นางข้าหลวงสี่ออกจากวังไปด้วยความรู้สึกในใจที่เหมือนมีก้อนหินหนักอึ้งทับอยู่อีกด้านหนึ่ง จักรพรรดิหมิงหยวนเรียกมู่หรูกงกงเข้ามา และถามอย่างสบอารมณ์ว่า "เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าทำไมไม่อยู่ ไสหัวไปอยู่ที่ไหนมา?"ตอนนี้มู่หรูกงกงไม่กล้ายั่วยุพระองค์ จึงทูลไปตามจริงว่า “ทูลฝ่าบาท นางข้าหลวงสี่เข้าวังมาถวายพระพร บ่าวไม่กล้าเรียกให้นางเข้ามา จึงพูดคุยอยู่ข้างนอก นางจึงฝากถวายพระพรพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”แววตาของจักรพรรดิหมิงหยวนดูเคร่งขรึม "นางมาถวายพระพร? หรือว่านางได้รับคำสั่งให้เข้าวังเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้กันแน่?"จักรพรรดิหมิงหยวนยิ่งคิดก็รู้สึกหดหู่ใจ เรื่องนี้เดิมทีต้องเป็นชายารองเจ้าห้า แต่ตอนนี้นางอยากจะเป็นสนมของเขา ตอนนี้สถานการณ์พลิกผัน เขากลับต้องมารับเคราะห์เดือดร้อนแทนเจ้าห้ามู่หรูกงกงไม่กล้าพูดตามตรง ได้แต่ยิ้มและพูดว่า "นางข้าหลวงสี่ไม่ได้ถามอะไรอื่น นางแค่เข้าวังเพื่อรายงานสถานการณ์ของพระชายาฉู่ต่อไท่ซ่างหวง นางจึงถือโอกาสมาถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิหมิงหยวนตรัสอย่างหงุดหงิด "ไป ๆ ออกไป!"มู่หรูกงกงโค้งคำนับและถอยออกไป เขาถอนหายใจออกด้วยความโล่งอกจักรพรรดิห
ฮู้กวงติงเกือบจุดธูปเพื่อให้จิตใจสงบแล้วค่อยเข้าไปในรถม้าตลอดทางที่เข้าวัง เสียงเกือกมาที่วิ่งกุบกับ ๆ ก็ไม่เท่ากับใจนางที่เต้นตึกตักนางกำผ้าเช็ดหน้า พยายามนึกถึงเรื่องผ่อนคลาย และเรื่องตลก เพื่อให้ตัวเองผ่อนคลายได้สักหน่อย แต่นางคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว? ในหัวมันเต็มไปด้วยใบหน้าหล่อเหลา และสง่างามของเขาคนนั้นนางเอนหัวพิงไหล่อันมั่นคงของของแม่นมแล้วถอนหายใจออกมา "แม่นม เรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของข้าจะถูกทำลายด้วยความขี้ขลาดของข้าไม่ได้"แม่นมตบไหล่นางเบา ๆ "คุณหนู ท่านควรจะกล้าหาญกว่านี้อีกสักหน่อย และบอกฝ่าบาทถึงความในใจของท่าน"ฮู้กวงติงบีบมือตัวเองแล้วหยิกตัวเองเบา ๆ ใช่ นางต้องกล้าสักหน่อยอนาคตตัวเองต้องไขว้ขว้ามาเองกำแพงอิฐหนาสีเหลืองกระเบื้องเคลือบสีทอง และประตูวังหลวงสีแดงสดที่แสดงถึงความมั่งคั่งและเปี่ยมไปอำนาจบารมี เมื่อก้าวขึ้นบันไดหิน ฮู้กวงติงรู้สึกแค่ว่าตัวเองกำลังเข้าใกล้ความฝันในวัยเด็กมากขึ้นเรื่อย ๆหัวใจของนางเริ่มสงบมั่นคงขึ้นมาบ้างแล้วฮู้กวงติงถูกนำทางไปยังหอตำราหลวงที่หน้าประตู นางก็สูดหายใจเข้าลึก แล้วเงยหน้าขึ้นตามมู่หรูกงกงเข้าไปนางเดินอย่างมั่นคง
