เจ้าเมืองจิ้งเป่ยมองลูกสาวตัวเอง เขารู้สึกอยากตายขึ้นมาจริง ๆการกลับมาที่เมืองหลวงในคราวนี้ เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่า เขาจะนำพาเกียรติยศศักดิ์ศรีที่ตระกูลฮู้ควรได้รับเขารู้ว่าฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับชัยชนะในครั้งนี้ เขาจึงกลับมาอย่างกล้าหาญองอาจ วันนี้ในวังนั้น เขายังท้าทายฝ่าบาทแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่บรรลุเป้าหมาย แต่เขาจะต้องชนะอย่างแน่นอนดังนั้นตอนที่ออกจากวังแล้วกลับจวนมานั้น เขากลับมาด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมหารู้ไม่ว่า ความเพียรพยายามที่เขาสั่งสมมา แค่ภายในเวลาไม่กี่อึดใจ เขาก็ถูกลูกสาวของเขาเอารองเท้าตบจนเละไม่มีชิ้นดี ตบหน้าชราของเขาจนเขามึนงงไปหมดแล้วนี่คืออะไร? เขาจงใจสร้างบรรยากาศออกมาอย่างล้ำลึก พยายามชักใยฝ่าบาท แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ฝ่าบาทก็ชักใยลูกสาวสุดที่รักของเขางั้นรึ?เหมือนโดนน้ำเย็นนี้สาดเข้าดับไฟแห่งการต่อสู้เข้าอย่างจังเขาแก่กว่าฮ่องเต้หนึ่งปี เขาก็เป็นพ่อตาของฮ่องเต้อย่างนั้นรึ?โอ้สวรรค์ รับไม่ได้แต่เมื่อเห็นลูกสาวร้องไห้ แต่ตัวเขาเองก็ยังโกรธอยู่ เขาเองก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันแล้วลูกสาวก็ยื่นคำขาดมาว่า ถ้าฝ่าบาทไม่ต้องการนาง น
แม่ทัพหนุ่มฮู้ท่าทางเฉยชามากกับเรื่องนี้ “แต่งกับฝ่าบาทแล้วอย่างไร? นั่นคือสิ่งที่นางคิดหวังอยู่ในใจ จะว่าไปฝ่าบาทก็ไม่ได้แก่นัก เขายังอ่อนเยาว์ ยังมีสง่าราศี ดูเหมือนยังสามสิบไม่มีผิด”“พ่อแก่กว่าเขาแค่หนึ่งปีเท่านั้น” เจ้าเมืองจิ้งเป่ยพูดอย่างขุ่นเคืองแม่ทัพหนุ่มฮู้ถึงกับอึ้งไป เขาเพ่งมองดูพ่ออย่างละเอียดและพูดว่า "จริงหรือ? โอ้สวรรค์ ท่านพ่อ ท่านดูเหมือนอายุหกสิบปี แล้วทำไมท่านดูแก่กว่าฝ่าบาทตั้งหลายสิบปีกัน?"“ที่จิ้งเป่ยนั้นช่างทุรกันดาร พ่อเจ้าทำงานอย่างหนักเพื่อประเทศชาติ ถึงได้แก่กว่าอย่างไรเล่า” เจ้าเมืองจิ้งเป่ยโกรธมากแม้ว่าผู้ชายจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตา แต่วีรบุรุษจะทำตัวเหมือนไม้ใกล้ฝั่งไม่ได้ เขาเพิ่งอายุสี่สิบเท่านั้น ยังมีจิตใจที่เข้มแข็ง การแต่งงานภรรยากับอนุหลายคนนั้นไม่ใช่ปัญหา"ฝ่าบาทเองก็ทรงงานหนักเพื่อชาติบ้านเมืองทุกวันมิใช่หรือ? ในท้ายที่สุด นี่ก็เป็นเพียงปัญหาเท่านั้น" แม่ทัพหนุ่มฮู้รู้สึกกังวลอย่างมาก มองเขาอย่างอ้ำอึ้ง "ท่านพ่อ ข้าเป็นลูกชายของท่านหรือไม่?"“เจ้าพูดบ้าอะไรของเจ้า?” เจ้าเมืองจิ้งเป่ยยกมือตบ แต่พลาดตบไม่โดน “เจ้ากับน้องเจ้า
