แชร์

บทที่ 473

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
นางมองไปที่พระชายาจี้ "เรื่องนี้คนที่เจ้าส่งมากลับไปแล้วไม่ได้แจ้งรึ? เจ้าควรแจ้งให้ข้ารู้ เช่นนั้นเมื่อข้ามาจะได้เตรียมยามาให้ด้วย แต่ข้าไม่รู้ยาบำรุงครรภ์ก็ยังมีอยู่"

น้ำเสียงในตอนท้ายมีการตำหนิเบา ๆ

ครรภ์ของพระชายาฉู่ครั้งนี้ ทุกคนในราชวงศ์ทั้งหมดล้วนกังวลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะองค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วภายในใจรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก

พระชายาจี้กล่าวขอโทษ "บ่าวที่ข้าส่งมานั้นทำงานไม่ได้ความนัก กลับไปก็ไม่ยอมแจ้งสิ่งใด มาในวันนี้จึงไม่ได้จัดเตรียมสิ่งใดมาด้วย"

หยวนชิงหลิงเอ่ย "อย่าได้กังวล ก่อนหน้านี้พระชายาจี้ได้ให้คนส่งเจ้าแม่กวนอิมให้ลูกมาให้ข้าแล้ว มันมีชื่อเสียงและล้ำค่านักข้าชื่นชอบมันมาก"

นางข้าหลวงสี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ใช่เพคะ ถ้าหากเจ้าแม่กวนอิมองค์นั้นไม่มีรอยร้าว เช่นนั้นคงเป็นของชั้นดีจริง ๆ"

องค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกตะลึงเล็กน้อย "เจ้าแม่กวนอิมให้ลูก? เจ้าแม่กวนอิมให้ลูกจะมีรอยร้าวได้อย่างไร? บ่าวรับใช้หกล้มรึ?"

"เป็นบ่าวในจวนที่มือเท้าไม่ระวัง หม่อมฉันลงโทษไปเรียบร้อยแล้วเพคะ" พระชายาจี้กล่าวอย่างเฉยชา

องค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วกล่าวด้วยความโมโห
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 474

    หยวนชิงหลิงมองไปที่พระชายาจี้แล้วกล่าวขอโทษ "พระชายาจี้ไม่ใช่ว่าข้าไม่เต็มใจที่จะมอบยาให้ท่าน แต่ยานั้นไม่เพียงพอที่จะแบ่งให้ทั้งสองคน""มิเป็นไร" ดวงตาทั้งสองข้างของพระชายาจี้นั้นลึกล้ำเป็นพิเศษ "ไม่ทราบว่าใบสั่งยานั้นสามารถที่จะให้ข้าได้หรือไม่? ข้าจะให้คนกลั่นมัน"หืม มาเพื่อสูตรยารึ? คาดเดาผิดจุดประสงค์เสียแล้วโชคดีที่หยวนชิงหลิงเตรียมตัวไว้ก่อนแล้วจึงเอ่ยว่า "ลวี่หยา เจ้าไปนำสมุดเล่มที่อยู่บนโต๊ะมา"ลวี่หยารับคำสั่งแล้วจากไปไม่นานลวี่หยาก็นำสมุดมาให้ หยวนชิงหลิงกล่าว "เอาสมุดให้พระชายาจี้"พระชายาจี้ตกตะลึงเป็นอย่างมาก มอบให้ง่ายดายเช่นนี้เลยรึ?"นี่คือใบสั่งยา?" พระชายาจี้เอ่ยถาม"ใช่แล้ว ข้ากลั่นยาตามสูตรนี้ทั้งหมด" หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้มหลังจากที่พระชายาจี้รับมา ก็เปิดอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทันใดนั้นก็ตกตะลึงจนตาค้าง “นี่มันอะไรกัน?"สิ่งที่เขียนอยู่ในนี้นางอ่านไม่ออกแม้แต่คำเดียว มันคล้ายกับสัญลักษณ์หยวนชิงหลิงกล่าว "นี่คือใบสั่งยา""นี่ไม่ใช่ใบสั่งยา" พระชายาจี้ปิดสมุดลง "พระชายาฉู่เพียงแค่เอ่ยว่าไม่ให้ตรง ๆ ไม่จำเป็นต้องทำแบบส่งเดชเยี่ยงนี้"องค์ห