ฮู้กวงติงจะยอมไปที่ไหน? ไม่ได้คำตอบ นางจะไม่ไปไหนทั้งนั้น นางเองอาจจะไม่มีความกล้าที่จะพูดความในใจกับเขาได้อีกเป็นครั้งที่สองดังนั้นนางจึงก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ และมองตรงไปที่เขา “ผู้ชายในใต้หล้า นอกจากพระองค์แล้ว หม่อมฉันไม่ชอบทั้งนั้น พระองค์ไม่ต้องลำบากเลือกให้หม่อนฉันหรอกเพคะ หากพระองค์ไม่ชอบหม่อมฉัน หม่อมฉันก็พร้อมที่จะตายที่นี่วันนี้ และจะไม่ให้พวกท่านมาบงการวางแผนชีวิตของหม่อมฉัน พระองค์พูด หม่อมฉันไม่เข้าใจทั้งนั้น การเข้าไปในวังก็เป็นหนทางที่ไม่มีทางหวนกลับ แม้ว่าหม่อมฉันจะทำเช่นนั้น นั่นก็เป็นทางเลือกที่หม่อมฉันเลือกเอง เช่นเดียวกับการให้หม่อมฉันแต่งกับคนที่หม่อมฉันไม่มีทางรักได้ไปชั่วชีวิต นั่นก็เป็นเช่นเดียวกับทางที่ไม่อาจหวนกลับ แต่พวกท่านเลือกมันเพื่อหม่อมฉัน หม่อมฉันจะเกลียดพวกท่านไปจนตาย"จักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกจนมุม และเขาพูดออกมาเพียงเล็กน้อย "หมายความว่าอย่างไร จะไม่ชอบไปชั่วชีวิต? เมื่อเจ้าแต่งงานแล้ว เจ้าจะชอบพอไปเอง ผู้หญิงทุกคนในโลกล้วนเป็นเช่นนี้ มีใครก่อนแต่งงานแล้วชอบพอกันบ้าง?”ฮู้กวงติงก็พูดขึ้นมาทันทีว่า "ผู้หญิงคนอื่นก่อนที่จะแต่งงาน พวกนางไม่มีใครที
เวรกรรม!เจ้าเมืองจิ้งเป่ยคร่ำครวญจากก้นบึ้งของหัวใจ หลังจากเห็นลูกสาวของเขากลับห้องมาประกาศข่าวดีกระโดดโล้ดเต้นยกใหญ่เขาเป็นเหมือนเสือที่ลงมาจากภูเขา เข้ามาอย่างดุร้ายและสง่างาม แต่เขากลับสะดุดและกลิ้งลงไปในคูน้ำพร้อมกับเสียงดังตึงไม่ต้องพูดถึงการเสียหน้า มันทำร้ายศักดิ์ศรีที่เขาสร้างมาอย่างยากลำบากอีกด้วยราชโองการของจักรพรรดิหมิงหยวนมาถึงล่าช้า คงจะมาถึงจวนของเจ้าเมืองจิ้งเป่ยในวันพรุ่งนี้ได้รับตำแหน่งนางสนมชั้นเฟย แต่ไม่ได้รู้สึกอยากให้ตำแหน่งนี้ แต่การมอบตำแหน่งให้เป็นหูเฟยนั้นก็ดูเหมือนว่าจะทำแบบขอไปทีอย่างไรก็ตาม ฮู้กวงติงมีความสุขมาก นางบอกหูเฟยนั้นดีที่สุดเจ้าเมืองจิ้งเป่ยเห็นลูกสาวของเขามีความสุข ความทุกข์ในใจเขาก็เบาบางลงมาก เขาพึมพำว่า "ไม่ได้เป็นฮองเฮาเสียหน่อย จะมีความสุขอะไรขนาดนั้น?"ฮู้กวงติงกล่าวว่า "ไม่ใช่ปลา จะรู้ถึงความสุขของปลาได้อย่างไร?"เจ้าเมืองจิ้งเป่ยถอนหายใจ "ไม่ใช่ปลา จะรู้ว่าความเจ็บปวดของปลาเป็นอย่างไร ในอนาคตเจ้าก็จะรู้ ผู้หญิงในวังหลังคงเกลียดจนอยากจะบีบคอเจ้าให้ตาย มีแค่ฐานะในวังหลังเท่านั้น ที่จะให้เจ้าอยู่ได้มั่นคงปลอดภัย”"ท่านพ่อ ท่
