แชร์

บทที่ 797

ผู้เขียน: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
หลังจากกู้ซีกลับมาถึงจวน เขาก็พูดถึงเรื่องแต่งงานอีกครั้ง

เนื่องจากอารมณ์สะเทือนใจ บวกกับความรู้สึกลึก ๆ ในใจที่พูดออกมา ทุกคนจึงสนับสนุนเขา ดังนั้นจึงขอให้คนออกไปเสนอขอแต่งงานก่อน

หลังจากที่ตระกูลกู้เสนอการแต่งงาน ฮูหยินเฒ่าจึงสั่งให้คนเชิญจิ้งโฮ่วที่ไปงานศพ แล้วพักที่โรงเตี้ยมอยู่กลับมา

ที่จริงจิ้งโฮ่วสนใจเรื่องราวในจวนเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะรู้ว่าสถานการณ์นั้นเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่พระชายาเว่ยก็มาที่จวนจิ้งโฮ่วอีกคน เขากลัวที่จะเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นเขาจึงยังคงซ่อนตัว วันนี้ตระกูลกู้มาเสนอเรื่องการแต่งงาน เขาไม่สนไม่ได้ จึงรีบเก็บข้าวของ และพาอนุโจวกลับมาด้วย

หยวนชิงหลิงกลับมาที่จวนจิ้งโฮ่วเช่นเดียวกัน หยวนชิงผิงกระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของนาง พูดอย่างงงงวยและเขินอาย

หยวนชิงหลิงนึกถึงตอนที่นางกลับบ้านแม่ครั้งแรก น้องสาวคนนี้พูดจาดุนางและตำหนินาง แต่ตอนนี้นางดูเหมือนสาวน้อยน่ารักเช่นนี้ ก็อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

นางยิ้มและพูดว่า "ไม่แปลกตรงไหน กู้ซีชอบเจ้ามานานแล้ว สำหรับพ่อแม่ ตราบใดที่ลูกชายชอบ พวกเขาย่อมยินดีเสมอ"

หยวนชิงผิงบิดผ้าเช็ดหน้าของนาง ดวงตาเป็นประกาย "ท่านแน่ใจหรือว่าเ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 798

    นอกจากนี้เขาไม่ใช่คนโง่ตอนนี้คงต้องพึ่งตระกูลกู้ปกป้องชีวิตไปก่อน ความมั่งคั่งในอนาคตต้องมีแน่ คงต้องพึ่งพิงลูกสาวที่แต่งเข้าตระกูลกู้เพื่อที่จะหนุนหลังให้สูงส่งขึ้นเขาเป็นคนที่สามารถยืดยุ่นได้ ทุกคนที่ประสบความสำเร็จได้ ก็ควรมีคุณสมบัติเช่นนี้ฮูหยินเฒ่าก็รอคอยการลาออกของเขา และเคยพูดกับหยวนชิงหลิงเอาไว้ในตอนนั้นหยวนชิงหลิงไม่ค่อยเข้าใจ แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูดในวันนี้ นางถอนหายใจว่าไม่มีใครรู้จักลูกดีไปกว่าพ่อแม่จริง ๆ แม่รู้ดีที่สุดว่าลูกตัวเองมีกำลังทำได้มากน้อยแค่ไหนคนมีตำแหน่ง ผ่านคืนวันมาอย่างหยิ่งผยองในศักดิ์ศรีแต่เมื่อเขารับตำแหน่งแล้วนั้น จำต้องส่งส่วยทุกปี และขายหม้อและกระทะ อย่างไรก็ตาม ในจวนจิ้งโฮ่วจะใหญ่โตแค่ไหน แต่ของล้ำค่ากลับมีอยู่เพียงน้อยนิดจิ้งโฮ่วเป็นลูกผู้ดีมีเงิน เขาก็ควรเป็นลูกผู้ดีมีเงินที่สงบเสงี่ยมสิหยวนชิงหลิงย้ำเตือนอีกว่า “ตอนนี้มีคนจับตาดูข้าที่จวนจิ้งโฮ่วทุกฝีก้าว ถ้าท่านจะหาคนจากข้างนอกมาเพื่อตบตาล่ะก็ ท่านซ่อนไม่ได้หรอก มีแต่จะทำให้ครอบครัวประสบหายนะครั้งใหญ่เปล่า ๆ ท่านพ่อควรล้มเลิกความคิดโดยเร็วนะเจ้าคะ”จิ้งโฮ่วแทบทรุด “มีคนจับต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 799

