ราวกับว่าสายเลือดถูกปะปน จึงทำให้ฐานะทางสังคมถูกลดค่าลง หรือการปกปักรักษาจากสวรรค์จะลดน้อยลงหยวนชิงหลิงไม่ได้ตอบคำถามของฮองเฮา ในความจริงนั้นตัวเธอเองก็รู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมากใกล้จะหมดสภาพแล้วฮองเฮาเห็นว่านางไม่ได้สนใจก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก แต่ฝ่าบาททรงเชื่อนาง นางก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดวันที่ห้าในวังหลวง อาจเพราะสวรรค์สงสารเห็นว่าหยวนชิงหลิงที่ยืนจนกระดูกใกล้จะหักแล้ว ในที่สุดสถานการณ์ขององค์ชายแปดก็เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นเขาฟื้นขึ้นมาแล้วจริง ๆ เขาลืมตาขึ้น และมองหยวนชิงหลิงอยู่ตลอดหยวนชิงหลิงยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงถอยออกไปฮองเฮาโผเข้าไปกอดเขาที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจไว้ จากนั้นก็ร้องไห้ออกมานางกำนัลเข้ามาช่วยพยุงฮองเฮาออกไป และหมอหลวงก็ก้าวเข้าไป สุดท้ายก็เอ่ยกับจักรพรรดิหมิงหยวนด้วยความดีใจ "พระอาการคงที่แล้ว คงที่แล้วพ่ะย่ะค่ะ"จักรพรรดิหมิงหยวนใช้ทุกคนออกไปเหลือไว้เพียงหยวนชิงหลิงให้อยู่ในตำหนักฮองเฮาไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำได้เพียงทำตามรับสั่งแล้วรออยู่ด้านนอกหัวใจของหยวนชิงหลิงเต้นระรัวเป็นอย่างมากเขารู้ว่าสุดท้ายแล้วฝ่าบาทจะต้องตรวจสอบความจริงการตรวจสอบค
หลังจากที่กินยาจื่อจินเข้าไปอีกเม็ด อาการขององค์ชายแปดก็มั่นคงขึ้น หยวนชิงหลิงชื่นชมความเก่งกาจของยาจื่อจินอีกครั้งหลังจากอาการมั่นคงขึ้น ในที่สุดคู่สามีภรรยาหยวนชิงหลิงและอวี่เหวินห่าวทั้งคู่ก็สามารถที่จะกลับจวนได้แล้วอาซื่อรออยู่ในจวนด้วยความร้อนใจ เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงกลับมาแล้วก็ไม่ถามอะไรมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นสาวใช้ที่รู้ขอบเขตผู้หนึ่งอวี่เหวินห่าวก็พักรักษาบาดแผลอยู่ในวังมาหลายวันหลังจากออกมาโดยรวมก็ไม่มีสิ่งใดร้ายแรงแล้ว ทางด้านจวนจิงจ้าวมีคนมาหลายรอบบอกว่าว่ามีเรื่องเร่งด่วน อวี่เหวินห่าวคิดว่าจะรอให้หยวนชิงหลิงดื่มยาบำรุงครรภ์ลงไปก่อนจึงจะไป แต่หยวนชิงหลิงรำคาญเขาที่ขี้บ่นจึงไล่ให้เขาไปทำงาน เมื่ออวี่เหวินห่าวเห็นภรรยาโมโหมากจึงต้องหนีบหางแล้วจากไปดูแลองค์ชายแปดคราวนี้จักรพรรดิหมิงหยวนก็ไม่ได้มีรางวัลให้ความจริงหยวนชิงหลิงก็ไม่ได้คิดว่าเป็นความดีความชอบอะไรของนาง ถึงแม้ว่าการถ่ายเลือดจะมีประโยชน์อย่างมาก แต่เลือดนั้นก็ไม่ใช่ของนางเพราะเรื่องการถ่ายเลือด อีกทั้งยังล่วงเกินฮองเฮา ดังนั้นหยวนชิงหลิงคิดว่าผลงานครั้งนี้ไม่ชื่นชมก็ช่างเถอะหลังจากอยู่ในจวนจนผ่านวันเกิ
