แชร์

บทที่ 794

ผู้เขียน: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
สามวันต่อมา อ๋องเว่ยมาหาหยวนชิงหลิง

ตอนที่หยวนชิงหลิงได้ยินซูยี่เล่าให้ฟัง ปฏิกิริยาแรกคือทำไมเขายังไม่รีบไสหัวออกจากเมืองหลวงสักที

คนบ้าแบบนั้น นางไม่อยากคุยกับเขา แต่ก็ทำไม่ได้

ดังนั้นนางจึงให้ซูยี่เชิญเขาไปที่ห้องโถงด้านข้าง

หลังจากที่นางออกไปแล้วนั้น นางแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อได้เห็นอ๋องเว่ย

เขาสวมชุดสีเทาบาง ๆ ในวันที่อากาศหนาวจัด และตัวสั่นด้วยความหนาวเย็น

เขาผอมลงไปมาก ใบหน้าซูบตอบ ขอบตาของเขาดำคล้ำยิ่งนัก และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงก่ำ เขาไม่โกนหนวดเคราที่ขึ้นรกรุงรัง โทรมจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนตามลำคอ

ใบหน้าของเขาสกปรกราวกับถูกคนเอาหน้าเขาไปถูพื้น

เขานั่งหลังงอท่าทางดูละอายใจ และประสานมือไว้ในแขนเสื้อตรงนั้น

หยวนชิงหลิงค่อย ๆ เดินเข้าไปมองอยู่นาน ถึงจะพอจำได้ว่าเขานั้นคืออ๋องเว่ยจริง ๆ

แค่ไม่กี่วัน เขาก็ผอมลงไปเยอะถึงขนาดนี้

หยวนชิงหลิงนั่งลงมองดูเขา เขาก็เงยหน้าขึ้นด้วยแววตาที่ดูสับสนไร้สติ

ริมฝีปากเขากระตุก ไม่รู้ว่าจะแสดงสีหน้าอย่างไรดี หยวนชิงหลิงเห็นเขาเหมือนจะร้องไห้

อารมณ์ของมนุษย์เป็นสิ่งแปลก

นางเกลียดอ๋องเว่ย เพราะความสงสัยของเขา จึงทำเรื่องเ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 795

    ใบหน้าเขาซีดขาวขึ้นมา ไม่พูดอะไรอีก และเอามือถูหัวเข่า หยวนชิงหลิงมองมือเขาที่เต็มไปด้วยรอยถลอก คงจะใช้กำปั้นทุบชกอะไรมาสักอย่าง มองไกล ๆ ยังเห็นรอยช้ำอยู่เลย“เจ้ายังไม่บอกเลยนะว่ามาหาข้าทำไม” หยวนชิงหลิงหลบตากลับเข้าประเด็น เพื่อไม่ให้ตัวเองเห็นใจเขาขึ้นมา อ๋องเว่ยพูดเสียงเบา “พรุ่งนี้ข้าจะไปค่ายทหารทางตอนเหนือ แต่ก่อนไปข้าอยากพูดกับนาง”"ข้าไม่ให้เจ้าไปพบนาง” หยวนชิงหลิงที่ได้ยินก็เอ่ยพูดอย่างระมัดระวังทันทีอ๋องเว่ยส่ายหน้า “ข้าไม่ไปหานาง ข้าแค่อยากมาคุยกับเจ้า เจ้าช่วยบอกนางได้เวลาที่เหมาะสมด้วย”หยวนชิงหลิงมองเขาเป็นเวลานานก่อนที่จะพูดว่า "ว่ามา"นางอยากฟังความในใจของเขาจริง ๆ ว่าอะไรกันแน่ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาทำแบบนี้มันโหดร้ายมากกับการฆ่าคนได้โดยที่ไม่ต้องพยักหน้าเช่นนี้ริมฝากเขาสั่นและเอ่ยว่า “ขอน้ำให้ข้าสักแก้วได้ไหม?”หยวนชิงหลิงพยักให้หมานเอ๋อร์ยกน้ำชามาให้เขาหมานเอ๋อร์ออกไปสักพัก และยกน้ำชาร้อน ๆ เข้ามา “ท่านอ๋องเชิญ!”หลังจากพูดจบ อาซื่อก็เดินไปยืนข้าง ๆ ปกป้องหยวนชิงหลิงน้ำร้อนมาก อ๋องเว่ยค่อย ๆ จิบ หยวนชิงหลิงดูเขาดื่ม ราวกับว่าเขาไม่ได้ดื่มน้ำเป็นเว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 796

