Share

บทที่ 483

Author: จูน
last update Last Updated: 2021-10-16 19:00:00
หยวนชิงหลิงเลี่ยงที่จะไม่พบนาง จึงให้นางข้าหลวงสี่ไปพูดแทนนาง

นางข้าหลวงสี่ออกไปพูดกับพระชายาจี้ว่า “พระชายาจี้ วันนี้พระชายาฉู่รู้สึกง่วงนอนเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงไม่สะดวกที่จะออกมาพบท่าน จึงเรียกฝากให้บ่าวออกมาบอกกับท่านว่า นางมิอาจช่วยได้ ขอให้ท่านโปรดรักษาตัว ไม่ต้องมาที่นี่อีกเจ้าค่ะ”

พระชายาจี้ค่อย ๆ ขมวดคิ้ว และยิ้มออกมาอย่างเย็นเยือก “เมื่อคนตกต่ำย่อมมีคนเหยียบซ้ำ ไม่คิดเลยว่าพระชายาฉู่เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ฝากไปบอกนางด้วย ไม่เป็นมิตรก็เป็นศัตรู คนใกล้ตายไม่มีอะไรต้องกลัว ขอให้นางระวังตัวด้วย”

พูดจบ นางก็ลากสังขารอันเหนื่อยล้าของนางจากไป

นางข้าหลวงสี่นำคำพูดฝากมาให้หยวนชิงหลิงฟัง และกล่าวด้วยความกังวลใจว่า “พระชายา พระชายาจี้คนนี้จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต ถ้านางรู้ตัวว่าตัวนางเองมาถึงทางตันแล้ว ต้องไม่มีทางปล่อยมือท่าน นางต้องลงมือจัดการท่านทุกวิถีทางแน่”

หยวนชิงหลิงพูดอย่างแค้นเคือง “นางเป็นสุนัขบ้า!”

ตัวเป่าไม่พอใจจึงเห่าโฮ่งเรียก

หยวนชิงหลิงรีบเข้าไปปลอบ “ไม่ได้พูดถึงเจ้า อย่าโวยวายสิ”

ตัวเป่าหมอบลงครางเสียงหงิงด้วยความน้อยใจ

หยวนชิงหลิงหยิบกล่องยาออกมาด้วยความโกรธแล้ววางล
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 484

    หลังจากถามนางข้าหลวงสี่แล้ว อวี่เหวินห่าวกลับไปพาหยวนชิงหลิงออกไปเดินเล่นในสวนหยวนชิงหลิงอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด อวี่เหวินห่าวจูงมือนางไปเดิน ดูเหมือนนางไม่อยากขยับเท้าเดินสักเท่าไหร่”เหนื่อยมากรึ?” อวี่เหวินห่าวประคองนางนั่งลงที่ศาลาลมแรงเล็กน้อย เขาหยิบเสื้อคลุมกันลมมาสวมให้นาง “จะกลับเลยไหม?”หยวนชิงหลิงส่ายหน้า และดึงตัวเขาเขาให้นั่งลง หลังจากนั้นก็ล้วงแขนเสื้อหยิบกล่องยาออกมา กล่องยาก็เปลี่ยนเป็นขนาดใหญ่ขึ้น นางเปิดออกและผลักมันไปทางอวี่เหวินห่าว “ท่านดูสิ”อวี่เหวินห่าวเข้าไปดูใกล้ ๆ “ดูอะไรงั้นรึ?”ข้าวของพวกนี้เขาไม่เข้าใจมันเลย แม้แต่ตัวอักษรบนกล่อง เขาก็ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เข้าใจทั้งนั้น หยวนชิงหลิงหยิบยาออกมาทีละกล่อง ยิ่งเอาออกมามากเท่าไหร่ นางนับแบ่งได้หลายอย่าง ในท้ายที่สุด สายตาก็เห็นกล่องแว่นอันหนึ่ง นางหยิบกล่องแว่นออกมา ยังมีชั้นวางของอยู่ชั้นล่างแต่ว่าชั้นนั้นถูกล็อกไว้อยู่ อวี่เหวินห่าวตกตะลึงจนพูดไม่ออก“เจ้า...กล่องของเจ้าไม่ได้ใหญ่เลย แต่ทำไมถึงเก็บของมากมายได้ถึงเพียงนี้?”หยวนชิงหลิงที่ถูกเขาเรียกสติ เพิ่งได้ตกใจเมื่อได้เห็น

