เมื่อตอนที่อ๋องจี้ต่อยกลับมาด้วยแรงฮึด ใบหน้าของอวี่เหวินห่าวก็บวมเป่งขึ้นมาแต่ว่าเขาต่อยอ๋องจี้ที่สันจมูก ศีรษะยังมีหน้าแข้งอีกล้วนใช้กำลังภายในชั่วเวลาหนึ่งก็ไร้ร่องรอยดังนั้นมองดูภายนอกแล้วเขาบาดเจ็บน่าเวทนากว่าอ๋องจี้เสียอีกสิ่งสำคัญที่สุดคือจักรพรรดิหมิงหยางเห็นอ๋องจี้ตีคนด้วยพระองค์เองเมื่อสายตาของจักรพรรดิหมิงหยวนหยุดมองอยู่ที่ใบหน้าของอ๋องจี้ อวี่เหวินห่าวกลับโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างฉับไว "เสด็จพ่อ เป็นความผิดของลูกเอง ลูกจะรีบไปตรวจสอบคดีน้องแปดทันทีรอคดีจบไปก่อน แล้วจะไปแสดงความขอโทษต่อพี่ใหญ่พ่ะย่ะค่ะ""เจ้า…" ในหน้าของอ๋องจี้เปลี่ยนเป็นสีม่วงจัดทันทีและโกรธเป็นอย่างมาก "เจ้ากล้าทำแต่เพราะใดจึงไม่กล้ายอมรับ?"อวี่เหวินห่าวประสานมือกลางอก "พี่ใหญ่ข้าผิดเอง ข้าไม่ควรตอบโต้ น้องต้องขอโทษท่านด้วย"อ๋องจี้ไม่คาดคิดว่าอวี่เหวินห่าวจะหน้าไม่อายเยี่ยงนี้ นี่ไม่ใช่ท่าทางปกติของเขาแน่นอน โดยปกติแล้วเขาแค่มองอย่างเฉยเมย และไม่เคยใช้แผนการเยี่ยงนี้ในตอนนี้อ๋องจี้โกรธจนไม่สามารถเอ่ยสิ่งใดออกมาได้ และเขายอมรับผิดโดยดี เป็นที่น่าพอใจทั้งที่ก่อนหน้าบอกว่าจะไปขอโทษอีกครั้งในภายหลั
เสียนเฟยมองเขาอย่างไม่พอใจ "ทำไม? ยังคาดหวังว่ามารดาเจ้าจะป่วยใช่หรือไม่?"นัยน์ตาขออวี่เหวินห่าวมีแสงแวบขึ้นมา "ไม่ได้ป่วยจริง ๆ ใช่หรือไม่? อย่างปิดบังลูก""เอาเถอะ เสด็จแม่ของเจ้ายังกินยังดื่มได้ จะไม่อะไรให้ป่วยล่ะ? เสียนเฟยมองเขาแล้วลดเสียงลงเอ่ยถาม "แล้วฝั่งเจ้าแปดสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง? พระชายาของเจ้าทำได้หรือไม่?"อวี่เหวินห่าวเอ่ย "ยังไม่ทราบ แต่หม่อมฉันคาดหวังว่าจะไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ"เสียนเฟยพยักหน้าเอ่ยว่า "ถึงแม้ว่าฮองเฮาจะไม่ค่อยพอใจคนผู้นี้นัก แต่เจ้าแปดก็น่าสงสาร เขาเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น"ดังนั้นการต่อสู้ก็ไม่ควรที่จะเอาเด็กคนหนึ่งเข้าไปพัวพันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าแปดไม่สามารถที่จะใช้อำนาจใด ๆ คุกคามผู้ใดได้ และทุกคนก็รักและทะนุถนอมเขาอวี่เหวินห่าวเอ่ยปลอบใจ "เสด็จแม่วางใจเถอะพ่ะย่ะค่ะ เขาจะไม่เป็นอะไร"เขาลุกขึ้นยืน "ลูกต้องขอไปดูเขาก่อนพ่ะย่ะค่ะ"เกือบจะแน่ใจได้แล้วว่านี่เป็นหนึ่งในหลุมพราง ขณะนี้มีสองคนที่จะต้องตรวจสอบ คนแรกคือหลี่กงกงที่คอยปรนนิบัติฮ่องเต้กล่าวว่าเสด็จแม่ไม่สบายจึงทำให้เขามาคนที่สองคือซู่ผินสองคนนี้ เริ่มต้นลงมือจากซู่ผินดีที่ส