    เขาหัวเราะขึ้นมา รอยยิ้มนั้นทั้งมืดมนและสิ้นหวัง แววตาของเขาแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ หยวนชิงหลิงรู้สึกปวดใจเล็กน้อย นี่คือสาเหตุของเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดคนป่วยไม่ใช่แค่จิ้งเหอจวิ้นจู่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงตัวเขาด้วยความสงสัย หวาดระแวง ความหลงผิด ความคิดถึงเขาค่อย ๆ ยืดคอขึ้นเหมือนเต่าที่ยืดออกจากกระดอง “แต่ข้าก็คิดวิธีที่ดีที่สุดออกก็คือ ให้นางและลูกของอ๋องชิงหยางในท้องนางตายไปด้วยกัน ข้าใส่ยาขนานแรงลงไป ข้าคิดว่าบางทีนางอาจจะตายก็ได้ แต่นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดไม่ใช่หรือ? นางจะได้เจอหน้าอ๋องชิงหยางไม่ได้อีก”แผ่นหลังเขาค่อย ๆ งุ้มลง และไม่พูดอะไรอีกหยวนชิงหลิงรออยู่นาน เขาก็ไม่ได้พูดถึงส่วนที่เหลืออีกสำหรับเขาแล้ว ดูเหมือนว่าเรื่องราวทั้งหมดจะจบลงที่นี่อย่างกะทันหันหรือว่าบางทีส่วนที่เหลือเขาคงไม่กล้าเผชิญหน้า หรือไปแตะต้องมันหยวนชิงหลิงจึงเปิดปากพูดขึ้นว่า “คำพูดพวกนี้ ข้าคงบอกให้นางไม่ได้ ข้าบอกแทนเจ้าได้คำเดียวว่าขอโทษ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ถ้าเจ้าพูดจบแล้วก็กลับซะเถอะ”แม้ว่าจะมีปัญหาใหญ่หลวง และเหตุผลยิ่งใหญ่คับฟ้า แต่สิ่งที่เขาได้กระทำนั้นอุกอาจ และไม่อาจให้อภัยได้เข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 797

    หลังจากกู้ซีกลับมาถึงจวน เขาก็พูดถึงเรื่องแต่งงานอีกครั้งเนื่องจากอารมณ์สะเทือนใจ บวกกับความรู้สึกลึก ๆ ในใจที่พูดออกมา ทุกคนจึงสนับสนุนเขา ดังนั้นจึงขอให้คนออกไปเสนอขอแต่งงานก่อนหลังจากที่ตระกูลกู้เสนอการแต่งงาน ฮูหยินเฒ่าจึงสั่งให้คนเชิญจิ้งโฮ่วที่ไปงานศพ แล้วพักที่โรงเตี้ยมอยู่กลับมาที่จริงจิ้งโฮ่วสนใจเรื่องราวในจวนเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะรู้ว่าสถานการณ์นั้นเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่พระชายาเว่ยก็มาที่จวนจิ้งโฮ่วอีกคน เขากลัวที่จะเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นเขาจึงยังคงซ่อนตัว วันนี้ตระกูลกู้มาเสนอเรื่องการแต่งงาน เขาไม่สนไม่ได้ จึงรีบเก็บข้าวของ และพาอนุโจวกลับมาด้วยหยวนชิงหลิงกลับมาที่จวนจิ้งโฮ่วเช่นเดียวกัน หยวนชิงผิงกระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของนาง พูดอย่างงงงวยและเขินอายหยวนชิงหลิงนึกถึงตอนที่นางกลับบ้านแม่ครั้งแรก น้องสาวคนนี้พูดจาดุนางและตำหนินาง แต่ตอนนี้นางดูเหมือนสาวน้อยน่ารักเช่นนี้ ก็อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้นางยิ้มและพูดว่า "ไม่แปลกตรงไหน กู้ซีชอบเจ้ามานานแล้ว สำหรับพ่อแม่ ตราบใดที่ลูกชายชอบ พวกเขาย่อมยินดีเสมอ"หยวนชิงผิงบิดผ้าเช็ดหน้าของนาง ดวงตาเป็นประกาย "ท่านแน่ใจหรือว่าเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 798