    หยวนชิงหลิงเห็นว่าแม้นางจะยิ้ม แต่ในแววตาของนางมีความกังวลอยู่ลึก ๆ ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะจับมือปลอบโยน "อย่ากังวลเลย ข้าจะเตรียมการก่อนคลอด"“จะเตรียมการอย่างไรเพคะ?” นางข้าหลวงสี่ถาม นางกังวลเรื่องนี้ทั้งวันทั้งคืน"มีคนคนหนึ่งที่ช่วยข้าได้ เจ้าอาวาสวัดฮูกั๋ว" หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม“เขา? เขารู้เรื่องทำคลอดด้วยหรือเพคะ?”“เขารู้วิธีผ่าคลอด!” หยวนชิงหลิงกล่าว"อะไรนะเพคะ?” นางข้าหลวงสี่ตกใจหยวนชิงหลิงยิ้มและปลอบนาง "เอาเป็นว่าข้าจะจัดการเอง ท่านวางใจเถอะ"นางข้าหลวงสี่รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าพระชายาจะทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยความมั่นใจเสมอ แต่ครั้งนี้มันไม่ธรรมดาหลังจากนั้นไม่กี่วัน อาการของเจ้าห้าก็ดีขึ้นมาก เขาสามารถพลิกตัวนอนและลงมาเดินได้แล้ว และที่สำคัญที่สุดคือ ในที่สุดเขาก็สามารถเดินไปยังห้องน้ำได้ด้วยตัวเองทันทีที่หายดีแล้ว เขาก็เริ่มไปที่จวนจิ้งโฮ่วทันทีเมื่อรู้ว่าหยวนชิงหลิงบอกจิ้งโฮ่วเกี่ยวกับแฝดสามแล้ว เขาหารือกับนาง และตัดสินใจว่าถึงเวลาที่จะต้องบอกในวังแล้วหมอหลวงเฉาแทบจะร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลกับการตัดสินใจของเขา มันควรจะพูดมานานแล้ว เขาทนแบกรับแรงก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 800

    มู่หรูกงกงถามว่า "มีอะไรอีกอย่างนั้นรึ?"ทหารองครักษ์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า "ท่านอ๋องยังบอกอีกว่า คลอดแฝดสามแล้ว จะออกไปเที่ยวรอบ ๆ ตอนนี้พวกเราจะกลับไปเก็บข้าวของ และออกจากเมืองหลวง ในประโยคนี้ กงกง ท่านจับใจความนี้ได้หรือไม่?”มู่หรูกงกงหัวเราะและยกมือขึ้น "ไม่เป็นไร ไปไม่ได้หรอก ยังจะออกไปท่องเที่ยวอีก... เอ๊ะอะไรนะ? แฝดสาม?"มู่หรูกงกงยิ้มค้างไปทันที เขาหันกลับมาหัวกระแทกเข้ากับประตู แต่เขาไม่สนใจ และเข้าไปข้างในพูดด้วยความกระวนกระวาย "ฝ่าบาท บ่าวมีเรื่องเร่งด่วนจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ"จักรพรรดิหมิงหยวนกำลังหารือเรื่องต่าง ๆ กับมหาเสนาบดีและขุนนางใหญ่อีกหลายคน มู่หรูกงกงรับใช้มาหลายปี และเขาไม่เคยมีอาการตื่นตระหนกเช่นนี้มาก่อน เขากล่าวว่า "เข้ามาได้"มู่หรูกงกงผลักประตูออก รีบวิ่งไปที่ข้าง ๆ จักรพรรดิหมิงหยวน และกระซิบสองสามคำที่ข้างหูของเขาเมื่อจักรพรรดิหมิงหยวนได้ยินคำพูดนั้นก็จ้องมองเขา "เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?"มู่หรูกงกงกล่าวว่า “ทหารองค์รักษ์รายงานเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิหมิงหยวนเองก็เป็นคนที่ผ่านลมฝนมาอย่างโชกโชน เขาแสร้งทำเป็นสงบ และกล่าวกับพวกขุนนางและมหาเสนาบด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 801