"ขอบพระทัยพระสนมที่เป็นห่วงบ่าว ทุกอย่างเรียบร้อยดีเพคะ" นางข้าหลวงสี่เอ่ยด้วยรอยยิ้มซู่ผินและลี่ผินเห็นว่าเต๋อเฟยเอาแต่พูดคุยกลับนางข้าหลวงสี่ จึงลุกขึ้นแล้วขอตัวลานางข้าหลวงลุกขึ้นแล้วย่อกายลง "พระสนมทั้งสองเดินทางปลอดภัยเพคะ"ลี่ผินยิ้มเล็กน้อย ส่วนซู่ผินเดินจากไปทันทีนางข้าหลวงสี่เห็นทั้งสองออกไปจากประตูแล้ว ใบหน้าที่ยิ้มก็ค่อย ๆ หายไปนางข้าหลวงสี่กล่าวเสียงเบา "พระสนมเต๋อเฟย มีคำพูดไม่กี่คำที่บ่าวจำเป็นที่จะต้องเอ่ยกับท่านเป็นการส่วนตัวเพคะ ท่านให้คนออกไปข้างนอกเถอะเพคะ"เต๋อเฟยเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมจริงจังของนางจึงกำชับกับแม่นมข้ากาย "เจ้าพาคนออกไปแล้วห้ามผู้ใดเข้ามา"แม่นมรับคำสั่งและจากไปแล้วดึงประตูตำหนักให้ปิดลงเต๋อเฟยมองนางข้าหลวงสี่ "นางข้าหลวง ข้ารู้ว่าท่านมีงานรัดตัวอย่างมาก ถ้าหากมิใช่เรื่องสำคัญท่านก็คงไม่มาตำหนักเต๋อซ่างด้วยตัวเองในคราวนี้ ที่แท้แล้วมีเรื่องอะไรกันแน่?"นางข้าหลวงสี่เอ่ย "พระสนมได้โปรดอย่างเอ่ยเช่นนี้ บ่าวเพียงแค่ไม่ต้องการที่จะมารบกวนท่านบ่อย ๆ เท่านั้นเพคะ""ข้ายังคงจำบุญคุณที่ยิ่งใหญ่ของท่านได้ เฝ้าภาวนาให้ท่านมาอย่าได้เอ่ยว่าเป็นการร
หลังจากที่เต๋อเฟยสอบถามจนเรียบร้อย จึงใช้แม่นมไปพาซู่ผินมาประตูใหญ่ของตำหนักเต๋อซ่างถูกปิดสนิท ส่วนซู่ผินคุกเข่าอยู่ด้านในไม่ยอมเอ่ยคำใดเต๋อเฟยมองนางในใจเดือดดาล แต่ไหนแต่ไรมานางเป็นเด็กน่ารักเฉลียวฉลาด รู้จักคิดแล้วเหตุใดจึงทำผิดพลาดเรื่องเลวร้ายเช่นนี้?เต๋อเฟยพยายามอดกลั้นความโกรธเอ่ยอย่างเย็นชา "ผู้นั้นเป็นใคร?"ซู่ผินเงยหน้าขึ้นอย่างดื้อรั้น ในดวงตาที่งดงามนั้นเต็มไปด้วยน้ำตา "พระสนมไม่จำเป็นต้องถามแล้วประหารหม่อมฉันเถอะเพคะ""เจ้าตายแล้วก็จบเรื่องงั้นรึ?" เต๋อเฟยโกรธจัด "ไม่ว่าข้าก็ถูกเจ้าทำให้เข้าไปพัวพัน คนในตระกูลของเจ้าก็ถูกลงโทษเพราะเจ้า ตอนนี้บิดาและพี่ชายเจ้าล้วนถูกปลดออกจากตำแหน่งราชการแล้ว ผ่านไปสองปีจึงจะสามารถกลับมาเมืองหลวงดำรงตำแหน่งได้ เจ้าต้องการที่จะตัดอนาคตของพวกเขาใช่หรือไม่?"ซู่ผินเอ่ยด้วยความเสียใจเป็นอย่างมาก "ถึงแม้ว่าข้าจะสารภาพผิด บิดาและพี่ชายข้าจะไม่เกี่ยวข้องได้หรือ? ข้าทำให้พวกเขาลำบากอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถที่จะหันหลังกลับได้อีกแล้ว ถ้าหากรู้วันนี้ตั้งแต่แรก ให้ตายข้าก็ไม่กล้า""ตอนนี้เสียใจแล้ว มันสายไปแล้ว ทางที่ดีที่สุดคือสารภาพความจริงออ
