แชร์

บทที่ 489

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
อวี่เหวินห่าวลังเลอยู่สักพักกับคำขอของไต้ซือ “ข้าฟังด้วยไม่ได้หรือ?”

“ฟังข้า” ไต้ซือยิ้มแย้ม “ท่านอ๋องออกไปรอหรือไปที่ห้องโถงด้านข้างดื่มชาก่อน”

อวี่เหวินห่าวรู้สึกว่าวันนี้ไต้ซือก็ดูแปลกขึ้นมา

เขาเดินออกไปอย่างช้า ๆ เดินหนึ่งก้าวหันกลับมาสามครั้ง หยวนชิงหลิงอดหัวเราะไม่ได้ แต่ว่าไต้ซือก็ยังคงเคร่งขรึม และเมตตากรุณา

ห้องโถงด้านข้างปิดประตู ไต้ซือยิ้มแย้มและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง เชิญดื่มชาที่ห้องโถงด้านข้างก่อน”

อวี่เหวินห่าวเดิมทีหลังจากออกไปแล้ว ก็เอาหูไปแนบกับประตู ได้ยินไต้ซือกล่าวเช่นนั้น เขาจึงเดินเสียงดังตึงตังออกไปด้วยความโมโห

หยวนชิงหลิงรินน้ำชาให้ไต้ซือ และเผชิญหน้ากับไต้ซือผู้มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง นางไม่กล้าเสียมารยาทละเลยเขาแม้แต่น้อย นางแสดงความเคารพนับถือ รอรับคำสั่งสอน

ไต้ซือมองหยวนชิงหลิง และกล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “พระชายา ท่านโปรดเก็บกล่องนี้ก่อนเถิด”

หยวนชิงหลิงขานรับและเก็บกล่องนี้ลงในแขนเสื้อ

ไต้ซือกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “สีหน้าของพระชายาเหมือนมีร่องรอยความเศร้าโศกา เกิดอันใดขึ้น เล่าให้อาตมาฟังได้หรือไม่?”

หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า “ไต้ซือ ในใจของข้าไม่ได้
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 490

    ไต้ซือมองกล่องยาบนโต๊ะนั้น หลังจากนั้นก็ยิ้มให้กับหยวนชิงหลิง และกล่าวว่า “ท่านลองหลับตาลงอีกครั้ง และตั้งใจฟังอาตมาพูด”หยวนชิงหลิงหลับตาลงอีกครั้งจากก้นบึ้งของหัวใจตอนนี้ นางเชื่อถือไต้ซือท่านนี้ แม้ว่าจะรู้สึกแปลกประหลาดมากก็ตามเสียงไต้ซือดังขึ้นอย่างช้า ๆ “ที่อยู่ต่อหน้าท่าน มีผู้ป่วยอาการสาหัส นางหายใจเองไม่ได้ ม้ามแตก มีเลือดออกภายใน ชีวิตของนางตกอยู่ในอันตราย และที่สำคัญที่สุดนางตั้งครรภ์เก้าเดือน เด็กใกล้คลอดแล้ว และเป็นครรภ์แนวขวางคลอดยาก ท่านจะทำอย่างไร? สิ่งที่จำเป็นสำหรับการใช้รักษาผู้ป่วยต้องใช้อะไรบ้าง?”สมองของหยวนชิงหลิงคิดอย่างรวดเร็ว ม้ามแตก มีเลือดออกภายในและอีกทั้งเด็กใกล้คลอดแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะคลอดเองได้ สิ่งสำคัญอันดับแรกลิ่มเลือด ถ่ายเลือด ผ่าเปิดช่องท้องนำเด็กออกมาแล้วค่อยเย็บซ่อมแซมม้าม เพื่อหยุดเลือดออกภายใน นี่เป็นการผ่าตัดใหญ่ ต้องใช้เครื่องมือผ่าตัดเป็นจำนวนมาก กล่องยาของนางมีแค่มีดผ่าตัด คีมผ่าตัด ไม่มีเครื่องช่วยหายใจ ใช่ นอกจากนั้น นางหายใจเองไม่ได้ ต้องสวมเครื่องช่วยหายใจ...ของที่ต้องการแต่ละอย่างค่อย ๆ ผุดขึ้นมาในหัวทีละอย่าง จากนั้นไต้ซือได้ก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 491

