แชร์

บทที่ 780

ผู้เขียน: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ฮู้กวงติงรู้ว่า หากวันนี้พ่อของนางพูดถึงเรื่องแต่งงาน ในใจของนางจึงรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่ตลอด

เมื่อสาวใช้เข้ามาแจ้งให้ทราบ ใจนางก็เต้นโครมครามอยู่ตลอด นางรีบสงบสติอารมณ์และเดินตามสาวใช้ออกไป

“ท่านย่า ท่านพ่อ!” ฮู้กวงติงก้าวเข้ามาทำความเคารพ เมื่อรู้ว่ากำลังพูดถึงการแต่งงานของตัวเอง ใบหน้าของนางก็แดงระเรื่อขึ้นมา

เจ้าเมืองจิ้งโฮ่วยิ้มแย้มเมื่อมองลูกสาวของตัวเอง ในใต้หล้านี้จะมีผู้หญิงคนไหนสวยงามได้เท่านี้อีก? น่าเสียดายแม่ของนางด่วนจากไปเร็ว

“ติงเอ๋อร์ นั่งลงก่อน พ่อกับท่านย่าของเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องใหญ่ เพียงแต่เรื่องนี้อยากถามความคิดเห็นเจ้าก่อน” เจ้าเมืองจิ้งโฮ่วเอ่ยขึ้นมา

ฮู้กวงติงนั่งลง ริมฝีปากสีแดงสดยิ้มแย้มออกมาและเอ่ยว่า “ท่านพ่อเชิญพูด”

“พ่อรู้ดีว่าเจ้าเป็นคนมีจิตใจสูงส่งมาเสมอ จึงอาจไม่ยอมเป็นอนุได้ อันที่จริงพวกสามัญชนนี้อาจเรียกว่าอนุ แต่ในราชวงค์นั้นก็คือชายารอง เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?" เจ้าเมืองจิ้งโฮ่วพยายามพูดให้มันดูสูงส่งขึ้นเล็กน้อย แต่พอมีคำว่าอนุต่อท้ายแล้ว มันดูไม่น่าสูงส่งเอาสักเท่าไหร่นัก

ฮู้กวงติงใบหน้าแดงก่ำและเอ่ยเสียงเบาว่า “ลูกเต็มใจเจ้าค่ะ”

เจ้าเ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 781

    ”ก็อ่อนกว่าท่าน!” ฮู้กวงติงห้ามไม่ให้เขาพูดจาเสีย ๆ หาย ๆ กับคนที่ตัวเองรัก “แล้วหล่อกว่าท่านด้วย”“เจ้า...” เคราของเจ้าเมืองจิ้งเป่ยกระเพื่อมไปหมด “อ่อนกว่าข้า ดูดีกว่าข้า แล้วจะมีประโยชน์อะไร? ชายชราคนหนึ่ง ปีนี้เขาอายุสี่สิบหกปีแล้ว ส่วนเจ้าอายุแค่สิบเจ็ด เขาแก่กว่าเจ้าตั้งสามสิบปีเชียว"“ยี่สิบเก้าปี!” ฮู้กวงติงพูดแก้ให้"อายุยี่สิบเก้าปีก็มากเกินพอที่จะเป็นพ่อของเจ้า และก็เป็นปู่ของเจ้าได้ด้วย" เจ้าเมืองจิ้งเป่ยโกรธมากจนหัวใจจะวาย "ไม่เอา อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก"“ไม่ใช่เขาข้าไม่แต่ง” ฮู้กวงติงพูดออกมาเบา ๆ“เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องจัดการ เจ้าคิดเองไม่ได้”“ใครพูดแบบนั้น?” ฮู้กวงติงปฏิเสธ"เจ้าเพิ่งพูดไปเองนะ" เจ้าเมืองจิ้งเป่ยตบโต๊ะอย่างแรง เขาถลึงตาโตในดวงตาเหมือนมีเปลวไฟไม่มีผิดฮู้กวงติงตบโต๊ะและถลึงตากว้าง “ข้าไม่เคยพูดเรื่องไร้สาระเช่นนี้ ชีวิตของข้า ข้าตัดสินใจของข้าเอง ข้าอยากแต่งงานกับใครขึ้นอยู่กับข้า ไม่ใช่ท่าน พูดสั้น ๆ เลยนะ ถ้าข้าไม่ได้แต่งงานกับฝ่าบาท ข้าก็จะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น"“ข้าจะฆ่าเจ้า เจ้าเด็กบ้านี่!” เจ้าเมืองจิ้งเป่ยยกมือขึ้นกำลังจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 782

