หยวนชิงหลิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกล่าวว่า “ข้ายอมเจ็บ โทษทัณฑ์นี้ขอรับไว้เอง ไม่ยอมให้ท่านได้รับความทรมานเช่นนี้”ในคอของอวี่เหวินห่าวเหมือนมีก้อนสำลีจุกอยู่ที่คอ พูดไม่ออก คำพูดพวกนี้ มันควรเป็นเขาพูดสิปกป้องภรรยาและลูกมันคือหน้าที่ความรับผิดชอบของเขาเขายื่นมือไปกอดนางไว้ข้างกาย ลูบหน้าเช็ดน้ำตาให้นาง และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อย่ากังวลไปเลย ข้าไม่เป็นอะไร”หยวนชิงหลิงกล่าวว่า “ข้าเกลียดการที่เกิดเรื่องที่ไม่จบไม่สิ้นเช่นนี้”อวี่เหวินห่าวก็เกลียด เขาขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าหามือสังหารไปจัดการพี่ใหญ่ดีหรือไม่?”หยวนชิงหลิงเอามือปิดปากเขา แล้วกล่าวอย่างตกใจว่า “ท่านบ้าไปแล้วหรือ? ที่นี่ในวัง แม้จะเป็นที่ของไท่ซ่างหวง แต่ไท่ซ่างหวงไม่ยอมให้ท่านฆ่าพี่น้องหรอก”เรื่องนี้กลับไปค่อยว่ากันหยวนชิงหลิงยังคงใส่ยาต่อ อวี่เหวินห่าวนอนคว่ำเอาคางเกยกับมือแล้วกล่าวว่า “ที่จริงคดีนี้เดิมทีไม่ได้มีอะไรยุ่งยากแบบนั้น พวกเขามีจุดบอดมากมาย เพราะแผนการพวกเขาเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน ไม่มีทางรัดกุมได้ทั้งหมด เพียงแต่พระนางเต๋อเฟย...เฮ้อ อย่าไปโทษนางเลยนะ นางแค่อยากช่วยข้า”เขาหันไป
แม้ว่าหยวนชิงหลิงไม่คิดจะช่วยซู่ผิน ซู่ผินจะเป็นหรือจะตายก็ไม่เกี่ยวข้อง แต่ว่านางไม่อยากยุ่งเรื่องนี้ ไม่อยากดูคนตายไปต่อหน้าต่อตานางด้วยนางเป็นหญิงมีครรภ์ ไม่อยากจะดูเรื่องโหดร้ายเช่นนี้“คดียังไม่ทันสืบสวนจนกระจ่างชัด ทำไมฝ่าบาทถึงประทานความตายให้ซู่ผิน” หยวนชิงหลิงเอ่ยถามมู่หรูกงกงกระซิบ “เรื่องประทานความตาย เป็นพระประสงค์ของไท่ซ่างหวงพ่ะย่ะค่ะ”หยวนชิงหลิงมองมู่หรูกงกงด้วยความประหลาดใจ “พระประสงค์ของไท่ซ่างหวง?”หยวนชิงหลิงเข้าใจทุกอย่างขึ้นมาทันที กระทำการหยาบช้าอะไร ทำร้ายพระชายาอะไร นี่ใช้เพื่อฆ่าปิดปากซู่ผินและปกปิดเรื่องราวในตำหนักชิงฮว่าทั้งหมดหยวนชิงหลิงกล่าว “ข้าไปพบไท่ซ่างหวง สักครู่จะไปทำตามรับสั่ง”มู่หรูกงกงกล่าว “ได้พ่ะย่ะค่ะ บ่าวจะรอพระชายาในนี้”หยวนชิงหลิงรีบเดินเข้าไป นี่เป็นพระประสงค์ของไท่ซ่างหวง งั้นนางไปขอร้องไท่ซ่างหวงให้เปลี่ยนความคิดของฝ่าบาท ส่งคนไปคุมขังแทน ไท่ซ่างหวงรักและเอ็นดูนาง คงไม่ให้นางไปทำเรื่องโหดร้ายพวกนี้แน่ไท่ซ่างหวงอยู่ในห้องเล่นหมากล้อมอยู่กับฉางกงกงหลังจากที่หยวนชิงหลิงเข้าไปแล้วก็คุกเข่า ลงแล้วเอ่ยว่า “เสด็จปู่ พระองค์ต้องช