นัยน์ตาของเต๋อเฟยลุกโชนราวกับเปลวเพลิง "แต่งเรื่องได้ดี แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่ใช่คนโง่"ซู่ผินร้องร่ำไห้ "พระสนม ที่ข้าเล่าไปล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ถ้าไม่ใช่อ๋องฉู่ จะรับสารภาพว่าฆ่าคนได้อย่างไรเพคะ? นั่นเป็นโทษร้ายแรงถึงขั้นตัดหัวนะเพคะ"เต๋อเฟยรู้ว่าเขานั้นมีเหตุผล เพียงแต่ว่าไม่เชื่อคำพูดของซู่ผินนางรู้ว่าไม่สามารถปล่อยให้ซู่ผินเอ่ยวาจาส่งเดชได้ มิเช่นนั้นจะต้องทำให้เจ้าห้าเข้ามาพัวพันเป็นแน่นางมองต่ำลงไปแล้วเอ่ยเสียงเย็นชา "ใครก็ได้เข้ามา!"ประตูถูกผลักให้เปิดออก แล้วแม่นมก็เดินเข้ามา "พระสนมเชิญท่านรับสั่งเพคะ""นำตัวซู่ผินกลับเข้าไปในตำหนัก ปิดปากนางไว้อย่าให้นางเอ่ยวาจาส่งเดชอีก" เต๋อเฟยกล่าวด้วยความโมโหแม่นมได้รับคําสั่ง นางหันกลับไปหยิบผ้าผืนหนึ่ง ส่วนอีกมือก็ดึงซู่ผินไว้แล้วยัดผ้าเข้าไปในปากของนางแล้วเอ่ย "พระสนมซู่ผินเชิญเพคะ!"ซู่ผินถูกนำตัวออกไปอย่างรีบร้อนเต๋อเฟยคิดว่าจำเป็นจะต้องไปเข้าพบเจ้าห้าแล้วนางเอ่ยขึ้น "ใครก็ได้ไปเชิญอ๋องฉู่มาพบข้าที่ตำหนัก แล้วบอกว่าข้ามียาบำรุงครรภ์หลายเม็ดจะมอบให้พระชายา""เพคะ!" นางกำนัลรับคำสั่งแล้วออกไปอวี่เหวินห่าวกำลัง
เต๋อเฟยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “เช่นนั้นแล้ว หมายความว่าองค์ชายแปดเห็นหน้าของชายชู้นั่น?”“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” อวี่เหวินห่าวส่ายหน้า “หม่อมฉันไม่มองโลกในแง่ดี ตอนนี้เสด็จพ่อสั่งให้คลี่คลายคดีนี้ให้ได้ เรื่องนี้ซู่ผินทำได้แค่ปิดบังไว้เท่านั้น ถ้าพวกเราไม่มีหลักฐานอะไรใหม่ หรือบางทีรอน้องแปดฟื้นขึ้นมา เรื่องนี้ก็ไม่อาจปิดบังไว้แล้ว”เต๋อเฟยกังวลแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นจะทำอย่างไรกันดี?”อวี่เหวินห่าวครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “หม่อมฉันพบเบาะแสบ้างแล้ว แต่ยังต้องตรวจสอบ”เต๋อเฟยกล่าวว่า “งั้นเจ้ารีบไปเถอะ ข้าจะจับตาดูนางแพศยานั่นเอง ข้าจะไม่ยอมให้นางเปิดปากพูดแม้แต่ครึ่งคำ”อวี่เหวินห่าวพยักหน้า “เสด็จแม่เต๋อเฟย ท่านอยู่ที่นี่ไม่นาน นางต้องพูดแน่ ถึงพระองค์ไม่ทูลเรื่องนี้ เรื่องนี้ก็จะมีคนทูลไปถึงเสด็จพ่ออยู่ดี”อวี่เหวินห่าวครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทันใดนั้นแววตาของเขาก็มีประกายขึ้นมา “ถ้ามีคนต้องการไปบอกให้เสด็จพ่อทรงทราบ คน ๆ นั้นต้องเป็นทหารที่ลาดตระเวรใกล้ ๆ กับตำหนักหมิงฮวาถึงจะสมเหตุสมผล แต่ว่าเรื่องนี้ถ้าไม่มีคนพบเห็นจริง ๆ นอกจากชายชู้คนนั้น ถ้าเกิดนำไปฟ้องแล้ว เสด็จพ่อต้องสอบสวนอ