    เจ้าเมืองจิ้งเป่ยมองลูกสาวตัวเอง เขารู้สึกอยากตายขึ้นมาจริง ๆการกลับมาที่เมืองหลวงในคราวนี้ เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่า เขาจะนำพาเกียรติยศศักดิ์ศรีที่ตระกูลฮู้ควรได้รับเขารู้ว่าฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับชัยชนะในครั้งนี้ เขาจึงกลับมาอย่างกล้าหาญองอาจ วันนี้ในวังนั้น เขายังท้าทายฝ่าบาทแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่บรรลุเป้าหมาย แต่เขาจะต้องชนะอย่างแน่นอนดังนั้นตอนที่ออกจากวังแล้วกลับจวนมานั้น เขากลับมาด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมหารู้ไม่ว่า ความเพียรพยายามที่เขาสั่งสมมา แค่ภายในเวลาไม่กี่อึดใจ เขาก็ถูกลูกสาวของเขาเอารองเท้าตบจนเละไม่มีชิ้นดี ตบหน้าชราของเขาจนเขามึนงงไปหมดแล้วนี่คืออะไร? เขาจงใจสร้างบรรยากาศออกมาอย่างล้ำลึก พยายามชักใยฝ่าบาท แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ฝ่าบาทก็ชักใยลูกสาวสุดที่รักของเขางั้นรึ?เหมือนโดนน้ำเย็นนี้สาดเข้าดับไฟแห่งการต่อสู้เข้าอย่างจังเขาแก่กว่าฮ่องเต้หนึ่งปี เขาก็เป็นพ่อตาของฮ่องเต้อย่างนั้นรึ?โอ้สวรรค์ รับไม่ได้แต่เมื่อเห็นลูกสาวร้องไห้ แต่ตัวเขาเองก็ยังโกรธอยู่ เขาเองก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันแล้วลูกสาวก็ยื่นคำขาดมาว่า ถ้าฝ่าบาทไม่ต้องการนาง น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 783

    แม่ทัพหนุ่มฮู้ท่าทางเฉยชามากกับเรื่องนี้ “แต่งกับฝ่าบาทแล้วอย่างไร? นั่นคือสิ่งที่นางคิดหวังอยู่ในใจ จะว่าไปฝ่าบาทก็ไม่ได้แก่นัก เขายังอ่อนเยาว์ ยังมีสง่าราศี ดูเหมือนยังสามสิบไม่มีผิด”“พ่อแก่กว่าเขาแค่หนึ่งปีเท่านั้น” เจ้าเมืองจิ้งเป่ยพูดอย่างขุ่นเคืองแม่ทัพหนุ่มฮู้ถึงกับอึ้งไป เขาเพ่งมองดูพ่ออย่างละเอียดและพูดว่า "จริงหรือ? โอ้สวรรค์ ท่านพ่อ ท่านดูเหมือนอายุหกสิบปี แล้วทำไมท่านดูแก่กว่าฝ่าบาทตั้งหลายสิบปีกัน?"“ที่จิ้งเป่ยนั้นช่างทุรกันดาร พ่อเจ้าทำงานอย่างหนักเพื่อประเทศชาติ ถึงได้แก่กว่าอย่างไรเล่า” เจ้าเมืองจิ้งเป่ยโกรธมากแม้ว่าผู้ชายจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตา แต่วีรบุรุษจะทำตัวเหมือนไม้ใกล้ฝั่งไม่ได้ เขาเพิ่งอายุสี่สิบเท่านั้น ยังมีจิตใจที่เข้มแข็ง การแต่งงานภรรยากับอนุหลายคนนั้นไม่ใช่ปัญหา"ฝ่าบาทเองก็ทรงงานหนักเพื่อชาติบ้านเมืองทุกวันมิใช่หรือ? ในท้ายที่สุด นี่ก็เป็นเพียงปัญหาเท่านั้น" แม่ทัพหนุ่มฮู้รู้สึกกังวลอย่างมาก มองเขาอย่างอ้ำอึ้ง "ท่านพ่อ ข้าเป็นลูกชายของท่านหรือไม่?"“เจ้าพูดบ้าอะไรของเจ้า?” เจ้าเมืองจิ้งเป่ยยกมือตบ แต่พลาดตบไม่โดน “เจ้ากับน้องเจ้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 784