    อวี่เหวินห่าวนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งพูดด้วยความไม่พอใจ "ลูกก็เห็นเช่นนั้นเหมือนกัน"จักรพรรดิหมิงหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่จากนั้นขมวดคิ้วและมองไปที่หมอหลวง "เจ้ามีแผนอะไรบ้าง หลานทั้งสามของข้าต้องคลอดออกมาอย่างปลอดภัย"หมอหลวงหารือกันอยู่ครู่หนึ่ง และพูดเป็นมติเอกฉันท์ออกมาว่า "ฝ่าบาท กระบวนการคลอดแฝดสามนั้นยาวนานกว่าปกติ ดังนั้นร่างกายของมารดาจะต้องแข็งแรง ก่อนอื่นต้องดูแลร่างกายของพระชายา และควบคุมไม่ให้ลูกในท้องตัวใหญ่เกินไป มิฉะนั้นจะเป็นอันตรายต่อผู้เป็นแม่มาก”“แล้วแผนการรับมือคืออะไร?” จักรพรรดิหมิงหยวนตรัสถามอย่างไม่พอใจ พูดถึงสามัญสำนึกพื้นฐาน ไม่มีใครไม่เข้าใจ?สำนักหมอหลวงกล่าวว่า "ตอนนี้พระชายาก็ห้าเดือนแล้ว ดังนั้นจึงยังเดินและออกกำลังกายได้ อย่างแรกจัดอาหารอย่างเหมาะสมห้ามื้อต่อวัน แต่อย่ามากเกินไป มื้อหนึ่งก็กินสักห้าถึงหกส่วน และเดินอย่างน้อยสองครั้งต่อวัน นอกจากนี้... " เขามองไปที่อวี่เหวินห่าว "ทางที่ดีที่สุดสำหรับคู่รัก ต้องนอนแยกห้องต่างหาก และห้ามร่วมเตียงกันโดยเด็ดขาด"อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "ห้ามเด็ดขาดมานานแล้ว ข้าจะนอนกับนางเฉย ๆ เท่านั้น เป็นแบบหล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 802

    จักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกแปลกใจ ไม่ใช่เรื่องที่จะแสวงหาชื่อเสียงและโชคลาภเพื่อบ้านแม่ตัวเอง แต่น้อยครั้งนักที่จะเห็นการขอให้พ่อตัวเองออกจากตำแหน่งแบบนี้แต่บางทีอาจเป็นเรื่องดีก็ได้ ตาแก่จิ้งโฮ่วนั้น ว่าไปก็เป็นคนพื้น ๆ ธรรมดา ที่ได้รับการยกย่องเท่านั้นถ้าไม่เห็นแก่ฐานะของบรรพบุรุษของเขา คงไล่เขาออกไปนานแล้วจักรพรรดิหมิงหยวนพยักหน้าและตรัสว่า "ในเมื่อเจ้าตระหนักเช่นนั้นแล้ว ข้าจะประทานยศให้เขา..."หยวนชิงหลิงรีบคุกเข่าลง "ไม่ ไม่ ฝ่าบาทเพคะ โปรดอย่าเพิ่งประทานยศ"จักรพรรดิหมิงหยวนเลิกคิ้ว "โอ้? ทำไมเป็นเช่นนั้น?"ยังจะผลักไสความเมตตานี้ออกไปรึ?หยวนชิงหลิงพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า "ฝ่าบาท มีคนประเภทหนึ่งที่มีความมั่นใจมากว่ามีความสามารถเกินไป หากพระองค์มอบไฟเล็กน้อยแก่เขา เขาจินตนาการฟุ้งซ่าน ราวกับว่าเป็นไฟลามทุ่งขึ้นมาได้เพคะ"จักรพรรดิหมิงหยวนหัวเราะ “เจ้านี่รู้จักพ่อของเจ้าดีจริง ๆ”“เพคะ!” หยวนชิงพูดอย่างเคอะเขิน น่าขายหน้าจริง ๆ“งั้นก่อนอื่น เจ้าไปถวายพระพรไท่ซ่างหวง และบอกข่าวดีให้พระองค์ทรงทราบซะ จากนั้นไปหาไทเฮา ไปคุยกันสักพัก นางคงร้องไห้สักพักเป็นแน่” จักรพรรดิหมิงหยว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 803

    หยวนชิงหลิงไม่ได้มีทัศนคติเหมือนก่อนท้องอีกแล้ว ตอนนี้คิดทุ่มเทไปที่ลูกทั้งหมดเท่านั้น และกล่าวว่า “หม่อมฉันจะระมัดระวังให้มากเพคะ”หลังจากคุยกันในพระตำหนักฉียนคุนสักพัก เขาก็ไปเข้าเฝ้าไทเฮาบังเอิญว่าพระสนมเสียนเฟยก็อยู่ที่นั่นด้วยตั้งแต่ฝ่าบาทแต่งตั้งหูเฟย พระสนมเสียนเฟยก็ไม่สบายใจมาตลอด จึงมาหาไทเฮาเพื่อรับการปลอบโยนไทเฮาเป็นป้าของนาง ซึ่งบางครั้งก็ปลอบโยนนาง และบางครั้งก็ตำหนินางอย่างรุนแรงตอนที่มาสองวันแรก ไทเฮายังทรงอดทนฟังนางบ่น แต่ยิ่งเยอะขึ้นเรื่อย ๆ จึงเริ่มรำคาญ ไทเฮาจึงตำหนินางไปยกหนึ่ง และบอกว่านางเทียบไม่ได้เลยเมื่ออวี่เหวินห่าวกับหยวนชิงหลิงมาถึง พระสนมเสียนเฟยเพิ่งถูกต่อว่าจนเสร็จ เหมือนเห็นทั้งลูกและลูกสะใภ้มา จึงเอาความโกรธไปลงที่ทั้งคู่ทันที"ต้องโทษพวกเจ้าทั้งนั้น ทำอะไรลงไป? ถ้าแต่งกับฮู้กวงติงช่วยเจ้าได้ไม่ดีรึไง? ตอนนี้วังหลังสงบสุขแล้ว ให้ฮู้กวงติงเข้าวังหลังมา ไม่รู้ว่าจะเกิดพายุฝนอะไรจะขึ้นมาอีก พวกเจ้ามันโง่ หาเรื่องวุ่นวายให้แม่เจ้าจริง ๆ”อวี่เหวินห่าวที่ได้ยินเช่นนี้ รู้สึกว่าเขาตามใจเสด็จแม่ไม่ได้อีกต่อไป และพูดอย่างจริงจังว่า "เสด็จแม่ อย่าตร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 804