"ไร้ยางอาย!" เจ้าเมืองจิ้งเป่ยตะโกนด่าออกมาตรง ๆฮู้กวงติงดีใจจนกระโดดโล้ดเต้นออกไปแล้วราชโองการแต่งตั้งสนมได้ประกาศลงไปแล้ว วังหลังย่อมต้องรู้เรื่องนี้ฮองเฮาตกตะลึงก่อนใครนางไม่เคยได้ยินฝ่าบาทพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน การแต่งตั้งสนมเป็นเรื่องที่ฝ่าบาทไม่มาปรึกษาฮองเฮาอย่างนางเลยสักนิดฮองเฮากริ้วจนเกือบตายอย่างไรก็ตาม นางก็แค่โกรธ พวกนางสนมต่างพากันมาถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และยังบอกว่านางปิดเรื่องนี้เป็นความลับ จึงไม่เปิดเผยข่าวให้ทุกคนทราบล่วงหน้าฮองเฮาแสร้งทำสีหน้าสง่างาม และพูดเกลี้ยกล่อมว่า วังหลังไม่ได้รับสนมมาห้าปี เมื่อห้าปีก่อนก็รับสามคนเข้าวังมา หลังจากนั้นซู่ผินก็ตายไปแล้ว หากว่ากันอย่างจริงจัง วังหลังเองก็ไม่ได้มีคนใหม่มานานแล้ว อยากหาคนใหม่สักคนมาเปลี่ยนอะไรบ้างนางสนมโกรธมาก ใครอยากได้มาใหม่? หากอยากได้มาใหม่ วังหลังใช้เวลาตั้งหลายปีในฮาเร็มกว่าจะทำให้ทุกคนหายเลิกขมวดคิ้วและอยู่ด้วยกันอย่างสันติ ตอนนี้มีเด็กสาวหน้าตาเกลี้ยงเกลาเข้ามา แล้วพวกนางที่แก่เฒ่าอย่างนี้จะเป็นคู่ต่อสู้ได้อย่างไร?ในพระทัยฮองเฮาร้อนรุมอย่างไฟสุมทรวง แต่ใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม “เข้าวังมาแล
ช่างเถิด อยู่วังมาหลายปี ไม่เคยเห็นคนมาใหม่ที่ไหนกันนางแค่เสียดายที่ฮู้กวงติงที่เหมือนผักกาดขาวหัวใหญ่แบบนี้ ถ้าเจ้าห้าแต่งได้แล้วล่ะก็ จะช่วยเป็นกำลังสนับสนุนให้เขาได้มากขนาดไหน?แต่ตอนนี้ฝ่าบาทได้มา ฝ่าบาทได้ไปจะมีประโยชน์อะไร? น่าโมโหให้ตายเสียจริงยังมีเจ้าลูกห้าซื้อบื้อ ที่คอยเอาแต่ปกป้องหยวนซืออยู่ตลอดถ้าลูกของหยวนซือเป็นผู้ชายก็ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเป็นผู้หญิง มาดูกันสิว่าเขาจะทำอย่างไรคนในวังคนที่ดูเฉยชาที่สุดก็คือกุ้ยเฟยวันนี้อ๋องอันเข้าวังมาตั้งแต่เช้า เพื่อถวายพระพรกุ้ยเฟย สองแม่ลูกจึงอยู่ในวังพูดคุยกันสักพักกุ้ยเฟยยิ้มและมองลูกชายอย่างนิ่งเฉย "ตอนนี้เจ้าดูไม่กังวลเลยนะ? ตอนแรกกลัวว่าเจ้าห้าจะแต่งกับฮู้กวงติง คาดไม่ถึงว่านางจะปรารถนาอยากเข้าวังเป็นพระสนม ทำให้เสียนเฟยฝันสลาย ไม่รู้ว่าตอนนี้เสียนเฟยนางจะโกรธขนาดไหน ฮู้กวงติงกลับมาไม่นาน เสียนเฟยก็เรียกนางเข้าวัง วางแผนอะไรมีหรือจะไม่รู้?”ท่าทีอ๋องอันดูสบายใจและเอ่ยว่า “เจ้าเมืองจิ้งเป่ยชื่นชมเจ้าห้า ถ้าให้เจ้าห้าแต่งกับฮู้กวงติง คงไม่เป็นประโยชน์กับพวกเรา แต่ตอนนี้ไม่อาจเบาใจเช่นนั้น ทางด้านเจ้าเมืองจิ้งเป่ยคงต้องไ
