“ไปบ้านเฉินฝานกันเถอะ!”น้ำเสียงของผู้เฒ่าหลี่แฝงไปด้วยความไม่ใส่ใจละคนกับความภูมิใจอยู่ไม่น้อยเขากับเฉินฝานไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน แต่เขาแค่รู้สึกว่าเฉินฝานเอาตัวรอดอยู่ฝ่ายเดียว มั่งคั่งโดยไม่สนใจเขาเมื่อครั้งที่ผู้ใหญ่บ้านมีหลานชายคนแรก เขายังชวนผู้เฒ่าหลี่มาดื่มฉลองถึงที่บ้าน แต่เฉินฝานกลับไม่เอ่ยปากชวนเขาสักคำในใจของเขาจึงเกิดความไม่พอใจ อยากจะสั่งสอนเฉินฝานเขาไม่รู้ว่าเรื่องนี้มีปีศาจร้ายเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เขารู้แค่ว่าวันนั้นหลังจากที่นางหลีและจางเหลียนฮวาบอกว่าเฉินฝานตกลงไปในหุบเขา เจ้าตัวก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเขาถึงสัมผัสได้ว่าที่นี่ต้องมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงเริ่มปั้นเรื่องนางหลีพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนกล่าวว่า “ใช่ ใช่เลย ต้องไปบ้านของเขาเดี๋ยวนี้”“นี่!” นางหลีมีท่าทีปวดใจอยู่ไม่น้อย “ข้าดูแลพี่หรงน้อยมากับมือ สำหรับข้า เขาเป็นคนเลี้ยงง่าย ไม่มีทางไปอยู่ในที่แบบนั้นแน่ ทำไมวันนี้เขาถึงดื้อรั้นขึ้นมาซะได้”“ดูท่าจะเจอเข้ากับปีศาจร้ายเสียแล้ว”“หมู่บ้านของเรากำลังประสบกับหายนะจริง ๆ แล้วนะสิ”“เผชิญหน้ากับปีศาจร้ายไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ข้าคิดว่าอาจจะมี
“พี่หรงน้อย พี่หรงน้อย เจ้ารีบตื่นขึ้นมาสิ!”“พี่หรงน้อย เจ้าอย่าทำแม่กลัวเช่นนี้สิ?”“พี่หรงน้อย เจ้าไม่ลืมตาอย่างน้อยหายใจก็ยังดี ขอเพียงเจ้าดีขึ้นต่อให้ข้าต้องอายุสั้นลงสิบปีข้าก็ยอม”ภายในห้องนางหูและมั่วอวิ๋นอิงร้องไห้เสียงดัง นางยิ่งเจ็บปวดใจเฉินฝานเขย่งปลายเท้าชะเง้อมองผ่านหน้าต่างที่เปิดไว้เพียงครึ่งเดียว กระทั่งเห็นเข็มที่หมอถือยู่ในมือ และเห็นหมอคนนั้นปักเข็มลงบนร่างกายของพี่หรงน้อยด้วยความร้อนใจให้ตายเถอะ!เฉินฝานขมวดคิ้วแน่นอย่างเป็นกังวลการจมน้ำไม่ใช่อาการป่วย ฝังเข็มแล้วจะรอดอย่างนั้นเหรอ?“ผู้ใหญ่บ้าน เรารอไม่ได้อีกแล้ว เปิดทางให้ข้าเข้าไปเดี๋ยวนี้ หมอคนนั้นช่วยชีวิตพี่หรงน้อยไม่ได้”เฉินฝานไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขาผลักผู้ใหญ่บ้านและพุ่งเข้าไปในบ้าน“อย่าให้เขาเข้าไป!” ผู้เฒ่าหลี่รีบตะโกนเสียงดัง “ตอนนี้วิญญาณของพี่หรงน้อยยังไม่หลุดออกจากร่าง ขอเพียงแค่เฉินฝานดูดวิญญาณไปไม่ได้ ความโกรธแค้นของปีศาจร้ายก็จะกลับเข้าหาตัวของเขา เรายังช่วยชีวิตของพี่หรงน้อยได้”“ขวางเขาไว้!”“ผู้ใหญ่บ้าน ข้าเอง!” ชายหนุ่มจากตระกูลเฉียนยังไม่ทันล้อมเข้ามา จูต้าอันก็ได้พุ่งตัวไปต
