แชร์

บทที่ 449

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
อวี่เหวินห่าวรู้สึกหมดหนทาง เขากวาดตามองอู๋ซูฮว้าอย่างเย็นชา อู๋ซูฮว้าคุกเข่าอยู่บนพื้นไม่พูดไม่จา แต่สายตาของเขาดูลอกแล่กไปมา

พระนางเต๋อเฟยพาซู่ผินเข้ามา คุกเข่าลงก่อน และพูดเสียงจริงจังว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันไร้ความสามารถปกครองได้ไม่ดี หม่อมฉันสมควรได้รับโทษ!”

ซู่ผินมองเห็นอู๋ซูฮว้าคุกเข่าบนพื้น ร่างนางไร้เรี่ยวแรงลงไปครึ่งหนึ่ง นางทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้นร้องไห้ออกมาและกล่าวว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันถูกล่วงเกิน หม่อมฉันสมควรตาย...”

ราวกับมีของแข็งมากระแทกหัวของเต๋อเฟยอย่างแรง นางแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลย นางมองซู่ผินอย่างตกตะลึง

อู๋ซูฮว้าที่ได้ยินเช่นนั้น ก็แย้งคำพูดของซู่ผินไปทันที “ฝ่าบาท พระสนมซู่ผินถูกอ๋องฉู่ล่วงเกินหรือไม่ หม่อมฉันเห็นไม่ฉัน หม่อมฉันอาจเข้าใจผิด อย่างไรเสีย สิ่งที่หม่อมฉันเห็นก็ไม่อาจกล่าวได้อย่างแน่ชัดว่านางเต็มใจหรือถูกบังคับพ่ะย่ะค่ะ”

ซู่ผินโขกหัวลงกับพื้น ได้ยินอู๋ซูฮว้าพูดเช่นนั้น ในใจของนางเต้นแรงมาก และกล่าวอย่างเศร้าสร้อยว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันยอมรับผิด หม่อมฉันถูกอ๋องฉู่บังคับ หม่อมฉันมิอาจต่อต้าน ขอฝ่าบาทได้โปรดให้ความกระจ่างด้วย”

เต๋อเฟยรีบกล่าวว่า “ฝ่าบาท
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 450

    จักรพรรดิหมิงหยวนมองซู่ผิน “เจ้าพูดมา วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”ซู่ผินเอาแต่ร้องไห้ไม่เปิดปากพูด จักรพรรดิหมิงหยวนยิ่งโกรธว่าเดิม “ร้องอะไร? ข้าบอกให้พูดก็พูด” ซู่ผินตกใจและรีบกล่าวว่า “ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันวันนั้น… วันนั้นหม่อมฉันออกไปเดินเล่นคนเดียวผ่านแถวตำหนักหมิงฮวา ถูกคนลากเข้าไป ทำให้หม่อมฉันตกใจมาก หม่อมฉันยังไม่ได้เห็นคนผู้นั้นอย่างชัดเจน หลังจากนั้นก็ได้กลิ่มหอม หม่อนฉันก็รู้สึกมึนงงเวียนหัว หลังจากนั้นหม่อมฉันที่งุนงงนั้นก็รู้สึกเหมือนมีคนมาถามเสื้อผ้าของหม่อมฉัน… คิดไม่ถึงเลย ทันได้นั้นได้ยินคนตะโกนเรียกพี่ห้า หม่อมฉันก็รู้สึกตัวขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเห็นว่าเป็นอ๋องฉู่แน่แล้ว อ๋องฉู่ชักกระบี่ฆ่าขันทีน้อยคนนั้น หม่อมฉันตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ก้มลงกุมหัวตัวเองไว้แน่น พบว่าองค์ชายแปดก็ล้มลงไปเช่นกัน หลักจากนั้นอ๋องฉู่ก็อุ้มหม่อมฉันกระโดดข้ามกำแพงไป และเขาทิ้งหม่อมฉันลง แล้วก็จากไปทันที”อวี่เหวินห่าวพูดอย่างเย็นชา “ถ้าข้าบังคับเจ้า งั้นฆ่าก็ควรฆ่าเจ้าไปด้วยสิ”ซู่ผินตกใจ และหันไปมองอู๋ซูฮว้าอย่างไม่ทันรู้ตัวจักรพรรดิหมิงหยวนจับตามองนางตลอด ย่อมเห็นจิตใต้สำนึกของนางที

