แชร์

บทที่ 446

ผู้เขียน: จูน
เต๋อเฟยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “เช่นนั้นแล้ว หมายความว่าองค์ชายแปดเห็นหน้าของชายชู้นั่น?”

“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” อวี่เหวินห่าวส่ายหน้า “หม่อมฉันไม่มองโลกในแง่ดี ตอนนี้เสด็จพ่อสั่งให้คลี่คลายคดีนี้ให้ได้ เรื่องนี้ซู่ผินทำได้แค่ปิดบังไว้เท่านั้น ถ้าพวกเราไม่มีหลักฐานอะไรใหม่ หรือบางทีรอน้องแปดฟื้นขึ้นมา เรื่องนี้ก็ไม่อาจปิดบังไว้แล้ว”

เต๋อเฟยกังวลแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นจะทำอย่างไรกันดี?”

อวี่เหวินห่าวครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “หม่อมฉันพบเบาะแสบ้างแล้ว แต่ยังต้องตรวจสอบ”

เต๋อเฟยกล่าวว่า “งั้นเจ้ารีบไปเถอะ ข้าจะจับตาดูนางแพศยานั่นเอง ข้าจะไม่ยอมให้นางเปิดปากพูดแม้แต่ครึ่งคำ”

อวี่เหวินห่าวพยักหน้า “เสด็จแม่เต๋อเฟย ท่านอยู่ที่นี่ไม่นาน นางต้องพูดแน่ ถึงพระองค์ไม่ทูลเรื่องนี้ เรื่องนี้ก็จะมีคนทูลไปถึงเสด็จพ่ออยู่ดี”

อวี่เหวินห่าวครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทันใดนั้นแววตาของเขาก็มีประกายขึ้นมา “ถ้ามีคนต้องการไปบอกให้เสด็จพ่อทรงทราบ คน ๆ นั้นต้องเป็นทหารที่ลาดตระเวรใกล้ ๆ กับตำหนักหมิงฮวาถึงจะสมเหตุสมผล แต่ว่าเรื่องนี้ถ้าไม่มีคนพบเห็นจริง ๆ นอกจากชายชู้คนนั้น ถ้าเกิดนำไปฟ้องแล้ว เสด็จพ่อต้องสอบสวนอ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 447

    อวี่เหวินห่าวกล่าว “เสด็จแม่เต๋อเฟย เรื่องนี้ไม่ง่ายนัก ถึงซู่ผินจะโง่เขลา แต่ก็ไม่ทำลายทั้งครอบครัวเพื่อผู้ชายเพียงคนเดียว ดังนั้นหม่อมฉันคิดว่านางจะไม่ไป หากนางไม่ไป แม้ภายหลังฝ่าบาทจะไม่โปรดปรานนางอีก แต่อย่างน้อยก็ยังรักษาชีวิตไว้ได้ ซู่ผินก็เป็นคนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงไม่ก่อนเรื่องอุกอาจเพราะความเหงาเพียงชั่วครู่ ไม่สนใจชื่อเสียงของครอบครัว และชีวิตพ่อแม่พี่น้องของนาง ดังนั้นพระองค์โปรดอดทนอยู่ที่นี่ก่อน รอหม่อมฉันมารายงาน ถ้าอู๋ซูฮว้าไปจริง ๆ หม่อมฉันจะสั่งให้คนมาแจ้งให้ท่านทราบ พระองค์สั่งให้ซู่ผินฆ่าตัวตายก่อน แต่ต้องไม่บอกว่าพระองค์เป็นคนออกคำสั่ง ก็เท่ากับว่านางได้ยอมรับผิดแล้ว หลังจากนั้นได้ฆ่าตัวตาย อย่าให้นางไปทูลต่อหน้าเสด็จพ่อได้”เต๋อเฟยเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าห้า ถ้าตามวิธีที่เจ้าว่า เรื่องนี้ไม่มีผลดีอะไรกับเจ้าเลย ถ้าอู๋ซูฮว้าไปฟ้องร้องเจ้ากับซู่ผินอย่างส่งเดช หลังจากนั้นข้าไปหาฝ่าบาท บอกว่าซู่ผินฆ่าตัวตายเพราะยอมรับสารภาพเรื่องคบชู้กับอู๋ซูฮว้าอย่างฉาบฉวย เช่นนั้นเจ้าก็ยังไม่พ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัยและอีกทั้งเจ้าอาจจะถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับอู๋ซูฮว้า”อวี่เห