มู่หรูกงกงเข้ามาพร้อมน้ำชา จากนั้นก็ถอยออกไปจักรพรรดิหมิงหยวนจิบน้ำชาแล้วตรัสว่า "แล้วเรื่องแต่งงานของลูกสาวสุดที่รักของเจ้า ยังต้องการอะไรอีกหรือ?"เจ้าเมืองจิ้งเป่ยกลืนน้ำลาย และมองไปที่พระพักตร์ของจักรพรรดิหมิงหยวนทำไมไม่มีริ้วรอยบนใบหน้าบ้างเลย? ทำไมทั้งคิ้ว ตา ปาก จมูกทั้งหมดถึงดูดีได้ขนาดนี้? ท่านอ๋องทุกคนล้วนเหมือนเขา ทั้งหล่อเหลาและสง่างาม เขาเคยเห็นฮ่องเต้ตอนยังหนุ่ม เกรงว่าเขาน่าจะเป็นหนึ่งในคนที่ดูดีที่สุดในเมืองหลวงเป็นแน่เป็นคนที่เปรียบแล้วเหนือกว่าคนอื่นจริง ๆ น่าคับแค้นใจนัก“หือ?” จักรพรรดิหมิงหยวนเหลือบมองไปอย่างเย็นชา สายตาราวกับมีแสงเฉียบคมฉายแวว “เจ้าเป็นอะไร?”เจ้าเมืองจิ้งเป่ยรีบเก็บอาการ และก็รู้ว่าวันนี้เขาต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จให้ได้ จึงถอนหายใจออกมาและกล่าวว่า "อันที่จริง กระหม่อมเข้าใจความหมายของลูกสาวของกระหม่อมผิดไป ลูกสาวของกระหม่อมไม่ได้อยากแต่งงานกับอ๋องฉู่พ่ะย่ะค่ะ""โอ้? นางอยากจะแต่งงานกับใครรึ นางชอบใครอยู่?" จักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกโล่งใจ เขาเองไม่ได้ตั้งใจจะทำให้หยวนซือและเจ้าห้าลำบาก เขาแค่อยากเป็นพ่อที่มีเมตตาในสายตาพวกเขาเจ้าเมืองจิ
หยวนชิงหลิงมองนาง รู้สึกทั้งแปลกและประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูกแววตาของนาง...คล้ายกับสายตาของไทเฮาที่มีทั้งความรักและเป็นห่วง"ขอบใจนะ" หยวนชิงหลิงพูดได้แค่นี้ ไม่แน่ใจว่านางหมายความว่าอะไรกันแน่ฮู้กวงติงกล่าวว่า "ข้านำยาบำรุงครรภ์มาให้ท่าน และเตรียมพวกของเล่นเด็กมานิดหน่อย หวังว่าท่านจะชอบนะเพคะ"ขณะที่นางพูด ก็ลุกขึ้นยกของขวัญที่นางนำมาให้ด้วยตัวเองหยวนชิงหลิงมองดูพวกของล้ำค่า และพวกของเล่นที่นางพูดถึง หยวนชิงหลิงถึงกับชะงักไป นอกจากป๋องแป๋งกับลูกบอลแล้ว ที่เหลือเป็นอาวุธทั้งหมดมีทั้งแส้ยาว มีดสั้น กล่องอาวุธลับ และขลุ่ยเลาหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าขลุ่ยเลาจะมีกลไกซ่อนอยู่แน่นอนว่านางหยิบขลุ่ยเลานั้นขึ้นมา และกดไปที่รูที่สาม และเสียง "หวือ" ก็ดังขึ้น พร้อมเข็มเงินก็พุ่งออกมาและปักแน่นอยู่ที่ประตูหยวนชิงหลิงถึงกับพูดอะไรไม่ออก“ไม่ชอบหรือ?” ฮู้กวงติงเอ่ยถาม“ชอบสิ ชอบ” หยวนชิงหลิงที่ได้สติมองไปที่นาง และเห็นว่านางมองมาทางนางเหมือนแม่ผู้เปี่ยมไปด้วยความรักและความอ่อนโยน จนน้ำตาแทบไหลออกมาสถานการณ์ต่อไปที่เกิดขึ้นยิ่งคิดก็ยิ่งน่าฉงนฮู้กวงติงสวมบทบาทเป็นฮูหยินเฒ่าอย่างเต็มที่ นา
