หิมะตกหนักจนปิดถนนและไม่สามารถออกไปซื้อวัตถุดิบสดใหม่ได้ปลาและเนื้อรมควันก็เป็นอาหารจานหนึ่ง“เสี่ยวฝาน”“พี่ฝาน”ระหว่างทางไปเรือนเฉินผิง มีคนมากมายทักทายเฉินฝานเมื่อก่อนใช้เวลาเพียงห้าหรือหกนาทีก็ถึงเรือนเฉินผิง แต่ตอนนี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบนาที เพราะเขาอยากตอบกลับกับผู้คนที่ทักทายเขายกเว้นคนที่ไม่ชอบเฉินฝานเอามาก ตอนนี้คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านปฏิบัติกับเฉินฝานสุภาพมากคนที่ไม่อยากเห็นเฉินฝาน แทนที่จะกล่าวว่าไม่อยากเห็น มิสู้กล่าวว่ารู้สึกอิจฉาคนที่พวกเขาเคยหัวเราะเยาะตลอดทั้งวัน ตอนนี้มีชีวิตดีกว่า ไม่เพียงดีกว่าเล็กน้อย แม้จะเขย่งเท้าแต่ก็ไม่สามารถไปถึงระดับของเฉินฝานได้ทุกวันนี้เฉินฝานนำหน้าครอบครัวที่ร่ำรวยอย่างเฉินเจียงในหมู่บ้านไปแล้ว และเกือบจะอยู่ในระดับเดียวกับหัวหน้าหมู่บ้านเมื่อเฉินฝานมาถึง เฉินผิงเพิ่งกลับมาจากหมู่บ้านใกล้เคียง เขาไปหาหม่าเซียนเพื่อหาฤกษ์“เสี่ยวฝาน”เมื่อเฉินฝานกล่าวคำอำลากับเฉินผิงเตรียมจะกลับเรือน เฉินผิงเรียกตัวไว้หลังจากเฉินฝานหันกลับมา เขาก็ทำท่าลังเลราวกับว่าอยากพูดแต่ไม่กล้าพูด“ท่านลุง มีอะไรก็จงพูดเถอะขอรับ”“เสี่ยวฝาน ในอดี
เมื่อใกล้ถึงเวลาเหม่า[footnoteRef:1] ข้างนอกเรือนของเฉินฝานเริ่มคึกคัก [1: เวลาเหม่า หมายถึงช่วงเวลาระหว่าง 05:00 น. - 07:00 น.] เฉียนลิ่ว จูจื้ออันและคนอื่น ๆ แบกหมูตัวหนึ่งที่ถูกเชือดมาถึงหน้าประตูหน้าเรือนของเฉินฝานและรอเวลาเข้าไปเฉินฝานซื้อหมูก่อนที่ถนนจะถูกปิดหลายวันที่ผ่านมาฝากเลี้ยงไว้ที่เรือนของเฉินผิง“ถึงเวลาเหม่าแล้ว!” เฉินซิ่นลุงคนที่สามของตระกูลเฉินยืนประกาศเวลาอยู่ข้างประตูเสียงของเฉียนลิ่วดังขึ้นตามหลังลุงสามอย่างต่อเนื่อง เขาตะโกนลั่นใส่ประตูที่ปิดอยู่ตรงหน้า “เข้าเรือน!”“นายท่าน!” ฉินเย่ว์ฉู่กระโดดขึ้นลงอยู่ด้านข้างเฉินฝาน “รีบจุดประทัดเร็วเข้า ๆ!”“ได้เลย”เมื่อได้รับการปลุกเร้า เฉินฝานมีความสุขมากเช่นกัน ธูปหนึ่งดอกที่ถืออยู่ในมือยื่นเข้าหาประทัดแถวยาวที่แขวนอยู่ตรงประตู“เข้าเรือนกัน เข้าเรือนกัน!”ท่ามกลางเสียงปลุกเร้าเป็นพัก ๆ และเสียงประทัดที่ดังเปรี้ยงปร้าง เฉียนลิ่วและคนอื่นๆ ก็แบกหมูเดินเข้าเรือนของเฉินฝานงานขึ้นเรือนใหม่เริ่มต้นขึ้น ณ เวลานี้คนที่เดินเข้ามาในเรือนของเฉินฝานและเดินตามหลังเฉียนลิ่วกับคนอื่น ๆ คือกลุ่มภรรยาของสมาชิกของตระกูล
