เสด็จพ่อมอบคดีนี้ให้ข้า ตอนนี้กู้ซีถูกคุมขังชั่วคราวอยู่ในจวนจิงจ้าวของสำนักผู้ตรวจการ ข้ายังไม่รู้จะไปถามเขาอย่างไร" อวี่เหวินห่าวถอนหายใจเฮือกใหญ่หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม "องค์ชายแปดและอ๋องฉีห่างกันปีกว่า แต่อ๋องฉีได้รับพระราชทานจวนชินอ๋องให้พักอาศัยอยู่ด้านนอก แต่เพราะอะไรจนบัดนี้องค์ชายแปดยังไม่ได้รับพระราชทานจวน และยังไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋อง? อีกทั้งข้ายังจำได้เหมือนกับว่าจะยังคงไม่สมรสใช่หรือไม่?"ตามกฎแล้วนั้น องค์ชายที่โตเกินวัยไม่สามารถอาศัยอยู่ในวังหลังได้อวี่เหวินห่าวเอ่ย "ความจริงเสด็จพ่อมีพระประสงค์ให้มีพระราชโองการแต่งตั้งให้เขาเป็นอ๋องลวี่ เพียงแต่เจ้าแปดสติปัญญาไม่ค่อยฉลาดปราดเปรื่องนัก”"ไม่ฉลาดปราดเปรื่อง?""เขา…" อวี่เหวินห่าวก็ไม่รู้ว่าจะต้องเอ่ยอย่างไร "ตั้งแต่เด็กเขาก็ไม่ชอบที่จะพูดคุยกับผู้ใดนัก มีนิสัยสันโดษ ชอบเก็บตัว อีกทั้งก็ยังไม่ค่อยรู้ตัวอักษร รักเพียงการวาดภาพ มีเวลาก็สามารถนั่งวาดภาพได้ทั้งวัน แต่เขาชอบข้าและเจ้าเจ็ด จึงชอบทำตัวติดกับพวกข้า วันนี้เห็นเขาแม้แต่จะหายใจก็ดูเหมือนจะไม่มี ในใจของข้านั้นหวาดกลัวเป็นอย่างมาก”หยวนชิงหลิงได้ฟังการเจ็บป่วยนี้
นางข้าหลวงสี่เอ่ยปลอบโยน "องค์ชายแปดจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน ท่านก็อย่าคิดมากเลยเพคะ รีบนอนเถอะ"หยวนชิงหลิงจำต้องเอนตัวลงนอน ไม่เช่นนั้นนางข้าหลวงจะต้องไม่หยุดบ่นเป็นแน่ความรู้สึกสับสน หลังจากครุ่นคิดอยู่นานเธอจึงค่อย ๆ ผล็อยหลับไปเพียงแต่นางเพิ่งจะหลับไปไม่นานก็ได้ยินนางข้าหลวงสี่เอ่ยเรียก "พระชายา รีบตื่นเถอะเพคะ มีคนในวังมาเพคะ"หยวนชิงหลิงลืมตาขึ้นอย่างมึนงงได้ยินมามีคนอยู่มาที่วังนางก็ตกใจกลัวลุกขึ้นนั่งทันที จับมือของนางข้าหลวงสี่ "ใช่ องค์ชายแปดหรือไม่…"นางข้าหลวงสี่ปิดปากของเธอแล้วเอ่ยเสียงเบา "ชู่ อย่าพูดจาเหลวไหลเพคะ เป็นมู่หรูกงกงที่มาบอกว่า ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ท่านเข้าวังหลวงตอนนี้"ใบหน้าของหยวนขิงหลิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย "สถานการณ์องค์ชายแปดไม่ดีแล้วเป็นแน่" เธอลุกขึ้น นางข้าหลวงสี่และลวี่หยาเข้ามาช่วยผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า หวีผมแล้วมวยขึ้นอย่างง่าย ๆ อากาศค่อนข้างหนาว ดังนั้นนางข้าหลวงสี่จึงเปิดตู้หยิบเอาเสื้อคลุมตัวหนึ่งออกมาให้หยวนชิงหลิงคลุมไว้ แล้วพาเดินออกไปมู่หรูกงกงรออยู่ด้านนอกอย่ากระวนกระวาย เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงออกมาก็เอ่ยขึ้นทันที "พระชายา หวงซ่างมีรับสั่งให
