Share

บทที่ 790

Author: จูน
เวรกรรม!

เจ้าเมืองจิ้งเป่ยคร่ำครวญจากก้นบึ้งของหัวใจ หลังจากเห็นลูกสาวของเขากลับห้องมาประกาศข่าวดีกระโดดโล้ดเต้นยกใหญ่

เขาเป็นเหมือนเสือที่ลงมาจากภูเขา เข้ามาอย่างดุร้ายและสง่างาม แต่เขากลับสะดุดและกลิ้งลงไปในคูน้ำพร้อมกับเสียงดังตึง

ไม่ต้องพูดถึงการเสียหน้า มันทำร้ายศักดิ์ศรีที่เขาสร้างมาอย่างยากลำบากอีกด้วย

ราชโองการของจักรพรรดิหมิงหยวนมาถึงล่าช้า คงจะมาถึงจวนของเจ้าเมืองจิ้งเป่ยในวันพรุ่งนี้

ได้รับตำแหน่งนางสนมชั้นเฟย แต่ไม่ได้รู้สึกอยากให้ตำแหน่งนี้ แต่การมอบตำแหน่งให้เป็นหูเฟยนั้นก็ดูเหมือนว่าจะทำแบบขอไปที

อย่างไรก็ตาม ฮู้กวงติงมีความสุขมาก นางบอกหูเฟยนั้นดีที่สุด

เจ้าเมืองจิ้งเป่ยเห็นลูกสาวของเขามีความสุข ความทุกข์ในใจเขาก็เบาบางลงมาก เขาพึมพำว่า "ไม่ได้เป็นฮองเฮาเสียหน่อย จะมีความสุขอะไรขนาดนั้น?"

ฮู้กวงติงกล่าวว่า "ไม่ใช่ปลา จะรู้ถึงความสุขของปลาได้อย่างไร?"

เจ้าเมืองจิ้งเป่ยถอนหายใจ "ไม่ใช่ปลา จะรู้ว่าความเจ็บปวดของปลาเป็นอย่างไร ในอนาคตเจ้าก็จะรู้ ผู้หญิงในวังหลังคงเกลียดจนอยากจะบีบคอเจ้าให้ตาย มีแค่ฐานะในวังหลังเท่านั้น ที่จะให้เจ้าอยู่ได้มั่นคงปลอดภัย”

"ท่านพ่อ ท่
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 791

    "ไร้ยางอาย!" เจ้าเมืองจิ้งเป่ยตะโกนด่าออกมาตรง ๆฮู้กวงติงดีใจจนกระโดดโล้ดเต้นออกไปแล้วราชโองการแต่งตั้งสนมได้ประกาศลงไปแล้ว วังหลังย่อมต้องรู้เรื่องนี้ฮองเฮาตกตะลึงก่อนใครนางไม่เคยได้ยินฝ่าบาทพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน การแต่งตั้งสนมเป็นเรื่องที่ฝ่าบาทไม่มาปรึกษาฮองเฮาอย่างนางเลยสักนิดฮองเฮากริ้วจนเกือบตายอย่างไรก็ตาม นางก็แค่โกรธ พวกนางสนมต่างพากันมาถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และยังบอกว่านางปิดเรื่องนี้เป็นความลับ จึงไม่เปิดเผยข่าวให้ทุกคนทราบล่วงหน้าฮองเฮาแสร้งทำสีหน้าสง่างาม และพูดเกลี้ยกล่อมว่า วังหลังไม่ได้รับสนมมาห้าปี เมื่อห้าปีก่อนก็รับสามคนเข้าวังมา หลังจากนั้นซู่ผินก็ตายไปแล้ว หากว่ากันอย่างจริงจัง วังหลังเองก็ไม่ได้มีคนใหม่มานานแล้ว อยากหาคนใหม่สักคนมาเปลี่ยนอะไรบ้างนางสนมโกรธมาก ใครอยากได้มาใหม่? หากอยากได้มาใหม่ วังหลังใช้เวลาตั้งหลายปีในฮาเร็มกว่าจะทำให้ทุกคนหายเลิกขมวดคิ้วและอยู่ด้วยกันอย่างสันติ ตอนนี้มีเด็กสาวหน้าตาเกลี้ยงเกลาเข้ามา แล้วพวกนางที่แก่เฒ่าอย่างนี้จะเป็นคู่ต่อสู้ได้อย่างไร?ในพระทัยฮองเฮาร้อนรุมอย่างไฟสุมทรวง แต่ใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม “เข้าวังมาแล

