หยวนชิงหลิงที่ได้ยินคำพูดพวกนี้ ก็หันกลับไปมองเต๋อเฟยในฐานะพระสนมที่มีชื่อเสียงของวังหลัง นางต้องได้รับการศึกษาและการอบรมสั่งสอน คงไม่ตกใจกับคำพูดหยาบคายพวกนี้หรอก อันที่จริงเต๋อเฟยตกใจมากราวกับถูกฟ้าผ่า ในหัวของนางเหมือนว่างเปล่า เมื่อค่อย ๆ คิดอย่างละเอียดแล้ว นางก็โกรธจนมือสั่น ยกนิ้วชี้ซู่ผิน ริมผีปากนางสั่งด้วยความโกรธ กว่าจะเค้นคำพูดออกมาสองสามคำ “พูดจาอะไร ช่างน่าอัปยศอดสูได้ถึงเพียงนี้!”ซู่ผินยิ้มแย้มราวกับภาพลวงตา งดงามเหมือนดอกไม้ในม่านหมอก ชวนให้คนมองดูรู้สึกถึงความสวยงามไม่น้อย นางมองเต๋อเฟยและพูดต่อไป “พระนางเต๋อเฟยรู้สึกอัปยศอดสู? ท่านรู้จักคำว่าอัปยศอดสู แต่ชั่วชีวิตนี้ของท่านไม่มีอะไรเลยสักนิด ความเมตตาโปรดปรานก็แค่ความว่างเปล่า เมื่อท่านชราแล้ว ไม่รู้ว่าจะไม่เสียใจได้หรือ? ไม่แม้แต่จะสน หรือจะใส่ใจมีช่วงเวลาที่ตื่นเต้นมีชีวิตชีวาได้?”“หุบปาก ข้าบอกหุบปาก” เต๋อเฟยชี้หน้านางโกรธจนหน้าเขียว “เจ้ารีบไปตายซะ”ซู่ผินเดินไปทางผ้าแพรขาวยื่นมือไปลูบไล้มันหยวนชิงหลิงรู้สึกว่า ถึงแม้คน ๆ นี้จะเลวร้าย แต่ว่านางเลือกเอง ถ้านางรู้สึกรักอู๋ซูฮว้าแล้วเติมเต็มชีวิตของนาง นาง
เต๋อเฟยเข้มงวดก็เพื่อหวังว่านางจะได้ดิบได้ดี จึงเอ่ยเสียงสั่นเทา "ถ้าเจ้ารู้ว่าต้องเป็นแบบนี้ก็คงไม่ทำตั้งแต่แรก? ตอนนี้มีราชโองการออกมาแล้วใครจะกล้าต่อต้านราชโองการ? ชีวิตของเจ้าไม่อาจรั้งไว้ได้ แม้แต่บิดา พี่ชาย และคนในตระกูลจะไม่ต้องถูกพัวพันเพราะเจ้า เจ้าไปซะเถอะ!"ซู่ผินเอามือปิดหน้า "ไม่ ไม่เพคะ!"หยวนชิงหลิงคิดว่าตนเองไม่สามารถทนดูต่อไปได้แล้วในสายตาของนาง ความผิดซู่ผินไม่ถึงขั้นที่ต้องตายอู๋ซู่ฮว้าคือสมควรตาย อู๋ซู่ฮว้าสังหารขันทีน้อย ทำร้ายองค์ชายแปด และทั้งหมดนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับซู่ผินเธอเอ่ยถาม "ตอนอู๋ซู่ฮว้าสังหารขันทีและทำร้ายองค์ชายแปดเจ้าได้ขัดขวางหรือไม่?"ซู่ผินร่ำไห้จนแทบจะบ้าคลั่ง เมื่อได้ยินหยวนชิงหลิงเอ่ยถามนัยน์ตาของนางกลอกไปมา "ข้าขัด ข้าขัดขวาง แต่ข้าขัดขวางไว้ไม่ไหว อู๋ซู่ฮว้าเป็นผู้สังหาร เขาโหดเหี้ยม เขาเป็นคนโหดเหี้ยมตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เรื่องทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้า"แต่ดวงตาที่กวาดมองไปมากลับทำให้หยวนชิงหลิงระแคะระคายหยวนชิงหลิงจ้องมองนาง "อ๋องฉู่เคยถามอู๋ซู่ฮว้า เขาบอกว่าการสังหารขันทีน้อย และทำร้ายองค์ชายแปดเป็นความต้องการของเจ้า""เข