เด็กหนุ่มคนนั้นใบหน้าบริสุทธิ์ ถ้าไม่ใช่ใบหน้าที่ซีดขาวและลมหายใจที่แผ่วเบา ก็ทําให้ผู้คนคิดว่าแค่หลับไปแล้วเท่านั้นด้านข้างมุมปากของเขามีรอยเช็ดสีแดงก่ำ น่าจะเกิดจากการอาเจียนเป็นเลือดหมอหลวงเฉาเอ่ยเสียงเบา "พระชายา องค์ชายแปดก่อนหน้านี้ถูกทำให้ตกใจอย่างรุนแรง ทำให้เส้นชีพจรหัวใจแตกสลาย อีกทั้งกระบี่ได้แทงโดนส่วนสำคัญที่สุด ถึงแม้ว่าจะได้รับยาจื่อจินเข้าไปแล้ว แต่ว่าสถานการณ์ย่ำแย่เป็นอย่างมาก ลมหายใจยิ่งเบาลงเรื่อย ๆหมอหลวงหลายคนที่รออยู่ที่นี่ก็หมดหนทาง ไร้ซึ่งวิธี เห็นได้ชัดว่าถอดใจกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฮ่องเต้และฮองเฮาล้วนอยู่ด้านนอก และเพื่อที่จะไม่ต้องสิ้นชีวิต นั่นคือคนผมขาวจึงส่งคนผมดำมาแทนหยวนชิงหลิงพยักหน้าเงียบ ๆ แล้วจึงเดินเข้าไปเมื่อตอนอยู่บนรถม้าได้แอบนำกล่องยาออกมาวางไว้บนพื้นเรียบร้อยแล้ว เมื่อลงมาก็ถือกล่องยาลงมาด้วยในตอนนี้เมื่อเธอเปิดกล่องยา ก็พบว่ายามีการปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าไม่ได้มากนัก มียาห้ามเลือดและยาบำรุงหัวใจเธอนำอุปกรณ์ฟังเสียงหัวใจออกมา แล้วฟังจังหวะการเต้นของหัวใจ มีเลือดออกภายในและได้รับบาดเจ็บภายในทำให้มีเลือดคั่งอยู่ในช่องอก ห
องค์ชายเก้าก้มศีรษะลง แล้วค่อย ๆ เดินออกไปหยวนชิงหลิงรู้ว่านี้เป็นช่วงเวลาความเป็นความตาย ทางที่ดีที่สุดคือไม่ควรยั่วยุฮองเฮา แต่ว่าหลังการปิดม่านการแสดงนี้ ยังมีหางตาที่โค้งขึ้นเล็กน้อย กําลังจะหลั่งน้ำตาออกมา ฉากนี้สะเทือนใจหยวนชิงหลิงเป็นอย่างมากองค์ชายเก้าเป็นห่วงพี่ชายผู้นี้มาก ดังนั้นถึงจะรู้แน่ชัดว่าฮองเฮานั้นไม่ชอบเขา แต่เขาก็ยังจะยังมุ่งมาที่นี่หยวนชิงหลิงเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น "สถานการณ์คับขัน เลือดของพี่น้องนั้นเข้ากันได้ง่าย น่าจะดีกว่าถ้าลองตรวจสอบดูสักหน่อย"ขณะที่หยวนชิงหลิงเอ่ยออกมา นางมองไปทางจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนพยักหน้าช้า ๆองค์ชายเก้าเดินกลับมาแล้วมองหยวนชิงหลิง "รบกวนพี่สะใภ้ห้าแล้ว"เขาน่าจะเพิ่งผ่านช่วงเวลาเสียงเปลี่ยนไปได้ไม่นาน เสียงของเขานั้นจึงดูเหมือนว่าจะต่ำเป็นพิเศษหยวนชิงหลิงตรวจสอบเขาแล้วนิ่งไปชั่วขณะ นัยน์ตามีความสุข "เข้ากันได้!"ฮองเฮาชะงักไปครู่หนึ่ง ลมหายใจถี่กระชั้นอย่างไม่ยินยอม นางมององค์ชายเก้าด้วยความเคียดแค้นจักรพรรดิหมิงหยวนได้เอ่ยออกมา "อย่างนั้นยังไม่รีบพาเข้าไปอีกหรือ?"หยวนชิงหลิงเอ่ยกับองค์ชายเก้า "น้องเก้า