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 451

    ซู่ผินกลับถึงตำหนักแล้วก็คุกลงกับพื้นเต๋อเฟยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองดูนางอย่างอ่อนแรง สายตาที่มองทั้งผิดหวังและเกลียดชัง “ทำไมกัน? อ๋องฉู่ทำอะไรให้เจ้าเคียดแค้นชิงชังเขานัก? ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเจ้าสั่งให้เจ้าทำร้ายเขาเช่นนี้?”ซู่ผินส่ายหน้าอย่างไร้ความรู้สึก “พระนาง ข้าถูกท่านอ๋องล่วงเกินจริง ๆ เพคะ”เต๋อเฟยพูดอย่างเกลียดชัง “ใช่สิ ก่อนหน้านั้นไม่นาน เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่บอกข้าว่า ชายชู้ของเจ้าคืออ๋องฉู่ แต่ไม่เคยบอกว่าเจ้าถูกล่วงเกิน”ซู่ผินกล่าวว่า “หม่อมฉันยังคงยืนยันคำเดิม หม่อมฉันถูกล่วงเกิน”เต๋อเฟยตบหน้านาง โกรธจนแทบสิ้นสติ นางตบลงไปแล้วฉาดหนึ่ง รู้สึกตัวเองเกือบเป็นลมล้มลงไปซู่ผินยกมือขึ้นลูบหน้าที่ถูกตบ “พระนาง ท่านพูดถูก ข้าไม่ควรลากครอบครัวมาเกี่ยวข้อง ข้าไม่ควร”“ตอนนี้เจ้าพึ่งรู้ว่าไม่ควรลากครอบครัวมาเกี่ยวข้อง? แล้วตั้งแต่แรกเจ้าไปคบชู้สู่ทำไม?” เต๋อเฟยพูดอย่างชิงชังซู่ผินยิ้มอย่างขมขื่น “ทำไม? ท่านบอกว่าทำไมรึ?”นางเงยหน้าขึ้นมองเต๋อเฟย และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเกลียดชังเคียดแค้นว่า “พระนาง ทุกวันท่านไม่ส่องกระจกบ้างหรือ? ท่านเห็นรอยบนหางตาท่านบ้างไหม? เห็

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 452

    นางข้าหลวงสี่นั่งย่อลงกับพื้น และกุมมือนางไว้ กลัวว่านางจะตื่นตระหนกจนทำร้ายตัวเองได้“ท่านอ๋องถูกฝ่าบาทคุมตัวไปห้องมืดเพคะ” นางข้าหลวงสี่กล่าวหยวนชิงหลิงมองนาง “โอ้”มีอะไรน่าตื่นตระหนกตกใจ?ไปห้องมืด เขาไม่ได้กลัวความมืดสักหน่อยนางข้าหลวงสี่รู้สึกว่าพระชายาตอนนี้เมื่อเจอปัญหาก็สงบนิ่งมากขึ้น จึงกล่าวต่อไปว่า “ดังนั้น พระชายาท่านต้องหาทางทำให้องค์ชายแปดฟื้นขึ้นมาให้ได้นะเพคะ ตอนนี้มีแค่วิธีนี้ที่จะยืนยันว่าท่านอ๋องบริสุทธ์ เขาเป็นพยานคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์นะเพคะ”หยวนชิงหลิงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงจับมือนางข้าหลวงสี่แน่น “หมายความว่ายังไงกัน? ห้องมืดคือที่ไหน? เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”นางข้าหลวงสี่กล่าวว่า “ห้องมืดคือสถานที่คุมขังนักโทษชั่วคราวในวังหลวงเพคะ”“เกิดอะไรขึ้นกับเขา?” หยวนชิงหลิงตื่นตระหนกขึ้นมา “ทำไมเสด็จพ่อทำไมถึงเอาเขาเข้าไปขังในห้องมืดกัน?”นางข้าหลวงสี่ส่ายหน้า “บ่าวเองก็ไม่ทราบเพคะ บ่าวเองก็คิดหาทางเข้าไปในตำหนักเต๋อช่างไปถาม เพียงแต่ตอนนี้ตำหนักเต๋อช่างไม่อนุญาตให้ใครเข้า บ่าวกลัวว่าเข้าไม่ได้ จึงคิดหาทางเข้าไปเพคะ”“เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับตำหนักเต๋อช่าง?” ห