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 792

    ช่างเถิด อยู่วังมาหลายปี ไม่เคยเห็นคนมาใหม่ที่ไหนกันนางแค่เสียดายที่ฮู้กวงติงที่เหมือนผักกาดขาวหัวใหญ่แบบนี้ ถ้าเจ้าห้าแต่งได้แล้วล่ะก็ จะช่วยเป็นกำลังสนับสนุนให้เขาได้มากขนาดไหน?แต่ตอนนี้ฝ่าบาทได้มา ฝ่าบาทได้ไปจะมีประโยชน์อะไร? น่าโมโหให้ตายเสียจริงยังมีเจ้าลูกห้าซื้อบื้อ ที่คอยเอาแต่ปกป้องหยวนซืออยู่ตลอดถ้าลูกของหยวนซือเป็นผู้ชายก็ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเป็นผู้หญิง มาดูกันสิว่าเขาจะทำอย่างไรคนในวังคนที่ดูเฉยชาที่สุดก็คือกุ้ยเฟยวันนี้อ๋องอันเข้าวังมาตั้งแต่เช้า เพื่อถวายพระพรกุ้ยเฟย สองแม่ลูกจึงอยู่ในวังพูดคุยกันสักพักกุ้ยเฟยยิ้มและมองลูกชายอย่างนิ่งเฉย "ตอนนี้เจ้าดูไม่กังวลเลยนะ? ตอนแรกกลัวว่าเจ้าห้าจะแต่งกับฮู้กวงติง คาดไม่ถึงว่านางจะปรารถนาอยากเข้าวังเป็นพระสนม ทำให้เสียนเฟยฝันสลาย ไม่รู้ว่าตอนนี้เสียนเฟยนางจะโกรธขนาดไหน ฮู้กวงติงกลับมาไม่นาน เสียนเฟยก็เรียกนางเข้าวัง วางแผนอะไรมีหรือจะไม่รู้?”ท่าทีอ๋องอันดูสบายใจและเอ่ยว่า “เจ้าเมืองจิ้งเป่ยชื่นชมเจ้าห้า ถ้าให้เจ้าห้าแต่งกับฮู้กวงติง คงไม่เป็นประโยชน์กับพวกเรา แต่ตอนนี้ไม่อาจเบาใจเช่นนั้น ทางด้านเจ้าเมืองจิ้งเป่ยคงต้องไ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 793

    “ลูกทราบแล้ว” อ๋องอันครุ่นคิดแล้วเลิกคิ้วขึ้น แล้วถามว่า “ตอนนี้ได้สะสางคดีตระกูลหลัวแล้ว ได้ยินว่าเขาจะกลับเข้าสู่ทหารองค์รักษ์เงา ไม่รู้ว่าท่านตาที่อยู่ในกองทหารองค์รักษ์เงาจะได้รับผลกระทบหรือไม่”กุ้ยเฟยเอ่ยว่า “ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องกังวล ปู่เจ้าเป็นครูฝึกทหารองค์รักษ์เงามานาน ตราบใดที่ไม่มีเรื่องผิดพลาด ไท่ซ่างหวงก็จะไม่ปลดเขา ดังนั้นเจ้าต้องระวังอย่าทำให้ตาเจ้าเดือดร้อน”“ข้าทราบแล้ว” อ๋องอันพูดจบ เสด็จพ่อลุกขึ้นและทูลลากลับไปทางด้านจวนอ๋องฉู่ทุกคนต่างตกใจเมื่อรู้เรื่องของหูเฟยแม้ว่าหยวนชิงหลิงจะคาดเดาเช่นนี้ แต่เมื่อมันกลายเป็นจริง มันค่อนข้างน่าตกใจมากทีเดียวอวี่เหวินห่าวหัวเราะอย่างเป็นเอาตาย ตั้งแต่ที่เขาได้ยินเรื่องนี้ เขาก็หัวเราะออกมาเหมือนคนบ้า หัวเราะอย่างหนักจนแผลปริ เจ็บจนน้ำตาไหลออกมาแต่เจ็บก็ส่วนเจ็บ แต่อยากขำก็ส่วนอยากขำ“ครั้งนี้เสด็จพ่ออยากจะผลักปัญหามาให้ข้า แต่ไม่คิดว่าจะขุดหลุมฝังตัว...ฮ่า ๆ สะใจจริง ๆ!””หยวนชิงหลิงทำแผลให้เขาและกล่าวว่า “ท่านหัวเราะมาครึ่งวันแล้ว อย่าหัวเราะเลย มีอะไรน่าหัวเราะกัน? ท่านควรจะเศร้าสิ”อวี่เหวินห่าวหันมามองนาง "เศร้าทำ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 794