แม้ว่าตอนนี้เฉินเจียงยังไม่ใช่ถงเซิง แต่เขาเริ่มเรียนการเบิกความสว่างทางจิตใจตั้งแต่อายุ 16 และหยุดไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งหมายความว่าเขาเพิ่งเรียนไปเพียงสองปี สอบไม่ผ่านนับว่าเป็นเรื่องปกติที่สำคัญ อาจารย์เฉียนบอกเขาว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมา บทกวีของเฉินเจียงก้าวหน้ามาก ด้วยความสามารถในปัจจุบันของเฉินเจียง หากสอบระดับถงเซิงให้ผ่านไม่ใช่ปัญหาแน่นอนผู้ใหญ่บ้านเป็นคนฉลาด เขาไม่รู้แผนการในใจของเฉินฝูได้อย่างไรและความฉลาดทางอารมณ์ของเขานั้นสูงกว่าเฉินฝูวันนี้เป็นวันของเฉินฝาน จึงยอมไว้หน้าเขา“พี่ฝู พี่ต่างหากคือคนที่มีบุญบารมีที่สุด บัณฑิตมีเฉินเจียง การค้ามีเฉินฝาน”“เฮ้อ! ไม่เท่าไหร่หรอก? ยังเทียบกับท่านไม่ได้เลย”เฉินฝูกล่าวอย่างถ่อมตัว แต่ในใจรู้สึกชอบใจมาก สายตาของเขาพลางตกลงบนโต๊ะด้านขวาคนที่นั่งอยู่โต๊ะนั้นล้วนเป็นคนหนุ่มสาวจากหมู่บ้านที่ไปสถานศึกษาในสมัยโบราณให้ความสำคัญกับบัณฑิตชนชั้นนำ กสิกร กรรมกรและพ่อค้าวาณิชย์มาก และสถานะของบัณฑิตนั้นย่อมอยู่ระดับสูงอายุเท่ากันแต่พวกเขากลับไม่ต้องทำงานและยังได้นั่งห้องเดียวกับผู้ใหญ่ ได้รับการดูแลแบบเดียวกับผู้ใหญ่ซึ่งแตกต่างจากควา
“อวิ๋นอิง นี่เจ้าทำอะไร?”เฉียนหย่งเหนียนรีบเดินออกไปและพูดเสียงดังกับมั่วอวิ๋นอิง “เจ้าไม่เห็นหรือว่ามีงานเลี้ยงฉลอง ทำไมถึงตะโกนเช่นนี้?”ผู้อื่นกำลังจัดงานเลี้ยงขึ้นเรือนใหม่ แต่ลูกสะใภ้ของตนกลับตะโกนและวิ่งเข้ามา เสียมารยาทมากยิ่งไปกว่านั้น ไม่เหลือภาพลักษณ์เลยสักนิดปิ่นปักผมที่เกล้าผมของมั่วอวิ๋นอิงหลุดตั้งแต่นางวิ่งเข้ามา ผมเผ้ากระเซิงเหมือนหญิงสติไม่ดี“นายท่าน พี่หรงน้อย พี่หรงน้อยของเรา พี่หรงน้อยของเรา เขา เขา……”ใบหน้าของมั่วอวิ๋นอิงซีดเซียว สีหน้าหวาดกลัวและตื่นตระหนก พูดจาสะเปะสะปะ ผ่านไปเกือบครึ่งค่อนวันก็พูดอะไรไม่ออก“เขาเป็นอะไรไปเล่า? พี่หรงน้อยเป็นไรไป? เจ้าพูดสิ!” เฉียนหย่งเหนียนขมวดคิ้วและโกรธเนื่องจากมีผู้คนมากมายมองดูเขา วันนี้ทำตัวเสียมารยาทจริง จากนี้ไปคนในหมู่บ้านจะมองเขาอย่างไร“หย่งเหนียน เจ้าจะตะคอกทำไม?”เมื่อเห็นมั่วอวิ๋นอิงในสภาพนี้ ผู้ใหญ่บ้านจึงเดินออกมาตำหนิเฉียนหย่งเหนียน ด้วยประสบการณ์ที่มีมากมาย เขาสัมผัสได้แล้วว่าเกิดเรื่องขึ้นกับพี่หรงน้อยเป็นน้อยผู้ใหญ่บ้านมีลูกชายเฉียนหย่งเหนียนเพียงคนเดียวเมื่อเฉียนหย่งเหนียนอายุได้สิบห้าปี ผู
