หยวนชิงหลิงเห็นว่าแม้นางจะยิ้ม แต่ในแววตาของนางมีความกังวลอยู่ลึก ๆ ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะจับมือปลอบโยน "อย่ากังวลเลย ข้าจะเตรียมการก่อนคลอด"“จะเตรียมการอย่างไรเพคะ?” นางข้าหลวงสี่ถาม นางกังวลเรื่องนี้ทั้งวันทั้งคืน"มีคนคนหนึ่งที่ช่วยข้าได้ เจ้าอาวาสวัดฮูกั๋ว" หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม“เขา? เขารู้เรื่องทำคลอดด้วยหรือเพคะ?”“เขารู้วิธีผ่าคลอด!” หยวนชิงหลิงกล่าว"อะไรนะเพคะ?” นางข้าหลวงสี่ตกใจหยวนชิงหลิงยิ้มและปลอบนาง "เอาเป็นว่าข้าจะจัดการเอง ท่านวางใจเถอะ"นางข้าหลวงสี่รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าพระชายาจะทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยความมั่นใจเสมอ แต่ครั้งนี้มันไม่ธรรมดาหลังจากนั้นไม่กี่วัน อาการของเจ้าห้าก็ดีขึ้นมาก เขาสามารถพลิกตัวนอนและลงมาเดินได้แล้ว และที่สำคัญที่สุดคือ ในที่สุดเขาก็สามารถเดินไปยังห้องน้ำได้ด้วยตัวเองทันทีที่หายดีแล้ว เขาก็เริ่มไปที่จวนจิ้งโฮ่วทันทีเมื่อรู้ว่าหยวนชิงหลิงบอกจิ้งโฮ่วเกี่ยวกับแฝดสามแล้ว เขาหารือกับนาง และตัดสินใจว่าถึงเวลาที่จะต้องบอกในวังแล้วหมอหลวงเฉาแทบจะร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลกับการตัดสินใจของเขา มันควรจะพูดมานานแล้ว เขาทนแบกรับแรงก
มู่หรูกงกงถามว่า "มีอะไรอีกอย่างนั้นรึ?"ทหารองครักษ์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า "ท่านอ๋องยังบอกอีกว่า คลอดแฝดสามแล้ว จะออกไปเที่ยวรอบ ๆ ตอนนี้พวกเราจะกลับไปเก็บข้าวของ และออกจากเมืองหลวง ในประโยคนี้ กงกง ท่านจับใจความนี้ได้หรือไม่?”มู่หรูกงกงหัวเราะและยกมือขึ้น "ไม่เป็นไร ไปไม่ได้หรอก ยังจะออกไปท่องเที่ยวอีก... เอ๊ะอะไรนะ? แฝดสาม?"มู่หรูกงกงยิ้มค้างไปทันที เขาหันกลับมาหัวกระแทกเข้ากับประตู แต่เขาไม่สนใจ และเข้าไปข้างในพูดด้วยความกระวนกระวาย "ฝ่าบาท บ่าวมีเรื่องเร่งด่วนจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ"จักรพรรดิหมิงหยวนกำลังหารือเรื่องต่าง ๆ กับมหาเสนาบดีและขุนนางใหญ่อีกหลายคน มู่หรูกงกงรับใช้มาหลายปี และเขาไม่เคยมีอาการตื่นตระหนกเช่นนี้มาก่อน เขากล่าวว่า "เข้ามาได้"มู่หรูกงกงผลักประตูออก รีบวิ่งไปที่ข้าง ๆ จักรพรรดิหมิงหยวน และกระซิบสองสามคำที่ข้างหูของเขาเมื่อจักรพรรดิหมิงหยวนได้ยินคำพูดนั้นก็จ้องมองเขา "เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?"มู่หรูกงกงกล่าวว่า “ทหารองค์รักษ์รายงานเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิหมิงหยวนเองก็เป็นคนที่ผ่านลมฝนมาอย่างโชกโชน เขาแสร้งทำเป็นสงบ และกล่าวกับพวกขุนนางและมหาเสนาบด
