วันถัดมาพอมีเวลาว่างอวี่เหวินห่าวก็รีบเข้าวังไปถวายพระพรไท่ซ่างหวงทันทีจะมาขอให้คนช่วย จะมามือเปล่าไม่ได้ เหตุผลข้อนี้เขาเข้าใจดีเขาไปวนรอบถนนคนเดินมารอบเพราะเป็นเวลากระชั้นจริง ๆ จึงซื้อพวกใบยาสูบชั้นดีมาหลายก้อนแล้วจึงรีบเข้าวังไปไท่ซ่างหวงเหลือบตามองก้อนใบยาสูบชั้นดีเหล่านั้น แล้วเรียกถามฉางกงกงถึงยาสูบที่เซียวเหยากงให้เขามา เมื่อเอาทั้งสองชนิดมาเปรียบเทียบกันแล้ว ใบยาสูบชั้นดีเหล่านั้นก็กลายเป็นตะกรันไปในทันทีอวี่เหวินห่าวพูดอย่างไร้ยางอายว่า “ใบยาสูบไม่สามารถแยกได้ด้วยแค่ดูสี ดมกลิ่น หรือดูด้วยสายตาได้เพียงอย่างเดียวพ่ะย่ะค่ะ”“งั้นดูยังไง?” ไท่ซ่างหวงเอ่ยถาม“ดูด้วยน้ำใจพ่ะย่ะค่ะ” อวี่เหวินห่าวก้าวไปข้างหน้าโค้งตัวลงห่อไหล่ประจบ “เสด็จปู่ดูสิ นี่เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของหลาน ยังไงเสด็จปู่ก็ต้องรับไว้ อีกทั้งเหล่าหยวนบอกว่า คนแก่สูบมากไม่ดี ถ้าใบยาสูบไม่ดี พระองค์ก็จะสูบน้อยลง ทำให้สุขภาพพลามัยเสด็จปู่ก็จะดีขึ้น””ไม่ต้องมาอ้อมค้อมเลย พูดมา มีเรื่องอะไร?” ไท่ซ่างหวงถามอย่างเย็นชา ตอนนี้ได้แต่งภรรยาแล้วเปลี่ยนไปดูสบาย ๆ ไม่ได้จริงจังขึ้นมา แต่ว่าก็ดีกว่าเมื่อก่อน อายุยั
หยวนชิงหลิงคิดว่าการเข้าไปพัวพันแบบนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหา จึงเอ่ยว่า “เข้ามาเถอะ มีอะไรครั้งนี้พูดให้ชัดเจน”หลังจากที่นางกลับมาถึงบ้าน นางก็กินกรดโฟลิกและสวมหน้ากากอนามัยเพื่อไปพบพระชายาจี้“เจ้าบอกให้คนของเจ้าออกไปก่อน ข้าจะคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัว” พระชายาจี้มองในห้องมีอาซื่อและนางข้าหลวงสี่ยืนอยู่จึงพูดเสียงเบา“ไม่ พวกเราไม่ออกไป” อาซื่อกล่าวพระชายาจี้มองหยวนชิงหลิงและยิ้มอย่างเฉยชา “หรือว่าเจ้าสงสัยว่าข้าในตอนนี้ยังจะสามารถทำร้ายเจ้าอีกหรือ? ข้าเดินไม่ได้มานานแล้ว”“อาซื่อ โมโม่ พวกท่านรออยู่ที่หน้าประตู” หยวนชิงหลิงกล่าว“พระชายา!” นางข้าหลวงสี่คิดว่าระวังไว้ก่อนเป็นการดีที่สุด“ไม่เป็นไรหรอก ไปเถอะ” หยวนชิงหลิงพูดอย่างเรียบเฉย “เรียกตัวเป่าเข้ามา”ได้ยินว่าให้ตัวเป่ามา นางข้าหลวงสี่ถึงได้วางใจได้สุนัขศักดิ์สิทธิ์อย่างตัวเป่าถูกจูงเข้ามานอนหมอบอยู่ข้างขาหยวนชิงหลิง และจ้องมองพระชายาจี้อย่างจริงจังพระชายาจี้ยิ้มและกล่าวว่า “เตรียมพร้อมเสียขนาดนี้ ก็คู่ควรกับข้าแล้ว”“ต้องคู่ควรอยู่แล้ว ข้าเคยประสบพบเจอการวิธีการลงมือของพระชายาจี้ วันนี้พวกเราไม่ต้องพูดพล่ามทําเพลง แล้
