ซู่ผินถึงกับหน้าถอดสี ริมฝีปากนางสั่นระริก และมองพระนางเต๋อเฟยด้วยความตื่นตระหนก “พันหมื่นมีดแล่?”เต๋อเฟยมองนางด้วยสีหน้าที่ค่อย ๆ อ่อนลง นางถอนหายใจเบา ๆ และกล่าวว่า “ข้าเองก็เป็นผู้หญิง รู้ว่าเจ้าคิดยังไง ข้าจะพาเจ้าไปพบฝ่าบาท เรื่องจริงเป็นอย่างไร เจ้าสารภาพกับฝ่าบาทเถอะ จะฆ่าจะแกงเจ้าก็ต้องรับไว้”ซู่ผินล้มลงกับพื้น แววตาของนางดูสับสนและรู้สึกกระวนกระวายเต๋อเฟยออกคำสั่ง “เข้ามาพยุงซู่ผินขึ้นไปหอตำราหลวง เพื่อขอเข้าเฝ้า!”หอตำราหลวง จักรพรรดิหมิงหยวนมองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น กล้ามเนื้อบนใบหน้าสั่นกระตุก แววตากดซ่อนอารมรณ์โกรธและตื่นตระหนกไว้ ”เจ้าพูดจริงรึ?” เสียงของจักรพรรดิหมิงหยวนราวกับมาจากนรกทั้งดำมืดและเย็นเยือกอู๋ซูฮว้าก้มศีรษะติดพื้น “ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันทูลความจริงพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันมีโทษที่ปกปิดเรื่องนี้แล้วเพิ่งมาทูลฝ่าบาท เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก กระหม่องเกรงว่าจะส่งผลต่อชื่อเสียงของฝ่าบาท หม่อมฉันคิดเรื่องนี้มาโดยตลอดไม่รู้จะทูลฝ่าบาทอย่างไร หม่อมฉันสมควรตาย!”ทางด้านมู่หรูกงกงที่ได้ยินก็ตกตะลึก ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ๆ ออกมา“เจ้าแน่ใจรึว่าคนที่เจ้าเห็นคืออ
อวี่เหวินห่าวรู้สึกหมดหนทาง เขากวาดตามองอู๋ซูฮว้าอย่างเย็นชา อู๋ซูฮว้าคุกเข่าอยู่บนพื้นไม่พูดไม่จา แต่สายตาของเขาดูลอกแล่กไปมาพระนางเต๋อเฟยพาซู่ผินเข้ามา คุกเข่าลงก่อน และพูดเสียงจริงจังว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันไร้ความสามารถปกครองได้ไม่ดี หม่อมฉันสมควรได้รับโทษ!”ซู่ผินมองเห็นอู๋ซูฮว้าคุกเข่าบนพื้น ร่างนางไร้เรี่ยวแรงลงไปครึ่งหนึ่ง นางทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้นร้องไห้ออกมาและกล่าวว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันถูกล่วงเกิน หม่อมฉันสมควรตาย...”ราวกับมีของแข็งมากระแทกหัวของเต๋อเฟยอย่างแรง นางแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลย นางมองซู่ผินอย่างตกตะลึงอู๋ซูฮว้าที่ได้ยินเช่นนั้น ก็แย้งคำพูดของซู่ผินไปทันที “ฝ่าบาท พระสนมซู่ผินถูกอ๋องฉู่ล่วงเกินหรือไม่ หม่อมฉันเห็นไม่ฉัน หม่อมฉันอาจเข้าใจผิด อย่างไรเสีย สิ่งที่หม่อมฉันเห็นก็ไม่อาจกล่าวได้อย่างแน่ชัดว่านางเต็มใจหรือถูกบังคับพ่ะย่ะค่ะ”ซู่ผินโขกหัวลงกับพื้น ได้ยินอู๋ซูฮว้าพูดเช่นนั้น ในใจของนางเต้นแรงมาก และกล่าวอย่างเศร้าสร้อยว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันยอมรับผิด หม่อมฉันถูกอ๋องฉู่บังคับ หม่อมฉันมิอาจต่อต้าน ขอฝ่าบาทได้โปรดให้ความกระจ่างด้วย”เต๋อเฟยรีบกล่าวว่า “ฝ่าบาท