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 448

    ซู่ผินถึงกับหน้าถอดสี ริมฝีปากนางสั่นระริก และมองพระนางเต๋อเฟยด้วยความตื่นตระหนก “พันหมื่นมีดแล่?”เต๋อเฟยมองนางด้วยสีหน้าที่ค่อย ๆ อ่อนลง นางถอนหายใจเบา ๆ และกล่าวว่า “ข้าเองก็เป็นผู้หญิง รู้ว่าเจ้าคิดยังไง ข้าจะพาเจ้าไปพบฝ่าบาท เรื่องจริงเป็นอย่างไร เจ้าสารภาพกับฝ่าบาทเถอะ จะฆ่าจะแกงเจ้าก็ต้องรับไว้”ซู่ผินล้มลงกับพื้น แววตาของนางดูสับสนและรู้สึกกระวนกระวายเต๋อเฟยออกคำสั่ง “เข้ามาพยุงซู่ผินขึ้นไปหอตำราหลวง เพื่อขอเข้าเฝ้า!”หอตำราหลวง จักรพรรดิหมิงหยวนมองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น กล้ามเนื้อบนใบหน้าสั่นกระตุก แววตากดซ่อนอารมรณ์โกรธและตื่นตระหนกไว้ ”เจ้าพูดจริงรึ?” เสียงของจักรพรรดิหมิงหยวนราวกับมาจากนรกทั้งดำมืดและเย็นเยือกอู๋ซูฮว้าก้มศีรษะติดพื้น “ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันทูลความจริงพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันมีโทษที่ปกปิดเรื่องนี้แล้วเพิ่งมาทูลฝ่าบาท เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก กระหม่องเกรงว่าจะส่งผลต่อชื่อเสียงของฝ่าบาท หม่อมฉันคิดเรื่องนี้มาโดยตลอดไม่รู้จะทูลฝ่าบาทอย่างไร หม่อมฉันสมควรตาย!”ทางด้านมู่หรูกงกงที่ได้ยินก็ตกตะลึก ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ๆ ออกมา“เจ้าแน่ใจรึว่าคนที่เจ้าเห็นคืออ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 449

    อวี่เหวินห่าวรู้สึกหมดหนทาง เขากวาดตามองอู๋ซูฮว้าอย่างเย็นชา อู๋ซูฮว้าคุกเข่าอยู่บนพื้นไม่พูดไม่จา แต่สายตาของเขาดูลอกแล่กไปมาพระนางเต๋อเฟยพาซู่ผินเข้ามา คุกเข่าลงก่อน และพูดเสียงจริงจังว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันไร้ความสามารถปกครองได้ไม่ดี หม่อมฉันสมควรได้รับโทษ!”ซู่ผินมองเห็นอู๋ซูฮว้าคุกเข่าบนพื้น ร่างนางไร้เรี่ยวแรงลงไปครึ่งหนึ่ง นางทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้นร้องไห้ออกมาและกล่าวว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันถูกล่วงเกิน หม่อมฉันสมควรตาย...”ราวกับมีของแข็งมากระแทกหัวของเต๋อเฟยอย่างแรง นางแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลย นางมองซู่ผินอย่างตกตะลึงอู๋ซูฮว้าที่ได้ยินเช่นนั้น ก็แย้งคำพูดของซู่ผินไปทันที “ฝ่าบาท พระสนมซู่ผินถูกอ๋องฉู่ล่วงเกินหรือไม่ หม่อมฉันเห็นไม่ฉัน หม่อมฉันอาจเข้าใจผิด อย่างไรเสีย สิ่งที่หม่อมฉันเห็นก็ไม่อาจกล่าวได้อย่างแน่ชัดว่านางเต็มใจหรือถูกบังคับพ่ะย่ะค่ะ”ซู่ผินโขกหัวลงกับพื้น ได้ยินอู๋ซูฮว้าพูดเช่นนั้น ในใจของนางเต้นแรงมาก และกล่าวอย่างเศร้าสร้อยว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันยอมรับผิด หม่อมฉันถูกอ๋องฉู่บังคับ หม่อมฉันมิอาจต่อต้าน ขอฝ่าบาทได้โปรดให้ความกระจ่างด้วย”เต๋อเฟยรีบกล่าวว่า “ฝ่าบาท