อวี่เหวินห่าวกลัวว่านางจะไปคุยกับพระชายาจี้อีก จึงกล่าวย้ำอีกครั้งว่า “ถ้านางยังมาอีก เจ้าก็ไม่อยากไปพบเจอ สรุปก็คือ พวกเราไม่ไปยุ่งกับคนของจวนอ๋องจี้” เขาคิดดีแล้ว ไม่สนว่าเสด็จพ่อตอนนี้จะคิดเห็นอย่างไรหรือมีความคาดหวังอย่างไรกับพี่ใหญ่ เขาไม่สนทั้งนั้นตอนนี้เรื่องที่ควรใส่ใจที่สุดคือเรื่องนางกับลูก เรื่องอื่น ๆ ไว้รอให้นางคลอดลูกออกมาก่อนค่อยว่ากัน“ข้ารู้แล้ว ใช่แล้ว เรื่องคดีเป็นอย่างไรบ้าง?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถามอวี่เหวินห่าวช่วงนี้ออกไปแต่เช้ากลับมาก็ค่ำมืด เพื่อพยายามหาเบาะแสเรื่องเมืองถิงเจียง สำหรับคดีนี้แม้ว่าเขาจะเพิ่งพักฟื้นหายดีจากเรื่องในวัง คนของสำนักผู้ตรวจการล้วนจัดการได้อย่างไม่มีผิดพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถังหยาง ช่วงนี้หายไปไม่เห็นแม้แต่เงา คิดว่าต้องยุ่งอยู่กับเรื่องนี้เป็นแน่อวี่เหวินห่าวกล่าวว่า “ความผิดของโม่เหวินได้รับการตัดสินไปแล้ว แต่หัวจะขาดหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับเขาจะยอมสารภาพออกมาว่ามีกี่คน”“โม่เหวินคนนี้ เป็นลูกพี่ลูกน้องของพระชายาจี้ใช่หรือไม่?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม“ใช่แล้ว ข้าได้สืบสวนแล้ว หลายปีมานี้ โม่เหวินได้ทำการส่งเงินสินบนไปให้จวนอ๋องจี้ไ
หยวนชิงหลิงเลี่ยงที่จะไม่พบนาง จึงให้นางข้าหลวงสี่ไปพูดแทนนางนางข้าหลวงสี่ออกไปพูดกับพระชายาจี้ว่า “พระชายาจี้ วันนี้พระชายาฉู่รู้สึกง่วงนอนเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงไม่สะดวกที่จะออกมาพบท่าน จึงเรียกฝากให้บ่าวออกมาบอกกับท่านว่า นางมิอาจช่วยได้ ขอให้ท่านโปรดรักษาตัว ไม่ต้องมาที่นี่อีกเจ้าค่ะ”พระชายาจี้ค่อย ๆ ขมวดคิ้ว และยิ้มออกมาอย่างเย็นเยือก “เมื่อคนตกต่ำย่อมมีคนเหยียบซ้ำ ไม่คิดเลยว่าพระชายาฉู่เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ฝากไปบอกนางด้วย ไม่เป็นมิตรก็เป็นศัตรู คนใกล้ตายไม่มีอะไรต้องกลัว ขอให้นางระวังตัวด้วย”พูดจบ นางก็ลากสังขารอันเหนื่อยล้าของนางจากไปนางข้าหลวงสี่นำคำพูดฝากมาให้หยวนชิงหลิงฟัง และกล่าวด้วยความกังวลใจว่า “พระชายา พระชายาจี้คนนี้จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต ถ้านางรู้ตัวว่าตัวนางเองมาถึงทางตันแล้ว ต้องไม่มีทางปล่อยมือท่าน นางต้องลงมือจัดการท่านทุกวิถีทางแน่”หยวนชิงหลิงพูดอย่างแค้นเคือง “นางเป็นสุนัขบ้า!”ตัวเป่าไม่พอใจจึงเห่าโฮ่งเรียกหยวนชิงหลิงรีบเข้าไปปลอบ “ไม่ได้พูดถึงเจ้า อย่าโวยวายสิ”ตัวเป่าหมอบลงครางเสียงหงิงด้วยความน้อยใจหยวนชิงหลิงหยิบกล่องยาออกมาด้วยความโกรธแล้ววางล