“บางทีโทษทัณฑ์ก็ไม่อาจถึงตาย” หยวนชิงหลิงยกข้อกฎหมายยุคสมัยปัจจุบันมาพูดไท่ซ่างหวงพูดอย่างจริงจัง “ไม่สนว่าในตำหนักหมิงฮวาจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น อย่างน้อยที่สุดที่แน่นอนคือ ตอนนั้นนางอยู่กับคนอื่นในตอนนั้น และยังใส่ร้ายว่าชินอ๋องล่วงเกินนางอีก โทษฐานนี้อย่าพูดถึงการสืบหาจนกระจ่างชัดเลย เรื่องการวางแผนใส่ร้าย แต่แรกเริ่มในวังล้วนไม่เคยขาด เรื่องเล็ก ๆ อาจทำเป็นมองไม่เห็นได้ แต่เรื่องราวใหญ่โตแล้วอย่างไรก็ต้องประหาร”หยวนชิงหลิงนิ่งเงียบซู่ผินเป็นสนมผินของฝ่าบาท มีคนล่วงเกินยังไงก็ต้องรับโทษ ช่วยไม่ได้ กฎหมายที่นี่เป็นแบบนี้ไม่เป็นธรรมกับผู้หญิงเลยเป็นยุคปัจจุบัน หากนอกใจสามีแล้วถูกจับได้ หลังจากนั้นก็ตีกันสักยกแล้วหย่าร้างกันไป อาจมีตัวอย่างที่รุนแรง แน่นอนว่าจะพาดหัวข่าวและการค้นหายอดนิยมในโลกโซเชียล เช่น นายหน้าคนหนึ่งและนามสมบัติ… หยวนชิงหลิงขอตัวทูลลาออกไปมู่หรูกงกงที่รออยู่ด้านนอกเห็นนางออกมาก็กล่าวอย่างยิ้มแย้ม “พระชายาไปกันได้หรือยังพ่ะย่ะค่ะ?”หยวนชิงหลิงมองใบหน้ายิ้มแย้มของเขาก็อดพูดไม่ได้ “กงกง ตอนนี้พวกเราจะไปทำให้คนตาย มีอะไรน่าขันกัน?”มู่หรูกงกงมองนางและกล่าวอ
หยวนชิงหลิงที่ได้ยินคำพูดพวกนี้ ก็หันกลับไปมองเต๋อเฟยในฐานะพระสนมที่มีชื่อเสียงของวังหลัง นางต้องได้รับการศึกษาและการอบรมสั่งสอน คงไม่ตกใจกับคำพูดหยาบคายพวกนี้หรอก อันที่จริงเต๋อเฟยตกใจมากราวกับถูกฟ้าผ่า ในหัวของนางเหมือนว่างเปล่า เมื่อค่อย ๆ คิดอย่างละเอียดแล้ว นางก็โกรธจนมือสั่น ยกนิ้วชี้ซู่ผิน ริมผีปากนางสั่งด้วยความโกรธ กว่าจะเค้นคำพูดออกมาสองสามคำ “พูดจาอะไร ช่างน่าอัปยศอดสูได้ถึงเพียงนี้!”ซู่ผินยิ้มแย้มราวกับภาพลวงตา งดงามเหมือนดอกไม้ในม่านหมอก ชวนให้คนมองดูรู้สึกถึงความสวยงามไม่น้อย นางมองเต๋อเฟยและพูดต่อไป “พระนางเต๋อเฟยรู้สึกอัปยศอดสู? ท่านรู้จักคำว่าอัปยศอดสู แต่ชั่วชีวิตนี้ของท่านไม่มีอะไรเลยสักนิด ความเมตตาโปรดปรานก็แค่ความว่างเปล่า เมื่อท่านชราแล้ว ไม่รู้ว่าจะไม่เสียใจได้หรือ? ไม่แม้แต่จะสน หรือจะใส่ใจมีช่วงเวลาที่ตื่นเต้นมีชีวิตชีวาได้?”“หุบปาก ข้าบอกหุบปาก” เต๋อเฟยชี้หน้านางโกรธจนหน้าเขียว “เจ้ารีบไปตายซะ”ซู่ผินเดินไปทางผ้าแพรขาวยื่นมือไปลูบไล้มันหยวนชิงหลิงรู้สึกว่า ถึงแม้คน ๆ นี้จะเลวร้าย แต่ว่านางเลือกเอง ถ้านางรู้สึกรักอู๋ซูฮว้าแล้วเติมเต็มชีวิตของนาง นาง