อวี่เหวินห่าวนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งพูดด้วยความไม่พอใจ "ลูกก็เห็นเช่นนั้นเหมือนกัน"จักรพรรดิหมิงหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่จากนั้นขมวดคิ้วและมองไปที่หมอหลวง "เจ้ามีแผนอะไรบ้าง หลานทั้งสามของข้าต้องคลอดออกมาอย่างปลอดภัย"หมอหลวงหารือกันอยู่ครู่หนึ่ง และพูดเป็นมติเอกฉันท์ออกมาว่า "ฝ่าบาท กระบวนการคลอดแฝดสามนั้นยาวนานกว่าปกติ ดังนั้นร่างกายของมารดาจะต้องแข็งแรง ก่อนอื่นต้องดูแลร่างกายของพระชายา และควบคุมไม่ให้ลูกในท้องตัวใหญ่เกินไป มิฉะนั้นจะเป็นอันตรายต่อผู้เป็นแม่มาก”“แล้วแผนการรับมือคืออะไร?” จักรพรรดิหมิงหยวนตรัสถามอย่างไม่พอใจ พูดถึงสามัญสำนึกพื้นฐาน ไม่มีใครไม่เข้าใจ?สำนักหมอหลวงกล่าวว่า "ตอนนี้พระชายาก็ห้าเดือนแล้ว ดังนั้นจึงยังเดินและออกกำลังกายได้ อย่างแรกจัดอาหารอย่างเหมาะสมห้ามื้อต่อวัน แต่อย่ามากเกินไป มื้อหนึ่งก็กินสักห้าถึงหกส่วน และเดินอย่างน้อยสองครั้งต่อวัน นอกจากนี้... " เขามองไปที่อวี่เหวินห่าว "ทางที่ดีที่สุดสำหรับคู่รัก ต้องนอนแยกห้องต่างหาก และห้ามร่วมเตียงกันโดยเด็ดขาด"อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "ห้ามเด็ดขาดมานานแล้ว ข้าจะนอนกับนางเฉย ๆ เท่านั้น เป็นแบบหล
จักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกแปลกใจ ไม่ใช่เรื่องที่จะแสวงหาชื่อเสียงและโชคลาภเพื่อบ้านแม่ตัวเอง แต่น้อยครั้งนักที่จะเห็นการขอให้พ่อตัวเองออกจากตำแหน่งแบบนี้แต่บางทีอาจเป็นเรื่องดีก็ได้ ตาแก่จิ้งโฮ่วนั้น ว่าไปก็เป็นคนพื้น ๆ ธรรมดา ที่ได้รับการยกย่องเท่านั้นถ้าไม่เห็นแก่ฐานะของบรรพบุรุษของเขา คงไล่เขาออกไปนานแล้วจักรพรรดิหมิงหยวนพยักหน้าและตรัสว่า "ในเมื่อเจ้าตระหนักเช่นนั้นแล้ว ข้าจะประทานยศให้เขา..."หยวนชิงหลิงรีบคุกเข่าลง "ไม่ ไม่ ฝ่าบาทเพคะ โปรดอย่าเพิ่งประทานยศ"จักรพรรดิหมิงหยวนเลิกคิ้ว "โอ้? ทำไมเป็นเช่นนั้น?"ยังจะผลักไสความเมตตานี้ออกไปรึ?หยวนชิงหลิงพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า "ฝ่าบาท มีคนประเภทหนึ่งที่มีความมั่นใจมากว่ามีความสามารถเกินไป หากพระองค์มอบไฟเล็กน้อยแก่เขา เขาจินตนาการฟุ้งซ่าน ราวกับว่าเป็นไฟลามทุ่งขึ้นมาได้เพคะ"จักรพรรดิหมิงหยวนหัวเราะ “เจ้านี่รู้จักพ่อของเจ้าดีจริง ๆ”“เพคะ!” หยวนชิงพูดอย่างเคอะเขิน น่าขายหน้าจริง ๆ“งั้นก่อนอื่น เจ้าไปถวายพระพรไท่ซ่างหวง และบอกข่าวดีให้พระองค์ทรงทราบซะ จากนั้นไปหาไทเฮา ไปคุยกันสักพัก นางคงร้องไห้สักพักเป็นแน่” จักรพรรดิหมิงหยว
