคนไว้ผมยาว แม้ว่าเดินทางผ่านกาลเวลามานานขนาดนี้ เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีในความเป็นจริง ไม่ใช่แค่เฉินฝานเท่านั้นที่มัดผมไม่เป็น ผู้ชายส่วนใหญ่ในราชวงศ์ต้าชิ่งก็มัดผมไม่เป็นผู้ชายในราชวงศ์ต้าชิ่ง ก่อนแต่งงานแม่เป็นผู้มัดผมให้ หลังจากแต่งงานแล้วภรรยาเป็นผู้มัดให้หากเฉินฝานตื่นเช้า เขาจะมัดมันด้วยเชือกแบบสบาย ๆ และรอกระทั่งพี่น้องตระกูลฉินตื่น จากนั้นถึงขอให้พวกนางช่วยมัดผมให้เขาอีกที“นายท่าน ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”ฉินเย่ว์โหรวลุกออกจากเตียงเตาด้วยความตื่นตระหนก หากเฉินฝานจับนางไม่ทัน นางคงล้มฟาดพื้นแล้ว“ระวัง” เฉินฝานก้มศีรษะลงและเตือนไม่ต้องมองก็รู้ว่าใบหน้าเล็กของคนในอ้อมแขนคงแดงระเรื่ออีกครั้งเป็นแน่“ขอบคุณนายท่านเจ้าค่ะ”เสียง
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 175

“น้องสี่ ทำไมวันนี้ช้ากว่าเมื่อวานล่ะ? เพราะว่านายท่านไม่โกรธเจ้าเลยยิ่งทำตามอำเภอใจรึ หากทำเช่นนี้อีกก็ให้เสียวฉู่มัดผมให้นายท่านเถอะ”เสียงของฉินเย่ว์เจียวเรียกเฉินฝานกับฉินเย่ว์โหรวที่เหม่อลอยกลับมาพร้อมกัน……เนื่องจากเขาต้องไปซื้อของ เฉินฝานจึงให้เฉินผิงหยุดหนึ่งวัน และวันนี้เขาจะไปส่งปลาเองนอกเหนือไปส่งปลา เขายังมีเรื่องจะหารือกับหลี่ซานนั่นคือหากถนนถูกปกคลุมด้วยหิมะ เขาอาจไม่สามารถจัดหาปลาให้ได้ แต่จะขอให้หลี่ซานเขียนหลักประกันว่าหากถนนโล่งแล้วเขาจะเป็นผู้จัดหาปลาให้ดั่งเคยหลี่ซานเป็นคนเด็ดขาดเหมือนกันเขากล่าวว่าหากถนนถูกปิดด้วยหิมะที่ตกหนัก แล้วเฉินฝานไม่สามารถจัดหาปลาได้ เขาจะหยุดขายปลาชั่วคราวและจะกลับมาขายปลาอีกครั้งหลังจากที่เฉินฝานสามารถจัดหาปลาได้ตามปกติเมื่อเป็นการค้าขายก็หารือตามระเบียบการค้าขายหลี่ซานตอบตกลงอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพราะน้ำใจทั้งหมดส่วนโรงงานไข่ปลา เมื่อเทศกาลปีใหม่ใกล้มาถึง สินค้าทั้งหมดที่ควรส่งออกก็ส่งออกไปหมดแล้ว เฉินฝานเสนอกับหลี่ซานว่าเช่นนั้นก็หยุดพักผ่อนชั่วคราวและกลับมาทำงานต่อหลังผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ ให้เหล่าหญิงสาวได้กลับเรือนไปฉลอ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 176

หิมะตกหนักจนปิดถนนและไม่สามารถออกไปซื้อวัตถุดิบสดใหม่ได้ปลาและเนื้อรมควันก็เป็นอาหารจานหนึ่ง“เสี่ยวฝาน”“พี่ฝาน”ระหว่างทางไปเรือนเฉินผิง มีคนมากมายทักทายเฉินฝานเมื่อก่อนใช้เวลาเพียงห้าหรือหกนาทีก็ถึงเรือนเฉินผิง แต่ตอนนี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบนาที เพราะเขาอยากตอบกลับกับผู้คนที่ทักทายเขายกเว้นคนที่ไม่ชอบเฉินฝานเอามาก ตอนนี้คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านปฏิบัติกับเฉินฝานสุภาพมากคนที่ไม่อยากเห็นเฉินฝาน แทนที่จะกล่าวว่าไม่อยากเห็น มิสู้กล่าวว่ารู้สึกอิจฉาคนที่พวกเขาเคยหัวเราะเยาะตลอดทั้งวัน ตอนนี้มีชีวิตดีกว่า ไม่เพียงดีกว่าเล็กน้อย แม้จะเขย่งเท้าแต่ก็ไม่สามารถไปถึงระดับของเฉินฝานได้ทุกวันนี้เฉินฝานนำหน้าครอบครัวที่ร่ำรวยอย่างเฉินเจียงในหมู่บ้านไปแล้ว และเกือบจะอยู่ในระดับเดียวกับหัวหน้าหมู่บ้านเมื่อเฉินฝานมาถึง เฉินผิงเพิ่งกลับมาจากหมู่บ้านใกล้เคียง เขาไปหาหม่าเซียนเพื่อหาฤกษ์“เสี่ยวฝาน”เมื่อเฉินฝานกล่าวคำอำลากับเฉินผิงเตรียมจะกลับเรือน เฉินผิงเรียกตัวไว้หลังจากเฉินฝานหันกลับมา เขาก็ทำท่าลังเลราวกับว่าอยากพูดแต่ไม่กล้าพูด“ท่านลุง มีอะไรก็จงพูดเถอะขอรับ”“เสี่ยวฝาน ในอดี
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 177