    มู่หรูกงกงเข้ามาพร้อมน้ำชา จากนั้นก็ถอยออกไปจักรพรรดิหมิงหยวนจิบน้ำชาแล้วตรัสว่า "แล้วเรื่องแต่งงานของลูกสาวสุดที่รักของเจ้า ยังต้องการอะไรอีกหรือ?"เจ้าเมืองจิ้งเป่ยกลืนน้ำลาย และมองไปที่พระพักตร์ของจักรพรรดิหมิงหยวนทำไมไม่มีริ้วรอยบนใบหน้าบ้างเลย? ทำไมทั้งคิ้ว ตา ปาก จมูกทั้งหมดถึงดูดีได้ขนาดนี้? ท่านอ๋องทุกคนล้วนเหมือนเขา ทั้งหล่อเหลาและสง่างาม เขาเคยเห็นฮ่องเต้ตอนยังหนุ่ม เกรงว่าเขาน่าจะเป็นหนึ่งในคนที่ดูดีที่สุดในเมืองหลวงเป็นแน่เป็นคนที่เปรียบแล้วเหนือกว่าคนอื่นจริง ๆ น่าคับแค้นใจนัก“หือ?” จักรพรรดิหมิงหยวนเหลือบมองไปอย่างเย็นชา สายตาราวกับมีแสงเฉียบคมฉายแวว “เจ้าเป็นอะไร?”เจ้าเมืองจิ้งเป่ยรีบเก็บอาการ และก็รู้ว่าวันนี้เขาต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จให้ได้ จึงถอนหายใจออกมาและกล่าวว่า "อันที่จริง กระหม่อมเข้าใจความหมายของลูกสาวของกระหม่อมผิดไป ลูกสาวของกระหม่อมไม่ได้อยากแต่งงานกับอ๋องฉู่พ่ะย่ะค่ะ""โอ้? นางอยากจะแต่งงานกับใครรึ นางชอบใครอยู่?" จักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกโล่งใจ เขาเองไม่ได้ตั้งใจจะทำให้หยวนซือและเจ้าห้าลำบาก เขาแค่อยากเป็นพ่อที่มีเมตตาในสายตาพวกเขาเจ้าเมืองจิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 785