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 450

    จักรพรรดิหมิงหยวนมองซู่ผิน “เจ้าพูดมา วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”ซู่ผินเอาแต่ร้องไห้ไม่เปิดปากพูด จักรพรรดิหมิงหยวนยิ่งโกรธว่าเดิม “ร้องอะไร? ข้าบอกให้พูดก็พูด” ซู่ผินตกใจและรีบกล่าวว่า “ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันวันนั้น… วันนั้นหม่อมฉันออกไปเดินเล่นคนเดียวผ่านแถวตำหนักหมิงฮวา ถูกคนลากเข้าไป ทำให้หม่อมฉันตกใจมาก หม่อมฉันยังไม่ได้เห็นคนผู้นั้นอย่างชัดเจน หลังจากนั้นก็ได้กลิ่มหอม หม่อนฉันก็รู้สึกมึนงงเวียนหัว หลังจากนั้นหม่อมฉันที่งุนงงนั้นก็รู้สึกเหมือนมีคนมาถามเสื้อผ้าของหม่อมฉัน… คิดไม่ถึงเลย ทันได้นั้นได้ยินคนตะโกนเรียกพี่ห้า หม่อมฉันก็รู้สึกตัวขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเห็นว่าเป็นอ๋องฉู่แน่แล้ว อ๋องฉู่ชักกระบี่ฆ่าขันทีน้อยคนนั้น หม่อมฉันตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ก้มลงกุมหัวตัวเองไว้แน่น พบว่าองค์ชายแปดก็ล้มลงไปเช่นกัน หลักจากนั้นอ๋องฉู่ก็อุ้มหม่อมฉันกระโดดข้ามกำแพงไป และเขาทิ้งหม่อมฉันลง แล้วก็จากไปทันที”อวี่เหวินห่าวพูดอย่างเย็นชา “ถ้าข้าบังคับเจ้า งั้นฆ่าก็ควรฆ่าเจ้าไปด้วยสิ”ซู่ผินตกใจ และหันไปมองอู๋ซูฮว้าอย่างไม่ทันรู้ตัวจักรพรรดิหมิงหยวนจับตามองนางตลอด ย่อมเห็นจิตใต้สำนึกของนางที