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 475

    "ถ้ากล่าวว่าไม่มีผลกระทบใด ๆ เลยก็เป็นไปไม่ได้เพคะ คงต้องระวังตัวเองให้มากหน่อย" หยวนชิงหลิงต้องปิดประตูหลังให้แน่นหนาก่อน เพื่อที่องค์หญิงใหญ่จะได้ไม่กลับมาส่งเสริมอีกครั้งคนแก่นั้นเกลี้ยกล่อมได้ง่ายที่สุด และพระชายาจี้นั้นก็ถนัดที่จะแสดงละครให้คนดูนักองค์หญิงใหญ่ถอนหายใจออกมา "เจ้าดูแลตัวเองให้ดีก่อนเถอะ ส่วนเจ้าหกก็มีวาสนาเป็นของตนเอง"หยวนชิงหลิงลองหยั่งเชิงเอ่ยถาม "เป็นเสด็จแม่หลู่ที่บอกท่านว่าหม่อมฉันมียาหรือเพคะ?""วันก่อนคุยกันเรื่อยเปื่อยแล้วเอ่ยถึงอาการป่วยของเจ้าหก นางก็กล่าวว่าโชคดีที่เจ้ามียา ไม่เช่นนั้นนางคงต้องเป็นคนผมขาวส่งคนผมดำแล้ว ข้าเล่าถึงเรื่องของพระชายาจี้ ถึงอย่างไรพระชายาจี้ก็ป่วยเพราะไปดูแลเจ้าหก หลู่เฟยจึงกล่าวว่าจะยอมให้ยา แต่ว่าหลู่เฟยขอค่ายาครั้งละหนึ่งพันตำลึงเงิน พระชายาจี้ซื้อไปสองครั้ง หลังจากนั้นอาจจะมีเงินไม่พอแล้ว จึงขอให้ข้ามากับนางด้วย แล้วให้ถามเจ้าให้เอายาให้ หรือไม่ก็ใบสั่งยามา"หยวนชิงหลิงตกตะลึง "หลู่เฟยเอายาจากไหนให้พระชายาจี้กันเพคะ? ยาที่หม่อมฉันให้เพียงพอแค่ขนาดของอ๋องหวยเท่านั้น"องค์หญิงใหญ่ส่ายหน้า "เรื่องนั้นข้าก็ไม่รู้ แต่ข้า

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 476

    หยวนชิงหลิงกล่าว “ข้าขอตรวจท่านอ๋องหน่อยนะ”อ๋องหวยรีบยกมือห้ามไว้ “มิได้ ได้ยินเสด็จแม่บอกว่าพี่สะใภ้ห้าตั้งครรภ์อยู่ อย่าเข้าใกล้ข้าเลยพ่ะย่ะค่ะ”หยวนชิงหลิงพูด “ไม่เป็นไร โรคของท่านไม่สามารถแพร่เชื้อได้แล้ว เพียงแค่ตรวจเท่านั้นเอง”อ๋องหวยจึงพูดได้แค่ว่า “งั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ ไปหลังฉากบังลมเถอะ”ในห้องโถงมีฉากบังลมกางกั้นไว้อยู่ หยวนชิงหลิงเข้าไปตรวจให้เขาแล้วได้ยินเสียงในปอดที่ดังมากขึ้นอย่างชัดเจนอาการป่วยของเขาหนักกว่าเมื่อก่อนซะอีกหลังจากเขากับหยวนชิงหลิงออกมาจากหลังฉากบังลม นางได้เอ่ยถามว่า “ท่านอ๋องไม่ได้กินยาตรงเวลาทุกวันหรือเพคะ?”“กินสิ ทุกวันข้ากินยา”หยวนชิงหลิงเอ่ยถามต่อ “หนึ่งวันสามครั้ง? ครั้งละแปดเม็ด?”หลู่เฟยยิ้มและกล่าวว่า “หนึ่งวันหนึ่งครั้ง ยาพวกนี้กินมากไม่ดี ตอนนี้เขาเองก็ดีขึ้นมากแล้ว และอีกทั้งหลังจากที่เขาลดยาแล้ว เขาบอกว่ารู้สึกมีแรงขึ้นมาก”หยวนชิงหลิงที่ได้ยินก็โกรธ อย่างไรก็ตามนางก็คือผู้อาวุโสกว่า จึงทำได้แค่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ลดยามานานเท่าไหร่แล้วเพคะ? ลดยาไปมากน้อยแค่ไหน? ลดยาชนิดไหนบ้าง?”องค์หญิงใหญ่ฉางกล่าว “ขายให้พระชายาจี้ไปแล้ว”

