นัยน์ตาของเต๋อเฟยลุกโชนราวกับเปลวเพลิง "แต่งเรื่องได้ดี แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่ใช่คนโง่"ซู่ผินร้องร่ำไห้ "พระสนม ที่ข้าเล่าไปล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ถ้าไม่ใช่อ๋องฉู่ จะรับสารภาพว่าฆ่าคนได้อย่างไรเพคะ? นั่นเป็นโทษร้ายแรงถึงขั้นตัดหัวนะเพคะ"เต๋อเฟยรู้ว่าเขานั้นมีเหตุผล เพียงแต่ว่าไม่เชื่อคำพูดของซู่ผินนางรู้ว่าไม่สามารถปล่อยให้ซู่ผินเอ่ยวาจาส่งเดชได้ มิเช่นนั้นจะต้องทำให้เจ้าห้าเข้ามาพัวพันเป็นแน่นางมองต่ำลงไปแล้วเอ่ยเสียงเย็นชา "ใครก็ได้เข้ามา!"ประตูถูกผลักให้เปิดออก แล้วแม่นมก็เดินเข้ามา "พระสนมเชิญท่านรับสั่งเพคะ""นำตัวซู่ผินกลับเข้าไปในตำหนัก ปิดปากนางไว้อย่าให้นางเอ่ยวาจาส่งเดชอีก" เต๋อเฟยกล่าวด้วยความโมโหแม่นมได้รับคําสั่ง นางหันกลับไปหยิบผ้าผืนหนึ่ง ส่วนอีกมือก็ดึงซู่ผินไว้แล้วยัดผ้าเข้าไปในปากของนางแล้วเอ่ย "พระสนมซู่ผินเชิญเพคะ!"ซู่ผินถูกนำตัวออกไปอย่างรีบร้อนเต๋อเฟยคิดว่าจำเป็นจะต้องไปเข้าพบเจ้าห้าแล้วนางเอ่ยขึ้น "ใครก็ได้ไปเชิญอ๋องฉู่มาพบข้าที่ตำหนัก แล้วบอกว่าข้ามียาบำรุงครรภ์หลายเม็ดจะมอบให้พระชายา""เพคะ!" นางกำนัลรับคำสั่งแล้วออกไปอวี่เหวินห่าวกำลัง
เต๋อเฟยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “เช่นนั้นแล้ว หมายความว่าองค์ชายแปดเห็นหน้าของชายชู้นั่น?”“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” อวี่เหวินห่าวส่ายหน้า “หม่อมฉันไม่มองโลกในแง่ดี ตอนนี้เสด็จพ่อสั่งให้คลี่คลายคดีนี้ให้ได้ เรื่องนี้ซู่ผินทำได้แค่ปิดบังไว้เท่านั้น ถ้าพวกเราไม่มีหลักฐานอะไรใหม่ หรือบางทีรอน้องแปดฟื้นขึ้นมา เรื่องนี้ก็ไม่อาจปิดบังไว้แล้ว”เต๋อเฟยกังวลแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นจะทำอย่างไรกันดี?”อวี่เหวินห่าวครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “หม่อมฉันพบเบาะแสบ้างแล้ว แต่ยังต้องตรวจสอบ”เต๋อเฟยกล่าวว่า “งั้นเจ้ารีบไปเถอะ ข้าจะจับตาดูนางแพศยานั่นเอง ข้าจะไม่ยอมให้นางเปิดปากพูดแม้แต่ครึ่งคำ”อวี่เหวินห่าวพยักหน้า “เสด็จแม่เต๋อเฟย ท่านอยู่ที่นี่ไม่นาน นางต้องพูดแน่ ถึงพระองค์ไม่ทูลเรื่องนี้ เรื่องนี้ก็จะมีคนทูลไปถึงเสด็จพ่ออยู่ดี”อวี่เหวินห่าวครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทันใดนั้นแววตาของเขาก็มีประกายขึ้นมา “ถ้ามีคนต้องการไปบอกให้เสด็จพ่อทรงทราบ คน ๆ นั้นต้องเป็นทหารที่ลาดตระเวรใกล้ ๆ กับตำหนักหมิงฮวาถึงจะสมเหตุสมผล แต่ว่าเรื่องนี้ถ้าไม่มีคนพบเห็นจริง ๆ นอกจากชายชู้คนนั้น ถ้าเกิดนำไปฟ้องแล้ว เสด็จพ่อต้องสอบสวนอ