หลังจากถามนางข้าหลวงสี่แล้ว อวี่เหวินห่าวกลับไปพาหยวนชิงหลิงออกไปเดินเล่นในสวนหยวนชิงหลิงอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด อวี่เหวินห่าวจูงมือนางไปเดิน ดูเหมือนนางไม่อยากขยับเท้าเดินสักเท่าไหร่”เหนื่อยมากรึ?” อวี่เหวินห่าวประคองนางนั่งลงที่ศาลาลมแรงเล็กน้อย เขาหยิบเสื้อคลุมกันลมมาสวมให้นาง “จะกลับเลยไหม?”หยวนชิงหลิงส่ายหน้า และดึงตัวเขาเขาให้นั่งลง หลังจากนั้นก็ล้วงแขนเสื้อหยิบกล่องยาออกมา กล่องยาก็เปลี่ยนเป็นขนาดใหญ่ขึ้น นางเปิดออกและผลักมันไปทางอวี่เหวินห่าว “ท่านดูสิ”อวี่เหวินห่าวเข้าไปดูใกล้ ๆ “ดูอะไรงั้นรึ?”ข้าวของพวกนี้เขาไม่เข้าใจมันเลย แม้แต่ตัวอักษรบนกล่อง เขาก็ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เข้าใจทั้งนั้น หยวนชิงหลิงหยิบยาออกมาทีละกล่อง ยิ่งเอาออกมามากเท่าไหร่ นางนับแบ่งได้หลายอย่าง ในท้ายที่สุด สายตาก็เห็นกล่องแว่นอันหนึ่ง นางหยิบกล่องแว่นออกมา ยังมีชั้นวางของอยู่ชั้นล่างแต่ว่าชั้นนั้นถูกล็อกไว้อยู่ อวี่เหวินห่าวตกตะลึงจนพูดไม่ออก“เจ้า...กล่องของเจ้าไม่ได้ใหญ่เลย แต่ทำไมถึงเก็บของมากมายได้ถึงเพียงนี้?”หยวนชิงหลิงที่ถูกเขาเรียกสติ เพิ่งได้ตกใจเมื่อได้เห็น
ในสมองของหยวนชิงหลิงนึกออกมาได้แค่คนหนึ่ง คือตัวนางเอง?แต่ว่านางก็ตกใจขึ้นมาทันที เป็นไม่ได้ เพราะว่าถ้าเป็นนาง นางไม่คิดช่วยพระชายาจี้อย่างยิ่ง จิตใต้สำนึกไม่สามารถจัดยาได้มากมายขนาดนี้ นอกจากนี้ พวกยาที่นางต้องการใช้ช่วยเหลือองค์ชายแปดก่อนหน้านี้ กล่องยาก็ไม่มีปรากฏออกมาดังนั้นนางจึงคิดว่าคนที่ควบคุมกล่องยาไม่น่าจะใช่นางตอนนี้นางอยากกลับไปฝันถึงห้องทดลองอีกครั้ง เพื่อไปศึกษาวิจัยอีกสักครั้งว่าทำไมกล่องยาถึงได้เปลี่ยนแปลงกลายเป็นแบบนี้แต่ว่าช่วงนี้นางนอนหลับสบาย ไม่ฝันอะไรเลยวันรุ่งขึ้นยามเช้า พวกเขาไปจวนอ๋องหวยก่อน หลังจากนั้นก็นั่งรถม้าไปที่วัดฮูกั๋ว“เมื่อคืนวาน ข้าหยิบยาออกมาให้ท่านดู มียาบางชนิดที่ใช้รักษาอาการป่วยของอ๋องหวย” หยวนชิงหลิงคิดใคร่ครวญอยู่นาน และอดพูดไม่ได้“อืม” อวี่เหวินห่าวพยักหน้า “มีเยอะขนาดนั้น น่าจะพอให้เขาใช้หรือไม่?”หยวนชิงหลิงพูดอย่างคลุมเครือว่า “ใช่แล้ว สำหรับพระชายาจี้ก็เพียงพอด้วย”อวี่เหวินห่าวมองนางอย่างคาดไม่ถึง “อะไรนะ?”หยวนชิงหลิงมองเขาอย่างหวาดกลัว “ข้ารับรองได้ ข้าไม่ได้คิดช่วยนางเลย ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ ๆ ในกล่องย