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 453

    เต๋อเฟยพึ่งจะทาน้ำมันยาไป ในห้องจึงมีกลิ่นยาลอยอยู่ นางเห็นหยวนชิงหลิงเข้ามา นางกุมมือหยวนชิงหลิงด้วยความเสียใจ นางถอนหายใจ และกล่าวออกมาว่า “พระชายา ข้าทำร้ายเจ้าห้าแล้ว ข้าหวังทำดีแต่กลับทำเรื่องร้ายลงไปซะแล้ว”หยวนชิงหลิงกับเต๋อเฟยไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก แต่เมื่อเห็นท่าทางนางเช่นนี้ ก็อดถามนางไม่ได้ “พระนางโปรดสงบพระทัยก่อนเถอะเพคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่เพคะ?”เต๋อเฟยหลังจากเชิญนางนั่งลง ก็เรียกนางข้าหลวงสี่บอกเรื่องราวไปก่อนครึ่งหนึ่ง นางข้าหลวงสี่บอกเรื่องกู้ซีทั้งหมดแก่นางหลังจากพูดจบแล้วยังเน้นว่า “กู้ซีเข้าใจผิด คนที่ลวนลามซู่ผินไม่ใช่ท่านอ๋องแน่เพคะ กู้ซีเองก็รู้ตัวแล้วว่าตัวเองมองผิดไป”หยวนชิงหลิงฟังจบแล้ว ยากที่จะเชื่อได้จริง ๆ ว่ากู้ซีจะโง่เง่าอะไรขนาดนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าสายตาเขาจะมองผิดพลาดไปอะไรได้ขนาดนี้ “กู้ซีคิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องกับซู่ผินแอบทำเรื่องแบบนั้น? ซู่ผินก็คือผู้หญิงข้างนอกนั้นใช่หรือไม่? ท่านอ๋องถึงได้รังเกียจนาง”เต๋อเฟยกับนางข้าหลวงสี่อึ้งไปเลย คำตอบนี้พวกนางล้วนไม่เคยคาดเดาไว้เลยหลังจากนั้นเต๋อเฟยก็เล่าเรื่องในหอตำราหลวงอย่างละเอียดทั้งหมด และกล่า