“ลูกทราบแล้ว” อ๋องอันครุ่นคิดแล้วเลิกคิ้วขึ้น แล้วถามว่า “ตอนนี้ได้สะสางคดีตระกูลหลัวแล้ว ได้ยินว่าเขาจะกลับเข้าสู่ทหารองค์รักษ์เงา ไม่รู้ว่าท่านตาที่อยู่ในกองทหารองค์รักษ์เงาจะได้รับผลกระทบหรือไม่”กุ้ยเฟยเอ่ยว่า “ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องกังวล ปู่เจ้าเป็นครูฝึกทหารองค์รักษ์เงามานาน ตราบใดที่ไม่มีเรื่องผิดพลาด ไท่ซ่างหวงก็จะไม่ปลดเขา ดังนั้นเจ้าต้องระวังอย่าทำให้ตาเจ้าเดือดร้อน”“ข้าทราบแล้ว” อ๋องอันพูดจบ เสด็จพ่อลุกขึ้นและทูลลากลับไปทางด้านจวนอ๋องฉู่ทุกคนต่างตกใจเมื่อรู้เรื่องของหูเฟยแม้ว่าหยวนชิงหลิงจะคาดเดาเช่นนี้ แต่เมื่อมันกลายเป็นจริง มันค่อนข้างน่าตกใจมากทีเดียวอวี่เหวินห่าวหัวเราะอย่างเป็นเอาตาย ตั้งแต่ที่เขาได้ยินเรื่องนี้ เขาก็หัวเราะออกมาเหมือนคนบ้า หัวเราะอย่างหนักจนแผลปริ เจ็บจนน้ำตาไหลออกมาแต่เจ็บก็ส่วนเจ็บ แต่อยากขำก็ส่วนอยากขำ“ครั้งนี้เสด็จพ่ออยากจะผลักปัญหามาให้ข้า แต่ไม่คิดว่าจะขุดหลุมฝังตัว...ฮ่า ๆ สะใจจริง ๆ!””หยวนชิงหลิงทำแผลให้เขาและกล่าวว่า “ท่านหัวเราะมาครึ่งวันแล้ว อย่าหัวเราะเลย มีอะไรน่าหัวเราะกัน? ท่านควรจะเศร้าสิ”อวี่เหวินห่าวหันมามองนาง "เศร้าทำ
สามวันต่อมา อ๋องเว่ยมาหาหยวนชิงหลิงตอนที่หยวนชิงหลิงได้ยินซูยี่เล่าให้ฟัง ปฏิกิริยาแรกคือทำไมเขายังไม่รีบไสหัวออกจากเมืองหลวงสักทีคนบ้าแบบนั้น นางไม่อยากคุยกับเขา แต่ก็ทำไม่ได้ดังนั้นนางจึงให้ซูยี่เชิญเขาไปที่ห้องโถงด้านข้างหลังจากที่นางออกไปแล้วนั้น นางแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อได้เห็นอ๋องเว่ยเขาสวมชุดสีเทาบาง ๆ ในวันที่อากาศหนาวจัด และตัวสั่นด้วยความหนาวเย็นเขาผอมลงไปมาก ใบหน้าซูบตอบ ขอบตาของเขาดำคล้ำยิ่งนัก และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงก่ำ เขาไม่โกนหนวดเคราที่ขึ้นรกรุงรัง โทรมจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนตามลำคอใบหน้าของเขาสกปรกราวกับถูกคนเอาหน้าเขาไปถูพื้นเขานั่งหลังงอท่าทางดูละอายใจ และประสานมือไว้ในแขนเสื้อตรงนั้นหยวนชิงหลิงค่อย ๆ เดินเข้าไปมองอยู่นาน ถึงจะพอจำได้ว่าเขานั้นคืออ๋องเว่ยจริง ๆแค่ไม่กี่วัน เขาก็ผอมลงไปเยอะถึงขนาดนี้หยวนชิงหลิงนั่งลงมองดูเขา เขาก็เงยหน้าขึ้นด้วยแววตาที่ดูสับสนไร้สติริมฝีปากเขากระตุก ไม่รู้ว่าจะแสดงสีหน้าอย่างไรดี หยวนชิงหลิงเห็นเขาเหมือนจะร้องไห้อารมณ์ของมนุษย์เป็นสิ่งแปลกนางเกลียดอ๋องเว่ย เพราะความสงสัยของเขา จึงทำเรื่องเ