    สามวันต่อมา อ๋องเว่ยมาหาหยวนชิงหลิงตอนที่หยวนชิงหลิงได้ยินซูยี่เล่าให้ฟัง ปฏิกิริยาแรกคือทำไมเขายังไม่รีบไสหัวออกจากเมืองหลวงสักทีคนบ้าแบบนั้น นางไม่อยากคุยกับเขา แต่ก็ทำไม่ได้ดังนั้นนางจึงให้ซูยี่เชิญเขาไปที่ห้องโถงด้านข้างหลังจากที่นางออกไปแล้วนั้น นางแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อได้เห็นอ๋องเว่ยเขาสวมชุดสีเทาบาง ๆ ในวันที่อากาศหนาวจัด และตัวสั่นด้วยความหนาวเย็นเขาผอมลงไปมาก ใบหน้าซูบตอบ ขอบตาของเขาดำคล้ำยิ่งนัก และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงก่ำ เขาไม่โกนหนวดเคราที่ขึ้นรกรุงรัง โทรมจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนตามลำคอใบหน้าของเขาสกปรกราวกับถูกคนเอาหน้าเขาไปถูพื้นเขานั่งหลังงอท่าทางดูละอายใจ และประสานมือไว้ในแขนเสื้อตรงนั้นหยวนชิงหลิงค่อย ๆ เดินเข้าไปมองอยู่นาน ถึงจะพอจำได้ว่าเขานั้นคืออ๋องเว่ยจริง ๆแค่ไม่กี่วัน เขาก็ผอมลงไปเยอะถึงขนาดนี้หยวนชิงหลิงนั่งลงมองดูเขา เขาก็เงยหน้าขึ้นด้วยแววตาที่ดูสับสนไร้สติริมฝีปากเขากระตุก ไม่รู้ว่าจะแสดงสีหน้าอย่างไรดี หยวนชิงหลิงเห็นเขาเหมือนจะร้องไห้อารมณ์ของมนุษย์เป็นสิ่งแปลกนางเกลียดอ๋องเว่ย เพราะความสงสัยของเขา จึงทำเรื่องเ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 795