อวี่เหวินห่าวกล่าว “เสด็จแม่เต๋อเฟย เรื่องนี้ไม่ง่ายนัก ถึงซู่ผินจะโง่เขลา แต่ก็ไม่ทำลายทั้งครอบครัวเพื่อผู้ชายเพียงคนเดียว ดังนั้นหม่อมฉันคิดว่านางจะไม่ไป หากนางไม่ไป แม้ภายหลังฝ่าบาทจะไม่โปรดปรานนางอีก แต่อย่างน้อยก็ยังรักษาชีวิตไว้ได้ ซู่ผินก็เป็นคนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงไม่ก่อนเรื่องอุกอาจเพราะความเหงาเพียงชั่วครู่ ไม่สนใจชื่อเสียงของครอบครัว และชีวิตพ่อแม่พี่น้องของนาง ดังนั้นพระองค์โปรดอดทนอยู่ที่นี่ก่อน รอหม่อมฉันมารายงาน ถ้าอู๋ซูฮว้าไปจริง ๆ หม่อมฉันจะสั่งให้คนมาแจ้งให้ท่านทราบ พระองค์สั่งให้ซู่ผินฆ่าตัวตายก่อน แต่ต้องไม่บอกว่าพระองค์เป็นคนออกคำสั่ง ก็เท่ากับว่านางได้ยอมรับผิดแล้ว หลังจากนั้นได้ฆ่าตัวตาย อย่าให้นางไปทูลต่อหน้าเสด็จพ่อได้”เต๋อเฟยเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าห้า ถ้าตามวิธีที่เจ้าว่า เรื่องนี้ไม่มีผลดีอะไรกับเจ้าเลย ถ้าอู๋ซูฮว้าไปฟ้องร้องเจ้ากับซู่ผินอย่างส่งเดช หลังจากนั้นข้าไปหาฝ่าบาท บอกว่าซู่ผินฆ่าตัวตายเพราะยอมรับสารภาพเรื่องคบชู้กับอู๋ซูฮว้าอย่างฉาบฉวย เช่นนั้นเจ้าก็ยังไม่พ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัยและอีกทั้งเจ้าอาจจะถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับอู๋ซูฮว้า”อวี่เห
ซู่ผินถึงกับหน้าถอดสี ริมฝีปากนางสั่นระริก และมองพระนางเต๋อเฟยด้วยความตื่นตระหนก “พันหมื่นมีดแล่?”เต๋อเฟยมองนางด้วยสีหน้าที่ค่อย ๆ อ่อนลง นางถอนหายใจเบา ๆ และกล่าวว่า “ข้าเองก็เป็นผู้หญิง รู้ว่าเจ้าคิดยังไง ข้าจะพาเจ้าไปพบฝ่าบาท เรื่องจริงเป็นอย่างไร เจ้าสารภาพกับฝ่าบาทเถอะ จะฆ่าจะแกงเจ้าก็ต้องรับไว้”ซู่ผินล้มลงกับพื้น แววตาของนางดูสับสนและรู้สึกกระวนกระวายเต๋อเฟยออกคำสั่ง “เข้ามาพยุงซู่ผินขึ้นไปหอตำราหลวง เพื่อขอเข้าเฝ้า!”หอตำราหลวง จักรพรรดิหมิงหยวนมองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น กล้ามเนื้อบนใบหน้าสั่นกระตุก แววตากดซ่อนอารมรณ์โกรธและตื่นตระหนกไว้ ”เจ้าพูดจริงรึ?” เสียงของจักรพรรดิหมิงหยวนราวกับมาจากนรกทั้งดำมืดและเย็นเยือกอู๋ซูฮว้าก้มศีรษะติดพื้น “ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันทูลความจริงพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันมีโทษที่ปกปิดเรื่องนี้แล้วเพิ่งมาทูลฝ่าบาท เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก กระหม่องเกรงว่าจะส่งผลต่อชื่อเสียงของฝ่าบาท หม่อมฉันคิดเรื่องนี้มาโดยตลอดไม่รู้จะทูลฝ่าบาทอย่างไร หม่อมฉันสมควรตาย!”ทางด้านมู่หรูกงกงที่ได้ยินก็ตกตะลึก ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ๆ ออกมา“เจ้าแน่ใจรึว่าคนที่เจ้าเห็นคืออ