    ส่วนลึกภายในใจของหยวนชิงหลิงโต้แย้งอย่างอ่อนแรง ไม่ เจ้าเป็นลิง เจ้าจะมาเข้าใจอะไร? วิทยาศาสตร์ก็คือวิทยาศาสตร์ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันกับพุทธศาสนา"ความหมายของท่านก็คือ พระพุทธเจ้าที่ท่านเลื่อมใสศรัทธานั่นล้วนมีสมองที่พัฒนากว่าผู้อื่นจึง มีพละกำลังที่ใกล้เคียงกับเทพเจ้า แต่ข้าไม่เห็นด้วย ข้าไม่เห็นด้วยกับท่านในจุดนี้" หยวนชิงหลิงส่ายหน้าแล้วเอ่ยไต้ซือยิ้มแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "กล่องยานี่ไม่ใช่อาตมาที่เป็นผู้ควบคุม แต่เป็นพระชายา ท่านเป็นผู้ที่ควบคุมมันโดยตรง เพียงแต่ท่านไม่ได้ค้นพบศักยภาพของตนเอง ถึงกล่าวว่าเป็นท่านที่จงใจยับยั้งพลังสมองของท่านที่มอบให้ตัวเอง"หยวนชิงหลิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จึงส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า "ข้าไม่เห็นด้วยกับคำพูดของท่าน ท่านกล่าวความจริงของพระพุทธศาสนาเถอะ เช่นนี้ทุกคนจะได้สงบจิตสงบใจได้" "ท่านทำราวกับว่าอาตมานั้นกล่าววาจาเหลวไหล แต่ในสักวันหนึ่งพระชายาจะเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง" ไต้ซือกล่าวหยวนชิงหลิงลุกขึ้นยื่นอย่างรวดเร็ว สถานที่นี้ไม่อาจจะรั้งรออยู่ได้นาน เพราะยิ่งอยู่นานยิ่งทำให้คนรู้สึกแปลกประหลาดเธอยอมเชื่อว่ามีพระพุทธเจ้าดีกว่าที่จะเชื่อคำพ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 492

    ชั่วพริบตาเดียวที่เธอกำลังดึงประตู แล้วหันกลับไปมองก็เห็นแค่เพียงโต๊ะเก้าอี้ที่เคยล้มระเนระนาด แต่ละตัวอยู่ในตำแหน่งของมันราวกับว่าไม่เคยล้มมาก่อน"ท่านผู้อาวุโส ท่านเดินทางปลอดภัย!" ไต้ซือกล่าวด้วยสีหน้าเมตตากรุณาขณะนี้หยวนชิงหลิงหน้ากลายเป็นสีดำจนแทบจะล้มลง ในสายตาของไต้ซือ นางก็เหมือนคนหัวโบราณที่อายุสามร้อยกว่าปี การที่ถูกเรียกว่าท่านผู้อาวุโสนั้น เกินกว่าเธอจะทนได้ไม่ง่ายเลยที่จะประคองตัวเองไปที่ประตู แล้วออกเดินออกไปช้า ๆ รู้สึกว่าตัวเองหายใจได้ยากลำบาก อีกมือหนึ่งยึดจับลำคอของอวี่เหวินห่าวไว้ แล้วกัดฟันพูด "เราไปกันเถอะ!"อวี่เหวินห่าวตกใจไปชั่วขณะ แล้วรีบเข้าไปประคองนางทันที "ทำไมสีหน้าถึงดูย่ำแย่ขนาดนี้? ขับไล่สิ่งชั่วร้ายแล้วรึ? ผีออกไปแล้วหรือ?" หยวนชิงหลิงมองเขาแล้วตั่วสั่น จนเกือบจะกระอักเลือดออกมา "ท่าน...ท่านคิดว่าผีเข้าข้ารึ?"อวี่เหวินห่าวประคองนางไว้ เมื่อเห็นชัดว่านางดูเหมือนจะไม่สบายก็เริ่มร้อนรนแล้ว "เกิดอะไรขึ้น? ไต้ซือกล่าวอะไรกับเจ้า?"เสียงของไต้ซือก็ดังขึ้นทางด้านหลังของหยวนชิงหลิงทันที "อาตมาเชิญท่านอ๋องและท่านค้างที่อารามสักคืน"หยวนชิงหลิงตกใจจนห

