"ถ้ากล่าวว่าไม่มีผลกระทบใด ๆ เลยก็เป็นไปไม่ได้เพคะ คงต้องระวังตัวเองให้มากหน่อย" หยวนชิงหลิงต้องปิดประตูหลังให้แน่นหนาก่อน เพื่อที่องค์หญิงใหญ่จะได้ไม่กลับมาส่งเสริมอีกครั้งคนแก่นั้นเกลี้ยกล่อมได้ง่ายที่สุด และพระชายาจี้นั้นก็ถนัดที่จะแสดงละครให้คนดูนักองค์หญิงใหญ่ถอนหายใจออกมา "เจ้าดูแลตัวเองให้ดีก่อนเถอะ ส่วนเจ้าหกก็มีวาสนาเป็นของตนเอง"หยวนชิงหลิงลองหยั่งเชิงเอ่ยถาม "เป็นเสด็จแม่หลู่ที่บอกท่านว่าหม่อมฉันมียาหรือเพคะ?""วันก่อนคุยกันเรื่อยเปื่อยแล้วเอ่ยถึงอาการป่วยของเจ้าหก นางก็กล่าวว่าโชคดีที่เจ้ามียา ไม่เช่นนั้นนางคงต้องเป็นคนผมขาวส่งคนผมดำแล้ว ข้าเล่าถึงเรื่องของพระชายาจี้ ถึงอย่างไรพระชายาจี้ก็ป่วยเพราะไปดูแลเจ้าหก หลู่เฟยจึงกล่าวว่าจะยอมให้ยา แต่ว่าหลู่เฟยขอค่ายาครั้งละหนึ่งพันตำลึงเงิน พระชายาจี้ซื้อไปสองครั้ง หลังจากนั้นอาจจะมีเงินไม่พอแล้ว จึงขอให้ข้ามากับนางด้วย แล้วให้ถามเจ้าให้เอายาให้ หรือไม่ก็ใบสั่งยามา"หยวนชิงหลิงตกตะลึง "หลู่เฟยเอายาจากไหนให้พระชายาจี้กันเพคะ? ยาที่หม่อมฉันให้เพียงพอแค่ขนาดของอ๋องหวยเท่านั้น"องค์หญิงใหญ่ส่ายหน้า "เรื่องนั้นข้าก็ไม่รู้ แต่ข้า
หยวนชิงหลิงกล่าว “ข้าขอตรวจท่านอ๋องหน่อยนะ”อ๋องหวยรีบยกมือห้ามไว้ “มิได้ ได้ยินเสด็จแม่บอกว่าพี่สะใภ้ห้าตั้งครรภ์อยู่ อย่าเข้าใกล้ข้าเลยพ่ะย่ะค่ะ”หยวนชิงหลิงพูด “ไม่เป็นไร โรคของท่านไม่สามารถแพร่เชื้อได้แล้ว เพียงแค่ตรวจเท่านั้นเอง”อ๋องหวยจึงพูดได้แค่ว่า “งั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ ไปหลังฉากบังลมเถอะ”ในห้องโถงมีฉากบังลมกางกั้นไว้อยู่ หยวนชิงหลิงเข้าไปตรวจให้เขาแล้วได้ยินเสียงในปอดที่ดังมากขึ้นอย่างชัดเจนอาการป่วยของเขาหนักกว่าเมื่อก่อนซะอีกหลังจากเขากับหยวนชิงหลิงออกมาจากหลังฉากบังลม นางได้เอ่ยถามว่า “ท่านอ๋องไม่ได้กินยาตรงเวลาทุกวันหรือเพคะ?”“กินสิ ทุกวันข้ากินยา”หยวนชิงหลิงเอ่ยถามต่อ “หนึ่งวันสามครั้ง? ครั้งละแปดเม็ด?”หลู่เฟยยิ้มและกล่าวว่า “หนึ่งวันหนึ่งครั้ง ยาพวกนี้กินมากไม่ดี ตอนนี้เขาเองก็ดีขึ้นมากแล้ว และอีกทั้งหลังจากที่เขาลดยาแล้ว เขาบอกว่ารู้สึกมีแรงขึ้นมาก”หยวนชิงหลิงที่ได้ยินก็โกรธ อย่างไรก็ตามนางก็คือผู้อาวุโสกว่า จึงทำได้แค่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ลดยามานานเท่าไหร่แล้วเพคะ? ลดยาไปมากน้อยแค่ไหน? ลดยาชนิดไหนบ้าง?”องค์หญิงใหญ่ฉางกล่าว “ขายให้พระชายาจี้ไปแล้ว”