อวี่เหวินห่าวกล่าว “เสด็จแม่เต๋อเฟย เรื่องนี้ไม่ง่ายนัก ถึงซู่ผินจะโง่เขลา แต่ก็ไม่ทำลายทั้งครอบครัวเพื่อผู้ชายเพียงคนเดียว ดังนั้นหม่อมฉันคิดว่านางจะไม่ไป หากนางไม่ไป แม้ภายหลังฝ่าบาทจะไม่โปรดปรานนางอีก แต่อย่างน้อยก็ยังรักษาชีวิตไว้ได้ ซู่ผินก็เป็นคนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงไม่ก่อนเรื่องอุกอาจเพราะความเหงาเพียงชั่วครู่ ไม่สนใจชื่อเสียงของครอบครัว และชีวิตพ่อแม่พี่น้องของนาง ดังนั้นพระองค์โปรดอดทนอยู่ที่นี่ก่อน รอหม่อมฉันมารายงาน ถ้าอู๋ซูฮว้าไปจริง ๆ หม่อมฉันจะสั่งให้คนมาแจ้งให้ท่านทราบ พระองค์สั่งให้ซู่ผินฆ่าตัวตายก่อน แต่ต้องไม่บอกว่าพระองค์เป็นคนออกคำสั่ง ก็เท่ากับว่านางได้ยอมรับผิดแล้ว หลังจากนั้นได้ฆ่าตัวตาย อย่าให้นางไปทูลต่อหน้าเสด็จพ่อได้”เต๋อเฟยเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าห้า ถ้าตามวิธีที่เจ้าว่า เรื่องนี้ไม่มีผลดีอะไรกับเจ้าเลย ถ้าอู๋ซูฮว้าไปฟ้องร้องเจ้ากับซู่ผินอย่างส่งเดช หลังจากนั้นข้าไปหาฝ่าบาท บอกว่าซู่ผินฆ่าตัวตายเพราะยอมรับสารภาพเรื่องคบชู้กับอู๋ซูฮว้าอย่างฉาบฉวย เช่นนั้นเจ้าก็ยังไม่พ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัยและอีกทั้งเจ้าอาจจะถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับอู๋ซูฮว้า”อวี่เห
ซู่ผินถึงกับหน้าถอดสี ริมฝีปากนางสั่นระริก และมองพระนางเต๋อเฟยด้วยความตื่นตระหนก “พันหมื่นมีดแล่?”เต๋อเฟยมองนางด้วยสีหน้าที่ค่อย ๆ อ่อนลง นางถอนหายใจเบา ๆ และกล่าวว่า “ข้าเองก็เป็นผู้หญิง รู้ว่าเจ้าคิดยังไง ข้าจะพาเจ้าไปพบฝ่าบาท เรื่องจริงเป็นอย่างไร เจ้าสารภาพกับฝ่าบาทเถอะ จะฆ่าจะแกงเจ้าก็ต้องรับไว้”ซู่ผินล้มลงกับพื้น แววตาของนางดูสับสนและรู้สึกกระวนกระวายเต๋อเฟยออกคำสั่ง “เข้ามาพยุงซู่ผินขึ้นไปหอตำราหลวง เพื่อขอเข้าเฝ้า!”หอตำราหลวง จักรพรรดิหมิงหยวนมองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น กล้ามเนื้อบนใบหน้าสั่นกระตุก แววตากดซ่อนอารมรณ์โกรธและตื่นตระหนกไว้ ”เจ้าพูดจริงรึ?” เสียงของจักรพรรดิหมิงหยวนราวกับมาจากนรกทั้งดำมืดและเย็นเยือกอู๋ซูฮว้าก้มศีรษะติดพื้น “ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันทูลความจริงพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันมีโทษที่ปกปิดเรื่องนี้แล้วเพิ่งมาทูลฝ่าบาท เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก กระหม่องเกรงว่าจะส่งผลต่อชื่อเสียงของฝ่าบาท หม่อมฉันคิดเรื่องนี้มาโดยตลอดไม่รู้จะทูลฝ่าบาทอย่างไร หม่อมฉันสมควรตาย!”ทางด้านมู่หรูกงกงที่ได้ยินก็ตกตะลึก ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ๆ ออกมา“เจ้าแน่ใจรึว่าคนที่เจ้าเห็นคืออ