ไม่อาจเอื้อมหลังจากที่ออกมาจากวังหลวง นางก็นอนกลางวัน แล้วก็ได้ยินนางข้าหลวงสี่เข้ามาแล้วกล่าวว่า "คนจากจวนอ๋องจี้ขอเข้าพบเพคะ""ไม่พบ!" หยวนชิงหลิงยังไม่ทันได้คิดก็ตอบปฏิเสธออกไปทันที"บอกว่าเป็นเรื่องอาการป่วยของพระชายาจี้เพคะ""นั่นก็ไม่พบ" หยวนชิงหลิงนั่งลงตัวเป่าหมอบอยู่ข้างขา แต่หูกลับตั้งขึ้นมาราวกับว่ากำลังฟังที่พวกเขาคุยกันนางข้าหลวงสี่พยักหน้าแล้วเอ่ย "ความจริงแล้วไม่ควรพบ แต่ว่าก็ต้องหาข้ออ้างเพื่อที่จะให้จากไปเพคะ""บอกว่าข้าไม่สบาย" หยวนชิงหลิงเอ่ยนางข้าหลวงสี่หัวเราะ "จะเอ่ยเยี่ยงนี้กับตัวเองได้อย่างไร ไม่ได้ อาจจะบอกว่ากำลังยุ่งอยู่กับการบำรุงรักษาร่างกาย ไม่มีเวลาว่างมาต้อนรับผู้ใดก็ได้เพคะ""มีอะไรแตกต่างกันรึ?" หยวนชิงหลิงหัวเราะแล้วเอ่ยถาม"มีเพคะ การบำรุงรักษาร่างกายไม่ใช่การป่วย เพียงแค่ต้องการที่จะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเท่านั้น" นางข้าหลวงค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากหยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านสบายใจก็ดี"นางมองหา "อาซื่อล่ะ?""กล่าวไว้ว่าไปจวนอ๋องฉี ได้ยินว่าพระชายารองหยวนกับพระชายาฉีตบตีกัน หลังจากนั้นอ๋องฉีก็หาคนมาตีพระชายารองหยวน พระชายาร
อ๋องฉีหน้าเป็นสีเขียว แต่ด้านหลังเต็มไปด้วยเหงื่อมองดูฮูหยินเฒ่าตระกูลหยวน ในมือฮูหยินเฒ่าถือไม้เท้าหัวเสือ และด้านหลังมีเหล่าทหารหญิงอยู่หนึ่งกอง ทุกคนล้วนพกหอกยาว นี่เป็นอาวุธประจำตระกูลหยวนเมื่อเข้าสู่สนามรบก็จะใช้หอกยาว"เหล่าไท่ไท่ นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร? นำคนมาข่มขู่ข้า และแทรกแซงเรื่องในจวนข้าหรือ?" อ๋องฉีในใจนั้นขลาดกลัว แต่ว่าก็ไม่สามารถที่จะเสียหน้าได้เหล่าไท่ไท่ซัดออกมาประโยคหนึ่ง "เห็นได้ชัดว่าเป็นการข่มขู่และแทรกแซง มิเช่นนั้นจะพกอาวุธมาเพื่ออะไร? อ๋องฉียังต้องถามอีกรึ?"ถ้าเอ่ยโอ้อวดถึงความน่าเกรงขาม เขาก็ไม่ได้มีจิตใจแข็งแกร่งเด็ดเดี่ยวกับกองกำลังหญิงที่เคยผ่านสมรภูมิมาแล้ว เขาก็ไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นมาได้"พวกเจ้า...พวกเจ้าไม่ควรทำเกินไป ทำไมถึงปล่อยให้หยวนหย่งอี้ทำตามใจโดยไม่ห้ามปราม? นางไม่เห็นใครในสายตาแล้ว ข้าก็เพียงแค่จะให้นางเรียนรู้กฎระเบียบไม่ได้มีเจตนาให้นางลำบากใจ" จากคำพูดนี้ของอ๋องฉีเห็นได้ชัดว่าพลังที่ปล่อยออกมานั้นอ่อนลงทำให้ฉู่หมิงชุ่ยนั้นทนไม่ได้อย่างมากเอ่ยถึงฐานะแล้ว อ๋องฉีสามารถที่จะบดขยี้ตระกูลหยวนทั้งหมดให้จมดินได้ต่อให้ตระกูลหยวนจะใจก