หลู่เฟยมองนางอย่างขุ่นเคืองและพูดอย่างไม่พอใจว่า “ดูเจ้าสิ จะโกรธขนาดนั้นเชียวหรือ? เจ้าจำไม่ได้แล้วรึว่านางสังให้มือสังหารมาทำร้ายเจ้า...ไม่สิ อีกนิดเดียวก็เกือบจะฆ่าเจ้าแล้ว? เจ้ายังสงสารไว้ชีวิตนางอีก นางเกลียดเจ้าจะเป็นจะตาย เจ้ามันพระโพธิสัตว์จอมปลอมจริง ๆ”หยวนชิงหลิงโกรธจนกระทืบเท้า “ใครสงสารชีวิตนางกัน? ข้าสงสารชีวิตของอ๋องหวย ท่านยังจำได้ไหมว่าข้าเคยบอกท่านว่าไม่สามารถหยุดยาได้? ตอนนี้ท่านกลับให้อ๋องหวยหยุดยาด้วยตัวเอง ท่านจะทำร้ายเขาจนตาย”หลู่เฟยตกใจ และรีบกล่าวว่า “ไม่นะ เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าเขาดีขึ้นมากแล้ว? เจ้าบอกว่าไม่สามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้แล้ว ไม่สามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้แล้วก็หายดีแล้วน่ะสิ ใช่ไหม?”หยวนชิงหลิงพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “เขาแค่ไม่สามารถแพร่เชื้อ แต่ไม่ได้หมายความว่าอาการป่วยจะหายดี เขาไม่สามารถหยุดยาได้ ท่านให้เขาหยุดยาไปมากน้อยแค่ไหน? หยุดยาไปแล้วกี่วัน? พูดตามตรงนะเพคะ!”หลู่เฟยตื่นตระหนก “ไม่กี่วัน ประมาณสามสี่วันหรือสี่ห้าวัน ก็ไม่ใช่ไม่กินเลย แค่กินน้อยลง คงไม่เป็นอันใดใช่ไหม?”“ท่านว่าไงนะ? ไม่เห็นหรือว่าตอนนี้เขาไออีกแล้ว? ไม่รู้สึกหรื
อวี่เหวินห่าวเองไม่ได้คัดค้านนาง แต่ว่าเขาก็ยังรู้สึกไม่วางใจ แม้ว่าหยวนชิงหลิงจะใส่ชุดเกราะออกจากบ้านทุกวัน เขาก็ยังไม่วางใจอยู่ดีเขาคิดแล้วคิดอีก “เอาเป็นว่า ข้าจะเข้าวังไปเข้าเฝ้าไท่ซ่างหวง ไปขอยืมตัวองค์รักษ์เงาสักสองคน มาแอบปกป้องเจ้าอย่างลับ ๆ”หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ต้องถึงขนาดนี้เลยรึ?”“ต้องขนาดนี้ถึงจะดี!” ท่าทางอวี่เหวินห่าวจริงจังมากหยวนชิงหลิงยักไหล่ “ตามที่ท่านชอบเถอะ”นางเชื่อในตัวอาซื่อมาก และอีกทั้งยังมีซูยี่อยู่อีกด้วยมิใช่หรือ?อวี่เหวินห่าวไม่เชื่อในตัวอาซื่อและซูยี่เลยสักนิด เพราะว่าพวกเขาทั้งคู่เป็นคนประเภทเดียวกัน ประมาทเลินเล่อ ไม่ค่อยระมัดระวังและยังเชื่อคนง่าย มักตกเป็นเป้าดึงดูดได้ง่ายแต่องค์รักษ์เงาไม่เหมือนกันทั้งสองเอนตัวนอนลง ฝ่ามือใหญ่ของอวี่เหวินห่าวลูบลงบนท้องน้อยของนาง และถามด้วยความสงสัยว่า “เจ้าคิดว่าเขาทำอะไรอยู่ข้างในรึ?”“นอนหลับอยู่สิ!” หยวนชิงหลิงบอกเขา“งั้นคุยกันสักครู่แล้วค่อยนอนเถอะ” อวี่เหวินห่าวพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ “เจ้าง่วงมากไหม?”ไม่รู้ว่าเขาจะมีสักวันหนึ่ง ที่ถูกทอดทิ้ง ไม่สามารถพูดคุยได้แล้วหรือไม่?หยวนชิงหลิงพลิกตัวมามอ