เต๋อเฟยเข้มงวดก็เพื่อหวังว่านางจะได้ดิบได้ดี จึงเอ่ยเสียงสั่นเทา "ถ้าเจ้ารู้ว่าต้องเป็นแบบนี้ก็คงไม่ทำตั้งแต่แรก? ตอนนี้มีราชโองการออกมาแล้วใครจะกล้าต่อต้านราชโองการ? ชีวิตของเจ้าไม่อาจรั้งไว้ได้ แม้แต่บิดา พี่ชาย และคนในตระกูลจะไม่ต้องถูกพัวพันเพราะเจ้า เจ้าไปซะเถอะ!"ซู่ผินเอามือปิดหน้า "ไม่ ไม่เพคะ!"หยวนชิงหลิงคิดว่าตนเองไม่สามารถทนดูต่อไปได้แล้วในสายตาของนาง ความผิดซู่ผินไม่ถึงขั้นที่ต้องตายอู๋ซู่ฮว้าคือสมควรตาย อู๋ซู่ฮว้าสังหารขันทีน้อย ทำร้ายองค์ชายแปด และทั้งหมดนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับซู่ผินเธอเอ่ยถาม "ตอนอู๋ซู่ฮว้าสังหารขันทีและทำร้ายองค์ชายแปดเจ้าได้ขัดขวางหรือไม่?"ซู่ผินร่ำไห้จนแทบจะบ้าคลั่ง เมื่อได้ยินหยวนชิงหลิงเอ่ยถามนัยน์ตาของนางกลอกไปมา "ข้าขัด ข้าขัดขวาง แต่ข้าขัดขวางไว้ไม่ไหว อู๋ซู่ฮว้าเป็นผู้สังหาร เขาโหดเหี้ยม เขาเป็นคนโหดเหี้ยมตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เรื่องทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้า"แต่ดวงตาที่กวาดมองไปมากลับทำให้หยวนชิงหลิงระแคะระคายหยวนชิงหลิงจ้องมองนาง "อ๋องฉู่เคยถามอู๋ซู่ฮว้า เขาบอกว่าการสังหารขันทีน้อย และทำร้ายองค์ชายแปดเป็นความต้องการของเจ้า""เข
มู่หรูกงกงนำคนเข้ามาแล้วยกซู่ผินขึ้น ซู่ผินกรีดร้องออกมาแล้วพยายามออกแรงดิ้นรนขัดขืนแต่ว่าไหนเลยจะสามารถสู้แรงของทหารองครักษ์สองคนที่ตัวใหญ่และแข็งแรงได้นางถูแแขวนคอขึ้น เสียงติดอยู่ในลำคอไม่สามารถที่จะเปล่งเสียงออกมาได้ ขาทั้งสองข้างของนางยังคงดิ้นรนไม่หยุดหยวนชิงหลิงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเห็นเพียงรองเท้าผ้าปักดิ้นเงินดิ้นทองสีขาวปักลายคู่หนึ่งกวัดแกว่งอย่างแรงอยู่ด้านหน้าราวกับว่าใช้เวลาทั้งชีวิต แต่มันก็เป็นเวลาเพียงแค่หนึ่งนาทีที่ขาคู่นั้นหยุดดิ้นรนและห้อยตกลงมาหยวนชิงหลิงโกงตัวลงแล้วอาเจียนออกมานางรู้สึกแย่มาก ๆ ไม่ว่าซู่ผินจะสมควรตามหรือไม่สมควรตาย แต่มีหนึ่งชีวิตที่ค่อย ๆ หายไปต่อหน้านาง และนางไม่มีทางที่จะไม่แยแสได้นางข้าหลวงสี่เข้ามาช่วยพยุงนางออกไป และหลังจากที่นางออกไปก็ไปนั่งพักอยู่ที่ขั้นบันไดหิน นางสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ แต่กลับรู้สึกราวกับหัวใจถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งบีบไว้ทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออกมือของนางข้าหลวงเฉียนลูบอยู่บนหลังของนาง "พระชายาไม่จำเป็นต้องโศกเศร้า ถึงนางตายก็ไม่สาสมกับความผิดบาปที่ได้ก่อขึ้นเพคะ"หยวนชิงหลิงพบว่าปลายนิ้วทั้งหมดของนางสั่นระริก "