มู่หรูกงกงนำคนเข้ามาแล้วยกซู่ผินขึ้น ซู่ผินกรีดร้องออกมาแล้วพยายามออกแรงดิ้นรนขัดขืนแต่ว่าไหนเลยจะสามารถสู้แรงของทหารองครักษ์สองคนที่ตัวใหญ่และแข็งแรงได้นางถูแแขวนคอขึ้น เสียงติดอยู่ในลำคอไม่สามารถที่จะเปล่งเสียงออกมาได้ ขาทั้งสองข้างของนางยังคงดิ้นรนไม่หยุดหยวนชิงหลิงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเห็นเพียงรองเท้าผ้าปักดิ้นเงินดิ้นทองสีขาวปักลายคู่หนึ่งกวัดแกว่งอย่างแรงอยู่ด้านหน้าราวกับว่าใช้เวลาทั้งชีวิต แต่มันก็เป็นเวลาเพียงแค่หนึ่งนาทีที่ขาคู่นั้นหยุดดิ้นรนและห้อยตกลงมาหยวนชิงหลิงโกงตัวลงแล้วอาเจียนออกมานางรู้สึกแย่มาก ๆ ไม่ว่าซู่ผินจะสมควรตามหรือไม่สมควรตาย แต่มีหนึ่งชีวิตที่ค่อย ๆ หายไปต่อหน้านาง และนางไม่มีทางที่จะไม่แยแสได้นางข้าหลวงสี่เข้ามาช่วยพยุงนางออกไป และหลังจากที่นางออกไปก็ไปนั่งพักอยู่ที่ขั้นบันไดหิน นางสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ แต่กลับรู้สึกราวกับหัวใจถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งบีบไว้ทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออกมือของนางข้าหลวงเฉียนลูบอยู่บนหลังของนาง "พระชายาไม่จำเป็นต้องโศกเศร้า ถึงนางตายก็ไม่สาสมกับความผิดบาปที่ได้ก่อขึ้นเพคะ"หยวนชิงหลิงพบว่าปลายนิ้วทั้งหมดของนางสั่นระริก "
หยวนชิงหลิงคอยเฝ้าอยู่ข้างกายองค์ชายแปดจักรพรรดิหมิงหยวน อ๋องรุ่ย และเหลิ่งจิ้งเหยียนทั้งสามคนสนทนากันอยู่ในห้องทรงพระอักษรเป็นเวลานานกลางดึกก็มีราชโองการหนึ่งฉบับมาถึงจวนอ๋องจี้ วันคล้ายวันประสูติของไทเฮากำลังจะมาถึง จึงมีพระราชกฤษฎีกาให้อ๋องจี้ไปที่วัดฮู้กั๋วเพื่อขอพรให้ไทเฮาเป็นเวลาหนึ่งเดือน ถือศีลกินเจและสวดมนต์ราชโองการนี้ทำให้ผู้คนไม่สามารถที่จะคาดเดาเจตนาของฝ่าบาทได้ปีที่แล้ว ๆ มาก็มีการขอพรก่อนวันคล้ายวันประสูติไทเฮาเพียงแต่ส่วนใหญ่จะเป็นพระชายาชินอ๋องหรือไม่ก็พระชายารองสนมซะมากกว่า และเป็นเวลาไม่เกินสองสามวันแต่ตอนนี้กลับเป็นอ๋องจี้ต้องไปด้วยตนเองเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ๆที่แท้แล้วมีความหมายลึกซึ้งก่อนที่เหลิ่งจิ้งเหยียนจะออกจากวังหลวง เขาไปพบอวี่เหวินห่าวที่วังเฉียนคุนเหลิ่งจิ้งเหยียนบอกเรื่องที่ซ่างหวงจัดการเรื่องราวก่อนหน้านั้น อวี่เหวินห่าวไม่ได้แปลกใจ แต่ว่าการที่ให้อ๋องจี้ไปขอพรที่วัดฮู้กั่วทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย"เสด็จพ่อหมายความว่าอย่างไร? เรื่องนี้ตรวจสอบไปถึงอ๋องจี้แล้วรึ? อวี่เหวินห่าวเอ่ยถาม"ยังตรวจสอบไม่ถึงทั้งหมด ล้วนเป็นฝีมือของหลี่กงกง