อวี่เหวินห่าวก็เอ่ยถามนางด้วยว่า “แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าหวังว่าจะเป็นลูกชายหรือลูกสาว?”หยวนชิงหลิงที่ไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็กล่าวว่า “ข้าหวังว่าจะเป็นลูกชาย”“โอ้? เมื่อก่อนเจ้าเองก็เคยบอกไม่ใช่รึว่าชอบลูกสาว?”หยวนชิงหลิงกล่าวว่า “ตราบใดที่ข้าคลอดออกมา ลูกชายหรือลูกสาวข้าก็ชอบทั้งนั้น เป็นพ่อแม่ไม่สามารถรักได้น้อยลงหรือรักมากกว่าเพราะเพศของลูกหรอก”“งั้นทำไมเจ้าถึงบอกว่าหวังจะเป็นลูกชายกัน?” อวี่เหวินห่าวคิดว่าคงไม่ต่างกับเหตุผลของเขาแน่ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆหยวนชิงหลิงกล่าวเสียงแผ่วเบาว่า "เพราะในยุคสมัยนี้ไม่ค่อยเป็นมิตรกับสตรีนัก ชีวิตสตรีอยู่ในมือของบุรุษ มีสตรีจํานวนน้อยคนนักที่จะต่อต้านได้ เว้นแต่ว่าท่านจะแข็งแกร่งพอ แต่ในยุคนี้ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงมีอำนาจโดยง่าย”อวี่เหวินห่าวตกใจเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของนาง"ความสุขของสตรีส่วนใหญ่ก็วัดจากการแต่งงาน เมื่อแต่งดี สามีก็มีอํานาจ มีผู้คนมากมายที่อิจฉา ไม่สนใจว่านางจะเผชิญหน้ากับพ่อสามีหรือแม่สามีหรือไม่ การแย่งชิงความโปรดปรานของอนุภรรยา พวกนางให้กําเนิดบุตร ดูแลเรื่องครอบครัว ปรนนิบัติแม่สามี จัดให้สามีแต่งพร
วันถัดมาพอมีเวลาว่างอวี่เหวินห่าวก็รีบเข้าวังไปถวายพระพรไท่ซ่างหวงทันทีจะมาขอให้คนช่วย จะมามือเปล่าไม่ได้ เหตุผลข้อนี้เขาเข้าใจดีเขาไปวนรอบถนนคนเดินมารอบเพราะเป็นเวลากระชั้นจริง ๆ จึงซื้อพวกใบยาสูบชั้นดีมาหลายก้อนแล้วจึงรีบเข้าวังไปไท่ซ่างหวงเหลือบตามองก้อนใบยาสูบชั้นดีเหล่านั้น แล้วเรียกถามฉางกงกงถึงยาสูบที่เซียวเหยากงให้เขามา เมื่อเอาทั้งสองชนิดมาเปรียบเทียบกันแล้ว ใบยาสูบชั้นดีเหล่านั้นก็กลายเป็นตะกรันไปในทันทีอวี่เหวินห่าวพูดอย่างไร้ยางอายว่า “ใบยาสูบไม่สามารถแยกได้ด้วยแค่ดูสี ดมกลิ่น หรือดูด้วยสายตาได้เพียงอย่างเดียวพ่ะย่ะค่ะ”“งั้นดูยังไง?” ไท่ซ่างหวงเอ่ยถาม“ดูด้วยน้ำใจพ่ะย่ะค่ะ” อวี่เหวินห่าวก้าวไปข้างหน้าโค้งตัวลงห่อไหล่ประจบ “เสด็จปู่ดูสิ นี่เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของหลาน ยังไงเสด็จปู่ก็ต้องรับไว้ อีกทั้งเหล่าหยวนบอกว่า คนแก่สูบมากไม่ดี ถ้าใบยาสูบไม่ดี พระองค์ก็จะสูบน้อยลง ทำให้สุขภาพพลามัยเสด็จปู่ก็จะดีขึ้น””ไม่ต้องมาอ้อมค้อมเลย พูดมา มีเรื่องอะไร?” ไท่ซ่างหวงถามอย่างเย็นชา ตอนนี้ได้แต่งภรรยาแล้วเปลี่ยนไปดูสบาย ๆ ไม่ได้จริงจังขึ้นมา แต่ว่าก็ดีกว่าเมื่อก่อน อายุยั