    นอกจากนี้เขาไม่ใช่คนโง่ตอนนี้คงต้องพึ่งตระกูลกู้ปกป้องชีวิตไปก่อน ความมั่งคั่งในอนาคตต้องมีแน่ คงต้องพึ่งพิงลูกสาวที่แต่งเข้าตระกูลกู้เพื่อที่จะหนุนหลังให้สูงส่งขึ้นเขาเป็นคนที่สามารถยืดยุ่นได้ ทุกคนที่ประสบความสำเร็จได้ ก็ควรมีคุณสมบัติเช่นนี้ฮูหยินเฒ่าก็รอคอยการลาออกของเขา และเคยพูดกับหยวนชิงหลิงเอาไว้ในตอนนั้นหยวนชิงหลิงไม่ค่อยเข้าใจ แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูดในวันนี้ นางถอนหายใจว่าไม่มีใครรู้จักลูกดีไปกว่าพ่อแม่จริง ๆ แม่รู้ดีที่สุดว่าลูกตัวเองมีกำลังทำได้มากน้อยแค่ไหนคนมีตำแหน่ง ผ่านคืนวันมาอย่างหยิ่งผยองในศักดิ์ศรีแต่เมื่อเขารับตำแหน่งแล้วนั้น จำต้องส่งส่วยทุกปี และขายหม้อและกระทะ อย่างไรก็ตาม ในจวนจิ้งโฮ่วจะใหญ่โตแค่ไหน แต่ของล้ำค่ากลับมีอยู่เพียงน้อยนิดจิ้งโฮ่วเป็นลูกผู้ดีมีเงิน เขาก็ควรเป็นลูกผู้ดีมีเงินที่สงบเสงี่ยมสิหยวนชิงหลิงย้ำเตือนอีกว่า “ตอนนี้มีคนจับตาดูข้าที่จวนจิ้งโฮ่วทุกฝีก้าว ถ้าท่านจะหาคนจากข้างนอกมาเพื่อตบตาล่ะก็ ท่านซ่อนไม่ได้หรอก มีแต่จะทำให้ครอบครัวประสบหายนะครั้งใหญ่เปล่า ๆ ท่านพ่อควรล้มเลิกความคิดโดยเร็วนะเจ้าคะ”จิ้งโฮ่วแทบทรุด “มีคนจับต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 799