หยวนหย่งอี้เดินมาหยุดที่หน้าฉู่หมิงชุ่ย แล้วเอ่ยอย่างเย็นชา "คิดจะไล่ข้าไปงั้นหรือ? อย่าได้คิดเพ้อเจ้อ!"ฉู่หมิงชุ่ยขมวดคิ้ว "ไม่มีใครอยากไล่เจ้าไป เพียงแค่หวังว่าเจ้าจะเรียนรู้กฎระเบียบบ้าง"หยวนหย่งอี้ยิ้มเยาะ "เรียนรู้กฎระเบียบ? เจ้ากลั่นแกล้งข้า วันนี้เจ้าบอกว่าข้าไม่เคารพเจ้า เจ้าเอ่ยมา ประโยคไหนที่ข้าเอ่ยประชดประชันเจ้า? ประโยคไหนที่ข้าไม่เคารพเจ้า? เพียงแต่ข้าเอ่ยออกมา ก็จะคุกเข่าให้เจ้าแล้ว โขกหัวสารภาพผิดให้เจ้า"ฉู่หมิงชุ่ยมองนางแล้วเอ่ยอย่างเฉยเมย "เรื่องนี้มันผ่านไป ข้าไม่ตำหนิเจ้า และไม่ต้องการให้เจ้าโขกหัวสารภาพผิดให้ข้า แค่จากนี้จะไม่ทำผิดอีกก็พอ""ชุ่ยเออร์ อย่าปล่อยให้กระทำผิดโดยไม่ตักเตือนเช่นนี้" อ๋องฉีขมวดคิ้วหยวนหย่งอี้กวาดสายตาไปมอง "ท่านจะรู้อะไร? ท่านอยู่ที่นั่นหรือ? ท่านไก่อ่อนผู้มีปัญญาที่เชื่อฟังคำโกหกเหลวไหล โชคดีที่ท่านไม่ใช่รัชทายาท ไม่เช่นนั้นถังเป่ยทั้งหมดต้องถูกฝั่งอยู่ใต้ความเลอะเลือนของท่าน""เจ้า...หยวนหย่งอี้ เจ้าช่างกล้าหาญนัก!" อ๋องฉีโกรธอย่างมาก หยวนหย่งอี้คนนี้เขาทนรับไม่ได้จริง ๆ นิสัยไม่ดีก็ช่าง ยังถึงตายก็ไม่ยอมรับผิด "เจ้ากล้าเอ่ยวาจา
เด็กสาวหน้ากลม ๆ คนนี้ตั้งแต่ที่เข้ามานิสัยก็ซุ่มซ่ามแต่ไม่ว่าจะแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เป็นการทุบตีกันภายในจวน ทุกคนที่อยู่ต่อหน้าเขาก็ล้วนชื่นชมว่านางดีทุกครั้งที่พบนางบนใบหน้านางก็จะมีแต่รอยยิ้มแย้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ในบางครั้งยังมอบขนมสอดไส้ให้เขาราวกับเป็นของล้ำค่า แล้วกล่าวว่าเป็นการแอบขโมยมาจากบ้านแม่ อีกทั้งยังกล่าวว่าตนเองเป็นบุตรสาวหัวขโมยอย่างไรก็ตามอารมณ์โกรธของนางนั้นรุนแรงมาก ถ้ามีสิ่งใดที่ไม่ถูกตาต้องใจไม่มีความสุขก็จะโมโหขึ้นมาในทันที แต่เมื่อผ่านไปก็ดูราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นดังนั้นวันนี้เขาจึงคิดว่านางมุทะลุหุนหันพลันแล่นก่อน และคิดว่านางควรที่จะเรียนรู้กฎระเบียบสักหน่อย แก้ไขอารมณ์รุนแรง เขาคิดว่าบางทีถ้านางสามารถเปลี่ยนอารมณ์รุนแรงนี้ได้แล้วจะต้องดีเลิศเป็นอย่างมากจะรู้ได้อย่างไรว่าวันนี้คาดไม่ถึงว่านางจะไม่ได้ทำผิดแต่เป็นชุ่ยเออร์ที่ตั้งใจที่จะทำให้นางรู้สึกลำบากใจเขามองฉู่หมิงชุ่ย ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรนางถึงทำเยี่ยงนี้ เพราะชายารองผู้นี้นางก็เป็นผู้ที่เลือกหามาการเลือกหยวนหย่งอี้มาเป็นพระชายารอง ความจริงนั้นเขารู้จุดประสงค์ของนางดีหวังว่าเขานั้น
