แชร์

บทที่ 465

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ราวกับว่าสายเลือดถูกปะปน จึงทำให้ฐานะทางสังคมถูกลดค่าลง หรือการปกปักรักษาจากสวรรค์จะลดน้อยลง

หยวนชิงหลิงไม่ได้ตอบคำถามของฮองเฮา ในความจริงนั้นตัวเธอเองก็รู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมากใกล้จะหมดสภาพแล้ว

ฮองเฮาเห็นว่านางไม่ได้สนใจก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก แต่ฝ่าบาททรงเชื่อนาง นางก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด

วันที่ห้าในวังหลวง อาจเพราะสวรรค์สงสารเห็นว่าหยวนชิงหลิงที่ยืนจนกระดูกใกล้จะหักแล้ว ในที่สุดสถานการณ์ขององค์ชายแปดก็เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

เขาฟื้นขึ้นมาแล้วจริง ๆ เขาลืมตาขึ้น และมองหยวนชิงหลิงอยู่ตลอด

หยวนชิงหลิงยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงถอยออกไป

ฮองเฮาโผเข้าไปกอดเขาที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจไว้ จากนั้นก็ร้องไห้ออกมา

นางกำนัลเข้ามาช่วยพยุงฮองเฮาออกไป และหมอหลวงก็ก้าวเข้าไป สุดท้ายก็เอ่ยกับจักรพรรดิหมิงหยวนด้วยความดีใจ "พระอาการคงที่แล้ว คงที่แล้วพ่ะย่ะค่ะ"

จักรพรรดิหมิงหยวนใช้ทุกคนออกไปเหลือไว้เพียงหยวนชิงหลิงให้อยู่ในตำหนัก

ฮองเฮาไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำได้เพียงทำตามรับสั่งแล้วรออยู่ด้านนอก

หัวใจของหยวนชิงหลิงเต้นระรัวเป็นอย่างมาก

เขารู้ว่าสุดท้ายแล้วฝ่าบาทจะต้องตรวจสอบความจริง

การตรวจสอบค
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 466

    หลังจากที่กินยาจื่อจินเข้าไปอีกเม็ด อาการขององค์ชายแปดก็มั่นคงขึ้น หยวนชิงหลิงชื่นชมความเก่งกาจของยาจื่อจินอีกครั้งหลังจากอาการมั่นคงขึ้น ในที่สุดคู่สามีภรรยาหยวนชิงหลิงและอวี่เหวินห่าวทั้งคู่ก็สามารถที่จะกลับจวนได้แล้วอาซื่อรออยู่ในจวนด้วยความร้อนใจ เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงกลับมาแล้วก็ไม่ถามอะไรมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นสาวใช้ที่รู้ขอบเขตผู้หนึ่งอวี่เหวินห่าวก็พักรักษาบาดแผลอยู่ในวังมาหลายวันหลังจากออกมาโดยรวมก็ไม่มีสิ่งใดร้ายแรงแล้ว ทางด้านจวนจิงจ้าวมีคนมาหลายรอบบอกว่าว่ามีเรื่องเร่งด่วน อวี่เหวินห่าวคิดว่าจะรอให้หยวนชิงหลิงดื่มยาบำรุงครรภ์ลงไปก่อนจึงจะไป แต่หยวนชิงหลิงรำคาญเขาที่ขี้บ่นจึงไล่ให้เขาไปทำงาน เมื่ออวี่เหวินห่าวเห็นภรรยาโมโหมากจึงต้องหนีบหางแล้วจากไปดูแลองค์ชายแปดคราวนี้จักรพรรดิหมิงหยวนก็ไม่ได้มีรางวัลให้ความจริงหยวนชิงหลิงก็ไม่ได้คิดว่าเป็นความดีความชอบอะไรของนาง ถึงแม้ว่าการถ่ายเลือดจะมีประโยชน์อย่างมาก แต่เลือดนั้นก็ไม่ใช่ของนางเพราะเรื่องการถ่ายเลือด อีกทั้งยังล่วงเกินฮองเฮา ดังนั้นหยวนชิงหลิงคิดว่าผลงานครั้งนี้ไม่ชื่นชมก็ช่างเถอะหลังจากอยู่ในจวนจนผ่านวันเกิ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 467