    หยวนชิงหลิงเห็นว่าแม้นางจะยิ้ม แต่ในแววตาของนางมีความกังวลอยู่ลึก ๆ ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะจับมือปลอบโยน "อย่ากังวลเลย ข้าจะเตรียมการก่อนคลอด"“จะเตรียมการอย่างไรเพคะ?” นางข้าหลวงสี่ถาม นางกังวลเรื่องนี้ทั้งวันทั้งคืน"มีคนคนหนึ่งที่ช่วยข้าได้ เจ้าอาวาสวัดฮูกั๋ว" หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม“เขา? เขารู้เรื่องทำคลอดด้วยหรือเพคะ?”“เขารู้วิธีผ่าคลอด!” หยวนชิงหลิงกล่าว"อะไรนะเพคะ?” นางข้าหลวงสี่ตกใจหยวนชิงหลิงยิ้มและปลอบนาง "เอาเป็นว่าข้าจะจัดการเอง ท่านวางใจเถอะ"นางข้าหลวงสี่รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าพระชายาจะทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยความมั่นใจเสมอ แต่ครั้งนี้มันไม่ธรรมดาหลังจากนั้นไม่กี่วัน อาการของเจ้าห้าก็ดีขึ้นมาก เขาสามารถพลิกตัวนอนและลงมาเดินได้แล้ว และที่สำคัญที่สุดคือ ในที่สุดเขาก็สามารถเดินไปยังห้องน้ำได้ด้วยตัวเองทันทีที่หายดีแล้ว เขาก็เริ่มไปที่จวนจิ้งโฮ่วทันทีเมื่อรู้ว่าหยวนชิงหลิงบอกจิ้งโฮ่วเกี่ยวกับแฝดสามแล้ว เขาหารือกับนาง และตัดสินใจว่าถึงเวลาที่จะต้องบอกในวังแล้วหมอหลวงเฉาแทบจะร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลกับการตัดสินใจของเขา มันควรจะพูดมานานแล้ว เขาทนแบกรับแรงก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 800

    มู่หรูกงกงถามว่า "มีอะไรอีกอย่างนั้นรึ?"ทหารองครักษ์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า "ท่านอ๋องยังบอกอีกว่า คลอดแฝดสามแล้ว จะออกไปเที่ยวรอบ ๆ ตอนนี้พวกเราจะกลับไปเก็บข้าวของ และออกจากเมืองหลวง ในประโยคนี้ กงกง ท่านจับใจความนี้ได้หรือไม่?”มู่หรูกงกงหัวเราะและยกมือขึ้น "ไม่เป็นไร ไปไม่ได้หรอก ยังจะออกไปท่องเที่ยวอีก... เอ๊ะอะไรนะ? แฝดสาม?"มู่หรูกงกงยิ้มค้างไปทันที เขาหันกลับมาหัวกระแทกเข้ากับประตู แต่เขาไม่สนใจ และเข้าไปข้างในพูดด้วยความกระวนกระวาย "ฝ่าบาท บ่าวมีเรื่องเร่งด่วนจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ"จักรพรรดิหมิงหยวนกำลังหารือเรื่องต่าง ๆ กับมหาเสนาบดีและขุนนางใหญ่อีกหลายคน มู่หรูกงกงรับใช้มาหลายปี และเขาไม่เคยมีอาการตื่นตระหนกเช่นนี้มาก่อน เขากล่าวว่า "เข้ามาได้"มู่หรูกงกงผลักประตูออก รีบวิ่งไปที่ข้าง ๆ จักรพรรดิหมิงหยวน และกระซิบสองสามคำที่ข้างหูของเขาเมื่อจักรพรรดิหมิงหยวนได้ยินคำพูดนั้นก็จ้องมองเขา "เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?"มู่หรูกงกงกล่าวว่า “ทหารองค์รักษ์รายงานเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิหมิงหยวนเองก็เป็นคนที่ผ่านลมฝนมาอย่างโชกโชน เขาแสร้งทำเป็นสงบ และกล่าวกับพวกขุนนางและมหาเสนาบด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 801