จักรพรรดิหมิงหยวนมองซู่ผิน “เจ้าพูดมา วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”ซู่ผินเอาแต่ร้องไห้ไม่เปิดปากพูด จักรพรรดิหมิงหยวนยิ่งโกรธว่าเดิม “ร้องอะไร? ข้าบอกให้พูดก็พูด” ซู่ผินตกใจและรีบกล่าวว่า “ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันวันนั้น… วันนั้นหม่อมฉันออกไปเดินเล่นคนเดียวผ่านแถวตำหนักหมิงฮวา ถูกคนลากเข้าไป ทำให้หม่อมฉันตกใจมาก หม่อมฉันยังไม่ได้เห็นคนผู้นั้นอย่างชัดเจน หลังจากนั้นก็ได้กลิ่มหอม หม่อนฉันก็รู้สึกมึนงงเวียนหัว หลังจากนั้นหม่อมฉันที่งุนงงนั้นก็รู้สึกเหมือนมีคนมาถามเสื้อผ้าของหม่อมฉัน… คิดไม่ถึงเลย ทันได้นั้นได้ยินคนตะโกนเรียกพี่ห้า หม่อมฉันก็รู้สึกตัวขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเห็นว่าเป็นอ๋องฉู่แน่แล้ว อ๋องฉู่ชักกระบี่ฆ่าขันทีน้อยคนนั้น หม่อมฉันตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ก้มลงกุมหัวตัวเองไว้แน่น พบว่าองค์ชายแปดก็ล้มลงไปเช่นกัน หลักจากนั้นอ๋องฉู่ก็อุ้มหม่อมฉันกระโดดข้ามกำแพงไป และเขาทิ้งหม่อมฉันลง แล้วก็จากไปทันที”อวี่เหวินห่าวพูดอย่างเย็นชา “ถ้าข้าบังคับเจ้า งั้นฆ่าก็ควรฆ่าเจ้าไปด้วยสิ”ซู่ผินตกใจ และหันไปมองอู๋ซูฮว้าอย่างไม่ทันรู้ตัวจักรพรรดิหมิงหยวนจับตามองนางตลอด ย่อมเห็นจิตใต้สำนึกของนางที
ซู่ผินกลับถึงตำหนักแล้วก็คุกลงกับพื้นเต๋อเฟยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองดูนางอย่างอ่อนแรง สายตาที่มองทั้งผิดหวังและเกลียดชัง “ทำไมกัน? อ๋องฉู่ทำอะไรให้เจ้าเคียดแค้นชิงชังเขานัก? ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเจ้าสั่งให้เจ้าทำร้ายเขาเช่นนี้?”ซู่ผินส่ายหน้าอย่างไร้ความรู้สึก “พระนาง ข้าถูกท่านอ๋องล่วงเกินจริง ๆ เพคะ”เต๋อเฟยพูดอย่างเกลียดชัง “ใช่สิ ก่อนหน้านั้นไม่นาน เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่บอกข้าว่า ชายชู้ของเจ้าคืออ๋องฉู่ แต่ไม่เคยบอกว่าเจ้าถูกล่วงเกิน”ซู่ผินกล่าวว่า “หม่อมฉันยังคงยืนยันคำเดิม หม่อมฉันถูกล่วงเกิน”เต๋อเฟยตบหน้านาง โกรธจนแทบสิ้นสติ นางตบลงไปแล้วฉาดหนึ่ง รู้สึกตัวเองเกือบเป็นลมล้มลงไปซู่ผินยกมือขึ้นลูบหน้าที่ถูกตบ “พระนาง ท่านพูดถูก ข้าไม่ควรลากครอบครัวมาเกี่ยวข้อง ข้าไม่ควร”“ตอนนี้เจ้าพึ่งรู้ว่าไม่ควรลากครอบครัวมาเกี่ยวข้อง? แล้วตั้งแต่แรกเจ้าไปคบชู้สู่ทำไม?” เต๋อเฟยพูดอย่างชิงชังซู่ผินยิ้มอย่างขมขื่น “ทำไม? ท่านบอกว่าทำไมรึ?”นางเงยหน้าขึ้นมองเต๋อเฟย และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเกลียดชังเคียดแค้นว่า “พระนาง ทุกวันท่านไม่ส่องกระจกบ้างหรือ? ท่านเห็นรอยบนหางตาท่านบ้างไหม? เห็