    ไม่อาจเอื้อมหลังจากที่ออกมาจากวังหลวง นางก็นอนกลางวัน แล้วก็ได้ยินนางข้าหลวงสี่เข้ามาแล้วกล่าวว่า "คนจากจวนอ๋องจี้ขอเข้าพบเพคะ""ไม่พบ!" หยวนชิงหลิงยังไม่ทันได้คิดก็ตอบปฏิเสธออกไปทันที"บอกว่าเป็นเรื่องอาการป่วยของพระชายาจี้เพคะ""นั่นก็ไม่พบ" หยวนชิงหลิงนั่งลงตัวเป่าหมอบอยู่ข้างขา แต่หูกลับตั้งขึ้นมาราวกับว่ากำลังฟังที่พวกเขาคุยกันนางข้าหลวงสี่พยักหน้าแล้วเอ่ย "ความจริงแล้วไม่ควรพบ แต่ว่าก็ต้องหาข้ออ้างเพื่อที่จะให้จากไปเพคะ""บอกว่าข้าไม่สบาย" หยวนชิงหลิงเอ่ยนางข้าหลวงสี่หัวเราะ "จะเอ่ยเยี่ยงนี้กับตัวเองได้อย่างไร ไม่ได้ อาจจะบอกว่ากำลังยุ่งอยู่กับการบำรุงรักษาร่างกาย ไม่มีเวลาว่างมาต้อนรับผู้ใดก็ได้เพคะ""มีอะไรแตกต่างกันรึ?" หยวนชิงหลิงหัวเราะแล้วเอ่ยถาม"มีเพคะ การบำรุงรักษาร่างกายไม่ใช่การป่วย เพียงแค่ต้องการที่จะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเท่านั้น" นางข้าหลวงค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากหยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านสบายใจก็ดี"นางมองหา "อาซื่อล่ะ?""กล่าวไว้ว่าไปจวนอ๋องฉี ได้ยินว่าพระชายารองหยวนกับพระชายาฉีตบตีกัน หลังจากนั้นอ๋องฉีก็หาคนมาตีพระชายารองหยวน พระชายาร

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 468

    อ๋องฉีหน้าเป็นสีเขียว แต่ด้านหลังเต็มไปด้วยเหงื่อมองดูฮูหยินเฒ่าตระกูลหยวน ในมือฮูหยินเฒ่าถือไม้เท้าหัวเสือ และด้านหลังมีเหล่าทหารหญิงอยู่หนึ่งกอง ทุกคนล้วนพกหอกยาว นี่เป็นอาวุธประจำตระกูลหยวนเมื่อเข้าสู่สนามรบก็จะใช้หอกยาว"เหล่าไท่ไท่ นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร? นำคนมาข่มขู่ข้า และแทรกแซงเรื่องในจวนข้าหรือ?" อ๋องฉีในใจนั้นขลาดกลัว แต่ว่าก็ไม่สามารถที่จะเสียหน้าได้เหล่าไท่ไท่ซัดออกมาประโยคหนึ่ง "เห็นได้ชัดว่าเป็นการข่มขู่และแทรกแซง มิเช่นนั้นจะพกอาวุธมาเพื่ออะไร? อ๋องฉียังต้องถามอีกรึ?"ถ้าเอ่ยโอ้อวดถึงความน่าเกรงขาม เขาก็ไม่ได้มีจิตใจแข็งแกร่งเด็ดเดี่ยวกับกองกำลังหญิงที่เคยผ่านสมรภูมิมาแล้ว เขาก็ไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นมาได้"พวกเจ้า...พวกเจ้าไม่ควรทำเกินไป ทำไมถึงปล่อยให้หยวนหย่งอี้ทำตามใจโดยไม่ห้ามปราม? นางไม่เห็นใครในสายตาแล้ว ข้าก็เพียงแค่จะให้นางเรียนรู้กฎระเบียบไม่ได้มีเจตนาให้นางลำบากใจ" จากคำพูดนี้ของอ๋องฉีเห็นได้ชัดว่าพลังที่ปล่อยออกมานั้นอ่อนลงทำให้ฉู่หมิงชุ่ยนั้นทนไม่ได้อย่างมากเอ่ยถึงฐานะแล้ว อ๋องฉีสามารถที่จะบดขยี้ตระกูลหยวนทั้งหมดให้จมดินได้ต่อให้ตระกูลหยวนจะใจก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 469