หยวนชิงหลิงซบบนไหล่ของเขา ฟังเขาพูดเช่นนั้น ร่างกายโยกเยกไปตามจังหวะของรถม้าที่ควบอยู่ “ตกลง!”“ข้าจัดการคดีนี้เสร็จ ข้าจะพาเจ้าออกจากเมืองหลวงไปท่องเที่ยวทันที ส่วนงานที่จวนจิ้งเป่า ข้าก็จะไม่ทำแล้ว ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าเจ้าอีก” อวี่เหวินห่าวกล่าว“ไม่ได้!” หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมามองเขาทันที “ข้ากับงานของท่านไม่ได้มีความขัดแย้งกันเลย ท่านก็ไปทำงานตามปกติ ส่วนข้าก็จะอยู่ในบ้านบำรุงครรภ์นี้ ทุกอย่างเหมือนเดิมตามปกติ”“ไม่ ข้าจะออกจากเมืองหลวง รอลูกเกิดมาก่อนค่อยกลับมา” บางทีรอให้พระชายาจี้ตายไปเสียก่อน แล้วเราค่อยกลับมาเขาไม่อาจเสี่ยงได้อีก ก่อนหน้านั้นนางถูกคนลอบสังหารเกือบตาย ความหวาดกลัวแบบนั้น เขาจนถึงตอนนี้เมื่อนึกขึ้นมาก็กลัวจนใจเต้นรัวไปหมด มือเท้าเขาเย็นจนแทบไม่มีแรง ความหวาดกลัวแบบนี้ สามารถกลืนกินความกล้าหาญและเชื่อมั่นของคนได้วันนั้นทุกอย่างช่างเงียบสงบเป็นอย่างมาก คลื่นลมสงบ แสงแดดก็ดี แต่ช่วงเวลาแห่งความสงบสุข ก็จะเปลี่ยนกลับสลับขั้วเป็นเลวร้ายได้อีกทั้งตอนนี้ ก็มีคลื่นซัดถาโถมอยู่รอบด้าน หากเกิดอะไรขึ้น จะมีใครที่ไหนช่วยเขาได้บ้าง?เขาจะไม่เสี่ยงอย่างแน่นอน ต่อ
นางฝันได้แปลกจริง ๆ เพียงแต่การสั่งสอนของจวนเสนาจิ้งนี่มันยังไงกัน นางถึงได้มีความใฝ่ฝันที่แปลกประหลาดเช่นนี้“ใช่แล้ว อย่างไรก็ตามความฝันนี้ถูกทำให้ล่าช้ามาโดยตลอด แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว เพราะข้ามีท่านอยู่แบบนี้”อวี่เหวินห่าวรู้สึกว่าตัวเองยิ่งไม่เข้าใจนางขึ้นเรื่อย ๆนางเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจริง ๆ“เจ้าบอกว่าบนโลกใบนี้ไม่มีผีจริงรึ?” อวี่เหวินห่าวเอ่ยถามหยวนชิงหลิงเงยหน้ามองเขา “จู่ ๆ ทำไมถึงถามเช่นนี้?”“ข้าแค่รู้สึกว่าถึงรูปลักษณ์เจ้าจะไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่ในใจเจ้า ความคิดเจ้า เนื้อในทั้งหมดล้วนเปลี่ยนไปทั้งหมด” อวี่เหวินห่าวมองนาง ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยหยวนชิงหลิงหัวเราะและกล่าวว่า “ข้าไม่เชื่อว่ามีผีบนโลกใบนี้ ที่ไหนมีผีกัน? อย่างน้อยท่านกับข้าคงไม่เคยเจอ ได้เห็นด้วยตาสิคือความจริง ไม่ใช่การคาดเดาส่งเดช”อวี่เหวินห่าวมองนาง “ข้าทำไมรู้สึกว่าเจ้าหัวเราะเหมือนทำอะไรผิดมา?”หยวนชิงหลิงผลักเขา “อย่ามาแกล้งกันหน่อยเลย ข้ารึทำอะไรผิดมา? พูดเรื่องผิดทำผิดอะไรมากัน?”“ข้ายังรู้สึกว่าเจ้ามีเรื่องปิดบังข้าจริง ๆ” อวี่เหวินห่าวตอนนี้ค่อนข้างแน่ใจมาก หัวใจเขาเต้นแ