เมื่อใกล้ถึงเวลาเหม่า[footnoteRef:1] ข้างนอกเรือนของเฉินฝานเริ่มคึกคัก [1: เวลาเหม่า หมายถึงช่วงเวลาระหว่าง 05:00 น. - 07:00 น.] เฉียนลิ่ว จูจื้ออันและคนอื่น ๆ แบกหมูตัวหนึ่งที่ถูกเชือดมาถึงหน้าประตูหน้าเรือนของเฉินฝานและรอเวลาเข้าไปเฉินฝานซื้อหมูก่อนที่ถนนจะถูกปิดหลายวันที่ผ่านมาฝากเลี้ยงไว้ที่เรือนของเฉินผิง“ถึงเวลาเหม่าแล้ว!” เฉินซิ่นลุงคนที่สามของตระกูลเฉินยืนประกาศเวลาอยู่ข้างประตูเสียงของเฉียนลิ่วดังขึ้นตามหลังลุงสามอย่างต่อเนื่อง เขาตะโกนลั่นใส่ประตูที่ปิดอยู่ตรงหน้า “เข้าเรือน!”“นายท่าน!” ฉินเย่ว์ฉู่กระโดดขึ้นลงอยู่ด้านข้างเฉินฝาน “รีบจุดประทัดเร็วเข้า ๆ!”“ได้เลย”เมื่อได้รับการปลุกเร้า เฉินฝานมีความสุขมากเช่นกัน ธูปหนึ่งดอกที่ถืออยู่ในมือยื่นเข้าหาประทัดแถวยาวที่แขวนอยู่ตรงประตู“เข้าเรือนกัน เข้าเรือนกัน!”ท่ามกลางเสียงปลุกเร้าเป็นพัก ๆ และเสียงประทัดที่ดังเปรี้ยงปร้าง เฉียนลิ่วและคนอื่นๆ ก็แบกหมูเดินเข้าเรือนของเฉินฝานงานขึ้นเรือนใหม่เริ่มต้นขึ้น ณ เวลานี้คนที่เดินเข้ามาในเรือนของเฉินฝานและเดินตามหลังเฉียนลิ่วกับคนอื่น ๆ คือกลุ่มภรรยาของสมาชิกของตระกูล
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 178

แม้ว่าตอนนี้เฉินเจียงยังไม่ใช่ถงเซิง แต่เขาเริ่มเรียนการเบิกความสว่างทางจิตใจตั้งแต่อายุ 16 และหยุดไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งหมายความว่าเขาเพิ่งเรียนไปเพียงสองปี สอบไม่ผ่านนับว่าเป็นเรื่องปกติที่สำคัญ อาจารย์เฉียนบอกเขาว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมา บทกวีของเฉินเจียงก้าวหน้ามาก ด้วยความสามารถในปัจจุบันของเฉินเจียง หากสอบระดับถงเซิงให้ผ่านไม่ใช่ปัญหาแน่นอนผู้ใหญ่บ้านเป็นคนฉลาด เขาไม่รู้แผนการในใจของเฉินฝูได้อย่างไรและความฉลาดทางอารมณ์ของเขานั้นสูงกว่าเฉินฝูวันนี้เป็นวันของเฉินฝาน จึงยอมไว้หน้าเขา“พี่ฝู พี่ต่างหากคือคนที่มีบุญบารมีที่สุด บัณฑิตมีเฉินเจียง การค้ามีเฉินฝาน”“เฮ้อ! ไม่เท่าไหร่หรอก? ยังเทียบกับท่านไม่ได้เลย”เฉินฝูกล่าวอย่างถ่อมตัว แต่ในใจรู้สึกชอบใจมาก สายตาของเขาพลางตกลงบนโต๊ะด้านขวาคนที่นั่งอยู่โต๊ะนั้นล้วนเป็นคนหนุ่มสาวจากหมู่บ้านที่ไปสถานศึกษาในสมัยโบราณให้ความสำคัญกับบัณฑิตชนชั้นนำ กสิกร กรรมกรและพ่อค้าวาณิชย์มาก และสถานะของบัณฑิตนั้นย่อมอยู่ระดับสูงอายุเท่ากันแต่พวกเขากลับไม่ต้องทำงานและยังได้นั่งห้องเดียวกับผู้ใหญ่ ได้รับการดูแลแบบเดียวกับผู้ใหญ่ซึ่งแตกต่างจากควา
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 179