ทางด้านไทเฮาและไท่หวงซ่างยังไม่ได้แจ้งให้ทราบเพียงแต่ว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะปิดบังไท่หวงซ่างทำได้เพียงปิดบังไทเฮาเท่านั้นจักรพรรดิหมิงหยวนรับสั่งให้อวี่เหวินห่าวเบิกตัวกู้ซีมาเพื่อไต่สวน สีหน้าของฮองเฮาก็ดำมืด "เขาคือฆาตกร"จักรพรรดิหมิงหยวนจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชาหยวนชิงหลิงเดินออกไปหยุดพักชั่วคราวที่ในห้องโถงตำหนักห้องโถงตำหนักมีภาพวาดมากมายแขวนอยู่ทั้งหมดเป็นภาพวาดทัศนียภาพ ทั้งหมดล้วนเป็นภาพทิวทัศน์ หยวนชิงหลิงมองลงไปทีละภาพ นี่คือโลกในสายตาของเด็กคนนี้ ภายในกําแพงเป็นทิวทัศน์ที่ทอดยาวออกไปอย่างไร้ขีดจํากัดหยวนชิงหลิงตกตะลึงในตัวขององค์ชายคนนี้ภาพวาดเหล่านี้ราวกับมีชีวิต ต้นไม้ใบหญ้าแต่ละต้นทั้งหมดราวกับมีชีวิตนี้คืออีกหนึ่งความสามารถพิเศษทางการประพันธ์ของเด็กหนุ่มหยวนชิงหลิงไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงประสบเคราะห์กรรมร้ายครั้งนี้ และไม่รู้ว่าทำไมกู้ซีถึงลงมือทำร้ายเขา หรืออาจจะไม่ใช่กู้ซีแต่เป็นคนอื่นในภาพวาดทัศนียภาพมากมายนั้นมีภาพเหมือนตนเองอยู่หนึ่งภาพน่าจะเป็นเขาวาดภาพวาดเหมือนตัวเองภาพนี้แปลกมาก ใบหน้ายาวมาก ดวางตาก็ใหญ่มากเกือบจะเป็นหนึ่งในสามของใบหน้า ดวงตากลม
อวี่เหวินห่าวรู้สึกงุนงงไปหมดแล้วหลังจากผ่านไปสักพักจึงกลับมารับรู้ "มารดาเจ้าเถอะ เจ้าเอ่ยเรื่องบ้าอะไรออกมา? ข้าให้เจ้ารับโทษแทนอะไร?"กู้ซีเอ่ยอย่างเย็นชา "ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพระชายากำลังตั้งครรภ์ และข้าเกรงว่านางจะสะเทือนจิตใจจากการที่จะต้องรับศพจนกระทบต่อสองชีวิต ข้าจะยอมรับโทษเพื่อเศษเดนมนุษย์เช่นเจ้าได้อย่างไร?"เขากระชากคอเสื้อของอวี่เหวินห่าวด้วยมือข้างเดียว แล้วพ่นเลือดใส่หน้าของเขา แล้วเอ่ยอย่างโหดเหี้ยม "ให้ตายเถอะ อวี่เหวินห่าว ข้าจะบอกว่าเจ้าบ้าไปแล้วใช่หรือไม่? เจ้าถึงขั้นอดใจไว้ไม่ไหว แต่ทำไมไม่คิดว่าซู่ผินคือผู้หญิงของเสด็จพ่อของเจ้า เจ้ามีสมองเท่าไรกัน ทำไมไม่ตัดทิ้งไปซะ? เจ้าสติฟั่นเฟือนไปแล้วจริง ๆ เจ้าแปดเห็นเรื่องงามหน้าของพวกเจ้า คาดไม่ถึงเจ้าจะให้มือสังหารจัดการเขา เขาเป็นน้องของเจ้า เจ้าเสียสติไปแล้วใช่หรือไม่?"อวี่เหวินห่าวใช้มือข้างหนึ่งปิดปากเขา กู้ซีจึงกัดมือของเขา อวี่เหวินห่าวโกรธเป็นอย่างมากจึงซัดหมัดออกไป ส่วนกู้ซีก็ไม่ได้ยอมจึงซัดหมัดสวนกลับมา อวี่เหลินห่าวยกโต๊ะขึ้นแล้วจะทุบลงไปแต่เมื่อเห็นใบหน้าของกู้ซีที่มีคราบเลือดเขาก็ไม่สามารถที่จะทุบมันลงไปได้