    ใบหน้าเขาซีดขาวขึ้นมา ไม่พูดอะไรอีก และเอามือถูหัวเข่า หยวนชิงหลิงมองมือเขาที่เต็มไปด้วยรอยถลอก คงจะใช้กำปั้นทุบชกอะไรมาสักอย่าง มองไกล ๆ ยังเห็นรอยช้ำอยู่เลย“เจ้ายังไม่บอกเลยนะว่ามาหาข้าทำไม” หยวนชิงหลิงหลบตากลับเข้าประเด็น เพื่อไม่ให้ตัวเองเห็นใจเขาขึ้นมา อ๋องเว่ยพูดเสียงเบา “พรุ่งนี้ข้าจะไปค่ายทหารทางตอนเหนือ แต่ก่อนไปข้าอยากพูดกับนาง”"ข้าไม่ให้เจ้าไปพบนาง” หยวนชิงหลิงที่ได้ยินก็เอ่ยพูดอย่างระมัดระวังทันทีอ๋องเว่ยส่ายหน้า “ข้าไม่ไปหานาง ข้าแค่อยากมาคุยกับเจ้า เจ้าช่วยบอกนางได้เวลาที่เหมาะสมด้วย”หยวนชิงหลิงมองเขาเป็นเวลานานก่อนที่จะพูดว่า "ว่ามา"นางอยากฟังความในใจของเขาจริง ๆ ว่าอะไรกันแน่ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาทำแบบนี้มันโหดร้ายมากกับการฆ่าคนได้โดยที่ไม่ต้องพยักหน้าเช่นนี้ริมฝากเขาสั่นและเอ่ยว่า “ขอน้ำให้ข้าสักแก้วได้ไหม?”หยวนชิงหลิงพยักให้หมานเอ๋อร์ยกน้ำชามาให้เขาหมานเอ๋อร์ออกไปสักพัก และยกน้ำชาร้อน ๆ เข้ามา “ท่านอ๋องเชิญ!”หลังจากพูดจบ อาซื่อก็เดินไปยืนข้าง ๆ ปกป้องหยวนชิงหลิงน้ำร้อนมาก อ๋องเว่ยค่อย ๆ จิบ หยวนชิงหลิงดูเขาดื่ม ราวกับว่าเขาไม่ได้ดื่มน้ำเป็นเว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 796

    เขาหัวเราะขึ้นมา รอยยิ้มนั้นทั้งมืดมนและสิ้นหวัง แววตาของเขาแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ หยวนชิงหลิงรู้สึกปวดใจเล็กน้อย นี่คือสาเหตุของเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดคนป่วยไม่ใช่แค่จิ้งเหอจวิ้นจู่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงตัวเขาด้วยความสงสัย หวาดระแวง ความหลงผิด ความคิดถึงเขาค่อย ๆ ยืดคอขึ้นเหมือนเต่าที่ยืดออกจากกระดอง “แต่ข้าก็คิดวิธีที่ดีที่สุดออกก็คือ ให้นางและลูกของอ๋องชิงหยางในท้องนางตายไปด้วยกัน ข้าใส่ยาขนานแรงลงไป ข้าคิดว่าบางทีนางอาจจะตายก็ได้ แต่นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดไม่ใช่หรือ? นางจะได้เจอหน้าอ๋องชิงหยางไม่ได้อีก”แผ่นหลังเขาค่อย ๆ งุ้มลง และไม่พูดอะไรอีกหยวนชิงหลิงรออยู่นาน เขาก็ไม่ได้พูดถึงส่วนที่เหลืออีกสำหรับเขาแล้ว ดูเหมือนว่าเรื่องราวทั้งหมดจะจบลงที่นี่อย่างกะทันหันหรือว่าบางทีส่วนที่เหลือเขาคงไม่กล้าเผชิญหน้า หรือไปแตะต้องมันหยวนชิงหลิงจึงเปิดปากพูดขึ้นว่า “คำพูดพวกนี้ ข้าคงบอกให้นางไม่ได้ ข้าบอกแทนเจ้าได้คำเดียวว่าขอโทษ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ถ้าเจ้าพูดจบแล้วก็กลับซะเถอะ”แม้ว่าจะมีปัญหาใหญ่หลวง และเหตุผลยิ่งใหญ่คับฟ้า แต่สิ่งที่เขาได้กระทำนั้นอุกอาจ และไม่อาจให้อภัยได้เข