“อวิ๋นอิง นี่เจ้าทำอะไร?”เฉียนหย่งเหนียนรีบเดินออกไปและพูดเสียงดังกับมั่วอวิ๋นอิง “เจ้าไม่เห็นหรือว่ามีงานเลี้ยงฉลอง ทำไมถึงตะโกนเช่นนี้?”ผู้อื่นกำลังจัดงานเลี้ยงขึ้นเรือนใหม่ แต่ลูกสะใภ้ของตนกลับตะโกนและวิ่งเข้ามา เสียมารยาทมากยิ่งไปกว่านั้น ไม่เหลือภาพลักษณ์เลยสักนิดปิ่นปักผมที่เกล้าผมของมั่วอวิ๋นอิงหลุดตั้งแต่นางวิ่งเข้ามา ผมเผ้ากระเซิงเหมือนหญิงสติไม่ดี“นายท่าน พี่หรงน้อย พี่หรงน้อยของเรา พี่หรงน้อยของเรา เขา เขา……”ใบหน้าของมั่วอวิ๋นอิงซีดเซียว สีหน้าหวาดกลัวและตื่นตระหนก พูดจาสะเปะสะปะ ผ่านไปเกือบครึ่งค่อนวันก็พูดอะไรไม่ออก“เขาเป็นอะไรไปเล่า? พี่หรงน้อยเป็นไรไป? เจ้าพูดสิ!” เฉียนหย่งเหนียนขมวดคิ้วและโกรธเนื่องจากมีผู้คนมากมายมองดูเขา วันนี้ทำตัวเสียมารยาทจริง จากนี้ไปคนในหมู่บ้านจะมองเขาอย่างไร“หย่งเหนียน เจ้าจะตะคอกทำไม?”เมื่อเห็นมั่วอวิ๋นอิงในสภาพนี้ ผู้ใหญ่บ้านจึงเดินออกมาตำหนิเฉียนหย่งเหนียน ด้วยประสบการณ์ที่มีมากมาย เขาสัมผัสได้แล้วว่าเกิดเรื่องขึ้นกับพี่หรงน้อยเป็นน้อยผู้ใหญ่บ้านมีลูกชายเฉียนหย่งเหนียนเพียงคนเดียวเมื่อเฉียนหย่งเหนียนอายุได้สิบห้าปี ผู
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 180

“หมอ ช่วยดูอาการหลานข้าด้วย”นางหูผู้เป็นภรรยาของผู้ใหญ่บ้านอุ้มเด็กไปหาหมอทันที“หมอ โปรดช่วยลูกชายของข้าด้วย ข้าขอร้อง ๆ” มั่วอวิ๋นอิงที่อยู่ข้างนางหูพนมมือขอร้องไม่หยุด“นายหญิงทั้งสองอย่าเพิ่งใจร้อน เอาเด็กให้ข้าตรวจอาการดูก่อนเถิด”หมอรับเด็กจากอ้อมแขนของนางหู ขณะเดียวกันก็พูดกับเฉียนหย่งเหนียน “ไปหยิบเตาอั้งโล่สองสามอันมาที่นี่โดยเร็ว”อากาศหนาวเหน็บ คนจะเกิดภาวะตัวเย็นได้ง่ายหลังจากตกลงไปในน้ำ การให้ความอบอุ่นเป็นขั้นตอนแรกของการรักษาหมออุ้มเด็กเข้าไปในห้องนอน หลังจากเฉียนหย่งเหนียนอุ้มเตาอั้งโล่เข้าไป หมอก็บอกให้เขาปิดประตูผู้ใหญ่บ้านไม่ได้ตามเข้าไปด้วยและนั่งรอที่ห้องโถง แม้ว่าเขานั่งตัวตรงสุภาพมาก แต่คนที่สายตาดีย่อมสังเกตเห็นได้ว่าบนหน้าผากของผู้ใหญ่บ้านมีเหงื่อผุดบาง ๆผู้คนรวมตัวกันอยู่ข้างนอกเรือนของผู้ใหญ่บ้านต่างก็พูดกันไปต่าง ๆ นานา“เฮ้อ!” ผู้เฒ่าหลี่ส่ายหัว “ข้าดูสภาพพี่หรงน้อยแล้ว คงแย่แล้วล่ะ”“ผู้เฒ่าหลี่ ถ้าท่านไม่พูดก็ไม่มีใครถือว่าท่านเป็นใบ้!”“เอาล่ะ ๆ ข้าไม่พูดแล้ว”“เมื่อครู่นี้ข้าเห็นแล้วว่าภรรยาของหย่งเหนียนไม่ได้เกล้าผมและวิ่งออกไปทั้งเท้าเ
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
1617181920
...
73
DMCA.com Protection Status