    หยวนหย่งอี้เดินมาหยุดที่หน้าฉู่หมิงชุ่ย แล้วเอ่ยอย่างเย็นชา "คิดจะไล่ข้าไปงั้นหรือ? อย่าได้คิดเพ้อเจ้อ!"ฉู่หมิงชุ่ยขมวดคิ้ว "ไม่มีใครอยากไล่เจ้าไป เพียงแค่หวังว่าเจ้าจะเรียนรู้กฎระเบียบบ้าง"หยวนหย่งอี้ยิ้มเยาะ "เรียนรู้กฎระเบียบ? เจ้ากลั่นแกล้งข้า วันนี้เจ้าบอกว่าข้าไม่เคารพเจ้า เจ้าเอ่ยมา ประโยคไหนที่ข้าเอ่ยประชดประชันเจ้า? ประโยคไหนที่ข้าไม่เคารพเจ้า? เพียงแต่ข้าเอ่ยออกมา ก็จะคุกเข่าให้เจ้าแล้ว โขกหัวสารภาพผิดให้เจ้า"ฉู่หมิงชุ่ยมองนางแล้วเอ่ยอย่างเฉยเมย "เรื่องนี้มันผ่านไป ข้าไม่ตำหนิเจ้า และไม่ต้องการให้เจ้าโขกหัวสารภาพผิดให้ข้า แค่จากนี้จะไม่ทำผิดอีกก็พอ""ชุ่ยเออร์ อย่าปล่อยให้กระทำผิดโดยไม่ตักเตือนเช่นนี้" อ๋องฉีขมวดคิ้วหยวนหย่งอี้กวาดสายตาไปมอง "ท่านจะรู้อะไร? ท่านอยู่ที่นั่นหรือ? ท่านไก่อ่อนผู้มีปัญญาที่เชื่อฟังคำโกหกเหลวไหล โชคดีที่ท่านไม่ใช่รัชทายาท ไม่เช่นนั้นถังเป่ยทั้งหมดต้องถูกฝั่งอยู่ใต้ความเลอะเลือนของท่าน""เจ้า...หยวนหย่งอี้ เจ้าช่างกล้าหาญนัก!" อ๋องฉีโกรธอย่างมาก หยวนหย่งอี้คนนี้เขาทนรับไม่ได้จริง ๆ นิสัยไม่ดีก็ช่าง ยังถึงตายก็ไม่ยอมรับผิด "เจ้ากล้าเอ่ยวาจา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 470