    พระสนมเสียนรู้ว่านางเผลอหลุดปาก ดังนั้นนางจึงรีบหยุดพูด สุขใจก็จริง แต่ก็กังวลใจเช่นเดียวกันกันหากคลอดออกมา และรอดทั้งสามคน ถือว่าสวรรค์ประทานพรอย่างแท้จริงแต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ หากคนหรือสองคนไม่รอด หรือร้ายแรงกว่านี้... ความยินดีในตอนนี้ อาจเป็นความเศร้าโศกในภายหลังก็ได้ไทเฮาจูงพวกเขาสามีภรรยา อยู่กินข้าวด้วยกันแล้วค่อยกลับ ในฐานะสตรีผู้ให้กำเนิดบุตรทรงอำนาจ นางได้ถ่ายทอดประสบการณ์ของนางแก่หยวนชิงหลิงอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ประสบการณ์ของนางยังคงไม่เพียงพอ เพราะแม้ว่านางจะให้กำเนิดมาหลายคนมา แต่ก็มาทีละคนเท่านั้นไทเฮาทรงมีท่าทีรอบคอบอย่างที่ไม่เคยมาก่อนตั้งแต่หยวนชิงหลิงออกจากวังไปจนกลับถึงจวน ก็ถูกคุ้มกันโดยทหารองค์รักษ์ แม้ว่าจะกลับมาถึงจวนแล้ว ยังสั่งให้องค์รักษ์ทั้งแปดอยู่ที่นี่ ทั้งคนแปดคนนี้จะรับผิดชอบในไปรับไปส่งหยวนชิงหลิงในอนาคต และจะทำหน้าที่คอยตรวจตราเมื่ออยู่ในจวนด้วยไทเฮายังรับสั่งให้เรียกจักรพรรดิหมิงหยวนมาเข้าเฝ้าและสั่งลงไปอย่างเคร่งครัดว่า อย่าทำให้คู่สามีภรรยาอ๋องฉู่ต้องลำบากในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ หากเขาพยายามก่อเรื่องให้พระชายาฉู่ลำบากใจแม้แต่นิดเดียว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 805

    แต่คราวนี้จักรพรรดิหมิงหยวนไม่กริ้ว และรู้สึกสนุกกับมันด้วยซ้ำตั้งแต่หยวนชิงหลิงกลับจวนมาเก็บของ จิ้งโฮ่วก็ร้องไห้มาตลอดเขาเพิ่งลาออก ฝ่าบาทก็ทรงมีพระเมตตาให้หยวนชิงหลิงกับจวนอ๋องทันที นี่มันช่างโชคดีเหลือเกินตอนนี้ลูกสาวคนโตแต่งกับอ๋องฉู่ คนรองแต่งกับกู้ซือ เริ่มจะเห็นการบินขึ้นไปได้สูงแล้ว หวังว่าพวกลูกอนุจะแต่งกับครอบครัวที่ดี เขาจะได้มีหวังกลับเข้ามารับตำแหน่งได้ฮูหยินเฒ่าเป็นห่วงหยวนชิงหลิงที่สุด แต่นางกลับไปก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่ดีเพียงแต่นางคิดว่านางกลับอาจไม่สบายเท่าไหร่ นางมองดูแล้ว ถ้าอยู่ดูแลครรภ์ที่จวนจิ้งโฮ่วจะสะดวกที่สุด เรื่องคนในจวนนางสามารถควบคุมจัดการได้ทางด้านจวนอ๋อง นางคงเอื้อมมือไปไม่ถึง เรื่องราวมากมายไกลจากมือนาง และไม่อาจควบคุมได้ ทำให้นางไม่สบายใจนักดังนั้นหยวนชิงหลิงจึงปลอบโยนนางสักพัก จนฮูหยินเฒ่าสบายใจอวี่เหวินห่าวยังให้คำมั่นสัญญาว่า เขาจะไม่ทำให้เหล่าหยวนลำบากอีกในอนาคตฮูหยินเฒ่าเห็นท่าเดินเขาดูแปลก ๆ จึงสงสัยคำพูดของเขาที่สุดแต่ว่าหลานที่แต่งออกไปแล้วนั้น ถึงไม่เต็มใจอย่างไรก็ต้องกลับหลังจากขึ้นรถม้าแล้ว หยวนชิงหลิงซบไหล่อวี่เหว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status