หยวนชิงหลิงกลับไปหาเจ้าห้า แล้วเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับฮู้กวงติงให้เขาฟังจากนั้นนางก็รวบรวมความกล้า เอ่ยเดาอย่างระมัดระวังว่า “นางคงไม่ได้ชอบพอเสด็จพ่อหรอกนะ? ข้ารู้สึกว่านางวางท่าทีเหมือนผู้ใหญ่? และนางยังบอกอีกว่า หากไม่คุกเข่าในวันนี้วันหลังคงไม่เหมาะแล้ว มันจะเป็นไปได้ไหม?”หลังจากได้ยินเช่นนี้ อวี่เหวินห่าวรู้สึกไม่ยินดีเท่าไหร่ แต่ไม่อาจซ่อนความตื่นเต้นในแววตาของเขาได้ "อะไรนะ? ไม่ชอบข้า แต่ชอบตาเฒ่าอย่างเสด็จพ่อ บอกได้เลยว่าคงไม่เคยพบผู้ชายดี ๆ มาก่อน อ่อนประสบการณ์จริง ๆ"หยวนชิงหลิงเลิกคิ้ว “เสียดาย? ให้ข้าไปขอร้องให้เอาไหม?”อวี่เหวินห่าวโบกมือ “ช่างเถอะ แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน ข้าจะไว้ชีวิตนางแล้วกัน”หยวนชิงหลิงนั่งลงข้างเตียงและพูดว่า "นี่เป็นเพียงการเดาของข้า มันอาจจะไม่ใช่ความจริง ตอนแรกข้าคิดว่านางหยิ่งจองหอง แต่เจอนางในวันนี้ กลับไม่เป็นเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าข่าวลือข้างนอกเป็นเรื่องโกหก""นางเติบใหญ่อยู่ที่จิ้งเป่ย และชื่อเสียงของนางก็กระจายมาถึงเมืองหลวงที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่มันจะถูกบิดเบือน" อวี่เหวินห่าวรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้
นางข้าหลวงสี่ออกจากวังไปด้วยความรู้สึกในใจที่เหมือนมีก้อนหินหนักอึ้งทับอยู่อีกด้านหนึ่ง จักรพรรดิหมิงหยวนเรียกมู่หรูกงกงเข้ามา และถามอย่างสบอารมณ์ว่า "เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าทำไมไม่อยู่ ไสหัวไปอยู่ที่ไหนมา?"ตอนนี้มู่หรูกงกงไม่กล้ายั่วยุพระองค์ จึงทูลไปตามจริงว่า “ทูลฝ่าบาท นางข้าหลวงสี่เข้าวังมาถวายพระพร บ่าวไม่กล้าเรียกให้นางเข้ามา จึงพูดคุยอยู่ข้างนอก นางจึงฝากถวายพระพรพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”แววตาของจักรพรรดิหมิงหยวนดูเคร่งขรึม "นางมาถวายพระพร? หรือว่านางได้รับคำสั่งให้เข้าวังเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้กันแน่?"จักรพรรดิหมิงหยวนยิ่งคิดก็รู้สึกหดหู่ใจ เรื่องนี้เดิมทีต้องเป็นชายารองเจ้าห้า แต่ตอนนี้นางอยากจะเป็นสนมของเขา ตอนนี้สถานการณ์พลิกผัน เขากลับต้องมารับเคราะห์เดือดร้อนแทนเจ้าห้ามู่หรูกงกงไม่กล้าพูดตามตรง ได้แต่ยิ้มและพูดว่า "นางข้าหลวงสี่ไม่ได้ถามอะไรอื่น นางแค่เข้าวังเพื่อรายงานสถานการณ์ของพระชายาฉู่ต่อไท่ซ่างหวง นางจึงถือโอกาสมาถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิหมิงหยวนตรัสอย่างหงุดหงิด "ไป ๆ ออกไป!"มู่หรูกงกงโค้งคำนับและถอยออกไป เขาถอนหายใจออกด้วยความโล่งอกจักรพรรดิห