    เด็กสาวหน้ากลม ๆ คนนี้ตั้งแต่ที่เข้ามานิสัยก็ซุ่มซ่ามแต่ไม่ว่าจะแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เป็นการทุบตีกันภายในจวน ทุกคนที่อยู่ต่อหน้าเขาก็ล้วนชื่นชมว่านางดีทุกครั้งที่พบนางบนใบหน้านางก็จะมีแต่รอยยิ้มแย้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ในบางครั้งยังมอบขนมสอดไส้ให้เขาราวกับเป็นของล้ำค่า แล้วกล่าวว่าเป็นการแอบขโมยมาจากบ้านแม่ อีกทั้งยังกล่าวว่าตนเองเป็นบุตรสาวหัวขโมยอย่างไรก็ตามอารมณ์โกรธของนางนั้นรุนแรงมาก ถ้ามีสิ่งใดที่ไม่ถูกตาต้องใจไม่มีความสุขก็จะโมโหขึ้นมาในทันที แต่เมื่อผ่านไปก็ดูราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นดังนั้นวันนี้เขาจึงคิดว่านางมุทะลุหุนหันพลันแล่นก่อน และคิดว่านางควรที่จะเรียนรู้กฎระเบียบสักหน่อย แก้ไขอารมณ์รุนแรง เขาคิดว่าบางทีถ้านางสามารถเปลี่ยนอารมณ์รุนแรงนี้ได้แล้วจะต้องดีเลิศเป็นอย่างมากจะรู้ได้อย่างไรว่าวันนี้คาดไม่ถึงว่านางจะไม่ได้ทำผิดแต่เป็นชุ่ยเออร์ที่ตั้งใจที่จะทำให้นางรู้สึกลำบากใจเขามองฉู่หมิงชุ่ย ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรนางถึงทำเยี่ยงนี้ เพราะชายารองผู้นี้นางก็เป็นผู้ที่เลือกหามาการเลือกหยวนหย่งอี้มาเป็นพระชายารอง ความจริงนั้นเขารู้จุดประสงค์ของนางดีหวังว่าเขานั้น

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 471

    นัยน์ตาของฉู่หมิงชุ่ยแฝงความประชดประชันมากขึ้น มุมปากก็ยกขึ้น ดูท่าทางเหยียดหยามเป็นอย่างมากในที่สุดอ๋องฉีกับเอ่ยขึ้น "พระชายาเหนื่อยแล้ว กลับตำหนักไปพักเถอะ"ฉู่หมิงชุ่ยมองหน้าเขาแล้วส่ายหน้ายิ้ม ๆ แล้วกล่าวว่า "คนของราชวงศ์จิตใจเหี้ยมเกรียมเป็นที่สุด วันนี้ข้าได้เห็นชัดแล้ว"แล้วนางก็เดินจากไปอย่างหยิ่งยโสฮูหยินเฒ่าหยวนรู้ว่าตอนนี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยแล้วจึงกล่าวว่า "ท่านอ๋องเยี่ยงนั้นข้าตอนขอตัวก่อนแล้ว""เหล่าไท่ไท่เดินทางปลอดภัย" อ๋องฉียกมือประสานกลางอกคนของตระกูลหยวนจากไปแล้ว เพียงแลกเปลี่ยนกันผ่านแววตากับหยวนหย่งอี้ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยวาจามากมายการเหยียบย่ำซ้ำเติมคนที่หมดอำนาจ หรือทำเรื่องลำพองใจอวดฉลาด ตระกูลหยวนจะไม่ทำอาซื่อก็จากไปแล้วหยวนหย่งอี้มองอ๋องฉีแล้วกล่าวอย่างจริงจัง "เรื่องราววันนี้เป็นท่านที่ผิด ท่านไม่ควรให้คนตีข้าโดยที่ยังไม่ถามความเป็นมา จากชื่อเสียงท่านเป็นสามีของข้า ท่านควรจะปกป้องข้า ไม่ใช่ร่วมมือกับผู้อื่นมารังแกข้า ข้าหวังว่าถ้าเกิดเรื่องราวทำนองเดียวกันอีกครั้ง ท่านจะให้โอกาสข้าอธิบายสักครั้ง”อ๋องฉีมองหน้ากลมเหมือนไข่ที่จริงจังแล้วไม่สามารถท