“หมอ ช่วยดูอาการหลานข้าด้วย”นางหูผู้เป็นภรรยาของผู้ใหญ่บ้านอุ้มเด็กไปหาหมอทันที“หมอ โปรดช่วยลูกชายของข้าด้วย ข้าขอร้อง ๆ” มั่วอวิ๋นอิงที่อยู่ข้างนางหูพนมมือขอร้องไม่หยุด“นายหญิงทั้งสองอย่าเพิ่งใจร้อน เอาเด็กให้ข้าตรวจอาการดูก่อนเถิด”หมอรับเด็กจากอ้อมแขนของนางหู ขณะเดียวกันก็พูดกับเฉียนหย่งเหนียน “ไปหยิบเตาอั้งโล่สองสามอันมาที่นี่โดยเร็ว”อากาศหนาวเหน็บ คนจะเกิดภาวะตัวเย็นได้ง่ายหลังจากตกลงไปในน้ำ การให้ความอบอุ่นเป็นขั้นตอนแรกของการรักษาหมออุ้มเด็กเข้าไปในห้องนอน หลังจากเฉียนหย่งเหนียนอุ้มเตาอั้งโล่เข้าไป หมอก็บอกให้เขาปิดประตูผู้ใหญ่บ้านไม่ได้ตามเข้าไปด้วยและนั่งรอที่ห้องโถง แม้ว่าเขานั่งตัวตรงสุภาพมาก แต่คนที่สายตาดีย่อมสังเกตเห็นได้ว่าบนหน้าผากของผู้ใหญ่บ้านมีเหงื่อผุดบาง ๆผู้คนรวมตัวกันอยู่ข้างนอกเรือนของผู้ใหญ่บ้านต่างก็พูดกันไปต่าง ๆ นานา“เฮ้อ!” ผู้เฒ่าหลี่ส่ายหัว “ข้าดูสภาพพี่หรงน้อยแล้ว คงแย่แล้วล่ะ”“ผู้เฒ่าหลี่ ถ้าท่านไม่พูดก็ไม่มีใครถือว่าท่านเป็นใบ้!”“เอาล่ะ ๆ ข้าไม่พูดแล้ว”“เมื่อครู่นี้ข้าเห็นแล้วว่าภรรยาของหย่งเหนียนไม่ได้เกล้าผมและวิ่งออกไปทั้งเท้าเ
“ไปบ้านเฉินฝานกันเถอะ!”น้ำเสียงของผู้เฒ่าหลี่แฝงไปด้วยความไม่ใส่ใจละคนกับความภูมิใจอยู่ไม่น้อยเขากับเฉินฝานไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน แต่เขาแค่รู้สึกว่าเฉินฝานเอาตัวรอดอยู่ฝ่ายเดียว มั่งคั่งโดยไม่สนใจเขาเมื่อครั้งที่ผู้ใหญ่บ้านมีหลานชายคนแรก เขายังชวนผู้เฒ่าหลี่มาดื่มฉลองถึงที่บ้าน แต่เฉินฝานกลับไม่เอ่ยปากชวนเขาสักคำในใจของเขาจึงเกิดความไม่พอใจ อยากจะสั่งสอนเฉินฝานเขาไม่รู้ว่าเรื่องนี้มีปีศาจร้ายเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เขารู้แค่ว่าวันนั้นหลังจากที่นางหลีและจางเหลียนฮวาบอกว่าเฉินฝานตกลงไปในหุบเขา เจ้าตัวก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเขาถึงสัมผัสได้ว่าที่นี่ต้องมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงเริ่มปั้นเรื่องนางหลีพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนกล่าวว่า “ใช่ ใช่เลย ต้องไปบ้านของเขาเดี๋ยวนี้”“นี่!” นางหลีมีท่าทีปวดใจอยู่ไม่น้อย “ข้าดูแลพี่หรงน้อยมากับมือ สำหรับข้า เขาเป็นคนเลี้ยงง่าย ไม่มีทางไปอยู่ในที่แบบนั้นแน่ ทำไมวันนี้เขาถึงดื้อรั้นขึ้นมาซะได้”“ดูท่าจะเจอเข้ากับปีศาจร้ายเสียแล้ว”“หมู่บ้านของเรากำลังประสบกับหายนะจริง ๆ แล้วนะสิ”“เผชิญหน้ากับปีศาจร้ายไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ข้าคิดว่าอาจจะมี