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 451

    ซู่ผินกลับถึงตำหนักแล้วก็คุกลงกับพื้นเต๋อเฟยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองดูนางอย่างอ่อนแรง สายตาที่มองทั้งผิดหวังและเกลียดชัง “ทำไมกัน? อ๋องฉู่ทำอะไรให้เจ้าเคียดแค้นชิงชังเขานัก? ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเจ้าสั่งให้เจ้าทำร้ายเขาเช่นนี้?”ซู่ผินส่ายหน้าอย่างไร้ความรู้สึก “พระนาง ข้าถูกท่านอ๋องล่วงเกินจริง ๆ เพคะ”เต๋อเฟยพูดอย่างเกลียดชัง “ใช่สิ ก่อนหน้านั้นไม่นาน เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่บอกข้าว่า ชายชู้ของเจ้าคืออ๋องฉู่ แต่ไม่เคยบอกว่าเจ้าถูกล่วงเกิน”ซู่ผินกล่าวว่า “หม่อมฉันยังคงยืนยันคำเดิม หม่อมฉันถูกล่วงเกิน”เต๋อเฟยตบหน้านาง โกรธจนแทบสิ้นสติ นางตบลงไปแล้วฉาดหนึ่ง รู้สึกตัวเองเกือบเป็นลมล้มลงไปซู่ผินยกมือขึ้นลูบหน้าที่ถูกตบ “พระนาง ท่านพูดถูก ข้าไม่ควรลากครอบครัวมาเกี่ยวข้อง ข้าไม่ควร”“ตอนนี้เจ้าพึ่งรู้ว่าไม่ควรลากครอบครัวมาเกี่ยวข้อง? แล้วตั้งแต่แรกเจ้าไปคบชู้สู่ทำไม?” เต๋อเฟยพูดอย่างชิงชังซู่ผินยิ้มอย่างขมขื่น “ทำไม? ท่านบอกว่าทำไมรึ?”นางเงยหน้าขึ้นมองเต๋อเฟย และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเกลียดชังเคียดแค้นว่า “พระนาง ทุกวันท่านไม่ส่องกระจกบ้างหรือ? ท่านเห็นรอยบนหางตาท่านบ้างไหม? เห็

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 452

    นางข้าหลวงสี่นั่งย่อลงกับพื้น และกุมมือนางไว้ กลัวว่านางจะตื่นตระหนกจนทำร้ายตัวเองได้“ท่านอ๋องถูกฝ่าบาทคุมตัวไปห้องมืดเพคะ” นางข้าหลวงสี่กล่าวหยวนชิงหลิงมองนาง “โอ้”มีอะไรน่าตื่นตระหนกตกใจ?ไปห้องมืด เขาไม่ได้กลัวความมืดสักหน่อยนางข้าหลวงสี่รู้สึกว่าพระชายาตอนนี้เมื่อเจอปัญหาก็สงบนิ่งมากขึ้น จึงกล่าวต่อไปว่า “ดังนั้น พระชายาท่านต้องหาทางทำให้องค์ชายแปดฟื้นขึ้นมาให้ได้นะเพคะ ตอนนี้มีแค่วิธีนี้ที่จะยืนยันว่าท่านอ๋องบริสุทธ์ เขาเป็นพยานคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์นะเพคะ”หยวนชิงหลิงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงจับมือนางข้าหลวงสี่แน่น “หมายความว่ายังไงกัน? ห้องมืดคือที่ไหน? เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”นางข้าหลวงสี่กล่าวว่า “ห้องมืดคือสถานที่คุมขังนักโทษชั่วคราวในวังหลวงเพคะ”“เกิดอะไรขึ้นกับเขา?” หยวนชิงหลิงตื่นตระหนกขึ้นมา “ทำไมเสด็จพ่อทำไมถึงเอาเขาเข้าไปขังในห้องมืดกัน?”นางข้าหลวงสี่ส่ายหน้า “บ่าวเองก็ไม่ทราบเพคะ บ่าวเองก็คิดหาทางเข้าไปในตำหนักเต๋อช่างไปถาม เพียงแต่ตอนนี้ตำหนักเต๋อช่างไม่อนุญาตให้ใครเข้า บ่าวกลัวว่าเข้าไม่ได้ จึงคิดหาทางเข้าไปเพคะ”“เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับตำหนักเต๋อช่าง?” ห