“จับเขาไว้!”เฉียนหย่งเหนียนกุมท้องหลังงอวิ่งออกมาอย่างโซซัดโซเซ เขาเป็นนักปราชญ์ที่อ่อนแอมากคนหนึ่ง เฉินฝานถีบเขาแค่ครั้งเดียว เขาเจ็บปวดจนเหงื่อแตกพลั่กมีกลุ่มคนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาขวางเฉินฝาน แต่ก็ยังไม่มีใครขัดขวางเขาได้ กระทั่งไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเฉินฝานวิ่งฝ่าพวกเขาออกไปได้อย่างไรเขารวดเร็วกว่าที่ใคร ๆ คาดคิดไว้เพียงพริบตาเดียว เฉินฝานก็แบกพี่หรงน้อยวิ่งออกมาจากบ้านของผู้ใหญ่บ้านได้แล้ว โชคดีที่ออกมาเจอกับฉินเย่ว์โหรวและฉินเย่ว์ฉู่ที่ออกมาจากบ้านพอดี “นายท่าน?”“เย่ว์โหรว รีบกลับไปจุดไฟทำให้เตียงให้อุ่นเร็วเข้า”เฉินฝานยังวิ่งไม่หยุด หลังจากสั่งงานแล้ว เขาก็แบกพี่หรงน้อยวิ่งต่อกไปไม่หยุด“อื้อ เจ้าค่ะ!”ฉินเย่ว์โหรวไม่รู้ว่าเฉินฝานจะทำอะไร นางไม่ถาม เพราะนางเชื่อใจเขาช่วงนี้เฉินฝานมักจะทำในสิ่งที่นางเห็นแล้วก็คาดไม่ถึงแต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นล้วนออกมาดีทั้งนั้นเฉินฝานยังคงวิ่งไปตามถนนของหมู่บ้าน เดี๋ยววิ่งเดี๋ยวกระโดด“ไอหยา ๆ!” ผู้เฒ่าหลี่ร้องด้วยความตกใจ “ไม่ได้การล่ะ เขาไม่ได้จะมาดูดวิญญาณ แต่กำลังนำทาง โดยการใช้พี่หรงน้อยนำทางปีศาจร้าย ปีศาจร้ายกำลังจะเข้า
“อย่านะ! จูต้าอันปล่อยพี่สี่ของข้าเดี๋ยวนี้! ”“จูต้าอัน ข้าขอเตือนเจ้า...อย่าวู่วาม!”ฉินเย่ว์เจียวและเฉียนลิ่วตะโกนพร้อมกัน“พวกเจ้าต้องไปเรียกเฉินฝานให้พาพี่หรงน้อยกลับมาเดี๋ยวนี้!”“ข้าอยู่นี่!”น้ำเสียงทุ้มต่ำแต่แฝงไปด้วยความหนักแน่นดังขึ้นด้านหลังของฉินเย่ว์เจียวและเฉียนลิ่วเฉินฝานยืนห่างจากหลังของฉินเย่ว์เจียวและเฉียนลิ่วไม่ไกล พี่หรงน้อยที่เดิมทีถูกเขาอุ้มพาดบ่าเวลานี้กลับถูกอุ้มอยู่ในอ้อมกอดของเฉินฝานห่างจากหลังของเขาไปห้าสิบกว่าเมตรเป็นกลุ่มชาวบ้านที่ไล่ตามเขาจนเหนื่อยหอบ“จะเอาแบบนี้ใช่ไหม”มีดทำครัวในมือของจูต้าอันจี้คอของฉินเย่ว์โหรวไม่ห่าง “คืนพี่หรงน้อยมาให้ข้า แล้วข้าจะปล่อยฉินเย่ว์โหรว ไม่อย่างนั้น....”มีดในมือของเขาถูกกดลงบนคอของฉิเย่ว์โหรวเล็กน้อย ทำให้เลือดสดซึมออกมาจากคอที่ขาวเนียนของฉินเย่ว์โหรวอีกครั้งหัวคิ้วของฉินเย่ว์โหรวเริ่มขมวดเข้าหากัน นางกำมือและปล่อย ปล่อยและกำอยู่อย่างนั้นนางเจ็บปวดมาก แต่นางกลับอดทนไม่ส่งเสียงร้องออกมา“เร็วสิ!” จูต้าอันตะโกนใส่เฉินฝานแววตาของเฉินฝานฉายแววเคร่งขรึม เขาอุ้มพี่หรงน้อยเดินมาหาจูต้าอันอย่างรวดเร็วเมื่อ