หลังจากที่จักรพรรดิหมิงหยวนกับอ๋องรุ่ย และเหลิ่งจิ้งเหยียนได้สนทนากันแล้วก็มีราชโองการถึงจวนอ๋องจี้ และเขาต้องกลับไปยังห้องทรงอักษรมู่หรูกงกงโน้มน้าวให้พระองค์พักผ่อน แต่เขาส่ายหน้า "เจ้าเข้ามาคุยกับข้าเถอะ"มู่หรูกงกงรับคำแล้วเข้ามาชงชาให้ก่อน จากนั้นก็เอามือลงแล้วยืนอยู่ด้านข้างจักรพรรดิหมิงหยวนพิงอยู่บนเตียงอรหันต์ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วและดูเหมือนว่ารอยย่นบนหน้าผากจะดูลึกขึ้นอีกเล็กน้อย"เจ้าใหญ่ปีนี้สามสิบแล้วใช่หรือไม่?" จักรพรรดิหมิงหยวนค่อย ๆ ตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้งอ่อนเพลีย"ทูลฝ่าบาท ใช่พ่ะย่ะค่ะ อ๋องจี้ปีนี้อายุสามสิบแล้ว" มู่หรูกงกงตอบจักรพรรดิหมิงหยวนตอบรับเสียงในลำคอ "วันเวลานี่ดูเหมือนจะเดินไปเร็วนัก คล้ายกับว่าเมื่อวานข้ายังมองดูพวกเขาว่าเป็นเพียงเด็กตัวไม่เล็กไม่เติบใหญ่ แต่แค่พริบตาเดียวก็รู้วิธีลงมือโหดร้ายต่อพี่น้องเสียแล้ว"มู่หรูกงกงตกใจรีบคุกเข่าลงทันที แล้วเอ่ยอย่างตื่นตระหนก "ฝ่าบาท!"จักรพรรดิหมิงหยวนยิ้มเยาะ "ที่ผ่านมาข้าไม่เคยเอ่ยใช่หรือไม่? ถึงข้าไม่เอ่ย แต่ภายในใจจะไม่รู้อยู่หรือ?"มู่หรูกงกงไม่กล้าที่จะเอ่ย"ในบรรดาบุตรชายของข้า ข้าฝากความค
ราวกับว่าสายเลือดถูกปะปน จึงทำให้ฐานะทางสังคมถูกลดค่าลง หรือการปกปักรักษาจากสวรรค์จะลดน้อยลงหยวนชิงหลิงไม่ได้ตอบคำถามของฮองเฮา ในความจริงนั้นตัวเธอเองก็รู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมากใกล้จะหมดสภาพแล้วฮองเฮาเห็นว่านางไม่ได้สนใจก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก แต่ฝ่าบาททรงเชื่อนาง นางก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดวันที่ห้าในวังหลวง อาจเพราะสวรรค์สงสารเห็นว่าหยวนชิงหลิงที่ยืนจนกระดูกใกล้จะหักแล้ว ในที่สุดสถานการณ์ขององค์ชายแปดก็เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นเขาฟื้นขึ้นมาแล้วจริง ๆ เขาลืมตาขึ้น และมองหยวนชิงหลิงอยู่ตลอดหยวนชิงหลิงยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงถอยออกไปฮองเฮาโผเข้าไปกอดเขาที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจไว้ จากนั้นก็ร้องไห้ออกมานางกำนัลเข้ามาช่วยพยุงฮองเฮาออกไป และหมอหลวงก็ก้าวเข้าไป สุดท้ายก็เอ่ยกับจักรพรรดิหมิงหยวนด้วยความดีใจ "พระอาการคงที่แล้ว คงที่แล้วพ่ะย่ะค่ะ"จักรพรรดิหมิงหยวนใช้ทุกคนออกไปเหลือไว้เพียงหยวนชิงหลิงให้อยู่ในตำหนักฮองเฮาไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำได้เพียงทำตามรับสั่งแล้วรออยู่ด้านนอกหัวใจของหยวนชิงหลิงเต้นระรัวเป็นอย่างมากเขารู้ว่าสุดท้ายแล้วฝ่าบาทจะต้องตรวจสอบความจริงการตรวจสอบค