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 477

    หลู่เฟยมองนางอย่างขุ่นเคืองและพูดอย่างไม่พอใจว่า “ดูเจ้าสิ จะโกรธขนาดนั้นเชียวหรือ? เจ้าจำไม่ได้แล้วรึว่านางสังให้มือสังหารมาทำร้ายเจ้า...ไม่สิ อีกนิดเดียวก็เกือบจะฆ่าเจ้าแล้ว? เจ้ายังสงสารไว้ชีวิตนางอีก นางเกลียดเจ้าจะเป็นจะตาย เจ้ามันพระโพธิสัตว์จอมปลอมจริง ๆ”หยวนชิงหลิงโกรธจนกระทืบเท้า “ใครสงสารชีวิตนางกัน? ข้าสงสารชีวิตของอ๋องหวย ท่านยังจำได้ไหมว่าข้าเคยบอกท่านว่าไม่สามารถหยุดยาได้? ตอนนี้ท่านกลับให้อ๋องหวยหยุดยาด้วยตัวเอง ท่านจะทำร้ายเขาจนตาย”หลู่เฟยตกใจ และรีบกล่าวว่า “ไม่นะ เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าเขาดีขึ้นมากแล้ว? เจ้าบอกว่าไม่สามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้แล้ว ไม่สามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้แล้วก็หายดีแล้วน่ะสิ ใช่ไหม?”หยวนชิงหลิงพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “เขาแค่ไม่สามารถแพร่เชื้อ แต่ไม่ได้หมายความว่าอาการป่วยจะหายดี เขาไม่สามารถหยุดยาได้ ท่านให้เขาหยุดยาไปมากน้อยแค่ไหน? หยุดยาไปแล้วกี่วัน? พูดตามตรงนะเพคะ!”หลู่เฟยตื่นตระหนก “ไม่กี่วัน ประมาณสามสี่วันหรือสี่ห้าวัน ก็ไม่ใช่ไม่กินเลย แค่กินน้อยลง คงไม่เป็นอันใดใช่ไหม?”“ท่านว่าไงนะ? ไม่เห็นหรือว่าตอนนี้เขาไออีกแล้ว? ไม่รู้สึกหรื