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 454

    หยวนชิงหลิงออกจากห้องโถงหลัก จึงสั่งให้คนยกเก้าอี้ตัวเล็กออกมาแล้วนั่งลงตรงหน้าซู่ผินนางจ้องมองซู่ผินอยู่นาน ซู่ผินเอาแต่ก้มหัวตลอด ท้ายที่สุดก็ถูกหยวนชิงหลิงจ้องจนกลัวลนลาน นางจึงพูดออกมาอย่างเรียบเฉยว่า “พระชายา มีอะไรจะพูดก็พูดเถอะเพคะ”หยวนชิงหลิงกล่าวว่า “ได้ยินพระนางเต๋อเฟยบอกว่า เจ้าคิดว่าตัวเองงดงามมากสินะ?”ซู่ผินมองนางอย่างยั่วยุชวนโมโห “หม่อมฉันคิดว่าตัวเองสวยกว่าพระชายาเพคะ” “รู้ไหมว่าทำไมเสด็จพ่อถึงไม่โปรดปรานเจ้า?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถามซู่ผินยิ้มอย่างเย็นชา “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพระชายา พระชายาเองไม่มีคุณสมบัติอะไรจะถามเช่นนี้ พระชายาไปวิ่งเต้นเพื่อช่วยท่านอ๋องฉู่เถอะเพคะ เพียงแต่ เกรงล่วงเกินสนมผินแห่งวังหลังอย่างหม่อมฉัน เกรงว่าวิ่งเต้นไปก็เปล่าประโยชน์”“เจ้าเห็นว่าเสด็จพ่อเลอะเลือนงั้นรึ? ใครจริงใครเท็จ ข้ายังแยกแยะได้ เสด็จพ่อมีหรือจะไม่ทรงทราบ?” หยวนชิงหลิงยิ้มแย้มออกมาเล็กน้อย พยายามอดทนควบคุมฝ่ามือตัวเองไม่ให้ตบนางลงไป“พระชายามั่นใจเช่นนั้น ก็ไม่ควรมาที่นี่ ควรรออยู่อย่างสงบก็ดีแล้ว”“ข้ามาที่นี่ เพราะไม่สามารถพาท่านอ๋องออกมาจากห้องมืดได้” หยวนชิงหลิงยิ้ม

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 455

    นางข้าหลวงสี่ช่วยทำแผลให้นาง แล้วก็ประคองออกมา หยวนชิงหลิงคุกเข่าลงบนพื้นอย่างสง่าเผย “ขอบพระทัยเสด็จปู่ที่ช่วยเหลือเพคะ””เจ้านี่ ยังไปบีบบังคับฮ่องเต้ให้ช่วยเจ้าห้าแบบนี้ เจ้าก็ทำให้เขาโกรธเช่นเดียวกัน” ไท่ซ่างหวงพูดอย่างเด็ดขาด“ไม่ใช่เพราะข้าไม่มีทางเลือกหรอกหรือ? หกสิบไม้เลยนะเพคะ ใครจะทนได้?” หยวนชิงหลิงพูดอย่างไม่มีทางเลือกไท่ซ่างหวงส่ายหน้าอย่างอารมรณ์ไม่ค่อยดี “แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ ทำต่อไม่ได้แล้ว ภายหลังเกิดเรื่องแบบนี้อีก อย่าได้นำข้าไปเป็นโล่ ทำให้ข้าเสียหายหมด”ทหารองค์รักษ์เข้าไปทูลจักรพรรดิหมิงหยวนแล้ว บอกว่าซู่ผินแทงพระชายา พระชายาตกใจกลัวจนแทบหมดสติ ไม่กล้าอยู่ที่ตำหนักเต๋อช่าง รีบไปรักษาตัวที่ตำหนักเฉียนคุนจักรพรรดิหมิงหยวนขมวดคิ้ว “ซู่ผินทำแบบนั้นจริง ๆ รึ?”หยวนชิงหลิงวิ่งไปที่ตำหนักเต๋อช่างทำไม? ไม่ได้อยู่ที่ตำหนักชิงฮว่าพักผ่อนรึ?“หม่อมฉันเข้าไปสอบถามแล้ว ซู่ผินทำจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ บอกว่าพระชายาไปสอบถามซู่ผินสองประโยค ซู่ผินก็ดุด่านางยกใหญ่ และตื่นตระหนกจนดึงปิ่นมาทำร้ายพระชายาพ่ะย่ะค่ะ” ทหารองค์รักษ์ทูลเช่นนั้นทางด้านจักรพรรดิหมิงหยวนที่ยังไม่ทราบข้อเท