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 493

    อวี่เหวินห่าวเห็นสีหน้าของนางซีดขาวอีกครั้ง จึงเชื่อนางแล้วกุมมือของนางไว้แล้วเอ่ยว่า "ไม่ต้องกลัว ก็แค่เรื่องผีเท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องจริงเจ้าพักผ่อนสักหน่อย อีกสักครู่ค่อยกินอาหารที่ตักบาตรที่อารามฮู่กั๋วอาหารตักบาตรนั้นดี ในยามปกตินั้นกินไม่ได้หายากมากเจ้าต้องกินสักหน่อย"หยวนชิงหลิงไม่ได้รู้สึกอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย จึงกินไปแค่สองสามคำก็กล่าวว่าง่วง และต้องการนอนแล้ว ให้อวี่เหวินห่าวไปพูดคุยกับไต้ซือแทนเธอไม่ได้กังวลใจแม้แต่น้อยว่าไต้ซือจะบอกเรื่องเล่าในวันนี้กับอวี่เหวินห่าว ถ้าเกิดกล่าวเรื่องนี้ออกมาอวี่เหวินห่าวจะต้องเสียสติเป็นแน่ และท่านไต้ซือจะไม่ทำแบบนั้นกับอวี่เหวินห่าวหลังจากที่อวี่เหวินห่าวออกไปแล้ว หยวนชิงหลิงก็นำกล่องยาออกมา กล่องยาในวันนี้นั้นขนาดใหญ่แตกต่างกับก่อนที่จะมาที่อารามฮู่กั๋วถึงแม้ว่าเธอจะบอกไม่ได้ว่าคิดถึงยาอะไรอยู่ในใจแล้วยานั้นจะปรากฏออกมา แต่ว่าเมื่อเธอเน้นความรู้สึกเป็นพิเศษยที่เธอต้องการก็จะปรากฏออกมากล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ท่านไต้ซือกล่าวว่ากล่องยานี้ถูกควบคุมโดยความคิดของเธอ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือจะกล่าวอีกอย่างก็คือ จิตใต้สำนึกที่แท้จริ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 494

    หยวนชิงหลิงพยักหน้า "ใช่อย่างที่เจ้าคิด แล้วถ้าเจ้าเป็นข้า เจ้าจะช่วยพระชายาจี้หรือไม่?"อาซื่อคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ย "ช่วยเพคะ!"หยวนชิงหลิงประหลาดใจ "เพราะอะไร?"อาซื่อแสยะปากยิ้ม "ถ้าพระชายาจี้ตายแล้ว เยี่ยงนี้ฉู่หมิงหยางก็จะได้เป็นพระชายาเอก เมื่อเทียบกับพระชายาจี้แล้ว ข้าไม่ชอบฉู่หมิงหยางมากกว่าเพคะ""ข้าก็ไม่ชอบฉู่หมิงหยาง แต่ว่าฉู่หมิงหยางไม่เคยคุกคามชีวิตข้าโดยตรงเหมือนพระชายาจี้"ดังนั้นการเลือกนี้ควรจะเลือกตามความชอบรึ?"หลังจากนี้ ถ้าฉู่หมิงหยางได้เป็นแทนพระชายาจี้ นางก็จะทำเรื่องเช่นเดียวกับที่พระชายาจี้ทำในตอนนี้ได้ อีกทั้งนางก็จะยิ่งไม่เกรงกลัวอะไรอีก แผนการพระชายาจี้ลึกล้ำ ถึงแม้ว่าจะน่าหวาดกลัวเหมือนกับงูพิษ แต่กับฉู่หมิงหยางที่บ้าคลั่งราวกับหมาป่า แล้วถ้าหมาป่าได้กัดสักครั้ง นั่นก็หมายถึงชีวิต แต่ถ้างูพิษเรายังสามารถที่จะถอนพิษได้เพคะ"หยวนชิงหลิงพยักหน้า ความจริงเธอเคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน แม้ว่าพระชายาจี้จะไม่ได้ดีไปกว่าฉู่หมิงหยาง แต่ว่าฉู่หมิงหยางจะต้องอำมหิตกว่านี้แน่นอนบางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลของจิตสำนึกที่เธอต้องการช่วยพระชายาจี้โดยที่ไม่รู้ตัว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 495