“พี่หรงน้อย พี่หรงน้อย เจ้ารีบตื่นขึ้นมาสิ!”“พี่หรงน้อย เจ้าอย่าทำแม่กลัวเช่นนี้สิ?”“พี่หรงน้อย เจ้าไม่ลืมตาอย่างน้อยหายใจก็ยังดี ขอเพียงเจ้าดีขึ้นต่อให้ข้าต้องอายุสั้นลงสิบปีข้าก็ยอม”ภายในห้องนางหูและมั่วอวิ๋นอิงร้องไห้เสียงดัง นางยิ่งเจ็บปวดใจเฉินฝานเขย่งปลายเท้าชะเง้อมองผ่านหน้าต่างที่เปิดไว้เพียงครึ่งเดียว กระทั่งเห็นเข็มที่หมอถือยู่ในมือ และเห็นหมอคนนั้นปักเข็มลงบนร่างกายของพี่หรงน้อยด้วยความร้อนใจให้ตายเถอะ!เฉินฝานขมวดคิ้วแน่นอย่างเป็นกังวลการจมน้ำไม่ใช่อาการป่วย ฝังเข็มแล้วจะรอดอย่างนั้นเหรอ?“ผู้ใหญ่บ้าน เรารอไม่ได้อีกแล้ว เปิดทางให้ข้าเข้าไปเดี๋ยวนี้ หมอคนนั้นช่วยชีวิตพี่หรงน้อยไม่ได้”เฉินฝานไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขาผลักผู้ใหญ่บ้านและพุ่งเข้าไปในบ้าน“อย่าให้เขาเข้าไป!” ผู้เฒ่าหลี่รีบตะโกนเสียงดัง “ตอนนี้วิญญาณของพี่หรงน้อยยังไม่หลุดออกจากร่าง ขอเพียงแค่เฉินฝานดูดวิญญาณไปไม่ได้ ความโกรธแค้นของปีศาจร้ายก็จะกลับเข้าหาตัวของเขา เรายังช่วยชีวิตของพี่หรงน้อยได้”“ขวางเขาไว้!”“ผู้ใหญ่บ้าน ข้าเอง!” ชายหนุ่มจากตระกูลเฉียนยังไม่ทันล้อมเข้ามา จูต้าอันก็ได้พุ่งตัวไปต
“จับเขาไว้!”เฉียนหย่งเหนียนกุมท้องหลังงอวิ่งออกมาอย่างโซซัดโซเซ เขาเป็นนักปราชญ์ที่อ่อนแอมากคนหนึ่ง เฉินฝานถีบเขาแค่ครั้งเดียว เขาเจ็บปวดจนเหงื่อแตกพลั่กมีกลุ่มคนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาขวางเฉินฝาน แต่ก็ยังไม่มีใครขัดขวางเขาได้ กระทั่งไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเฉินฝานวิ่งฝ่าพวกเขาออกไปได้อย่างไรเขารวดเร็วกว่าที่ใคร ๆ คาดคิดไว้เพียงพริบตาเดียว เฉินฝานก็แบกพี่หรงน้อยวิ่งออกมาจากบ้านของผู้ใหญ่บ้านได้แล้ว โชคดีที่ออกมาเจอกับฉินเย่ว์โหรวและฉินเย่ว์ฉู่ที่ออกมาจากบ้านพอดี “นายท่าน?”“เย่ว์โหรว รีบกลับไปจุดไฟทำให้เตียงให้อุ่นเร็วเข้า”เฉินฝานยังวิ่งไม่หยุด หลังจากสั่งงานแล้ว เขาก็แบกพี่หรงน้อยวิ่งต่อกไปไม่หยุด“อื้อ เจ้าค่ะ!”ฉินเย่ว์โหรวไม่รู้ว่าเฉินฝานจะทำอะไร นางไม่ถาม เพราะนางเชื่อใจเขาช่วงนี้เฉินฝานมักจะทำในสิ่งที่นางเห็นแล้วก็คาดไม่ถึงแต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นล้วนออกมาดีทั้งนั้นเฉินฝานยังคงวิ่งไปตามถนนของหมู่บ้าน เดี๋ยววิ่งเดี๋ยวกระโดด“ไอหยา ๆ!” ผู้เฒ่าหลี่ร้องด้วยความตกใจ “ไม่ได้การล่ะ เขาไม่ได้จะมาดูดวิญญาณ แต่กำลังนำทาง โดยการใช้พี่หรงน้อยนำทางปีศาจร้าย ปีศาจร้ายกำลังจะเข้า
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