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 456

    ตำหนังชิงฮว่าไม่อาจไร้หยวนชิงหลิงได้ ดังนั้นอวี่เหวินห่าวถูกโบยเสร็จโดยเร็วก็ถูกพยุงออกมาถ้าแค่สามสิบไม้ ก็ยังพอรับไหวท้ายที่สุด เมื่อโบยจบแล้ว ความเจ็บปวดเริ่มเด่นชัดเข้ามา คงเจ็บแบบนี้อยู่หลายวันแต่หลังจากโบยสามสิบไม้จบไม่นาน ก็โดนโบยเพิ่มอีกสิบทีทันที เหมือนกับโรยเกลือบนแผลสดจริง ๆตอนที่ซูยี่พยุงเขาออกมานั้น ทั้งร่างของเขาพิงอยู่บนตัวของซูยี่ เขาถอนหายใจออกมายาว ๆ “ซูยี่ โดนโบยที่จริงเจ็บมากจริง ๆ เมื่อก่อนพระชายาเจ้าก็เคยถูกโบยสามสิบไม้ โหดร้ายไร้มนุษยธรรมซะจริง”ซูยี่ลำบากแบกเขาไปข้างหน้า และสูดหายใจเข้า “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ โหดร้ายไร้มนุษยธรรม ไม่รู้คนเลวที่ไหนสั่งโบยพระชายา”อวี่เหวินห่าวจิ๊ปาก “ฮึ ไว้รอข้าหายดี เจ้าได้ตายแน่”ซูยี่กล่าวว่า “หม่อมฉันหมายถึงให้ลงโทษทหารคนนั้น”อวี่เหวินห่าวเห็นด้วย และกล่าวว่า “เจ้าหาตัวเขาออกมา ข้าจะลงโทษให้หนัก”ซูยี่อุทานด้วยความตกใจ และกล่าวต่อทันที “อย่างไรก็ตาม ก็ไม่อาจโทษคนอื่นได้ ในตอนนั้นท่านอ๋องออกคำสั่งลงมา บอกว่าตีให้ตาย ท่านอ๋องตอนนี้รู้สึกเจ็บปวดไหมพ่ะย่ะค่ะ? แต่ตอนนั้นถูกโบยเสร็จก็เข้าวังเลย นางไม่มีคนพยุงด้วยซ้ำ รอดมาได้

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 457

    หยวนชิงหลิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกล่าวว่า “ข้ายอมเจ็บ โทษทัณฑ์นี้ขอรับไว้เอง ไม่ยอมให้ท่านได้รับความทรมานเช่นนี้”ในคอของอวี่เหวินห่าวเหมือนมีก้อนสำลีจุกอยู่ที่คอ พูดไม่ออก คำพูดพวกนี้ มันควรเป็นเขาพูดสิปกป้องภรรยาและลูกมันคือหน้าที่ความรับผิดชอบของเขาเขายื่นมือไปกอดนางไว้ข้างกาย ลูบหน้าเช็ดน้ำตาให้นาง และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อย่ากังวลไปเลย ข้าไม่เป็นอะไร”หยวนชิงหลิงกล่าวว่า “ข้าเกลียดการที่เกิดเรื่องที่ไม่จบไม่สิ้นเช่นนี้”อวี่เหวินห่าวก็เกลียด เขาขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าหามือสังหารไปจัดการพี่ใหญ่ดีหรือไม่?”หยวนชิงหลิงเอามือปิดปากเขา แล้วกล่าวอย่างตกใจว่า “ท่านบ้าไปแล้วหรือ? ที่นี่ในวัง แม้จะเป็นที่ของไท่ซ่างหวง แต่ไท่ซ่างหวงไม่ยอมให้ท่านฆ่าพี่น้องหรอก”เรื่องนี้กลับไปค่อยว่ากันหยวนชิงหลิงยังคงใส่ยาต่อ อวี่เหวินห่าวนอนคว่ำเอาคางเกยกับมือแล้วกล่าวว่า “ที่จริงคดีนี้เดิมทีไม่ได้มีอะไรยุ่งยากแบบนั้น พวกเขามีจุดบอดมากมาย เพราะแผนการพวกเขาเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน ไม่มีทางรัดกุมได้ทั้งหมด เพียงแต่พระนางเต๋อเฟย...เฮ้อ อย่าไปโทษนางเลยนะ นางแค่อยากช่วยข้า”เขาหันไป

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status