เมื่อพระสนมเสียนเฟยได้ยินเรื่องนี้ นางก็เชื่อแค่ครึ่งหนึ่ง นางเองก็เคยได้ยินเกี่ยวกับพฤติกรรมของคุณหนูฮู้มาก่อนนางเติบโตในรังโจรที่จิ้งเป่ย นิสัยจะทำอะไรตามใจ ไม่มีการยับยั้งช่างใจหรือไม่? แบบนี้จะไม่เสื่อมเสียชื่อเสียงหรอกหรือ จะมีพฤติกรรมกำเริบเสิบสานหรือไม่อย่างไรก็ตาม พระสนมเสียนเฟยคิดว่านางเป็นเพียงผู้หญิง จะเป็นไปได้ไหมว่านางจะแข็งแกร่งกว่าผู้ชาย? แค่ทำความสะอาดทำอาหารไม่กี่มื้อก็พอแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ นางสามารถช่วยเหลือเจ้าห้าได้ และพ่อของนางเองก็สามารถช่วยเจ้าห้าได้ด้วย เพื่อการใหญ่ทำไมไม่ลองอดทนดูสักตั้งล่ะ?นางข้าหลวงสี่กลัวว่าหยวนชิงหลิงจะลำบาก นางจึงเข้ามาพร้อมชาและพูดว่า "ข้าชงชาลำไยอบแห้งผสมพุทราแดงและเก๊ากี้ให้พระนางเป็นเป็นพิเศษ มันมีสรรพคุณช่วยบำรุงความงามช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น พระองค์ค่อย ๆ ดื่มนะเพคะ”พระสนมเสียนเฟยหยิบมันขึ้นมาจิบสองคำแล้วกล่าวว่า "รสชาติกำลังพอดี ไม่หวานเกินไป ฝีมือของเจ้าดีขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าเป็นผู้อาวุโสในวัง บางครั้งเจ้าก็ต้องเกลี้ยกล่อมสอนพระชายาอย่างเหมาะสม เป็นผู้หญิงอย่าหึงหวงเกินไป มิฉะนั้นจะทำให้สามีรังเกียจเจ้าได้”นางข้าหลวงส
พระสนมเสียนเฟยถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อไม่เกี่ยวอะไรดับที่นางได้ดุด่าไป และมีคำสั่งลงไปอย่างเด็ดขาด เมื่อนางกลับถึงวัง หากไทเฮาตรัสถามถึงสถานการณ์ ก็ให้บอกว่าพระชายานั้นสบายดีในที่สุดหยวนชิงหลิงก็ถูกพากลับไปที่ห้องของนางเพื่อพักผ่อนได้ นางทิ้งตัวลงบนเตียงและผล็อยหลับไปพระสนมเสียนเฟยไม่อยู่ที่นี่ต่อ นางสั่งให้คนในจวนดูแลนางอย่างดี แล้วกลับวังไปเมื่อขึ้นราชรถแล้ว นึกได้ว่าการออกจากวังครานี้นางต้องเกลี้ยกล่อมลูกห้าแต่งงานกับคุณหนูฮู้ แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้น จนต้องเลื่อนเวลาออกไปก่อนล้มเหลวจริง ๆเมื่อคิดถึงตอนที่ออกจากวังมาแล้ว ความคับแค้นใจพวยพุ่งขึ้นมาด้วยทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง แม้แต่การดุด่าหยวนชิงหลิงเพื่อระบายความโกรธก็ทำเอาตกใจจนเหงื่อเย็นไหลไปหมด ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการแต่งงานกับคุณหนูฮู้เลยพระสนมเสียนเฟยคิดอยู่ครู่หนึ่ง และหลังจากกลับมาถึงวังหลวงแล้ว นางก็เรียกให้คนไปที่จวนจิ้งเป่ย เพื่อเชิญคุณหนูฮู้เข้าวังในวันพรุ่งนี้ลองดูนิสัยของคุณหนูฮู้ หากไม่เลวนัก และยังอยู่ในขอบเขตที่รับได้ นางแค่ต้องพยายามให้มากขึ้นอีกหน่อยพระสนมเสียนเฟยเป็นกังวลยิ่งนักเพราะเ