    Last Updated : 2021-10-16
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 485

    ในสมองของหยวนชิงหลิงนึกออกมาได้แค่คนหนึ่ง คือตัวนางเอง?แต่ว่านางก็ตกใจขึ้นมาทันที เป็นไม่ได้ เพราะว่าถ้าเป็นนาง นางไม่คิดช่วยพระชายาจี้อย่างยิ่ง จิตใต้สำนึกไม่สามารถจัดยาได้มากมายขนาดนี้ นอกจากนี้ พวกยาที่นางต้องการใช้ช่วยเหลือองค์ชายแปดก่อนหน้านี้ กล่องยาก็ไม่มีปรากฏออกมาดังนั้นนางจึงคิดว่าคนที่ควบคุมกล่องยาไม่น่าจะใช่นางตอนนี้นางอยากกลับไปฝันถึงห้องทดลองอีกครั้ง เพื่อไปศึกษาวิจัยอีกสักครั้งว่าทำไมกล่องยาถึงได้เปลี่ยนแปลงกลายเป็นแบบนี้แต่ว่าช่วงนี้นางนอนหลับสบาย ไม่ฝันอะไรเลยวันรุ่งขึ้นยามเช้า พวกเขาไปจวนอ๋องหวยก่อน หลังจากนั้นก็นั่งรถม้าไปที่วัดฮูกั๋ว“เมื่อคืนวาน ข้าหยิบยาออกมาให้ท่านดู มียาบางชนิดที่ใช้รักษาอาการป่วยของอ๋องหวย” หยวนชิงหลิงคิดใคร่ครวญอยู่นาน และอดพูดไม่ได้“อืม” อวี่เหวินห่าวพยักหน้า “มีเยอะขนาดนั้น น่าจะพอให้เขาใช้หรือไม่?”หยวนชิงหลิงพูดอย่างคลุมเครือว่า “ใช่แล้ว สำหรับพระชายาจี้ก็เพียงพอด้วย”อวี่เหวินห่าวมองนางอย่างคาดไม่ถึง “อะไรนะ?”หยวนชิงหลิงมองเขาอย่างหวาดกลัว “ข้ารับรองได้ ข้าไม่ได้คิดช่วยนางเลย ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ ๆ ในกล่องย

    Last Updated : 2021-10-16
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 486

    หยวนชิงหลิงซบบนไหล่ของเขา ฟังเขาพูดเช่นนั้น ร่างกายโยกเยกไปตามจังหวะของรถม้าที่ควบอยู่ “ตกลง!”“ข้าจัดการคดีนี้เสร็จ ข้าจะพาเจ้าออกจากเมืองหลวงไปท่องเที่ยวทันที ส่วนงานที่จวนจิ้งเป่า ข้าก็จะไม่ทำแล้ว ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าเจ้าอีก” อวี่เหวินห่าวกล่าว“ไม่ได้!” หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมามองเขาทันที “ข้ากับงานของท่านไม่ได้มีความขัดแย้งกันเลย ท่านก็ไปทำงานตามปกติ ส่วนข้าก็จะอยู่ในบ้านบำรุงครรภ์นี้ ทุกอย่างเหมือนเดิมตามปกติ”“ไม่ ข้าจะออกจากเมืองหลวง รอลูกเกิดมาก่อนค่อยกลับมา” บางทีรอให้พระชายาจี้ตายไปเสียก่อน แล้วเราค่อยกลับมาเขาไม่อาจเสี่ยงได้อีก ก่อนหน้านั้นนางถูกคนลอบสังหารเกือบตาย ความหวาดกลัวแบบนั้น เขาจนถึงตอนนี้เมื่อนึกขึ้นมาก็กลัวจนใจเต้นรัวไปหมด มือเท้าเขาเย็นจนแทบไม่มีแรง ความหวาดกลัวแบบนี้ สามารถกลืนกินความกล้าหาญและเชื่อมั่นของคนได้วันนั้นทุกอย่างช่างเงียบสงบเป็นอย่างมาก คลื่นลมสงบ แสงแดดก็ดี แต่ช่วงเวลาแห่งความสงบสุข ก็จะเปลี่ยนกลับสลับขั้วเป็นเลวร้ายได้อีกทั้งตอนนี้ ก็มีคลื่นซัดถาโถมอยู่รอบด้าน หากเกิดอะไรขึ้น จะมีใครที่ไหนช่วยเขาได้บ้าง?เขาจะไม่เสี่ยงอย่างแน่นอน ต่อ