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 453

    เต๋อเฟยพึ่งจะทาน้ำมันยาไป ในห้องจึงมีกลิ่นยาลอยอยู่ นางเห็นหยวนชิงหลิงเข้ามา นางกุมมือหยวนชิงหลิงด้วยความเสียใจ นางถอนหายใจ และกล่าวออกมาว่า “พระชายา ข้าทำร้ายเจ้าห้าแล้ว ข้าหวังทำดีแต่กลับทำเรื่องร้ายลงไปซะแล้ว”หยวนชิงหลิงกับเต๋อเฟยไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก แต่เมื่อเห็นท่าทางนางเช่นนี้ ก็อดถามนางไม่ได้ “พระนางโปรดสงบพระทัยก่อนเถอะเพคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่เพคะ?”เต๋อเฟยหลังจากเชิญนางนั่งลง ก็เรียกนางข้าหลวงสี่บอกเรื่องราวไปก่อนครึ่งหนึ่ง นางข้าหลวงสี่บอกเรื่องกู้ซีทั้งหมดแก่นางหลังจากพูดจบแล้วยังเน้นว่า “กู้ซีเข้าใจผิด คนที่ลวนลามซู่ผินไม่ใช่ท่านอ๋องแน่เพคะ กู้ซีเองก็รู้ตัวแล้วว่าตัวเองมองผิดไป”หยวนชิงหลิงฟังจบแล้ว ยากที่จะเชื่อได้จริง ๆ ว่ากู้ซีจะโง่เง่าอะไรขนาดนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าสายตาเขาจะมองผิดพลาดไปอะไรได้ขนาดนี้ “กู้ซีคิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องกับซู่ผินแอบทำเรื่องแบบนั้น? ซู่ผินก็คือผู้หญิงข้างนอกนั้นใช่หรือไม่? ท่านอ๋องถึงได้รังเกียจนาง”เต๋อเฟยกับนางข้าหลวงสี่อึ้งไปเลย คำตอบนี้พวกนางล้วนไม่เคยคาดเดาไว้เลยหลังจากนั้นเต๋อเฟยก็เล่าเรื่องในหอตำราหลวงอย่างละเอียดทั้งหมด และกล่า

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 454

    หยวนชิงหลิงออกจากห้องโถงหลัก จึงสั่งให้คนยกเก้าอี้ตัวเล็กออกมาแล้วนั่งลงตรงหน้าซู่ผินนางจ้องมองซู่ผินอยู่นาน ซู่ผินเอาแต่ก้มหัวตลอด ท้ายที่สุดก็ถูกหยวนชิงหลิงจ้องจนกลัวลนลาน นางจึงพูดออกมาอย่างเรียบเฉยว่า “พระชายา มีอะไรจะพูดก็พูดเถอะเพคะ”หยวนชิงหลิงกล่าวว่า “ได้ยินพระนางเต๋อเฟยบอกว่า เจ้าคิดว่าตัวเองงดงามมากสินะ?”ซู่ผินมองนางอย่างยั่วยุชวนโมโห “หม่อมฉันคิดว่าตัวเองสวยกว่าพระชายาเพคะ” “รู้ไหมว่าทำไมเสด็จพ่อถึงไม่โปรดปรานเจ้า?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถามซู่ผินยิ้มอย่างเย็นชา “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพระชายา พระชายาเองไม่มีคุณสมบัติอะไรจะถามเช่นนี้ พระชายาไปวิ่งเต้นเพื่อช่วยท่านอ๋องฉู่เถอะเพคะ เพียงแต่ เกรงล่วงเกินสนมผินแห่งวังหลังอย่างหม่อมฉัน เกรงว่าวิ่งเต้นไปก็เปล่าประโยชน์”“เจ้าเห็นว่าเสด็จพ่อเลอะเลือนงั้นรึ? ใครจริงใครเท็จ ข้ายังแยกแยะได้ เสด็จพ่อมีหรือจะไม่ทรงทราบ?” หยวนชิงหลิงยิ้มแย้มออกมาเล็กน้อย พยายามอดทนควบคุมฝ่ามือตัวเองไม่ให้ตบนางลงไป“พระชายามั่นใจเช่นนั้น ก็ไม่ควรมาที่นี่ ควรรออยู่อย่างสงบก็ดีแล้ว”“ข้ามาที่นี่ เพราะไม่สามารถพาท่านอ๋องออกมาจากห้องมืดได้” หยวนชิงหลิงยิ้ม

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status