หยวนชิงหลิงคิดว่าการเข้าไปพัวพันแบบนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหา จึงเอ่ยว่า “เข้ามาเถอะ มีอะไรครั้งนี้พูดให้ชัดเจน”หลังจากที่นางกลับมาถึงบ้าน นางก็กินกรดโฟลิกและสวมหน้ากากอนามัยเพื่อไปพบพระชายาจี้“เจ้าบอกให้คนของเจ้าออกไปก่อน ข้าจะคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัว” พระชายาจี้มองในห้องมีอาซื่อและนางข้าหลวงสี่ยืนอยู่จึงพูดเสียงเบา“ไม่ พวกเราไม่ออกไป” อาซื่อกล่าวพระชายาจี้มองหยวนชิงหลิงและยิ้มอย่างเฉยชา “หรือว่าเจ้าสงสัยว่าข้าในตอนนี้ยังจะสามารถทำร้ายเจ้าอีกหรือ? ข้าเดินไม่ได้มานานแล้ว”“อาซื่อ โมโม่ พวกท่านรออยู่ที่หน้าประตู” หยวนชิงหลิงกล่าว“พระชายา!” นางข้าหลวงสี่คิดว่าระวังไว้ก่อนเป็นการดีที่สุด“ไม่เป็นไรหรอก ไปเถอะ” หยวนชิงหลิงพูดอย่างเรียบเฉย “เรียกตัวเป่าเข้ามา”ได้ยินว่าให้ตัวเป่ามา นางข้าหลวงสี่ถึงได้วางใจได้สุนัขศักดิ์สิทธิ์อย่างตัวเป่าถูกจูงเข้ามานอนหมอบอยู่ข้างขาหยวนชิงหลิง และจ้องมองพระชายาจี้อย่างจริงจังพระชายาจี้ยิ้มและกล่าวว่า “เตรียมพร้อมเสียขนาดนี้ ก็คู่ควรกับข้าแล้ว”“ต้องคู่ควรอยู่แล้ว ข้าเคยประสบพบเจอการวิธีการลงมือของพระชายาจี้ วันนี้พวกเราไม่ต้องพูดพล่ามทําเพลง แล้
อวี่เหวินห่าวกลัวว่านางจะไปคุยกับพระชายาจี้อีก จึงกล่าวย้ำอีกครั้งว่า “ถ้านางยังมาอีก เจ้าก็ไม่อยากไปพบเจอ สรุปก็คือ พวกเราไม่ไปยุ่งกับคนของจวนอ๋องจี้” เขาคิดดีแล้ว ไม่สนว่าเสด็จพ่อตอนนี้จะคิดเห็นอย่างไรหรือมีความคาดหวังอย่างไรกับพี่ใหญ่ เขาไม่สนทั้งนั้นตอนนี้เรื่องที่ควรใส่ใจที่สุดคือเรื่องนางกับลูก เรื่องอื่น ๆ ไว้รอให้นางคลอดลูกออกมาก่อนค่อยว่ากัน“ข้ารู้แล้ว ใช่แล้ว เรื่องคดีเป็นอย่างไรบ้าง?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถามอวี่เหวินห่าวช่วงนี้ออกไปแต่เช้ากลับมาก็ค่ำมืด เพื่อพยายามหาเบาะแสเรื่องเมืองถิงเจียง สำหรับคดีนี้แม้ว่าเขาจะเพิ่งพักฟื้นหายดีจากเรื่องในวัง คนของสำนักผู้ตรวจการล้วนจัดการได้อย่างไม่มีผิดพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถังหยาง ช่วงนี้หายไปไม่เห็นแม้แต่เงา คิดว่าต้องยุ่งอยู่กับเรื่องนี้เป็นแน่อวี่เหวินห่าวกล่าวว่า “ความผิดของโม่เหวินได้รับการตัดสินไปแล้ว แต่หัวจะขาดหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับเขาจะยอมสารภาพออกมาว่ามีกี่คน”“โม่เหวินคนนี้ เป็นลูกพี่ลูกน้องของพระชายาจี้ใช่หรือไม่?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม“ใช่แล้ว ข้าได้สืบสวนแล้ว หลายปีมานี้ โม่เหวินได้ทำการส่งเงินสินบนไปให้จวนอ๋องจี้ไ