ไม่อาจเอื้อมหลังจากที่ออกมาจากวังหลวง นางก็นอนกลางวัน แล้วก็ได้ยินนางข้าหลวงสี่เข้ามาแล้วกล่าวว่า "คนจากจวนอ๋องจี้ขอเข้าพบเพคะ""ไม่พบ!" หยวนชิงหลิงยังไม่ทันได้คิดก็ตอบปฏิเสธออกไปทันที"บอกว่าเป็นเรื่องอาการป่วยของพระชายาจี้เพคะ""นั่นก็ไม่พบ" หยวนชิงหลิงนั่งลงตัวเป่าหมอบอยู่ข้างขา แต่หูกลับตั้งขึ้นมาราวกับว่ากำลังฟังที่พวกเขาคุยกันนางข้าหลวงสี่พยักหน้าแล้วเอ่ย "ความจริงแล้วไม่ควรพบ แต่ว่าก็ต้องหาข้ออ้างเพื่อที่จะให้จากไปเพคะ""บอกว่าข้าไม่สบาย" หยวนชิงหลิงเอ่ยนางข้าหลวงสี่หัวเราะ "จะเอ่ยเยี่ยงนี้กับตัวเองได้อย่างไร ไม่ได้ อาจจะบอกว่ากำลังยุ่งอยู่กับการบำรุงรักษาร่างกาย ไม่มีเวลาว่างมาต้อนรับผู้ใดก็ได้เพคะ""มีอะไรแตกต่างกันรึ?" หยวนชิงหลิงหัวเราะแล้วเอ่ยถาม"มีเพคะ การบำรุงรักษาร่างกายไม่ใช่การป่วย เพียงแค่ต้องการที่จะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเท่านั้น" นางข้าหลวงค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากหยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านสบายใจก็ดี"นางมองหา "อาซื่อล่ะ?""กล่าวไว้ว่าไปจวนอ๋องฉี ได้ยินว่าพระชายารองหยวนกับพระชายาฉีตบตีกัน หลังจากนั้นอ๋องฉีก็หาคนมาตีพระชายารองหยวน พระชายาร
อ๋องฉีหน้าเป็นสีเขียว แต่ด้านหลังเต็มไปด้วยเหงื่อมองดูฮูหยินเฒ่าตระกูลหยวน ในมือฮูหยินเฒ่าถือไม้เท้าหัวเสือ และด้านหลังมีเหล่าทหารหญิงอยู่หนึ่งกอง ทุกคนล้วนพกหอกยาว นี่เป็นอาวุธประจำตระกูลหยวนเมื่อเข้าสู่สนามรบก็จะใช้หอกยาว"เหล่าไท่ไท่ นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร? นำคนมาข่มขู่ข้า และแทรกแซงเรื่องในจวนข้าหรือ?" อ๋องฉีในใจนั้นขลาดกลัว แต่ว่าก็ไม่สามารถที่จะเสียหน้าได้เหล่าไท่ไท่ซัดออกมาประโยคหนึ่ง "เห็นได้ชัดว่าเป็นการข่มขู่และแทรกแซง มิเช่นนั้นจะพกอาวุธมาเพื่ออะไร? อ๋องฉียังต้องถามอีกรึ?"ถ้าเอ่ยโอ้อวดถึงความน่าเกรงขาม เขาก็ไม่ได้มีจิตใจแข็งแกร่งเด็ดเดี่ยวกับกองกำลังหญิงที่เคยผ่านสมรภูมิมาแล้ว เขาก็ไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นมาได้"พวกเจ้า...พวกเจ้าไม่ควรทำเกินไป ทำไมถึงปล่อยให้หยวนหย่งอี้ทำตามใจโดยไม่ห้ามปราม? นางไม่เห็นใครในสายตาแล้ว ข้าก็เพียงแค่จะให้นางเรียนรู้กฎระเบียบไม่ได้มีเจตนาให้นางลำบากใจ" จากคำพูดนี้ของอ๋องฉีเห็นได้ชัดว่าพลังที่ปล่อยออกมานั้นอ่อนลงทำให้ฉู่หมิงชุ่ยนั้นทนไม่ได้อย่างมากเอ่ยถึงฐานะแล้ว อ๋องฉีสามารถที่จะบดขยี้ตระกูลหยวนทั้งหมดให้จมดินได้ต่อให้ตระกูลหยวนจะใจก