นางข้าหลวงสี่นั่งย่อลงกับพื้น และกุมมือนางไว้ กลัวว่านางจะตื่นตระหนกจนทำร้ายตัวเองได้“ท่านอ๋องถูกฝ่าบาทคุมตัวไปห้องมืดเพคะ” นางข้าหลวงสี่กล่าวหยวนชิงหลิงมองนาง “โอ้”มีอะไรน่าตื่นตระหนกตกใจ?ไปห้องมืด เขาไม่ได้กลัวความมืดสักหน่อยนางข้าหลวงสี่รู้สึกว่าพระชายาตอนนี้เมื่อเจอปัญหาก็สงบนิ่งมากขึ้น จึงกล่าวต่อไปว่า “ดังนั้น พระชายาท่านต้องหาทางทำให้องค์ชายแปดฟื้นขึ้นมาให้ได้นะเพคะ ตอนนี้มีแค่วิธีนี้ที่จะยืนยันว่าท่านอ๋องบริสุทธ์ เขาเป็นพยานคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์นะเพคะ”หยวนชิงหลิงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงจับมือนางข้าหลวงสี่แน่น “หมายความว่ายังไงกัน? ห้องมืดคือที่ไหน? เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”นางข้าหลวงสี่กล่าวว่า “ห้องมืดคือสถานที่คุมขังนักโทษชั่วคราวในวังหลวงเพคะ”“เกิดอะไรขึ้นกับเขา?” หยวนชิงหลิงตื่นตระหนกขึ้นมา “ทำไมเสด็จพ่อทำไมถึงเอาเขาเข้าไปขังในห้องมืดกัน?”นางข้าหลวงสี่ส่ายหน้า “บ่าวเองก็ไม่ทราบเพคะ บ่าวเองก็คิดหาทางเข้าไปในตำหนักเต๋อช่างไปถาม เพียงแต่ตอนนี้ตำหนักเต๋อช่างไม่อนุญาตให้ใครเข้า บ่าวกลัวว่าเข้าไม่ได้ จึงคิดหาทางเข้าไปเพคะ”“เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับตำหนักเต๋อช่าง?” ห
เต๋อเฟยพึ่งจะทาน้ำมันยาไป ในห้องจึงมีกลิ่นยาลอยอยู่ นางเห็นหยวนชิงหลิงเข้ามา นางกุมมือหยวนชิงหลิงด้วยความเสียใจ นางถอนหายใจ และกล่าวออกมาว่า “พระชายา ข้าทำร้ายเจ้าห้าแล้ว ข้าหวังทำดีแต่กลับทำเรื่องร้ายลงไปซะแล้ว”หยวนชิงหลิงกับเต๋อเฟยไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก แต่เมื่อเห็นท่าทางนางเช่นนี้ ก็อดถามนางไม่ได้ “พระนางโปรดสงบพระทัยก่อนเถอะเพคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่เพคะ?”เต๋อเฟยหลังจากเชิญนางนั่งลง ก็เรียกนางข้าหลวงสี่บอกเรื่องราวไปก่อนครึ่งหนึ่ง นางข้าหลวงสี่บอกเรื่องกู้ซีทั้งหมดแก่นางหลังจากพูดจบแล้วยังเน้นว่า “กู้ซีเข้าใจผิด คนที่ลวนลามซู่ผินไม่ใช่ท่านอ๋องแน่เพคะ กู้ซีเองก็รู้ตัวแล้วว่าตัวเองมองผิดไป”หยวนชิงหลิงฟังจบแล้ว ยากที่จะเชื่อได้จริง ๆ ว่ากู้ซีจะโง่เง่าอะไรขนาดนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าสายตาเขาจะมองผิดพลาดไปอะไรได้ขนาดนี้ “กู้ซีคิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องกับซู่ผินแอบทำเรื่องแบบนั้น? ซู่ผินก็คือผู้หญิงข้างนอกนั้นใช่หรือไม่? ท่านอ๋องถึงได้รังเกียจนาง”เต๋อเฟยกับนางข้าหลวงสี่อึ้งไปเลย คำตอบนี้พวกนางล้วนไม่เคยคาดเดาไว้เลยหลังจากนั้นเต๋อเฟยก็เล่าเรื่องในหอตำราหลวงอย่างละเอียดทั้งหมด และกล่า