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 478

    อวี่เหวินห่าวเองไม่ได้คัดค้านนาง แต่ว่าเขาก็ยังรู้สึกไม่วางใจ แม้ว่าหยวนชิงหลิงจะใส่ชุดเกราะออกจากบ้านทุกวัน เขาก็ยังไม่วางใจอยู่ดีเขาคิดแล้วคิดอีก “เอาเป็นว่า ข้าจะเข้าวังไปเข้าเฝ้าไท่ซ่างหวง ไปขอยืมตัวองค์รักษ์เงาสักสองคน มาแอบปกป้องเจ้าอย่างลับ ๆ”หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ต้องถึงขนาดนี้เลยรึ?”“ต้องขนาดนี้ถึงจะดี!” ท่าทางอวี่เหวินห่าวจริงจังมากหยวนชิงหลิงยักไหล่ “ตามที่ท่านชอบเถอะ”นางเชื่อในตัวอาซื่อมาก และอีกทั้งยังมีซูยี่อยู่อีกด้วยมิใช่หรือ?อวี่เหวินห่าวไม่เชื่อในตัวอาซื่อและซูยี่เลยสักนิด เพราะว่าพวกเขาทั้งคู่เป็นคนประเภทเดียวกัน ประมาทเลินเล่อ ไม่ค่อยระมัดระวังและยังเชื่อคนง่าย มักตกเป็นเป้าดึงดูดได้ง่ายแต่องค์รักษ์เงาไม่เหมือนกันทั้งสองเอนตัวนอนลง ฝ่ามือใหญ่ของอวี่เหวินห่าวลูบลงบนท้องน้อยของนาง และถามด้วยความสงสัยว่า “เจ้าคิดว่าเขาทำอะไรอยู่ข้างในรึ?”“นอนหลับอยู่สิ!” หยวนชิงหลิงบอกเขา“งั้นคุยกันสักครู่แล้วค่อยนอนเถอะ” อวี่เหวินห่าวพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ “เจ้าง่วงมากไหม?”ไม่รู้ว่าเขาจะมีสักวันหนึ่ง ที่ถูกทอดทิ้ง ไม่สามารถพูดคุยได้แล้วหรือไม่?หยวนชิงหลิงพลิกตัวมามอ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 479

    อวี่เหวินห่าวก็เอ่ยถามนางด้วยว่า “แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าหวังว่าจะเป็นลูกชายหรือลูกสาว?”หยวนชิงหลิงที่ไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็กล่าวว่า “ข้าหวังว่าจะเป็นลูกชาย”“โอ้? เมื่อก่อนเจ้าเองก็เคยบอกไม่ใช่รึว่าชอบลูกสาว?”หยวนชิงหลิงกล่าวว่า “ตราบใดที่ข้าคลอดออกมา ลูกชายหรือลูกสาวข้าก็ชอบทั้งนั้น เป็นพ่อแม่ไม่สามารถรักได้น้อยลงหรือรักมากกว่าเพราะเพศของลูกหรอก”“งั้นทำไมเจ้าถึงบอกว่าหวังจะเป็นลูกชายกัน?” อวี่เหวินห่าวคิดว่าคงไม่ต่างกับเหตุผลของเขาแน่ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆหยวนชิงหลิงกล่าวเสียงแผ่วเบาว่า "เพราะในยุคสมัยนี้ไม่ค่อยเป็นมิตรกับสตรีนัก ชีวิตสตรีอยู่ในมือของบุรุษ มีสตรีจํานวนน้อยคนนักที่จะต่อต้านได้ เว้นแต่ว่าท่านจะแข็งแกร่งพอ แต่ในยุคนี้ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงมีอำนาจโดยง่าย”อวี่เหวินห่าวตกใจเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของนาง"ความสุขของสตรีส่วนใหญ่ก็วัดจากการแต่งงาน เมื่อแต่งดี สามีก็มีอํานาจ มีผู้คนมากมายที่อิจฉา ไม่สนใจว่านางจะเผชิญหน้ากับพ่อสามีหรือแม่สามีหรือไม่ การแย่งชิงความโปรดปรานของอนุภรรยา พวกนางให้กําเนิดบุตร ดูแลเรื่องครอบครัว ปรนนิบัติแม่สามี จัดให้สามีแต่งพร