อวี่เหวินห่าวรู้สึกหมดหนทาง เขากวาดตามองอู๋ซูฮว้าอย่างเย็นชา อู๋ซูฮว้าคุกเข่าอยู่บนพื้นไม่พูดไม่จา แต่สายตาของเขาดูลอกแล่กไปมาพระนางเต๋อเฟยพาซู่ผินเข้ามา คุกเข่าลงก่อน และพูดเสียงจริงจังว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันไร้ความสามารถปกครองได้ไม่ดี หม่อมฉันสมควรได้รับโทษ!”ซู่ผินมองเห็นอู๋ซูฮว้าคุกเข่าบนพื้น ร่างนางไร้เรี่ยวแรงลงไปครึ่งหนึ่ง นางทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้นร้องไห้ออกมาและกล่าวว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันถูกล่วงเกิน หม่อมฉันสมควรตาย...”ราวกับมีของแข็งมากระแทกหัวของเต๋อเฟยอย่างแรง นางแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลย นางมองซู่ผินอย่างตกตะลึงอู๋ซูฮว้าที่ได้ยินเช่นนั้น ก็แย้งคำพูดของซู่ผินไปทันที “ฝ่าบาท พระสนมซู่ผินถูกอ๋องฉู่ล่วงเกินหรือไม่ หม่อมฉันเห็นไม่ฉัน หม่อมฉันอาจเข้าใจผิด อย่างไรเสีย สิ่งที่หม่อมฉันเห็นก็ไม่อาจกล่าวได้อย่างแน่ชัดว่านางเต็มใจหรือถูกบังคับพ่ะย่ะค่ะ”ซู่ผินโขกหัวลงกับพื้น ได้ยินอู๋ซูฮว้าพูดเช่นนั้น ในใจของนางเต้นแรงมาก และกล่าวอย่างเศร้าสร้อยว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันยอมรับผิด หม่อมฉันถูกอ๋องฉู่บังคับ หม่อมฉันมิอาจต่อต้าน ขอฝ่าบาทได้โปรดให้ความกระจ่างด้วย”เต๋อเฟยรีบกล่าวว่า “ฝ่าบาท
จักรพรรดิหมิงหยวนมองซู่ผิน “เจ้าพูดมา วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”ซู่ผินเอาแต่ร้องไห้ไม่เปิดปากพูด จักรพรรดิหมิงหยวนยิ่งโกรธว่าเดิม “ร้องอะไร? ข้าบอกให้พูดก็พูด” ซู่ผินตกใจและรีบกล่าวว่า “ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันวันนั้น… วันนั้นหม่อมฉันออกไปเดินเล่นคนเดียวผ่านแถวตำหนักหมิงฮวา ถูกคนลากเข้าไป ทำให้หม่อมฉันตกใจมาก หม่อมฉันยังไม่ได้เห็นคนผู้นั้นอย่างชัดเจน หลังจากนั้นก็ได้กลิ่มหอม หม่อนฉันก็รู้สึกมึนงงเวียนหัว หลังจากนั้นหม่อมฉันที่งุนงงนั้นก็รู้สึกเหมือนมีคนมาถามเสื้อผ้าของหม่อมฉัน… คิดไม่ถึงเลย ทันได้นั้นได้ยินคนตะโกนเรียกพี่ห้า หม่อมฉันก็รู้สึกตัวขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเห็นว่าเป็นอ๋องฉู่แน่แล้ว อ๋องฉู่ชักกระบี่ฆ่าขันทีน้อยคนนั้น หม่อมฉันตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ก้มลงกุมหัวตัวเองไว้แน่น พบว่าองค์ชายแปดก็ล้มลงไปเช่นกัน หลักจากนั้นอ๋องฉู่ก็อุ้มหม่อมฉันกระโดดข้ามกำแพงไป และเขาทิ้งหม่อมฉันลง แล้วก็จากไปทันที”อวี่เหวินห่าวพูดอย่างเย็นชา “ถ้าข้าบังคับเจ้า งั้นฆ่าก็ควรฆ่าเจ้าไปด้วยสิ”ซู่ผินตกใจ และหันไปมองอู๋ซูฮว้าอย่างไม่ทันรู้ตัวจักรพรรดิหมิงหยวนจับตามองนางตลอด ย่อมเห็นจิตใต้สำนึกของนางที