หยวนหย่งอี้เดินมาหยุดที่หน้าฉู่หมิงชุ่ย แล้วเอ่ยอย่างเย็นชา "คิดจะไล่ข้าไปงั้นหรือ? อย่าได้คิดเพ้อเจ้อ!"ฉู่หมิงชุ่ยขมวดคิ้ว "ไม่มีใครอยากไล่เจ้าไป เพียงแค่หวังว่าเจ้าจะเรียนรู้กฎระเบียบบ้าง"หยวนหย่งอี้ยิ้มเยาะ "เรียนรู้กฎระเบียบ? เจ้ากลั่นแกล้งข้า วันนี้เจ้าบอกว่าข้าไม่เคารพเจ้า เจ้าเอ่ยมา ประโยคไหนที่ข้าเอ่ยประชดประชันเจ้า? ประโยคไหนที่ข้าไม่เคารพเจ้า? เพียงแต่ข้าเอ่ยออกมา ก็จะคุกเข่าให้เจ้าแล้ว โขกหัวสารภาพผิดให้เจ้า"ฉู่หมิงชุ่ยมองนางแล้วเอ่ยอย่างเฉยเมย "เรื่องนี้มันผ่านไป ข้าไม่ตำหนิเจ้า และไม่ต้องการให้เจ้าโขกหัวสารภาพผิดให้ข้า แค่จากนี้จะไม่ทำผิดอีกก็พอ""ชุ่ยเออร์ อย่าปล่อยให้กระทำผิดโดยไม่ตักเตือนเช่นนี้" อ๋องฉีขมวดคิ้วหยวนหย่งอี้กวาดสายตาไปมอง "ท่านจะรู้อะไร? ท่านอยู่ที่นั่นหรือ? ท่านไก่อ่อนผู้มีปัญญาที่เชื่อฟังคำโกหกเหลวไหล โชคดีที่ท่านไม่ใช่รัชทายาท ไม่เช่นนั้นถังเป่ยทั้งหมดต้องถูกฝั่งอยู่ใต้ความเลอะเลือนของท่าน""เจ้า...หยวนหย่งอี้ เจ้าช่างกล้าหาญนัก!" อ๋องฉีโกรธอย่างมาก หยวนหย่งอี้คนนี้เขาทนรับไม่ได้จริง ๆ นิสัยไม่ดีก็ช่าง ยังถึงตายก็ไม่ยอมรับผิด "เจ้ากล้าเอ่ยวาจา
เด็กสาวหน้ากลม ๆ คนนี้ตั้งแต่ที่เข้ามานิสัยก็ซุ่มซ่ามแต่ไม่ว่าจะแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เป็นการทุบตีกันภายในจวน ทุกคนที่อยู่ต่อหน้าเขาก็ล้วนชื่นชมว่านางดีทุกครั้งที่พบนางบนใบหน้านางก็จะมีแต่รอยยิ้มแย้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ในบางครั้งยังมอบขนมสอดไส้ให้เขาราวกับเป็นของล้ำค่า แล้วกล่าวว่าเป็นการแอบขโมยมาจากบ้านแม่ อีกทั้งยังกล่าวว่าตนเองเป็นบุตรสาวหัวขโมยอย่างไรก็ตามอารมณ์โกรธของนางนั้นรุนแรงมาก ถ้ามีสิ่งใดที่ไม่ถูกตาต้องใจไม่มีความสุขก็จะโมโหขึ้นมาในทันที แต่เมื่อผ่านไปก็ดูราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นดังนั้นวันนี้เขาจึงคิดว่านางมุทะลุหุนหันพลันแล่นก่อน และคิดว่านางควรที่จะเรียนรู้กฎระเบียบสักหน่อย แก้ไขอารมณ์รุนแรง เขาคิดว่าบางทีถ้านางสามารถเปลี่ยนอารมณ์รุนแรงนี้ได้แล้วจะต้องดีเลิศเป็นอย่างมากจะรู้ได้อย่างไรว่าวันนี้คาดไม่ถึงว่านางจะไม่ได้ทำผิดแต่เป็นชุ่ยเออร์ที่ตั้งใจที่จะทำให้นางรู้สึกลำบากใจเขามองฉู่หมิงชุ่ย ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรนางถึงทำเยี่ยงนี้ เพราะชายารองผู้นี้นางก็เป็นผู้ที่เลือกหามาการเลือกหยวนหย่งอี้มาเป็นพระชายารอง ความจริงนั้นเขารู้จุดประสงค์ของนางดีหวังว่าเขานั้น