เขาเป็นทหารที่ผ่านสงครามมาก่อน เหตุการณ์คนโดนระเบิดจนเนื้อกระจายเขาก็เคยเห็นมาแล้ว นับประสาอะไรกับภาพเหตุการณ์ในตอนนี้ในขณะที่เฉินฝานกำลังช่วยผายปอดให้กับพี่หรงน้อยนั้น เสียงกรีดร้องแหลมเล็กของมั่วอวิ๋นอิงก็ดังเข้ามาทางหน้าต่าง“เขา! สวรรค์ อ๊าก.....”มั่วอวิ๋นอิงตื่นตกใจกับภาพตรงหน้า นางกรีดร้องจนเป็นลมไปในที่สุดหลังจากที่มั่วอวิ๋นอิงเป็นลมไปแล้ว คนกลุ่มหนึ่งก็เริ่มเบียดเข้ามาตรงหน้าต่างพวกเขาเห็นภาพเฉินฝานกำลังจูบปากของพี่หรงน้อย และภาพที่เขากำลังใช้มือกดหน้าอกของอีกฝ่าย“ไอหยา น่ารังเกียจจริง ๆ เขาอยากให้พี่หรงน้อยตายเร็วกว่าเดิมสินะ!”“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ๆ” สีหน้าของผู้เฒ่าหลี่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว“ข้ารู้แล้ว เฉินฝานที่พวกเจ้าเห็นในตอนนี้ไม่ใช่เฉินฝานคนเดิม เขาถูกปีศาจร้ายครอบงำ ตอนนี้ปีศาจร้ายกำลังดูดพลังของพี่หรงน้อยอยู่”คำบอกกล่าวของผู้เฒ่าหลี่สร้างความตกใจให้ทุกคนไปชั่วขณะชาวบ้านที่เดิมทีกำลังพังประตูอยู่ก็พากันถอยออกไปอยู่ในลานกว้าง“เจ้าพูดเหลวไหล เขาเป็นนายท่านของพวกเรา ไม่ใช่ปีศาจร้ายอะไรนั้น”พี่น้องตระกูลฉินร้อนใจ“นายท่านของพวกเจ้า เช่นนั้นพวกเจ้าดูสิ
“ถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง!”ฉินเย่ว์เจียวกลัวว่ามั่วอวิ๋นอิงจะไม่เชื่อนาง ยืนยันความมั่นใจอย่างต่อเนื่อง “นายท่านข้าไม่โกหกเจ้าหรอก อีกอย่าง เขาโกหกเจ้าไปจะได้ผลประประโยชน์อะไรกัน? เจ้าคิดดูเถอะ ถ้าเขาทำร้ายพี่หรงน้อยจนตายต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาจะไม่กลัวถูกสังเวยชีวิตหรือไร?”ร่างกายที่ขึงตึงของมั่วอวิ๋นอิงผ่อนคลายลงเล็กน้อยฉินเย่ว์เจียวได้ทีขี่แพะไล่ “เมื่อครู่อยู่บ้านท่าน หมอก็บอกว่าไม่มีวิธีรักษาแล้ว ไม่ใช่หรือ? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดไม่ลองให้นายท่านลองทำดู ยังไงก็มีคนมากมายมุงกันอยู่ที่นี้ ครอบครัวข้าอยากหนีก็คงทำไม่ได้”มั่วอวิ๋นอิงมองทางไปเฉียนหย่งเหนียน เฉียนหย่งเหนียนมองไปทางผู้ใหญ่บ้านผู้ใหญ่ไม่ได้พูดอะไร เพราะที่ฉินเย่ว์เจียวพูดสมเหตุสมผล เฉินฝานไม่เหตุมีผลที่ทำแบบนั้นคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ก็ไม่ได้งมงายขนาดนั้น ปีศาจร้ายที่เกี่ยวข้อง เขาเพียงแค่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง“เหอะ!” ผู้เฒ่าหลี่เยาะเย้ยออกมาเบาๆ “ช่วยคน จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ข้าว่าเป็นการถ่วงเวลาเถอะ”จูต้าอันเสริมคำพูดของผู้เฒ่าหลี่ทันทีไม่ง่ายเลยที่จะได้โอกาสนี้มา เฉินฝานจวนจะจบเห่แล้ว เขาจะไม่