    อวี่เหวินห่าวพยักหน้าเล็กน้อย "ไต้ซือมีความคิดและสายตาเฉียบแหลมนัก ความจริงข้าคิดว่านางมีเรื่องราวมากมายที่ปิดบังข้าอยู่""วันนี้พระชายาได้พูดคุยกับอาตมาคร่าว ๆ แล้วเล็กน้อย เป็นเพียงแค่เรื่องราวการรักษาอาการป่วยให้พระชายาจี้" ท่านไต้ซือกล่าว"ในจุดนี้พวกเรามีความคิดเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะไปรักษาอาการป่วยพระชายาจี้อย่างแน่นอน ไต้ซือ ตอนที่พี่ใหญ่อยู่กับท่านที่นี่ เขาเป็นคนแบบไหนกัน เมื่ออยู่ต่อหน้าพระโพธิสัตว์ก็ไม่อาจที่จะปิดบังได้ ถ้าเป็นหมาป่าล่ะ หมาป่าจะนึกถึงผู้ที่เคยช่วยเหลือเขาหรือไม่? ไม่ เพราะผู้ที่ช่วยเขาก็จะถูกกลืนกินจนอิ่มท้อง"ท่านไต้ซือยิ้มน้อย ๆ "ท่านอ๋อง ความกังวลใจของท่านก็ไม่ถึงกับไร้เหตุผลนัก แต่ว่าการที่ไล่สุนัขให้เข้าไปจนสุดตรอก ก็จะทำให้มันต่อต้านอย่างสุดกำลัง และยิ่งไม่ต้องพูดถึงหมาป่าที่เกลียดชัง""แต่ข้าไม่ได้เป็นคนไล่ให้พวกเขาเข้าไป" อวี่เหวินห่าวเอ่ยอย่างไม่ปิดบังท่านไต้ซือเอ่ยต่อ "ถูกต้อง ไม่ใช่ท่าน แต่นางรู้ว่าพระชายามีวิธีช่วยเหลือนาง แต่พระชายากลับเฝ้ามองอย่างนิ่งดูดาย หมาป่าที่น่าเกลียดชังตัวนี้จะไม่แว้งกัดเอาบ้างหรือ?""ตามที่ท่านกล่าว ช่วยนางก็ก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 496