ฮู้กวงติงเกือบจุดธูปเพื่อให้จิตใจสงบแล้วค่อยเข้าไปในรถม้าตลอดทางที่เข้าวัง เสียงเกือกมาที่วิ่งกุบกับ ๆ ก็ไม่เท่ากับใจนางที่เต้นตึกตักนางกำผ้าเช็ดหน้า พยายามนึกถึงเรื่องผ่อนคลาย และเรื่องตลก เพื่อให้ตัวเองผ่อนคลายได้สักหน่อย แต่นางคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว? ในหัวมันเต็มไปด้วยใบหน้าหล่อเหลา และสง่างามของเขาคนนั้นนางเอนหัวพิงไหล่อันมั่นคงของของแม่นมแล้วถอนหายใจออกมา "แม่นม เรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของข้าจะถูกทำลายด้วยความขี้ขลาดของข้าไม่ได้"แม่นมตบไหล่นางเบา ๆ "คุณหนู ท่านควรจะกล้าหาญกว่านี้อีกสักหน่อย และบอกฝ่าบาทถึงความในใจของท่าน"ฮู้กวงติงบีบมือตัวเองแล้วหยิกตัวเองเบา ๆ ใช่ นางต้องกล้าสักหน่อยอนาคตตัวเองต้องไขว้ขว้ามาเองกำแพงอิฐหนาสีเหลืองกระเบื้องเคลือบสีทอง และประตูวังหลวงสีแดงสดที่แสดงถึงความมั่งคั่งและเปี่ยมไปอำนาจบารมี เมื่อก้าวขึ้นบันไดหิน ฮู้กวงติงรู้สึกแค่ว่าตัวเองกำลังเข้าใกล้ความฝันในวัยเด็กมากขึ้นเรื่อย ๆหัวใจของนางเริ่มสงบมั่นคงขึ้นมาบ้างแล้วฮู้กวงติงถูกนำทางไปยังหอตำราหลวงที่หน้าประตู นางก็สูดหายใจเข้าลึก แล้วเงยหน้าขึ้นตามมู่หรูกงกงเข้าไปนางเดินอย่างมั่นคง
ฮู้กวงติงจะยอมไปที่ไหน? ไม่ได้คำตอบ นางจะไม่ไปไหนทั้งนั้น นางเองอาจจะไม่มีความกล้าที่จะพูดความในใจกับเขาได้อีกเป็นครั้งที่สองดังนั้นนางจึงก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ และมองตรงไปที่เขา “ผู้ชายในใต้หล้า นอกจากพระองค์แล้ว หม่อมฉันไม่ชอบทั้งนั้น พระองค์ไม่ต้องลำบากเลือกให้หม่อนฉันหรอกเพคะ หากพระองค์ไม่ชอบหม่อมฉัน หม่อมฉันก็พร้อมที่จะตายที่นี่วันนี้ และจะไม่ให้พวกท่านมาบงการวางแผนชีวิตของหม่อมฉัน พระองค์พูด หม่อมฉันไม่เข้าใจทั้งนั้น การเข้าไปในวังก็เป็นหนทางที่ไม่มีทางหวนกลับ แม้ว่าหม่อมฉันจะทำเช่นนั้น นั่นก็เป็นทางเลือกที่หม่อมฉันเลือกเอง เช่นเดียวกับการให้หม่อมฉันแต่งกับคนที่หม่อมฉันไม่มีทางรักได้ไปชั่วชีวิต นั่นก็เป็นเช่นเดียวกับทางที่ไม่อาจหวนกลับ แต่พวกท่านเลือกมันเพื่อหม่อมฉัน หม่อมฉันจะเกลียดพวกท่านไปจนตาย"จักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกจนมุม และเขาพูดออกมาเพียงเล็กน้อย "หมายความว่าอย่างไร จะไม่ชอบไปชั่วชีวิต? เมื่อเจ้าแต่งงานแล้ว เจ้าจะชอบพอไปเอง ผู้หญิงทุกคนในโลกล้วนเป็นเช่นนี้ มีใครก่อนแต่งงานแล้วชอบพอกันบ้าง?”ฮู้กวงติงก็พูดขึ้นมาทันทีว่า "ผู้หญิงคนอื่นก่อนที่จะแต่งงาน พวกนางไม่มีใครที