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 480

    วันถัดมาพอมีเวลาว่างอวี่เหวินห่าวก็รีบเข้าวังไปถวายพระพรไท่ซ่างหวงทันทีจะมาขอให้คนช่วย จะมามือเปล่าไม่ได้ เหตุผลข้อนี้เขาเข้าใจดีเขาไปวนรอบถนนคนเดินมารอบเพราะเป็นเวลากระชั้นจริง ๆ จึงซื้อพวกใบยาสูบชั้นดีมาหลายก้อนแล้วจึงรีบเข้าวังไปไท่ซ่างหวงเหลือบตามองก้อนใบยาสูบชั้นดีเหล่านั้น แล้วเรียกถามฉางกงกงถึงยาสูบที่เซียวเหยากงให้เขามา เมื่อเอาทั้งสองชนิดมาเปรียบเทียบกันแล้ว ใบยาสูบชั้นดีเหล่านั้นก็กลายเป็นตะกรันไปในทันทีอวี่เหวินห่าวพูดอย่างไร้ยางอายว่า “ใบยาสูบไม่สามารถแยกได้ด้วยแค่ดูสี ดมกลิ่น หรือดูด้วยสายตาได้เพียงอย่างเดียวพ่ะย่ะค่ะ”“งั้นดูยังไง?” ไท่ซ่างหวงเอ่ยถาม“ดูด้วยน้ำใจพ่ะย่ะค่ะ” อวี่เหวินห่าวก้าวไปข้างหน้าโค้งตัวลงห่อไหล่ประจบ “เสด็จปู่ดูสิ นี่เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของหลาน ยังไงเสด็จปู่ก็ต้องรับไว้ อีกทั้งเหล่าหยวนบอกว่า คนแก่สูบมากไม่ดี ถ้าใบยาสูบไม่ดี พระองค์ก็จะสูบน้อยลง ทำให้สุขภาพพลามัยเสด็จปู่ก็จะดีขึ้น””ไม่ต้องมาอ้อมค้อมเลย พูดมา มีเรื่องอะไร?” ไท่ซ่างหวงถามอย่างเย็นชา ตอนนี้ได้แต่งภรรยาแล้วเปลี่ยนไปดูสบาย ๆ ไม่ได้จริงจังขึ้นมา แต่ว่าก็ดีกว่าเมื่อก่อน อายุยั

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 481

    หยวนชิงหลิงคิดว่าการเข้าไปพัวพันแบบนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหา จึงเอ่ยว่า “เข้ามาเถอะ มีอะไรครั้งนี้พูดให้ชัดเจน”หลังจากที่นางกลับมาถึงบ้าน นางก็กินกรดโฟลิกและสวมหน้ากากอนามัยเพื่อไปพบพระชายาจี้“เจ้าบอกให้คนของเจ้าออกไปก่อน ข้าจะคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัว” พระชายาจี้มองในห้องมีอาซื่อและนางข้าหลวงสี่ยืนอยู่จึงพูดเสียงเบา“ไม่ พวกเราไม่ออกไป” อาซื่อกล่าวพระชายาจี้มองหยวนชิงหลิงและยิ้มอย่างเฉยชา “หรือว่าเจ้าสงสัยว่าข้าในตอนนี้ยังจะสามารถทำร้ายเจ้าอีกหรือ? ข้าเดินไม่ได้มานานแล้ว”“อาซื่อ โมโม่ พวกท่านรออยู่ที่หน้าประตู” หยวนชิงหลิงกล่าว“พระชายา!” นางข้าหลวงสี่คิดว่าระวังไว้ก่อนเป็นการดีที่สุด“ไม่เป็นไรหรอก ไปเถอะ” หยวนชิงหลิงพูดอย่างเรียบเฉย “เรียกตัวเป่าเข้ามา”ได้ยินว่าให้ตัวเป่ามา นางข้าหลวงสี่ถึงได้วางใจได้สุนัขศักดิ์สิทธิ์อย่างตัวเป่าถูกจูงเข้ามานอนหมอบอยู่ข้างขาหยวนชิงหลิง และจ้องมองพระชายาจี้อย่างจริงจังพระชายาจี้ยิ้มและกล่าวว่า “เตรียมพร้อมเสียขนาดนี้ ก็คู่ควรกับข้าแล้ว”“ต้องคู่ควรอยู่แล้ว ข้าเคยประสบพบเจอการวิธีการลงมือของพระชายาจี้ วันนี้พวกเราไม่ต้องพูดพล่ามทําเพลง แล้

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status