    วันรุ่งขึ้นเมื่ออวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงออกเดินทางก็ไม่ได้ลงเขาโดยตรง แต่ทำตามคำสั่งของไต้ซือ พวกเขาไปถึงอารามเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่อย่างเงียบสงบหลังภูเขาไม่นานก็มองเห็นว่ามีรถม้าทยอยเข้ามา รถม้าหยุดลงที่พื้นที่ราบหลังภูเขา และมีคนผู้หนึ่งลงจากรถม้าแล้วเข้าไปข้างในซูยี่ตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น "ใต้เท้าหลี่? ใต้เท้าอู๋? ท่านแม่ทัพซุน? จวิ้นอ๋องเฉา?"อวี่เหวินห่าวเห็นสีหน้าก็มืดครึ้มลงเพราะทุกคนล้วนรู้ว่าพี่ใหญ่ถูกท่านพ่อกักบริเวณให้อยู่ที่นี่ และได้มีราชโองการไม่อนุญาตให้ผู้ใดเขาเยี่ยมแต่พวกเขากลับไม่สนใจในราชโองการแล้วมาที่นี่ แน่นอนว่าไม่ใช่เป็นการเยี่ยมเยียนธรรมดาเป็นแน่ท่านอาจารย์ฮุ่ยมาส่งถึงที่นี่แล้วเอ่ย "ท่านอ๋อง ใต้เท้าเหล่านี้ล้วนมากันทุกวัน เข้ามาทางภูเขาด้านหลังเพื่อมาปรึกษาหารือกับอ๋องจี้"อวี่เหวินห่าวพยักหน้า "ข้ารู้แล้ว ขอบคุณท่านอาจารย์มากที่บอกกล่าว โปรดบอกท่านไต้ซือด้วยว่าข้าขอตัวก่อน"ท่านอาจารย์ฮุ่ยพนมมือทั้งสองขึ้น "ท่านอ๋อง พระชายาเดินทางปลอดภัย"รถม้าค่อย ๆ ลงจากภูเขา แม้ว่าจะเป็นถนนบนภูเขา แต่เนื่องจากเป็นอารามหลวงถนนจึงไม่ได้ขรุขระอวี่เหวินห่าวน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 497

    "จริงจังมาก!""แต่ข้าเคยถามท่าน แต่ท่านบอกว่าสิ่งที่ต้องจ่ายมันมากเกินไปไม่คุ้มค่า" หยวนชิงหลิงไม่รู้ว่าเพราะอะไรแค่ในช่วงเวลาสั่น ๆ เขาถึงเปลี่ยนความคิด ทั้งที่ก่อนหน้าก็ไม่ได้สัญญาณอะไรเลยอวี่เหวินห่าวเอ่ย "ถูกต้อง เดิมทีข้ากล่าวเช่นนี้ แต่ความจริงในตอนนี้ ข้าก็ยังคิดเช่นนี้ว่าการแย่งชิงนั้นมีสิ่งที่ต้องเสียมากเกินไป แค่เพื่อตำแหน่งเช่นนั้นมันไม่คุ้มค่า""แล้วเช่นนั้นทำไมท่านถึงเปลี่ยนใจล่ะ?" หยวนชิงหลิงไม่เข้าใจ อวี่เหวินห่าวมองนาง ในดวงตาของเขาหม่นหมอง "เพราะว่ามันไม่ใช่ปัญหาว่าคุ้มค่าหรือไม่คุ้มค่า เดิมทีข้าคิดว่าเสด็จพ่อนั้นยังหนุ่มแน่น ถึงจะแต่งตั้งองค์รัชทายาทจริง ๆ แต่ตำแหน่งองค์รัชทายาทนั้นก็ไม่ได้จะมั่นคงนัก แต่กลับเป็นการก่อให้เกิดหายนะ ก่อนหน้านี้ข้าตัวคนเดียวจึงไม่ได้สนใจ แต่ตอนนี้มีเจ้าแล้วข้าไม่สามารถที่จะเสี่ยงอันตรายได้ นี่เป็นความคิดของข้าก่อนที่จะมาอารามฮู่กั๋ว แต่ว่าเมื่อคืนตัวข้าคิดเรื่องนี้ทั้งคืน แต่ก่อนนี้ข้าทุ่มเทชีวิตสร้างคุณงามความดีอยู่ในสนามรบ หรือว่าข้าจะไม่มีความทะเยอทะยานแม้แต่น้อยจริง ๆ หรือ? ไม่ใช่ว่าในมือข้าจะไม่มีผู้ติดตาม หลายปีมานี้ข้าอยู่ใน

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status