นัยน์ตาของฉู่หมิงชุ่ยแฝงความประชดประชันมากขึ้น มุมปากก็ยกขึ้น ดูท่าทางเหยียดหยามเป็นอย่างมากในที่สุดอ๋องฉีกับเอ่ยขึ้น "พระชายาเหนื่อยแล้ว กลับตำหนักไปพักเถอะ"ฉู่หมิงชุ่ยมองหน้าเขาแล้วส่ายหน้ายิ้ม ๆ แล้วกล่าวว่า "คนของราชวงศ์จิตใจเหี้ยมเกรียมเป็นที่สุด วันนี้ข้าได้เห็นชัดแล้ว"แล้วนางก็เดินจากไปอย่างหยิ่งยโสฮูหยินเฒ่าหยวนรู้ว่าตอนนี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยแล้วจึงกล่าวว่า "ท่านอ๋องเยี่ยงนั้นข้าตอนขอตัวก่อนแล้ว""เหล่าไท่ไท่เดินทางปลอดภัย" อ๋องฉียกมือประสานกลางอกคนของตระกูลหยวนจากไปแล้ว เพียงแลกเปลี่ยนกันผ่านแววตากับหยวนหย่งอี้ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยวาจามากมายการเหยียบย่ำซ้ำเติมคนที่หมดอำนาจ หรือทำเรื่องลำพองใจอวดฉลาด ตระกูลหยวนจะไม่ทำอาซื่อก็จากไปแล้วหยวนหย่งอี้มองอ๋องฉีแล้วกล่าวอย่างจริงจัง "เรื่องราววันนี้เป็นท่านที่ผิด ท่านไม่ควรให้คนตีข้าโดยที่ยังไม่ถามความเป็นมา จากชื่อเสียงท่านเป็นสามีของข้า ท่านควรจะปกป้องข้า ไม่ใช่ร่วมมือกับผู้อื่นมารังแกข้า ข้าหวังว่าถ้าเกิดเรื่องราวทำนองเดียวกันอีกครั้ง ท่านจะให้โอกาสข้าอธิบายสักครั้ง”อ๋องฉีมองหน้ากลมเหมือนไข่ที่จริงจังแล้วไม่สามารถท
คนของจวนอ๋องจี้มาที่จวนอ๋องฉู่อีกครั้งเพียงแต่ว่าครั้งนี้ผู้ที่มาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพระชายาจี้ที่มาด้วยตนเองหลังจากที่นางลงจากเกี้ยว ก็ใช้เกี้ยวคนแบกยกเข้ามาโดยตรงนางไม่ได้มาด้วยตนเอง แต่ได้เรียกให้องค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วมาด้วยกันองค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วคือป้าใหญ่ของจักรพรรดิหมิงหยวน และเป็นพี่สาวของไท่ซ่างหวง ตอนนี้อายุเจ็ดสิบกว่าชันษาแล้วถ้าพระชายาจี้มาเพียงลำพัง หยวนชิงหลิงจะต้องหลบเลี่ยงไม่พบอีกแน่แต่ว่าเมื่อองค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วเสด็จมาด้วยจึงยังต้องให้เกียรตินางอยู่ หลังจากข่าวคราวการตั้งครรภ์แพร่สะพัดออกไป องค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วก็ให้คนส่งของขวัญมาแสดงความยินดีในทันทีหยวนชิงหลิงสวมหน้ากากอนามัยออกมา ตอนนี้นางตั้งครรภ์อยู่จึงไม่อาจที่จะสะเพร่าได้องค์หญิงใหญ่แห่งเจิ้นกั๋วสวมชุดผ้าไหมลวดลายกลุ่มดอกไม้สีดำ บนลำคอมีลูกประคำอยู่หนึ่งพวงเม็ดเล็ก ๆ กลมเกลี้ยงมีลวดลาย ใบหน้าอ่อนโยนมีเมตตาและอบอุ่นหยวนชิงหลิงคารวะนางก่อน องค์หญิงใหญ่ก็เข้ามากุมมือนางไว้อมยิ้ม และมองดูเธออย่างละเอียดแล้วกล่าว "ไม่ต้องมากพิธีแล้ว ตัวเจ้าหนักแล้ว"หยวนชิงหลิงขอบคุณจากนั้นก็หันไปม