    หยวนชิงหลิงมองนาง รู้สึกทั้งแปลกและประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูกแววตาของนาง...คล้ายกับสายตาของไทเฮาที่มีทั้งความรักและเป็นห่วง"ขอบใจนะ" หยวนชิงหลิงพูดได้แค่นี้ ไม่แน่ใจว่านางหมายความว่าอะไรกันแน่ฮู้กวงติงกล่าวว่า "ข้านำยาบำรุงครรภ์มาให้ท่าน และเตรียมพวกของเล่นเด็กมานิดหน่อย หวังว่าท่านจะชอบนะเพคะ"ขณะที่นางพูด ก็ลุกขึ้นยกของขวัญที่นางนำมาให้ด้วยตัวเองหยวนชิงหลิงมองดูพวกของล้ำค่า และพวกของเล่นที่นางพูดถึง หยวนชิงหลิงถึงกับชะงักไป นอกจากป๋องแป๋งกับลูกบอลแล้ว ที่เหลือเป็นอาวุธทั้งหมดมีทั้งแส้ยาว มีดสั้น กล่องอาวุธลับ และขลุ่ยเลาหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าขลุ่ยเลาจะมีกลไกซ่อนอยู่แน่นอนว่านางหยิบขลุ่ยเลานั้นขึ้นมา และกดไปที่รูที่สาม และเสียง "หวือ" ก็ดังขึ้น พร้อมเข็มเงินก็พุ่งออกมาและปักแน่นอยู่ที่ประตูหยวนชิงหลิงถึงกับพูดอะไรไม่ออก“ไม่ชอบหรือ?” ฮู้กวงติงเอ่ยถาม“ชอบสิ ชอบ” หยวนชิงหลิงที่ได้สติมองไปที่นาง และเห็นว่านางมองมาทางนางเหมือนแม่ผู้เปี่ยมไปด้วยความรักและความอ่อนโยน จนน้ำตาแทบไหลออกมาสถานการณ์ต่อไปที่เกิดขึ้นยิ่งคิดก็ยิ่งน่าฉงนฮู้กวงติงสวมบทบาทเป็นฮูหยินเฒ่าอย่างเต็มที่ นา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 786

    หยวนชิงหลิงกลับไปหาเจ้าห้า แล้วเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับฮู้กวงติงให้เขาฟังจากนั้นนางก็รวบรวมความกล้า เอ่ยเดาอย่างระมัดระวังว่า “นางคงไม่ได้ชอบพอเสด็จพ่อหรอกนะ? ข้ารู้สึกว่านางวางท่าทีเหมือนผู้ใหญ่? และนางยังบอกอีกว่า หากไม่คุกเข่าในวันนี้วันหลังคงไม่เหมาะแล้ว มันจะเป็นไปได้ไหม?”หลังจากได้ยินเช่นนี้ อวี่เหวินห่าวรู้สึกไม่ยินดีเท่าไหร่ แต่ไม่อาจซ่อนความตื่นเต้นในแววตาของเขาได้ "อะไรนะ? ไม่ชอบข้า แต่ชอบตาเฒ่าอย่างเสด็จพ่อ บอกได้เลยว่าคงไม่เคยพบผู้ชายดี ๆ มาก่อน อ่อนประสบการณ์จริง ๆ"หยวนชิงหลิงเลิกคิ้ว “เสียดาย? ให้ข้าไปขอร้องให้เอาไหม?”อวี่เหวินห่าวโบกมือ “ช่างเถอะ แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน ข้าจะไว้ชีวิตนางแล้วกัน”หยวนชิงหลิงนั่งลงข้างเตียงและพูดว่า "นี่เป็นเพียงการเดาของข้า มันอาจจะไม่ใช่ความจริง ตอนแรกข้าคิดว่านางหยิ่งจองหอง แต่เจอนางในวันนี้ กลับไม่เป็นเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าข่าวลือข้างนอกเป็นเรื่องโกหก""นางเติบใหญ่อยู่ที่จิ้งเป่ย และชื่อเสียงของนางก็กระจายมาถึงเมืองหลวงที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่มันจะถูกบิดเบือน" อวี่เหวินห่าวรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 787