หยวนชิงหลิงไม่ได้มีทัศนคติเหมือนก่อนท้องอีกแล้ว ตอนนี้คิดทุ่มเทไปที่ลูกทั้งหมดเท่านั้น และกล่าวว่า “หม่อมฉันจะระมัดระวังให้มากเพคะ”หลังจากคุยกันในพระตำหนักฉียนคุนสักพัก เขาก็ไปเข้าเฝ้าไทเฮาบังเอิญว่าพระสนมเสียนเฟยก็อยู่ที่นั่นด้วยตั้งแต่ฝ่าบาทแต่งตั้งหูเฟย พระสนมเสียนเฟยก็ไม่สบายใจมาตลอด จึงมาหาไทเฮาเพื่อรับการปลอบโยนไทเฮาเป็นป้าของนาง ซึ่งบางครั้งก็ปลอบโยนนาง และบางครั้งก็ตำหนินางอย่างรุนแรงตอนที่มาสองวันแรก ไทเฮายังทรงอดทนฟังนางบ่น แต่ยิ่งเยอะขึ้นเรื่อย ๆ จึงเริ่มรำคาญ ไทเฮาจึงตำหนินางไปยกหนึ่ง และบอกว่านางเทียบไม่ได้เลยเมื่ออวี่เหวินห่าวกับหยวนชิงหลิงมาถึง พระสนมเสียนเฟยเพิ่งถูกต่อว่าจนเสร็จ เหมือนเห็นทั้งลูกและลูกสะใภ้มา จึงเอาความโกรธไปลงที่ทั้งคู่ทันที"ต้องโทษพวกเจ้าทั้งนั้น ทำอะไรลงไป? ถ้าแต่งกับฮู้กวงติงช่วยเจ้าได้ไม่ดีรึไง? ตอนนี้วังหลังสงบสุขแล้ว ให้ฮู้กวงติงเข้าวังหลังมา ไม่รู้ว่าจะเกิดพายุฝนอะไรจะขึ้นมาอีก พวกเจ้ามันโง่ หาเรื่องวุ่นวายให้แม่เจ้าจริง ๆ”อวี่เหวินห่าวที่ได้ยินเช่นนี้ รู้สึกว่าเขาตามใจเสด็จแม่ไม่ได้อีกต่อไป และพูดอย่างจริงจังว่า "เสด็จแม่ อย่าตร
พระสนมเสียนรู้ว่านางเผลอหลุดปาก ดังนั้นนางจึงรีบหยุดพูด สุขใจก็จริง แต่ก็กังวลใจเช่นเดียวกันกันหากคลอดออกมา และรอดทั้งสามคน ถือว่าสวรรค์ประทานพรอย่างแท้จริงแต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ หากคนหรือสองคนไม่รอด หรือร้ายแรงกว่านี้... ความยินดีในตอนนี้ อาจเป็นความเศร้าโศกในภายหลังก็ได้ไทเฮาจูงพวกเขาสามีภรรยา อยู่กินข้าวด้วยกันแล้วค่อยกลับ ในฐานะสตรีผู้ให้กำเนิดบุตรทรงอำนาจ นางได้ถ่ายทอดประสบการณ์ของนางแก่หยวนชิงหลิงอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ประสบการณ์ของนางยังคงไม่เพียงพอ เพราะแม้ว่านางจะให้กำเนิดมาหลายคนมา แต่ก็มาทีละคนเท่านั้นไทเฮาทรงมีท่าทีรอบคอบอย่างที่ไม่เคยมาก่อนตั้งแต่หยวนชิงหลิงออกจากวังไปจนกลับถึงจวน ก็ถูกคุ้มกันโดยทหารองค์รักษ์ แม้ว่าจะกลับมาถึงจวนแล้ว ยังสั่งให้องค์รักษ์ทั้งแปดอยู่ที่นี่ ทั้งคนแปดคนนี้จะรับผิดชอบในไปรับไปส่งหยวนชิงหลิงในอนาคต และจะทำหน้าที่คอยตรวจตราเมื่ออยู่ในจวนด้วยไทเฮายังรับสั่งให้เรียกจักรพรรดิหมิงหยวนมาเข้าเฝ้าและสั่งลงไปอย่างเคร่งครัดว่า อย่าทำให้คู่สามีภรรยาอ๋องฉู่ต้องลำบากในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ หากเขาพยายามก่อเรื่องให้พระชายาฉู่ลำบากใจแม้แต่นิดเดียว