    Last Updated : 2021-10-16
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 487

    นางฝันได้แปลกจริง ๆ เพียงแต่การสั่งสอนของจวนเสนาจิ้งนี่มันยังไงกัน นางถึงได้มีความใฝ่ฝันที่แปลกประหลาดเช่นนี้“ใช่แล้ว อย่างไรก็ตามความฝันนี้ถูกทำให้ล่าช้ามาโดยตลอด แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว เพราะข้ามีท่านอยู่แบบนี้”อวี่เหวินห่าวรู้สึกว่าตัวเองยิ่งไม่เข้าใจนางขึ้นเรื่อย ๆนางเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจริง ๆ“เจ้าบอกว่าบนโลกใบนี้ไม่มีผีจริงรึ?” อวี่เหวินห่าวเอ่ยถามหยวนชิงหลิงเงยหน้ามองเขา “จู่ ๆ ทำไมถึงถามเช่นนี้?”“ข้าแค่รู้สึกว่าถึงรูปลักษณ์เจ้าจะไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่ในใจเจ้า ความคิดเจ้า เนื้อในทั้งหมดล้วนเปลี่ยนไปทั้งหมด” อวี่เหวินห่าวมองนาง ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยหยวนชิงหลิงหัวเราะและกล่าวว่า “ข้าไม่เชื่อว่ามีผีบนโลกใบนี้ ที่ไหนมีผีกัน? อย่างน้อยท่านกับข้าคงไม่เคยเจอ ได้เห็นด้วยตาสิคือความจริง ไม่ใช่การคาดเดาส่งเดช”อวี่เหวินห่าวมองนาง “ข้าทำไมรู้สึกว่าเจ้าหัวเราะเหมือนทำอะไรผิดมา?”หยวนชิงหลิงผลักเขา “อย่ามาแกล้งกันหน่อยเลย ข้ารึทำอะไรผิดมา? พูดเรื่องผิดทำผิดอะไรมากัน?”“ข้ายังรู้สึกว่าเจ้ามีเรื่องปิดบังข้าจริง ๆ” อวี่เหวินห่าวตอนนี้ค่อนข้างแน่ใจมาก หัวใจเขาเต้นแ

    Last Updated : 2021-10-17
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 488