    นางข้าหลวงสี่ออกจากวังไปด้วยความรู้สึกในใจที่เหมือนมีก้อนหินหนักอึ้งทับอยู่อีกด้านหนึ่ง จักรพรรดิหมิงหยวนเรียกมู่หรูกงกงเข้ามา และถามอย่างสบอารมณ์ว่า "เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าทำไมไม่อยู่ ไสหัวไปอยู่ที่ไหนมา?"ตอนนี้มู่หรูกงกงไม่กล้ายั่วยุพระองค์ จึงทูลไปตามจริงว่า “ทูลฝ่าบาท นางข้าหลวงสี่เข้าวังมาถวายพระพร บ่าวไม่กล้าเรียกให้นางเข้ามา จึงพูดคุยอยู่ข้างนอก นางจึงฝากถวายพระพรพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”แววตาของจักรพรรดิหมิงหยวนดูเคร่งขรึม "นางมาถวายพระพร? หรือว่านางได้รับคำสั่งให้เข้าวังเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้กันแน่?"จักรพรรดิหมิงหยวนยิ่งคิดก็รู้สึกหดหู่ใจ เรื่องนี้เดิมทีต้องเป็นชายารองเจ้าห้า แต่ตอนนี้นางอยากจะเป็นสนมของเขา ตอนนี้สถานการณ์พลิกผัน เขากลับต้องมารับเคราะห์เดือดร้อนแทนเจ้าห้ามู่หรูกงกงไม่กล้าพูดตามตรง ได้แต่ยิ้มและพูดว่า "นางข้าหลวงสี่ไม่ได้ถามอะไรอื่น นางแค่เข้าวังเพื่อรายงานสถานการณ์ของพระชายาฉู่ต่อไท่ซ่างหวง นางจึงถือโอกาสมาถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิหมิงหยวนตรัสอย่างหงุดหงิด "ไป ๆ ออกไป!"มู่หรูกงกงโค้งคำนับและถอยออกไป เขาถอนหายใจออกด้วยความโล่งอกจักรพรรดิห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 788

    ฮู้กวงติงเกือบจุดธูปเพื่อให้จิตใจสงบแล้วค่อยเข้าไปในรถม้าตลอดทางที่เข้าวัง เสียงเกือกมาที่วิ่งกุบกับ ๆ ก็ไม่เท่ากับใจนางที่เต้นตึกตักนางกำผ้าเช็ดหน้า พยายามนึกถึงเรื่องผ่อนคลาย และเรื่องตลก เพื่อให้ตัวเองผ่อนคลายได้สักหน่อย แต่นางคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว? ในหัวมันเต็มไปด้วยใบหน้าหล่อเหลา และสง่างามของเขาคนนั้นนางเอนหัวพิงไหล่อันมั่นคงของของแม่นมแล้วถอนหายใจออกมา "แม่นม เรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของข้าจะถูกทำลายด้วยความขี้ขลาดของข้าไม่ได้"แม่นมตบไหล่นางเบา ๆ "คุณหนู ท่านควรจะกล้าหาญกว่านี้อีกสักหน่อย และบอกฝ่าบาทถึงความในใจของท่าน"ฮู้กวงติงบีบมือตัวเองแล้วหยิกตัวเองเบา ๆ ใช่ นางต้องกล้าสักหน่อยอนาคตตัวเองต้องไขว้ขว้ามาเองกำแพงอิฐหนาสีเหลืองกระเบื้องเคลือบสีทอง และประตูวังหลวงสีแดงสดที่แสดงถึงความมั่งคั่งและเปี่ยมไปอำนาจบารมี เมื่อก้าวขึ้นบันไดหิน ฮู้กวงติงรู้สึกแค่ว่าตัวเองกำลังเข้าใกล้ความฝันในวัยเด็กมากขึ้นเรื่อย ๆหัวใจของนางเริ่มสงบมั่นคงขึ้นมาบ้างแล้วฮู้กวงติงถูกนำทางไปยังหอตำราหลวงที่หน้าประตู นางก็สูดหายใจเข้าลึก แล้วเงยหน้าขึ้นตามมู่หรูกงกงเข้าไปนางเดินอย่างมั่นคง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status