นัยน์ตาของฉู่หมิงชุ่ยแฝงความประชดประชันมากขึ้น มุมปากก็ยกขึ้น ดูท่าทางเหยียดหยามเป็นอย่างมากในที่สุดอ๋องฉีกับเอ่ยขึ้น "พระชายาเหนื่อยแล้ว กลับตำหนักไปพักเถอะ"ฉู่หมิงชุ่ยมองหน้าเขาแล้วส่ายหน้ายิ้ม ๆ แล้วกล่าวว่า "คนของราชวงศ์จิตใจเหี้ยมเกรียมเป็นที่สุด วันนี้ข้าได้เห็นชัดแล้ว"แล้วนางก็เดินจากไปอย่างหยิ่งยโสฮูหยินเฒ่าหยวนรู้ว่าตอนนี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยแล้วจึงกล่าวว่า "ท่านอ๋องเยี่ยงนั้นข้าตอนขอตัวก่อนแล้ว""เหล่าไท่ไท่เดินทางปลอดภัย" อ๋องฉียกมือประสานกลางอกคนของตระกูลหยวนจากไปแล้ว เพียงแลกเปลี่ยนกันผ่านแววตากับหยวนหย่งอี้ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยวาจามากมายการเหยียบย่ำซ้ำเติมคนที่หมดอำนาจ หรือทำเรื่องลำพองใจอวดฉลาด ตระกูลหยวนจะไม่ทำอาซื่อก็จากไปแล้วหยวนหย่งอี้มองอ๋องฉีแล้วกล่าวอย่างจริงจัง "เรื่องราววันนี้เป็นท่านที่ผิด ท่านไม่ควรให้คนตีข้าโดยที่ยังไม่ถามความเป็นมา จากชื่อเสียงท่านเป็นสามีของข้า ท่านควรจะปกป้องข้า ไม่ใช่ร่วมมือกับผู้อื่นมารังแกข้า ข้าหวังว่าถ้าเกิดเรื่องราวทำนองเดียวกันอีกครั้ง ท่านจะให้โอกาสข้าอธิบายสักครั้ง”อ๋องฉีมองหน้ากลมเหมือนไข่ที่จริงจังแล้วไม่สามารถท
คนของจวนอ๋องจี้มาที่จวนอ๋องฉู่อีกครั้งเพียงแต่ว่าครั้งนี้ผู้ที่มาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพระชายาจี้ที่มาด้วยตนเองหลังจากที่นางลงจากเกี้ยว ก็ใช้เกี้ยวคนแบกยกเข้ามาโดยตรงนางไม่ได้มาด้วยตนเอง แต่ได้เรียกให้องค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วมาด้วยกันองค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วคือป้าใหญ่ของจักรพรรดิหมิงหยวน และเป็นพี่สาวของไท่ซ่างหวง ตอนนี้อายุเจ็ดสิบกว่าชันษาแล้วถ้าพระชายาจี้มาเพียงลำพัง หยวนชิงหลิงจะต้องหลบเลี่ยงไม่พบอีกแน่แต่ว่าเมื่อองค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วเสด็จมาด้วยจึงยังต้องให้เกียรตินางอยู่ หลังจากข่าวคราวการตั้งครรภ์แพร่สะพัดออกไป องค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วก็ให้คนส่งของขวัญมาแสดงความยินดีในทันทีหยวนชิงหลิงสวมหน้ากากอนามัยออกมา ตอนนี้นางตั้งครรภ์อยู่จึงไม่อาจที่จะสะเพร่าได้องค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วสวมชุดผ้าไหมลวดลายกลุ่มดอกไม้สีดำ บนลำคอมีลูกประคำอยู่หนึ่งพวงเม็ดเล็ก ๆ กลมเกลี้ยงมีลวดลาย ใบหน้าอ่อนโยนมีเมตตาและอบอุ่นหยวนชิงหลิงคารวะนางก่อน องค์หญิงใหญ่ก็เข้ามากุมมือนางไว้อมยิ้ม และมองดูเธออย่างละเอียดแล้วกล่าว "ไม่ต้องมากพิธีแล้ว ตัวเจ้าหนักแล้ว"หยวนชิงหลิงขอบคุณจากนั้นก็หันไปม