แต่คราวนี้จักรพรรดิหมิงหยวนไม่กริ้ว และรู้สึกสนุกกับมันด้วยซ้ำตั้งแต่หยวนชิงหลิงกลับจวนมาเก็บของ จิ้งโฮ่วก็ร้องไห้มาตลอดเขาเพิ่งลาออก ฝ่าบาทก็ทรงมีพระเมตตาให้หยวนชิงหลิงกับจวนอ๋องทันที นี่มันช่างโชคดีเหลือเกินตอนนี้ลูกสาวคนโตแต่งกับอ๋องฉู่ คนรองแต่งกับกู้ซือ เริ่มจะเห็นการบินขึ้นไปได้สูงแล้ว หวังว่าพวกลูกอนุจะแต่งกับครอบครัวที่ดี เขาจะได้มีหวังกลับเข้ามารับตำแหน่งได้ฮูหยินเฒ่าเป็นห่วงหยวนชิงหลิงที่สุด แต่นางกลับไปก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่ดีเพียงแต่นางคิดว่านางกลับอาจไม่สบายเท่าไหร่ นางมองดูแล้ว ถ้าอยู่ดูแลครรภ์ที่จวนจิ้งโฮ่วจะสะดวกที่สุด เรื่องคนในจวนนางสามารถควบคุมจัดการได้ทางด้านจวนอ๋อง นางคงเอื้อมมือไปไม่ถึง เรื่องราวมากมายไกลจากมือนาง และไม่อาจควบคุมได้ ทำให้นางไม่สบายใจนักดังนั้นหยวนชิงหลิงจึงปลอบโยนนางสักพัก จนฮูหยินเฒ่าสบายใจอวี่เหวินห่าวยังให้คำมั่นสัญญาว่า เขาจะไม่ทำให้เหล่าหยวนลำบากอีกในอนาคตฮูหยินเฒ่าเห็นท่าเดินเขาดูแปลก ๆ จึงสงสัยคำพูดของเขาที่สุดแต่ว่าหลานที่แต่งออกไปแล้วนั้น ถึงไม่เต็มใจอย่างไรก็ต้องกลับหลังจากขึ้นรถม้าแล้ว หยวนชิงหลิงซบไหล่อวี่เหว
ใบหน้าอ๋องฉีมีรอยช้ำอยู่หลายจุด ทั้งแดงทั้งเขียวเต็มหน้าไปทั่วทั้งหน้าอวี่เหวินห่าวถามว่า "เจ้าโดนไม้ฟาดหน้ามารึ?"สีหน้าอ๋องฉีดูไม่ได้ เขากระซิบเบา ๆ “เกี่ยวอะไรกับท่าน? อย่ายุ่งน่า”หยวนหยงอี้จึงอธิบายว่า “ใช่ ถูกตีมา ข้าพาเขาไปเจอเจ้าอาวาสวัดฮูกั๋ว ท่านเจ้าอาวาสบอกว่าเขาถูกผีเข้า เลยทำการปัดเป่าวิญญาณร้ายให้”“อ๋อ ทำไมถึงไปวัดเพื่อถามเรื่องพวกนี้กันเล่า?” อวี่เหวินห่าวถามขึ้นมาหยวนหยงอี้มองไปที่อ๋องฉี นึกขึ้นได้ว่าห้ามพูดเรื่องที่เขาเจ็บป่วย จึงหัวเราะแห้งและเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้ตั้งใจไปถาม”อ๋องฉีกลัวว่านางจะพูดจาเหลวไหล จึงลุกขึ้นดึงตัวอวี่เหวินห่าวไปคุยที่ด้านนอกหยวนหยงอี้คุยกับหยวนชิงหลิงอย่างมีความสุขว่า “ข้าได้ยินมาว่าในท้องพี่หยวนเป็นแฝดสาม ดีจริงเชียว”หยวนชิงหลิงยิ้มและมองนาง “อาการป่วยเขาดีขึ้นบ้างไหม?”หยวนหยงอี้ส่ายหน้า “ไม่รู้สิ เขาก็ไม่ยอมไปตรวจดู ข้าไปหาท่านย่าเพื่อที่จะคุยเรื่องนี้ ท่านย่าบอกว่า ถ้ารักษาไม่มีหวัง ให้ไปถามท่านเจ้าอาวาส ให้ลองตรวจดวงชะตาดู ไม่เช่นนั้นจะพาเขาไปไหม?”“ท่านเจ้าอาวาสว่าอย่างไร?”“ไม่เป็นอะไร แต่ว่ามีวิญญาณร้ายคอยตามติด”หยวนชิง