    อวี่เหวินห่าวนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งพูดด้วยความไม่พอใจ "ลูกก็เห็นเช่นนั้นเหมือนกัน"จักรพรรดิหมิงหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่จากนั้นขมวดคิ้วและมองไปที่หมอหลวง "เจ้ามีแผนอะไรบ้าง หลานทั้งสามของข้าต้องคลอดออกมาอย่างปลอดภัย"หมอหลวงหารือกันอยู่ครู่หนึ่ง และพูดเป็นมติเอกฉันท์ออกมาว่า "ฝ่าบาท กระบวนการคลอดแฝดสามนั้นยาวนานกว่าปกติ ดังนั้นร่างกายของมารดาจะต้องแข็งแรง ก่อนอื่นต้องดูแลร่างกายของพระชายา และควบคุมไม่ให้ลูกในท้องตัวใหญ่เกินไป มิฉะนั้นจะเป็นอันตรายต่อผู้เป็นแม่มาก”“แล้วแผนการรับมือคืออะไร?” จักรพรรดิหมิงหยวนตรัสถามอย่างไม่พอใจ พูดถึงสามัญสำนึกพื้นฐาน ไม่มีใครไม่เข้าใจ?สำนักหมอหลวงกล่าวว่า "ตอนนี้พระชายาก็ห้าเดือนแล้ว ดังนั้นจึงยังเดินและออกกำลังกายได้ อย่างแรกจัดอาหารอย่างเหมาะสมห้ามื้อต่อวัน แต่อย่ามากเกินไป มื้อหนึ่งก็กินสักห้าถึงหกส่วน และเดินอย่างน้อยสองครั้งต่อวัน นอกจากนี้... " เขามองไปที่อวี่เหวินห่าว "ทางที่ดีที่สุดสำหรับคู่รัก ต้องนอนแยกห้องต่างหาก และห้ามร่วมเตียงกันโดยเด็ดขาด"อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "ห้ามเด็ดขาดมานานแล้ว ข้าจะนอนกับนางเฉย ๆ เท่านั้น เป็นแบบหล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 802

    จักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกแปลกใจ ไม่ใช่เรื่องที่จะแสวงหาชื่อเสียงและโชคลาภเพื่อบ้านแม่ตัวเอง แต่น้อยครั้งนักที่จะเห็นการขอให้พ่อตัวเองออกจากตำแหน่งแบบนี้แต่บางทีอาจเป็นเรื่องดีก็ได้ ตาแก่จิ้งโฮ่วนั้น ว่าไปก็เป็นคนพื้น ๆ ธรรมดา ที่ได้รับการยกย่องเท่านั้นถ้าไม่เห็นแก่ฐานะของบรรพบุรุษของเขา คงไล่เขาออกไปนานแล้วจักรพรรดิหมิงหยวนพยักหน้าและตรัสว่า "ในเมื่อเจ้าตระหนักเช่นนั้นแล้ว ข้าจะประทานยศให้เขา..."หยวนชิงหลิงรีบคุกเข่าลง "ไม่ ไม่ ฝ่าบาทเพคะ โปรดอย่าเพิ่งประทานยศ"จักรพรรดิหมิงหยวนเลิกคิ้ว "โอ้? ทำไมเป็นเช่นนั้น?"ยังจะผลักไสความเมตตานี้ออกไปรึ?หยวนชิงหลิงพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า "ฝ่าบาท มีคนประเภทหนึ่งที่มีความมั่นใจมากว่ามีความสามารถเกินไป หากพระองค์มอบไฟเล็กน้อยแก่เขา เขาจินตนาการฟุ้งซ่าน ราวกับว่าเป็นไฟลามทุ่งขึ้นมาได้เพคะ"จักรพรรดิหมิงหยวนหัวเราะ “เจ้านี่รู้จักพ่อของเจ้าดีจริง ๆ”“เพคะ!” หยวนชิงพูดอย่างเคอะเขิน น่าขายหน้าจริง ๆ“งั้นก่อนอื่น เจ้าไปถวายพระพรไท่ซ่างหวง และบอกข่าวดีให้พระองค์ทรงทราบซะ จากนั้นไปหาไทเฮา ไปคุยกันสักพัก นางคงร้องไห้สักพักเป็นแน่” จักรพรรดิหมิงหยว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status