“เจ้าได้ยินหรือไม่?”“เสียงร้องไห้ของเด็ก เจ้าก็ได้ยินเหมือนกันสินะ”“ใช่ เป็นเด็กบ้านไหนถูกทำให้ตกใจกลัวละมั้ง ปีศาจร้ายก็อยู่ที่นี้ ผู้ใหญ่ครอบครัวไหนสะเพร่าแบบนี้กัน ให้ลูกบ้านตัวเองมาที่นี่ ไม่กลัวว่าปีศาจจะจับลูกเขาไปด้วยหรือไร?”“ไม่ใช่ เสียงร้องไห้นี้เหมือนว่ามาจาก...” มีคนชี้ไปในบ้านเฉินฝาน “ดังมาจากในนั้น”“เป็นไปได้อย่างไร ตอนนี้พี่หรงน้อยก็...”“อุแว้!”เสียงร้องไห้ของเด็กเล็กดังขึ้นอีกครั้ง“พี่หรงน้อย!” จากเดิมที่ร่างกายของมั่วอวิ๋นอิงอ่อนระโหยโรยแรง ครู่เดียวก็ยืนตรงตระหง่านขึ้น นางเอนตัวไปด้านหน้าเงี่ยหูฟัง“อ่า เป็นพี่หรงน้อย!” มั่วอวิ๋นอิงพุ่งตัวไปที่หน้าอย่างรุนแรงและรวดเร็วในบ้าน เฉินฝานเพิ่งจะอุ้มพี่หรงน้อยที่ได้สติขึ้นมา“อุแว้ อุแว้ อุแว้!”พี่หรงน้อยร้องไห้ดังกว่าเดิม อุ้งมือน้อยแกว่งไปมาอย่างสะเปะสะปะนี่เป็นปฏิกิริยาหลังจากที่ตกใจกลัว“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้วนะ! พี่จะอุ้มไปหาแม่แท้ๆของเจ้าเอง” เฉินฝานแตะแผ่นหลังเบาๆปลอบโยนเขาไปพลาง เดินไปด้านนอกไปพลางผลคือเขายิ่งเดินออกไปข้างนอก เจ้าตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมอกยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิมตอนแรกเฉินฝานนึกว
“เมื่อครู่ใครจะพังประตูข้า?”สายตาของเฉินฝานเรียบเฉย น้ำเสียงก็เรียบนิ่ง ทว่าคนในเหตุการณ์ไม่มีใครกล้าตอบสักคน“พี่หรงน้อย!”มั่วอวิ๋นอิงวิ่งไปทางเฉินฝานด้วยความตื่นเต้นดีใจ“พี่สะใภ้!” ฉินเย่ว์เจียวดึงมั่วอวิ๋นอิงกลับมา “จัดการหน้าให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า เจ้าไปหาแบบนี้ ระวังจะทำให้พี่หรงน้อยตกใจ”“โอ้ โอ้!” มั่วอวิ๋นอิงพยักหน้าต่อเนื่อง “เย่ว์เจียวเจ้าพูดถูก พูดถูกเผง”“พี่หรงน้อย!”ผู้ใหญ่บ้าน ภรรยาผู้ใหญ่บ้านนางหู เฉียนหย่งเหนียนวิ่งอย่างสุดกำลังมาด้านหน้าของเฉินฝานตอนที่ระยะห่างไม่ถึงหนึ่งเมตรกลับหยุดฝีเท้าไว้ ไม่กล้ารุดหน้า ไม่อยากจะเชื่อ นี่เป็นเรื่องในจินตนาการของพวกเขา“พี่หรงน้อย” เฉินฝานแกว่งไกวเจ้าตัวน้อยในอ้อมอก เอาร่างกายตัวเล็กตัวน้อยหันไปทางพวกผู้ใหญ่บ้าน “ดูสิใครเอ่ย?”“ยา ยา ย่า.. ”พี่หรงน้อยที่ยังไม่สามารถเชื่อมต่อคำ ปากอมลูกอมเรียกนางหูอย่างไม่ชัดเจน“ฮึก!” นางหูปลื้มปิติอย่างสุดขีดจนน้ำตาไหล “ย่านี่ย่าเอง”“ไหน!” นางหูเดินเข้าไปด้วยตื่นเต้น “ให้ย่าอุ้มหน่อย”พี่หรงน้อยอ้าแขนไปทางนางหู ทว่านางหูเพิ่งจะแตะมือของเขา เขาก็มุดกลับมาในอ้อมอกเฉินฝาน“ลูก
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