    พวกเขาทั้งสองมาถึงวัดฮูกั๋วก็พลบค่ำไปแล้ว เมื่อไต้ซือได้ยินว่าอ๋องฉู่เสด็จมา จึงออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง“ฝ่าบาท เมื่อสามปีก่อน อาตมาเป็นห่วงยิ่งนัก ฝ่าบาทตอนนี้สบายดีหรือไม่?”ไต้ซือท่านนี้เป็นพระชราผู้ใจดีมีความเมตตากรุณาไม่มีความถือตนเลยสักนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งใบหน้ายิ้มแย้มอย่างอ่อนโยน ทำให้ผู้คนละทิ้งปัญหาวุ่นวายทางโลกไปได้ในทันที “ข้าน้อยสบายดี ข้าน้อยระลึกถึงไต้ซือไต้ซือเสมอ” เขาพนมมือคำนับ และพาหยวนชิงหลิงมาข้างตัวเองเพื่อแนะนำตัว “ไต้ซือ นี่คือพระชายาของข้าน้อย หยวนซรื่อชิงหลิง”หยวนชิงหลิงพนมมือคำนับ “คารวะไต้ซือ”ไต้ซือยิ้มและมองหยวนชิงหลิง เขาหรี่ตาลงมองพิจารณาและกล่าวว่า “นมัสการเถิด พระชายา!”ไต้ซือเชิญทั้งคู่เข้าไปในอาราม อาซื่อและซูยี่รออยู่ด้านนอกหลังจากเข้าไปในอารามแล้ว ไต้ซือสั่งให้เณรน้อยยกน้ำชามา หลังจากนั้นจึงเอ่ยถามว่า “ท่านอ๋องและพระชายาเสด็จมาเยี่ยมท่านอ๋องจี้รึ? ท่านอ๋องจี้นั้นทรงศึกษาภาคค่ำอยู่ เกรงว่าไม่อาจออกมาพบได้”ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้อ๋องจี้อยู่ที่วัดฮูกั๋ว ไม่อนุญาตให้พบใครข้างนอก ดังนั้นไต้ซือจึงวางตัวอย่างลื่นไหลเข้าใจสถานการณ์ และรักษาพระเกี

    Last Updated : 2021-10-17
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 489

    อวี่เหวินห่าวลังเลอยู่สักพักกับคำขอของไต้ซือ “ข้าฟังด้วยไม่ได้หรือ?”“ฟังข้า” ไต้ซือยิ้มแย้ม “ท่านอ๋องออกไปรอหรือไปที่ห้องโถงด้านข้างดื่มชาก่อน”อวี่เหวินห่าวรู้สึกว่าวันนี้ไต้ซือก็ดูแปลกขึ้นมาเขาเดินออกไปอย่างช้า ๆ เดินหนึ่งก้าวหันกลับมาสามครั้ง หยวนชิงหลิงอดหัวเราะไม่ได้ แต่ว่าไต้ซือก็ยังคงเคร่งขรึม และเมตตากรุณาห้องโถงด้านข้างปิดประตู ไต้ซือยิ้มแย้มและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง เชิญดื่มชาที่ห้องโถงด้านข้างก่อน”อวี่เหวินห่าวเดิมทีหลังจากออกไปแล้ว ก็เอาหูไปแนบกับประตู ได้ยินไต้ซือกล่าวเช่นนั้น เขาจึงเดินเสียงดังตึงตังออกไปด้วยความโมโหหยวนชิงหลิงรินน้ำชาให้ไต้ซือ และเผชิญหน้ากับไต้ซือผู้มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง นางไม่กล้าเสียมารยาทละเลยเขาแม้แต่น้อย นางแสดงความเคารพนับถือ รอรับคำสั่งสอนไต้ซือมองหยวนชิงหลิง และกล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “พระชายา ท่านโปรดเก็บกล่องนี้ก่อนเถิด”หยวนชิงหลิงขานรับและเก็บกล่องนี้ลงในแขนเสื้อไต้ซือกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “สีหน้าของพระชายาเหมือนมีร่องรอยความเศร้าโศกา เกิดอันใดขึ้น เล่าให้อาตมาฟังได้หรือไม่?”หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า “ไต้ซือ ในใจของข้าไม่ได้

    Last Updated : 2021-10-17
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 490