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 797

    หลังจากกู้ซีกลับมาถึงจวน เขาก็พูดถึงเรื่องแต่งงานอีกครั้งเนื่องจากอารมณ์สะเทือนใจ บวกกับความรู้สึกลึก ๆ ในใจที่พูดออกมา ทุกคนจึงสนับสนุนเขา ดังนั้นจึงขอให้คนออกไปเสนอขอแต่งงานก่อนหลังจากที่ตระกูลกู้เสนอการแต่งงาน ฮูหยินเฒ่าจึงสั่งให้คนเชิญจิ้งโฮ่วที่ไปงานศพ แล้วพักที่โรงเตี้ยมอยู่กลับมาที่จริงจิ้งโฮ่วสนใจเรื่องราวในจวนเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะรู้ว่าสถานการณ์นั้นเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่พระชายาเว่ยก็มาที่จวนจิ้งโฮ่วอีกคน เขากลัวที่จะเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นเขาจึงยังคงซ่อนตัว วันนี้ตระกูลกู้มาเสนอเรื่องการแต่งงาน เขาไม่สนไม่ได้ จึงรีบเก็บข้าวของ และพาอนุโจวกลับมาด้วยหยวนชิงหลิงกลับมาที่จวนจิ้งโฮ่วเช่นเดียวกัน หยวนชิงผิงกระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของนาง พูดอย่างงงงวยและเขินอายหยวนชิงหลิงนึกถึงตอนที่นางกลับบ้านแม่ครั้งแรก น้องสาวคนนี้พูดจาดุนางและตำหนินาง แต่ตอนนี้นางดูเหมือนสาวน้อยน่ารักเช่นนี้ ก็อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้นางยิ้มและพูดว่า "ไม่แปลกตรงไหน กู้ซีชอบเจ้ามานานแล้ว สำหรับพ่อแม่ ตราบใดที่ลูกชายชอบ พวกเขาย่อมยินดีเสมอ"หยวนชิงผิงบิดผ้าเช็ดหน้าของนาง ดวงตาเป็นประกาย "ท่านแน่ใจหรือว่าเ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 798

    นอกจากนี้เขาไม่ใช่คนโง่ตอนนี้คงต้องพึ่งตระกูลกู้ปกป้องชีวิตไปก่อน ความมั่งคั่งในอนาคตต้องมีแน่ คงต้องพึ่งพิงลูกสาวที่แต่งเข้าตระกูลกู้เพื่อที่จะหนุนหลังให้สูงส่งขึ้นเขาเป็นคนที่สามารถยืดยุ่นได้ ทุกคนที่ประสบความสำเร็จได้ ก็ควรมีคุณสมบัติเช่นนี้ฮูหยินเฒ่าก็รอคอยการลาออกของเขา และเคยพูดกับหยวนชิงหลิงเอาไว้ในตอนนั้นหยวนชิงหลิงไม่ค่อยเข้าใจ แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูดในวันนี้ นางถอนหายใจว่าไม่มีใครรู้จักลูกดีไปกว่าพ่อแม่จริง ๆ แม่รู้ดีที่สุดว่าลูกตัวเองมีกำลังทำได้มากน้อยแค่ไหนคนมีตำแหน่ง ผ่านคืนวันมาอย่างหยิ่งผยองในศักดิ์ศรีแต่เมื่อเขารับตำแหน่งแล้วนั้น จำต้องส่งส่วยทุกปี และขายหม้อและกระทะ อย่างไรก็ตาม ในจวนจิ้งโฮ่วจะใหญ่โตแค่ไหน แต่ของล้ำค่ากลับมีอยู่เพียงน้อยนิดจิ้งโฮ่วเป็นลูกผู้ดีมีเงิน เขาก็ควรเป็นลูกผู้ดีมีเงินที่สงบเสงี่ยมสิหยวนชิงหลิงย้ำเตือนอีกว่า “ตอนนี้มีคนจับตาดูข้าที่จวนจิ้งโฮ่วทุกฝีก้าว ถ้าท่านจะหาคนจากข้างนอกมาเพื่อตบตาล่ะก็ ท่านซ่อนไม่ได้หรอก มีแต่จะทำให้ครอบครัวประสบหายนะครั้งใหญ่เปล่า ๆ ท่านพ่อควรล้มเลิกความคิดโดยเร็วนะเจ้าคะ”จิ้งโฮ่วแทบทรุด “มีคนจับต

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status