นางมองไปที่พระชายาจี้ "เรื่องนี้คนที่เจ้าส่งมากลับไปแล้วไม่ได้แจ้งรึ? เจ้าควรแจ้งให้ข้ารู้ เช่นนั้นเมื่อข้ามาจะได้เตรียมยามาให้ด้วย แต่ข้าไม่รู้ยาบำรุงครรภ์ก็ยังมีอยู่"น้ำเสียงในตอนท้ายมีการตำหนิเบา ๆ ครรภ์ของพระชายาฉู่ครั้งนี้ ทุกคนในราชวงศ์ทั้งหมดล้วนกังวลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะองค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วภายในใจรู้สึกเป็นกังวลอย่างมากพระชายาจี้กล่าวขอโทษ "บ่าวที่ข้าส่งมานั้นทำงานไม่ได้ความนัก กลับไปก็ไม่ยอมแจ้งสิ่งใด มาในวันนี้จึงไม่ได้จัดเตรียมสิ่งใดมาด้วย"หยวนชิงหลิงเอ่ย "อย่าได้กังวล ก่อนหน้านี้พระชายาจี้ได้ให้คนส่งเจ้าแม่กวนอิมให้ลูกมาให้ข้าแล้ว มันมีชื่อเสียงและล้ำค่านักข้าชื่นชอบมันมาก"นางข้าหลวงสี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ใช่เพคะ ถ้าหากเจ้าแม่กวนอิมองค์นั้นไม่มีรอยร้าว เช่นนั้นคงเป็นของชั้นดีจริง ๆ"องค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกตะลึงเล็กน้อย "เจ้าแม่กวนอิมให้ลูก? เจ้าแม่กวนอิมให้ลูกจะมีรอยร้าวได้อย่างไร? บ่าวรับใช้หกล้มรึ?""เป็นบ่าวในจวนที่มือเท้าไม่ระวัง หม่อมฉันลงโทษไปเรียบร้อยแล้วเพคะ" พระชายาจี้กล่าวอย่างเฉยชาองค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วกล่าวด้วยความโมโห
หยวนชิงหลิงมองไปที่พระชายาจี้แล้วกล่าวขอโทษ "พระชายาจี้ไม่ใช่ว่าข้าไม่เต็มใจที่จะมอบยาให้ท่าน แต่ยานั้นไม่เพียงพอที่จะแบ่งให้ทั้งสองคน""มิเป็นไร" ดวงตาทั้งสองข้างของพระชายาจี้นั้นลึกล้ำเป็นพิเศษ "ไม่ทราบว่าใบสั่งยานั้นสามารถที่จะให้ข้าได้หรือไม่? ข้าจะให้คนกลั่นมัน"หืม มาเพื่อสูตรยารึ? คาดเดาผิดจุดประสงค์เสียแล้วโชคดีที่หยวนชิงหลิงเตรียมตัวไว้ก่อนแล้วจึงเอ่ยว่า "ลวี่หยา เจ้าไปนำสมุดเล่มที่อยู่บนโต๊ะมา"ลวี่หยารับคำสั่งแล้วจากไปไม่นานลวี่หยาก็นำสมุดมาให้ หยวนชิงหลิงกล่าว "เอาสมุดให้พระชายาจี้"พระชายาจี้ตกตะลึงเป็นอย่างมาก มอบให้ง่ายดายเช่นนี้เลยรึ?"นี่คือใบสั่งยา?" พระชายาจี้เอ่ยถาม"ใช่แล้ว ข้ากลั่นยาตามสูตรนี้ทั้งหมด" หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้มหลังจากที่พระชายาจี้รับมา ก็เปิดอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทันใดนั้นก็ตกตะลึงจนตาค้าง “นี่มันอะไรกัน?"สิ่งที่เขียนอยู่ในนี้นางอ่านไม่ออกแม้แต่คำเดียว มันคล้ายกับสัญลักษณ์หยวนชิงหลิงกล่าว "นี่คือใบสั่งยา""นี่ไม่ใช่ใบสั่งยา" พระชายาจี้ปิดสมุดลง "พระชายาฉู่เพียงแค่เอ่ยว่าไม่ให้ตรง ๆ ไม่จำเป็นต้องทำแบบส่งเดชเยี่ยงนี้"องค์ห