หยวนชิงหลิงออกจากห้องโถงหลัก จึงสั่งให้คนยกเก้าอี้ตัวเล็กออกมาแล้วนั่งลงตรงหน้าซู่ผินนางจ้องมองซู่ผินอยู่นาน ซู่ผินเอาแต่ก้มหัวตลอด ท้ายที่สุดก็ถูกหยวนชิงหลิงจ้องจนกลัวลนลาน นางจึงพูดออกมาอย่างเรียบเฉยว่า “พระชายา มีอะไรจะพูดก็พูดเถอะเพคะ”หยวนชิงหลิงกล่าวว่า “ได้ยินพระนางเต๋อเฟยบอกว่า เจ้าคิดว่าตัวเองงดงามมากสินะ?”ซู่ผินมองนางอย่างยั่วยุชวนโมโห “หม่อมฉันคิดว่าตัวเองสวยกว่าพระชายาเพคะ” “รู้ไหมว่าทำไมเสด็จพ่อถึงไม่โปรดปรานเจ้า?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถามซู่ผินยิ้มอย่างเย็นชา “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพระชายา พระชายาเองไม่มีคุณสมบัติอะไรจะถามเช่นนี้ พระชายาไปวิ่งเต้นเพื่อช่วยท่านอ๋องฉู่เถอะเพคะ เพียงแต่ เกรงล่วงเกินสนมผินแห่งวังหลังอย่างหม่อมฉัน เกรงว่าวิ่งเต้นไปก็เปล่าประโยชน์”“เจ้าเห็นว่าเสด็จพ่อเลอะเลือนงั้นรึ? ใครจริงใครเท็จ ข้ายังแยกแยะได้ เสด็จพ่อมีหรือจะไม่ทรงทราบ?” หยวนชิงหลิงยิ้มแย้มออกมาเล็กน้อย พยายามอดทนควบคุมฝ่ามือตัวเองไม่ให้ตบนางลงไป“พระชายามั่นใจเช่นนั้น ก็ไม่ควรมาที่นี่ ควรรออยู่อย่างสงบก็ดีแล้ว”“ข้ามาที่นี่ เพราะไม่สามารถพาท่านอ๋องออกมาจากห้องมืดได้” หยวนชิงหลิงยิ้ม
นางข้าหลวงสี่ช่วยทำแผลให้นาง แล้วก็ประคองออกมา หยวนชิงหลิงคุกเข่าลงบนพื้นอย่างสง่าเผย “ขอบพระทัยเสด็จปู่ที่ช่วยเหลือเพคะ””เจ้านี่ ยังไปบีบบังคับฮ่องเต้ให้ช่วยเจ้าห้าแบบนี้ เจ้าก็ทำให้เขาโกรธเช่นเดียวกัน” ไท่ซ่างหวงพูดอย่างเด็ดขาด“ไม่ใช่เพราะข้าไม่มีทางเลือกหรอกหรือ? หกสิบไม้เลยนะเพคะ ใครจะทนได้?” หยวนชิงหลิงพูดอย่างไม่มีทางเลือกไท่ซ่างหวงส่ายหน้าอย่างอารมรณ์ไม่ค่อยดี “แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ ทำต่อไม่ได้แล้ว ภายหลังเกิดเรื่องแบบนี้อีก อย่าได้นำข้าไปเป็นโล่ ทำให้ข้าเสียหายหมด”ทหารองค์รักษ์เข้าไปทูลจักรพรรดิหมิงหยวนแล้ว บอกว่าซู่ผินแทงพระชายา พระชายาตกใจกลัวจนแทบหมดสติ ไม่กล้าอยู่ที่ตำหนักเต๋อช่าง รีบไปรักษาตัวที่ตำหนักเฉียนคุนจักรพรรดิหมิงหยวนขมวดคิ้ว “ซู่ผินทำแบบนั้นจริง ๆ รึ?”หยวนชิงหลิงวิ่งไปที่ตำหนักเต๋อช่างทำไม? ไม่ได้อยู่ที่ตำหนักชิงฮว่าพักผ่อนรึ?“หม่อมฉันเข้าไปสอบถามแล้ว ซู่ผินทำจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ บอกว่าพระชายาไปสอบถามซู่ผินสองประโยค ซู่ผินก็ดุด่านางยกใหญ่ และตื่นตระหนกจนดึงปิ่นมาทำร้ายพระชายาพ่ะย่ะค่ะ” ทหารองค์รักษ์ทูลเช่นนั้นทางด้านจักรพรรดิหมิงหยวนที่ยังไม่ทราบข้อเท