ซู่ผินกลับถึงตำหนักแล้วก็คุกลงกับพื้นเต๋อเฟยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองดูนางอย่างอ่อนแรง สายตาที่มองทั้งผิดหวังและเกลียดชัง “ทำไมกัน? อ๋องฉู่ทำอะไรให้เจ้าเคียดแค้นชิงชังเขานัก? ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเจ้าสั่งให้เจ้าทำร้ายเขาเช่นนี้?”ซู่ผินส่ายหน้าอย่างไร้ความรู้สึก “พระนาง ข้าถูกท่านอ๋องล่วงเกินจริง ๆ เพคะ”เต๋อเฟยพูดอย่างเกลียดชัง “ใช่สิ ก่อนหน้านั้นไม่นาน เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่บอกข้าว่า ชายชู้ของเจ้าคืออ๋องฉู่ แต่ไม่เคยบอกว่าเจ้าถูกล่วงเกิน”ซู่ผินกล่าวว่า “หม่อมฉันยังคงยืนยันคำเดิม หม่อมฉันถูกล่วงเกิน”เต๋อเฟยตบหน้านาง โกรธจนแทบสิ้นสติ นางตบลงไปแล้วฉาดหนึ่ง รู้สึกตัวเองเกือบเป็นลมล้มลงไปซู่ผินยกมือขึ้นลูบหน้าที่ถูกตบ “พระนาง ท่านพูดถูก ข้าไม่ควรลากครอบครัวมาเกี่ยวข้อง ข้าไม่ควร”“ตอนนี้เจ้าพึ่งรู้ว่าไม่ควรลากครอบครัวมาเกี่ยวข้อง? แล้วตั้งแต่แรกเจ้าไปคบชู้สู่ทำไม?” เต๋อเฟยพูดอย่างชิงชังซู่ผินยิ้มอย่างขมขื่น “ทำไม? ท่านบอกว่าทำไมรึ?”นางเงยหน้าขึ้นมองเต๋อเฟย และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเกลียดชังเคียดแค้นว่า “พระนาง ทุกวันท่านไม่ส่องกระจกบ้างหรือ? ท่านเห็นรอยบนหางตาท่านบ้างไหม? เห็
นางข้าหลวงสี่นั่งย่อลงกับพื้น และกุมมือนางไว้ กลัวว่านางจะตื่นตระหนกจนทำร้ายตัวเองได้“ท่านอ๋องถูกฝ่าบาทคุมตัวไปห้องมืดเพคะ” นางข้าหลวงสี่กล่าวหยวนชิงหลิงมองนาง “โอ้”มีอะไรน่าตื่นตระหนกตกใจ?ไปห้องมืด เขาไม่ได้กลัวความมืดสักหน่อยนางข้าหลวงสี่รู้สึกว่าพระชายาตอนนี้เมื่อเจอปัญหาก็สงบนิ่งมากขึ้น จึงกล่าวต่อไปว่า “ดังนั้น พระชายาท่านต้องหาทางทำให้องค์ชายแปดฟื้นขึ้นมาให้ได้นะเพคะ ตอนนี้มีแค่วิธีนี้ที่จะยืนยันว่าท่านอ๋องบริสุทธ์ เขาเป็นพยานคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์นะเพคะ”หยวนชิงหลิงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงจับมือนางข้าหลวงสี่แน่น “หมายความว่ายังไงกัน? ห้องมืดคือที่ไหน? เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”นางข้าหลวงสี่กล่าวว่า “ห้องมืดคือสถานที่คุมขังนักโทษชั่วคราวในวังหลวงเพคะ”“เกิดอะไรขึ้นกับเขา?” หยวนชิงหลิงตื่นตระหนกขึ้นมา “ทำไมเสด็จพ่อทำไมถึงเอาเขาเข้าไปขังในห้องมืดกัน?”นางข้าหลวงสี่ส่ายหน้า “บ่าวเองก็ไม่ทราบเพคะ บ่าวเองก็คิดหาทางเข้าไปในตำหนักเต๋อช่างไปถาม เพียงแต่ตอนนี้ตำหนักเต๋อช่างไม่อนุญาตให้ใครเข้า บ่าวกลัวว่าเข้าไม่ได้ จึงคิดหาทางเข้าไปเพคะ”“เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับตำหนักเต๋อช่าง?” ห