หลังจากที่กินยาจื่อจินเข้าไปอีกเม็ด อาการขององค์ชายแปดก็มั่นคงขึ้น หยวนชิงหลิงชื่นชมความเก่งกาจของยาจื่อจินอีกครั้งหลังจากอาการมั่นคงขึ้น ในที่สุดคู่สามีภรรยาหยวนชิงหลิงและอวี่เหวินห่าวทั้งคู่ก็สามารถที่จะกลับจวนได้แล้วอาซื่อรออยู่ในจวนด้วยความร้อนใจ เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงกลับมาแล้วก็ไม่ถามอะไรมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นสาวใช้ที่รู้ขอบเขตผู้หนึ่งอวี่เหวินห่าวก็พักรักษาบาดแผลอยู่ในวังมาหลายวันหลังจากออกมาโดยรวมก็ไม่มีสิ่งใดร้ายแรงแล้ว ทางด้านจวนจิงจ้าวมีคนมาหลายรอบบอกว่าว่ามีเรื่องเร่งด่วน อวี่เหวินห่าวคิดว่าจะรอให้หยวนชิงหลิงดื่มยาบำรุงครรภ์ลงไปก่อนจึงจะไป แต่หยวนชิงหลิงรำคาญเขาที่ขี้บ่นจึงไล่ให้เขาไปทำงาน เมื่ออวี่เหวินห่าวเห็นภรรยาโมโหมากจึงต้องหนีบหางแล้วจากไปดูแลองค์ชายแปดคราวนี้จักรพรรดิหมิงหยวนก็ไม่ได้มีรางวัลให้ความจริงหยวนชิงหลิงก็ไม่ได้คิดว่าเป็นความดีความชอบอะไรของนาง ถึงแม้ว่าการถ่ายเลือดจะมีประโยชน์อย่างมาก แต่เลือดนั้นก็ไม่ใช่ของนางเพราะเรื่องการถ่ายเลือด อีกทั้งยังล่วงเกินฮองเฮา ดังนั้นหยวนชิงหลิงคิดว่าผลงานครั้งนี้ไม่ชื่นชมก็ช่างเถอะหลังจากอยู่ในจวนจนผ่านวันเกิ
ไม่อาจเอื้อมหลังจากที่ออกมาจากวังหลวง นางก็นอนกลางวัน แล้วก็ได้ยินนางข้าหลวงสี่เข้ามาแล้วกล่าวว่า "คนจากจวนอ๋องจี้ขอเข้าพบเพคะ""ไม่พบ!" หยวนชิงหลิงยังไม่ทันได้คิดก็ตอบปฏิเสธออกไปทันที"บอกว่าเป็นเรื่องอาการป่วยของพระชายาจี้เพคะ""นั่นก็ไม่พบ" หยวนชิงหลิงนั่งลงตัวเป่าหมอบอยู่ข้างขา แต่หูกลับตั้งขึ้นมาราวกับว่ากำลังฟังที่พวกเขาคุยกันนางข้าหลวงสี่พยักหน้าแล้วเอ่ย "ความจริงแล้วไม่ควรพบ แต่ว่าก็ต้องหาข้ออ้างเพื่อที่จะให้จากไปเพคะ""บอกว่าข้าไม่สบาย" หยวนชิงหลิงเอ่ยนางข้าหลวงสี่หัวเราะ "จะเอ่ยเยี่ยงนี้กับตัวเองได้อย่างไร ไม่ได้ อาจจะบอกว่ากำลังยุ่งอยู่กับการบำรุงรักษาร่างกาย ไม่มีเวลาว่างมาต้อนรับผู้ใดก็ได้เพคะ""มีอะไรแตกต่างกันรึ?" หยวนชิงหลิงหัวเราะแล้วเอ่ยถาม"มีเพคะ การบำรุงรักษาร่างกายไม่ใช่การป่วย เพียงแค่ต้องการที่จะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเท่านั้น" นางข้าหลวงค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากหยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านสบายใจก็ดี"นางมองหา "อาซื่อล่ะ?""กล่าวไว้ว่าไปจวนอ๋องฉี ได้ยินว่าพระชายารองหยวนกับพระชายาฉีตบตีกัน หลังจากนั้นอ๋องฉีก็หาคนมาตีพระชายารองหยวน พระชายาร