พระสนมเสียนเฟยมีความสุขมากที่ได้ยินเช่นนี้ แม้จะรู้สึกว่าฮู้กวงติงจะค่อนข้างจะสงวนท่าที แต่ในท้ายที่สุดก็ไม่ต้องสงวนท่าทีมากนักก็ย่อมได้นางแค่อยากได้คำตอบที่ชัดเจนดังนั้นนางจึงกุมมือฮู้กวงติงแน่นขึ้นเล็กน้อย และเลิกคิ้วอย่างระมัดระวัง แต้มดอกไม้และเอ่ยว่า “เจ้าเองก็คิดเช่นนั้น ช่างดีจริง ๆ”ฮู้กวงติงดูเหมือนมีความสุขมากกว่านางเสียอีก นางยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้เบ่งบาน "ใช่เพคะ หม่อมฉันตั้งตารออยู่"พระสนมเสียนเฟยรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยินเช่นนี้และกล่าวว่า "วันนี้ข้าสั่งให้คนตุ๋นรังนกไว้ เจ้าอยู่ที่นี่กินด้วยกันสักถ้วยหนึ่ง ข้าจะให้คนไปเชิญฮ่องเต้เสด็จมาที่นี่"คุณหนูฮู้แสดงท่าทีออกมาแล้ว ย่อมต้องให้ฝ่าบาททรงทราบ คำพูดมันแค่ลมปาก หากฝ่าบาทได้ยินด้วยพระองค์เองก็เป็นอันเสร็จสิ้นฮู้กวงติงที่ได้ยินว่าจะเชิญฮ่องเต้เสด็จมาที่นี่ นางก็ตกใจ แล้วกล่าวอย่างสำรวมว่า "ใช่เพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันไม่เกรงใจ อยู่ทานด้วยสักชามหนึ่ง รังนกเป็นสินค้าหายากในจิ้งเป่ยเพคะ"พระสนมเสียนเฟยเห็นว่านางไม่ได้วางอำนาจบาตรใหญ่อย่างที่ข่าวลือภายนอกพูดกัน และนางก็ยิ่งดีใจ หากสิ่งที่หยวนชิงหลิงพูดเป็นความจริง
ชายารองของเจ้าห้าได้ถูกกำหนดแล้วหลังจากนั้นจักรพรรดิหมิงหยวนก็ได้ชวนคุยเล็กน้อย ฮู้กวงติงค่อย ๆ ลดความประหม่าลง และพูดคุยตอบโต้อย่างคล่องแคล่วเหมาะสม จักรพรรดิหมิงหยวนคิดว่านางต้องเป็นภรรยาที่ดีได้แน่ ๆเมื่อลองเทียบกับหยวนซือแล้ว...ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย นอกจากนี้ หยวนซือยังรู้วิชาแพทย์ มีเหตุผลละเอียดอ่อน ทำให้ไท่ซ่างหวงมีความสุข และมีความตรงไปตรงมา ส่วนที่เหลือนั้น ไม่เทียบเท่ากับชายารอง...คุณหนูฮู้หลังจากนั้นจักรพรรดิหมิงหยวนพูดคุยกับพระสนมเสียนเฟย ฮู้กวงติงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นั้นมองจ้องไป และพยายามสงบลมหายใจนางเองก็เป็นคนก้าวร้าว แต่เพื่อสิ่งที่ชอบ นางจะพยายามอย่างเต็มที่ให้ได้มันมาและครั้งนี้ก็เช่นกันแต่ครั้งนี้รู้สึกประหม่ามากจริง ๆแปดปีแล้ว ตั้งแต่ผ่านพิธีปักปิ่นมา ท่านพ่อก็พูดถึงเรื่องแต่งงานของนาง และนางก็ปฏิเสธมาตลอดนางรอเขามาตลอดตอนนี้นางกลับมาแล้ว นางจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้มาจักรพรรดิหมิงหยวนและพระสนมเสียนเฟยพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง และดูเหมือนว่าทั้งคู่จะใจตรงกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเดินออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มฮู้กวงติงรีบเหลือบมองจักรพรรดิหมิงหยวน
จักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เจ้าเมืองจิ้งเป่ยโลภมากเกินไปแล้ว แม้ว่าตอนนี้เขาจะได้รับแต่งตั้งเป็นโฮ่ว แต่ก่อนที่เขาจะไปที่จิ้งเป่ยนั้น เขาเป็นเพียงแม่ทัพเท่านั้นแม้ว่าในหลายปีมานี้เขาจะลำบากมาไม่น้อย แต่ราชสำนักก็ไม่ได้ปฏิบัติกับเขาและครอบครัวอย่างเลวร้าย และมารดาของเขายังได้พระราชทานยศชั้นหนึ่งให้ ช่างเป็นเกียรติอย่างยิ่งมิใช่หรือ?อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิหมิงหยวนก็เคยชินกับพวกข้าราชบริพารทุกประเภท ดังนั้นเขาจึงส่ายหน้าเบา ๆ และตรัสว่า "คนหนุ่มสาวโกรธงอนกันง่าย เป็นข้าเองที่ขอให้นางกลับไปที่บ้านแม่เพื่อคิดทบทวนดู เมื่อทบทวนดีแล้ว ย่อมต้องใจเย็น และสงบสติอารมณ์ได้มากขึ้น”เจ้าเมืองจิ้งเป่ยยิ้มแย้ม “เช่นนั้นหรือ? แต่ดูแล้ว อย่างไรก็ตามเรื่องของครอบครัวอ๋องฉู่ กระหม่อมพูดมากไปคงไม่เหมาะ ใช่แล้ว ฝ่าบาทอยากจะว่าถึงเรื่องการแต่งงานของกวงติง ไม่ทราบว่าเป็นคุณชาติตระกูลไหนพ่ะย่ะค่ะ? ฝ่าบาทอย่าได้หัวเราะเยาะกระหม่อมเลย ลูกสาวของกระหม่อมนั้นเอาแต่ใจ เกรงว่าถ้าธรรมดาจนเกินไป คงไม่เข้าตานาง”กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากไม่ใช่พระชายาเอกของชินอ๋อง เขาย่อมไม่สนใจจักรพรรดิหมิงหยวนไม่รีบร้อนจิ
“นิสัยดีย่อมไม่เลว” เจ้าเมืองจิ้งเป่ยพูดอย่างพึงพอใจ “แต่ฝ่าบาทคงต้องพยายามอย่างหนัก เขาไม่คิดให้ติงเอ๋อร์เป็นชายาเอก ไม่แปลกที่จะให้นางเป็นชายารอง”“ชายารอง? อ๋องฉู่จะแต่งชายารึ?” ฮูหยินเฒ่าตกใจเล็กน้อยโม่โม่ที่อยู่ข้าง ๆ รีบเข้ามากระซิบข้างหูนาง “ฮูหยินเฒ่าท่านลืมแล้วหรือ? ที่อารามชีหมิงเยว่คนที่ช่วยท่านในตอนนั้น พระชายาฉู่ไงล่ะเจ้าคะ”ฮูหยินเฒ่ามีที่ไหนจะกล้าลืมผู้มีพระคุณ เพียงแต่ไม่ได้ติดต่อไปทางอ๋องฉู่ เมื่อโม่โม่พูดเตือนสติจึงรีบกล่าวว่า “จำได้ ๆ”เจ้าเมืองจิ้งเป่ยที่ได้ฟังก็ประหลาดใจ จึงเอ่ยถามว่า “พระชายาฉู่อะไรหรือ? ใครเคยช่วยท่าน? ท่านแม่เป็นอะไรไปงั่นรึ?” ฮูหยินเฒ่าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่อารามชีหมิงเยว่ออกมาให้ฟัง และถอนหายใจออกมาและกล่าวว่า “ถ้าไม่ใช่นาง แม่จะมาเจอหน้าพวกเจ้าได้อย่างไร? ป่านนี้เกรงว่าศพคงจะเหม็นเน่าไปแล้ว”เจ้าเมืองจิ้งเป่ยถามด้วยความประหลาดใจ “มีเรื่องแบบนั้นด้วยรึ? เช่นนั้นพระชายาฉู่ก็เป็นผู้มีพระคุณของพวกเราแล้ว”“หรือไม่ใช่?” ฮูหยินเฒ่าถามเจ้าเมืองจิ้งเป่ยเศร้าสร้อย “ถ้าเป็นผู้มีพระคุณ เช่นนั้นให้นางสละตำแหน่งได้หรือไม่? ติงเอ๋อร์ของพวกเราเ