หยวนชิงหลิงคอยเฝ้าอยู่ข้างกายองค์ชายแปดจักรพรรดิหมิงหยวน อ๋องรุ่ย และเหลิ่งจิ้งเหยียนทั้งสามคนสนทนากันอยู่ในห้องทรงพระอักษรเป็นเวลานานกลางดึกก็มีราชโองการหนึ่งฉบับมาถึงจวนอ๋องจี้ วันคล้ายวันประสูติของไทเฮากำลังจะมาถึง จึงมีพระราชกฤษฎีกาให้อ๋องจี้ไปที่วัดฮู้กั๋วเพื่อขอพรให้ไทเฮาเป็นเวลาหนึ่งเดือน ถือศีลกินเจและสวดมนต์ราชโองการนี้ทำให้ผู้คนไม่สามารถที่จะคาดเดาเจตนาของฝ่าบาทได้ปีที่แล้ว ๆ มาก็มีการขอพรก่อนวันคล้ายวันประสูติไทเฮาเพียงแต่ส่วนใหญ่จะเป็นพระชายาชินอ๋องหรือไม่ก็พระชายารองสนมซะมากกว่า และเป็นเวลาไม่เกินสองสามวันแต่ตอนนี้กลับเป็นอ๋องจี้ต้องไปด้วยตนเองเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ๆที่แท้แล้วมีความหมายลึกซึ้งก่อนที่เหลิ่งจิ้งเหยียนจะออกจากวังหลวง เขาไปพบอวี่เหวินห่าวที่วังเฉียนคุนเหลิ่งจิ้งเหยียนบอกเรื่องที่ซ่างหวงจัดการเรื่องราวก่อนหน้านั้น อวี่เหวินห่าวไม่ได้แปลกใจ แต่ว่าการที่ให้อ๋องจี้ไปขอพรที่วัดฮู้กั่วทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย"เสด็จพ่อหมายความว่าอย่างไร? เรื่องนี้ตรวจสอบไปถึงอ๋องจี้แล้วรึ? อวี่เหวินห่าวเอ่ยถาม"ยังตรวจสอบไม่ถึงทั้งหมด ล้วนเป็นฝีมือของหลี่กงกง
หลังจากที่จักรพรรดิหมิงหยวนกับอ๋องรุ่ย และเหลิ่งจิ้งเหยียนได้สนทนากันแล้วก็มีราชโองการถึงจวนอ๋องจี้ และเขาต้องกลับไปยังห้องทรงอักษรมู่หรูกงกงโน้มน้าวให้พระองค์พักผ่อน แต่เขาส่ายหน้า "เจ้าเข้ามาคุยกับข้าเถอะ"มู่หรูกงกงรับคำแล้วเข้ามาชงชาให้ก่อน จากนั้นก็เอามือลงแล้วยืนอยู่ด้านข้างจักรพรรดิหมิงหยวนพิงอยู่บนเตียงอรหันต์ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วและดูเหมือนว่ารอยย่นบนหน้าผากจะดูลึกขึ้นอีกเล็กน้อย"เจ้าใหญ่ปีนี้สามสิบแล้วใช่หรือไม่?" จักรพรรดิหมิงหยวนค่อย ๆ ตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้งอ่อนเพลีย"ทูลฝ่าบาท ใช่พ่ะย่ะค่ะ อ๋องจี้ปีนี้อายุสามสิบแล้ว" มู่หรูกงกงตอบจักรพรรดิหมิงหยวนตอบรับเสียงในลำคอ "วันเวลานี่ดูเหมือนจะเดินไปเร็วนัก คล้ายกับว่าเมื่อวานข้ายังมองดูพวกเขาว่าเป็นเพียงเด็กตัวไม่เล็กไม่เติบใหญ่ แต่แค่พริบตาเดียวก็รู้วิธีลงมือโหดร้ายต่อพี่น้องเสียแล้ว"มู่หรูกงกงตกใจรีบคุกเข่าลงทันที แล้วเอ่ยอย่างตื่นตระหนก "ฝ่าบาท!"จักรพรรดิหมิงหยวนยิ้มเยาะ "ที่ผ่านมาข้าไม่เคยเอ่ยใช่หรือไม่? ถึงข้าไม่เอ่ย แต่ภายในใจจะไม่รู้อยู่หรือ?"มู่หรูกงกงไม่กล้าที่จะเอ่ย"ในบรรดาบุตรชายของข้า ข้าฝากความค