    ไต้ซือมองกล่องยาบนโต๊ะนั้น หลังจากนั้นก็ยิ้มให้กับหยวนชิงหลิง และกล่าวว่า “ท่านลองหลับตาลงอีกครั้ง และตั้งใจฟังอาตมาพูด”หยวนชิงหลิงหลับตาลงอีกครั้งจากก้นบึ้งของหัวใจตอนนี้ นางเชื่อถือไต้ซือท่านนี้ แม้ว่าจะรู้สึกแปลกประหลาดมากก็ตามเสียงไต้ซือดังขึ้นอย่างช้า ๆ “ที่อยู่ต่อหน้าท่าน มีผู้ป่วยอาการสาหัส นางหายใจเองไม่ได้ ม้ามแตก มีเลือดออกภายใน ชีวิตของนางตกอยู่ในอันตราย และที่สำคัญที่สุดนางตั้งครรภ์เก้าเดือน เด็กใกล้คลอดแล้ว และเป็นครรภ์แนวขวางคลอดยาก ท่านจะทำอย่างไร? สิ่งที่จำเป็นสำหรับการใช้รักษาผู้ป่วยต้องใช้อะไรบ้าง?”สมองของหยวนชิงหลิงคิดอย่างรวดเร็ว ม้ามแตก มีเลือดออกภายในและอีกทั้งเด็กใกล้คลอดแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะคลอดเองได้ สิ่งสำคัญอันดับแรกลิ่มเลือด ถ่ายเลือด ผ่าเปิดช่องท้องนำเด็กออกมาแล้วค่อยเย็บซ่อมแซมม้าม เพื่อหยุดเลือดออกภายใน นี่เป็นการผ่าตัดใหญ่ ต้องใช้เครื่องมือผ่าตัดเป็นจำนวนมาก กล่องยาของนางมีแค่มีดผ่าตัด คีมผ่าตัด ไม่มีเครื่องช่วยหายใจ ใช่ นอกจากนั้น นางหายใจเองไม่ได้ ต้องสวมเครื่องช่วยหายใจ...ของที่ต้องการแต่ละอย่างค่อย ๆ ผุดขึ้นมาในหัวทีละอย่าง จากนั้นไต้ซือได้ก

    Last Updated : 2021-10-17
  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 491

    ส่วนลึกภายในใจของหยวนชิงหลิงโต้แย้งอย่างอ่อนแรง ไม่ เจ้าเป็นลิง เจ้าจะมาเข้าใจอะไร? วิทยาศาสตร์ก็คือวิทยาศาสตร์ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันกับพุทธศาสนา"ความหมายของท่านก็คือ พระพุทธเจ้าที่ท่านเลื่อมใสศรัทธานั่นล้วนมีสมองที่พัฒนากว่าผู้อื่นจึง มีพละกำลังที่ใกล้เคียงกับเทพเจ้า แต่ข้าไม่เห็นด้วย ข้าไม่เห็นด้วยกับท่านในจุดนี้" หยวนชิงหลิงส่ายหน้าแล้วเอ่ยไต้ซือยิ้มแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "กล่องยานี่ไม่ใช่อาตมาที่เป็นผู้ควบคุม แต่เป็นพระชายา ท่านเป็นผู้ที่ควบคุมมันโดยตรง เพียงแต่ท่านไม่ได้ค้นพบศักยภาพของตนเอง ถึงกล่าวว่าเป็นท่านที่จงใจยับยั้งพลังสมองของท่านที่มอบให้ตัวเอง"หยวนชิงหลิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จึงส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า "ข้าไม่เห็นด้วยกับคำพูดของท่าน ท่านกล่าวความจริงของพระพุทธศาสนาเถอะ เช่นนี้ทุกคนจะได้สงบจิตสงบใจได้" "ท่านทำราวกับว่าอาตมานั้นกล่าววาจาเหลวไหล แต่ในสักวันหนึ่งพระชายาจะเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง" ไต้ซือกล่าวหยวนชิงหลิงลุกขึ้นยื่นอย่างรวดเร็ว สถานที่นี้ไม่อาจจะรั้งรออยู่ได้นาน เพราะยิ่งอยู่นานยิ่งทำให้คนรู้สึกแปลกประหลาดเธอยอมเชื่อว่ามีพระพุทธเจ้าดีกว่าที่จะเชื่อคำพ

    Last Updated : 2021-10-18

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status