ฮู้กวงติงรู้ว่า หากวันนี้พ่อของนางพูดถึงเรื่องแต่งงาน ในใจของนางจึงรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่ตลอด เมื่อสาวใช้เข้ามาแจ้งให้ทราบ ใจนางก็เต้นโครมครามอยู่ตลอด นางรีบสงบสติอารมณ์และเดินตามสาวใช้ออกไป“ท่านย่า ท่านพ่อ!” ฮู้กวงติงก้าวเข้ามาทำความเคารพ เมื่อรู้ว่ากำลังพูดถึงการแต่งงานของตัวเอง ใบหน้าของนางก็แดงระเรื่อขึ้นมาเจ้าเมืองจิ้งโฮ่วยิ้มแย้มเมื่อมองลูกสาวของตัวเอง ในใต้หล้านี้จะมีผู้หญิงคนไหนสวยงามได้เท่านี้อีก? น่าเสียดายแม่ของนางด่วนจากไปเร็ว“ติงเอ๋อร์ นั่งลงก่อน พ่อกับท่านย่าของเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องใหญ่ เพียงแต่เรื่องนี้อยากถามความคิดเห็นเจ้าก่อน” เจ้าเมืองจิ้งโฮ่วเอ่ยขึ้นมาฮู้กวงติงนั่งลง ริมฝีปากสีแดงสดยิ้มแย้มออกมาและเอ่ยว่า “ท่านพ่อเชิญพูด”“พ่อรู้ดีว่าเจ้าเป็นคนมีจิตใจสูงส่งมาเสมอ จึงอาจไม่ยอมเป็นอนุได้ อันที่จริงพวกสามัญชนนี้อาจเรียกว่าอนุ แต่ในราชวงค์นั้นก็คือชายารอง เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?" เจ้าเมืองจิ้งโฮ่วพยายามพูดให้มันดูสูงส่งขึ้นเล็กน้อย แต่พอมีคำว่าอนุต่อท้ายแล้ว มันดูไม่น่าสูงส่งเอาสักเท่าไหร่นัก ฮู้กวงติงใบหน้าแดงก่ำและเอ่ยเสียงเบาว่า “ลูกเต็มใจเจ้าค่ะ”เจ้าเ
”ก็อ่อนกว่าท่าน!” ฮู้กวงติงห้ามไม่ให้เขาพูดจาเสีย ๆ หาย ๆ กับคนที่ตัวเองรัก “แล้วหล่อกว่าท่านด้วย”“เจ้า...” เคราของเจ้าเมืองจิ้งเป่ยกระเพื่อมไปหมด “อ่อนกว่าข้า ดูดีกว่าข้า แล้วจะมีประโยชน์อะไร? ชายชราคนหนึ่ง ปีนี้เขาอายุสี่สิบหกปีแล้ว ส่วนเจ้าอายุแค่สิบเจ็ด เขาแก่กว่าเจ้าตั้งสามสิบปีเชียว"“ยี่สิบเก้าปี!” ฮู้กวงติงพูดแก้ให้"อายุยี่สิบเก้าปีก็มากเกินพอที่จะเป็นพ่อของเจ้า และก็เป็นปู่ของเจ้าได้ด้วย" เจ้าเมืองจิ้งเป่ยโกรธมากจนหัวใจจะวาย "ไม่เอา อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก"“ไม่ใช่เขาข้าไม่แต่ง” ฮู้กวงติงพูดออกมาเบา ๆ“เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องจัดการ เจ้าคิดเองไม่ได้”“ใครพูดแบบนั้น?” ฮู้กวงติงปฏิเสธ"เจ้าเพิ่งพูดไปเองนะ" เจ้าเมืองจิ้งเป่ยตบโต๊ะอย่างแรง เขาถลึงตาโตในดวงตาเหมือนมีเปลวไฟไม่มีผิดฮู้กวงติงตบโต๊ะและถลึงตากว้าง “ข้าไม่เคยพูดเรื่องไร้สาระเช่นนี้ ชีวิตของข้า ข้าตัดสินใจของข้าเอง ข้าอยากแต่งงานกับใครขึ้นอยู่กับข้า ไม่ใช่ท่าน พูดสั้น ๆ เลยนะ ถ้าข้าไม่ได้แต่งงานกับฝ่าบาท ข้าก็จะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น"“ข้าจะฆ่าเจ้า เจ้าเด็กบ้านี่!” เจ้าเมืองจิ้งเป่ยยกมือขึ้นกำลังจ