อวี่เหวินเอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก "องครักษ์ในวังหลวงนอกจากพวกเจ้าราชองครักษ์แล้ว ทั้งหมดล้วนแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมสีฟ้าคราม”กู้ซี่มองเขาอย่างโง่งม "ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น"อวี่เหวินห่าวถลึงตาใส่เขา "สมองพิการรึ?"คำพูดของหยวนชิงหลิงมีประโยชน์มากจริง ๆ โดยเฉพาะใช้บรรยายถึงตัวกู้ซีกู้ซีจนปัญญา "ตอนนี้จะทำอย่างไร? เจ้าจะต้องตรวจสอบใช้ชัดเจนว่าข้าบริสุทธิ์"อวี่เหวินห่าวไขว้มือไปด้านหลัง แล้วเดินเป็นวงกลมสองรอบ เห็นได้ชัดว่าเพื่อนร่วมหน่วยตรงหน้านี้โง่เหมือนหมูเขาเอ่ย "เจ้าอย่าเพิ่งเอ่ยอะไรออกมา ให้ข้าเป็นคนตอบเสด็จพ่อเองว่าถามไม่ได้ความอะไร เสด็จพ่อจะต้องโกรธเป็นอย่างมากแน่ แต่ว่าข้าจะไปพบบิดาเจ้า ให้เขาไปขอพระเมตตาจากเสด็จพ่อก่อน อย่างน้อยที่สุดก็ยืดเวลาได้สักวันสองวัน แล้วข้าจะเริ่มลงมือสอบสวนซู่ผินก่อน ซู่ผินจะต้องรู้แน่ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร""นางต้องบ้าเท่านั้น ถึงจะเอ่ยออกมา" กู้ซี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง "โดยเฉพาะถ้าในที่สุดเจ้าทำให้ซู่ผินยอมสารภาพถึงชายชู้คนนั้นของนาง เจ้าจะทูลกับฝ่าบาทอย่างไร? จักรพรรดิจะทรงยอมรับได้หรือไม่ที่ถูกทรยศสวมเขา?"การถูกสวมเขาสำหรับผู้ชายนั้นเจ็บปวดที่สุ
ท่านกู้โฮ่วรีบร้อนเข้าวังแล้วร้องไห้ยกใหญ่ อ้อนวอนขอพระเมตตาจากฮ่องเต้ ให้ทรงสอบสวนให้ชัดเจนก่อนที่จะตัดสินลงโทษในเรื่องนี้ ถ้าตรวจสอบแล้วกู้ซีมีความผิดจริง เขาจะเป็นคนลงมือฆ่าบุตรชายด้วยมือของเขาเองเดิมทีกู้โฮ่วและจักรพรรดิหมิงหยวนนั้นมีความรักผูกพันกันตั้งแต่เด็ก เมื่อเห็นเพื่อนเก่าร้องไห้เสียใจเช่นนี้ ต่อให้จักรพรรดิหมิงหยวนก็โกรธขนาดไหนก็ต้องใจอ่อนขึ้นมาบ้างอวี่เหวินห่าวรอจนท่านโฮ่วออกจากวังแล้วจึงเข้าไปกราบทูลว่า กู้ซีไม่ยอมเอ่ยสิ่งใดออกมา ดูเหมือนจะกำลังปกป้องคนผิด หรือมีสถานการณ์บางอย่างได้ยินเยี่ยงนี้จักรพรรดิก็ทรงกริ้วเป็นอย่างมาก แต่เมื่อคิดถึงกู้โฮ่วจึงยอมให้ตรวจสอบอย่างเข้มงวดว่าเป็นผู้ใดที่เขากำลังปกป้องอ๋องจี้ที่อยู่ด้านข้างได้ยินก็เอ่ยอย่างเย็นชา "กู้ซีเป็นรองราชองครักษ์ของเสด็จพ่อ หน้าที่ของเขาคือปกป้องจักรพรรดิ มองดูทั่วทั้งเมืองหลวงแล้วคนที่เขามีมิตรภาพที่ลึกซึ้งที่สุดก็คือเจ้าแล้วน้องห้า ถ้าบอกว่าเขากำลังต้องการที่จะปกป้องชีวิตคนผิด ก็มีเพียงเสด็จพ่อและน้องห้าเท่านั้นที่คู่ควรให้เขาทำเช่นนี้อวี่เหวินห่าวเอ่ยอย่างเย็นชา "พี่ใหญ่ ท่านเอ่ยวาจาเยี่ยงนี้ช่างหยาบ