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 472

    คนของจวนอ๋องจี้มาที่จวนอ๋องฉู่อีกครั้งเพียงแต่ว่าครั้งนี้ผู้ที่มาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพระชายาจี้ที่มาด้วยตนเองหลังจากที่นางลงจากเกี้ยว ก็ใช้เกี้ยวคนแบกยกเข้ามาโดยตรงนางไม่ได้มาด้วยตนเอง แต่ได้เรียกให้องค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วมาด้วยกันองค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วคือป้าใหญ่ของจักรพรรดิหมิงหยวน และเป็นพี่สาวของไท่ซ่างหวง ตอนนี้อายุเจ็ดสิบกว่าชันษาแล้วถ้าพระชายาจี้มาเพียงลำพัง หยวนชิงหลิงจะต้องหลบเลี่ยงไม่พบอีกแน่แต่ว่าเมื่อองค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วเสด็จมาด้วยจึงยังต้องให้เกียรตินางอยู่ หลังจากข่าวคราวการตั้งครรภ์แพร่สะพัดออกไป องค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วก็ให้คนส่งของขวัญมาแสดงความยินดีในทันทีหยวนชิงหลิงสวมหน้ากากอนามัยออกมา ตอนนี้นางตั้งครรภ์อยู่จึงไม่อาจที่จะสะเพร่าได้องค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วสวมชุดผ้าไหมลวดลายกลุ่มดอกไม้สีดำ บนลำคอมีลูกประคำอยู่หนึ่งพวงเม็ดเล็ก ๆ กลมเกลี้ยงมีลวดลาย ใบหน้าอ่อนโยนมีเมตตาและอบอุ่นหยวนชิงหลิงคารวะนางก่อน องค์หญิงใหญ่ก็เข้ามากุมมือนางไว้อมยิ้ม และมองดูเธออย่างละเอียดแล้วกล่าว "ไม่ต้องมากพิธีแล้ว ตัวเจ้าหนักแล้ว"หยวนชิงหลิงขอบคุณจากนั้นก็หันไปม

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 473

    นางมองไปที่พระชายาจี้ "เรื่องนี้คนที่เจ้าส่งมากลับไปแล้วไม่ได้แจ้งรึ? เจ้าควรแจ้งให้ข้ารู้ เช่นนั้นเมื่อข้ามาจะได้เตรียมยามาให้ด้วย แต่ข้าไม่รู้ยาบำรุงครรภ์ก็ยังมีอยู่"น้ำเสียงในตอนท้ายมีการตำหนิเบา ๆ ครรภ์ของพระชายาฉู่ครั้งนี้ ทุกคนในราชวงศ์ทั้งหมดล้วนกังวลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะองค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วภายในใจรู้สึกเป็นกังวลอย่างมากพระชายาจี้กล่าวขอโทษ "บ่าวที่ข้าส่งมานั้นทำงานไม่ได้ความนัก กลับไปก็ไม่ยอมแจ้งสิ่งใด มาในวันนี้จึงไม่ได้จัดเตรียมสิ่งใดมาด้วย"หยวนชิงหลิงเอ่ย "อย่าได้กังวล ก่อนหน้านี้พระชายาจี้ได้ให้คนส่งเจ้าแม่กวนอิมให้ลูกมาให้ข้าแล้ว มันมีชื่อเสียงและล้ำค่านักข้าชื่นชอบมันมาก"นางข้าหลวงสี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ใช่เพคะ ถ้าหากเจ้าแม่กวนอิมองค์นั้นไม่มีรอยร้าว เช่นนั้นคงเป็นของชั้นดีจริง ๆ"องค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกตะลึงเล็กน้อย "เจ้าแม่กวนอิมให้ลูก? เจ้าแม่กวนอิมให้ลูกจะมีรอยร้าวได้อย่างไร? บ่าวรับใช้หกล้มรึ?""เป็นบ่าวในจวนที่มือเท้าไม่ระวัง หม่อมฉันลงโทษไปเรียบร้อยแล้วเพคะ" พระชายาจี้กล่าวอย่างเฉยชาองค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วกล่าวด้วยความโมโห

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status