Share

บทที่ 433

Author: จูน
เสด็จพ่อมอบคดีนี้ให้ข้า ตอนนี้กู้ซีถูกคุมขังชั่วคราวอยู่ในจวนจิงจ้าวของสำนักผู้ตรวจการ ข้ายังไม่รู้จะไปถามเขาอย่างไร" อวี่เหวินห่าวถอนหายใจเฮือกใหญ่

หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม "องค์ชายแปดและอ๋องฉีห่างกันปีกว่า แต่อ๋องฉีได้รับพระราชทานจวนชินอ๋องให้พักอาศัยอยู่ด้านนอก แต่เพราะอะไรจนบัดนี้องค์ชายแปดยังไม่ได้รับพระราชทานจวน และยังไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋อง? อีกทั้งข้ายังจำได้เหมือนกับว่าจะยังคงไม่สมรสใช่หรือไม่?"

ตามกฎแล้วนั้น องค์ชายที่โตเกินวัยไม่สามารถอาศัยอยู่ในวังหลังได้

อวี่เหวินห่าวเอ่ย "ความจริงเสด็จพ่อมีพระประสงค์ให้มีพระราชโองการแต่งตั้งให้เขาเป็นอ๋องลวี่ เพียงแต่เจ้าแปดสติปัญญาไม่ค่อยฉลาดปราดเปรื่องนัก”

"ไม่ฉลาดปราดเปรื่อง?"

"เขา…" อวี่เหวินห่าวก็ไม่รู้ว่าจะต้องเอ่ยอย่างไร "ตั้งแต่เด็กเขาก็ไม่ชอบที่จะพูดคุยกับผู้ใดนัก มีนิสัยสันโดษ ชอบเก็บตัว อีกทั้งก็ยังไม่ค่อยรู้ตัวอักษร รักเพียงการวาดภาพ มีเวลาก็สามารถนั่งวาดภาพได้ทั้งวัน แต่เขาชอบข้าและเจ้าเจ็ด จึงชอบทำตัวติดกับพวกข้า วันนี้เห็นเขาแม้แต่จะหายใจก็ดูเหมือนจะไม่มี ในใจของข้านั้นหวาดกลัวเป็นอย่างมาก”

หยวนชิงหลิงได้ฟังการเจ็บป่วยนี้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 434

    นางข้าหลวงสี่เอ่ยปลอบโยน "องค์ชายแปดจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน ท่านก็อย่าคิดมากเลยเพคะ รีบนอนเถอะ"หยวนชิงหลิงจำต้องเอนตัวลงนอน ไม่เช่นนั้นนางข้าหลวงจะต้องไม่หยุดบ่นเป็นแน่ความรู้สึกสับสน หลังจากครุ่นคิดอยู่นานเธอจึงค่อย ๆ ผล็อยหลับไปเพียงแต่นางเพิ่งจะหลับไปไม่นานก็ได้ยินนางข้าหลวงสี่เอ่ยเรียก "พระชายา รีบตื่นเถอะเพคะ มีคนในวังมาเพคะ"หยวนชิงหลิงลืมตาขึ้นอย่างมึนงงได้ยินมามีคนอยู่มาที่วังนางก็ตกใจกลัวลุกขึ้นนั่งทันที จับมือของนางข้าหลวงสี่ "ใช่ องค์ชายแปดหรือไม่…"นางข้าหลวงสี่ปิดปากของเธอแล้วเอ่ยเสียงเบา "ชู่ อย่าพูดจาเหลวไหลเพคะ เป็นมู่หรูกงกงที่มาบอกว่า ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ท่านเข้าวังหลวงตอนนี้"ใบหน้าของหยวนขิงหลิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย "สถานการณ์องค์ชายแปดไม่ดีแล้วเป็นแน่" เธอลุกขึ้น นางข้าหลวงสี่และลวี่หยาเข้ามาช่วยผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า หวีผมแล้วมวยขึ้นอย่างง่าย ๆ อากาศค่อนข้างหนาว ดังนั้นนางข้าหลวงสี่จึงเปิดตู้หยิบเอาเสื้อคลุมตัวหนึ่งออกมาให้หยวนชิงหลิงคลุมไว้ แล้วพาเดินออกไปมู่หรูกงกงรออยู่ด้านนอกอย่ากระวนกระวาย เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงออกมาก็เอ่ยขึ้นทันที "พระชายา หวงซ่างมีรับสั่งให

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 435

    เด็กหนุ่มคนนั้นใบหน้าบริสุทธิ์ ถ้าไม่ใช่ใบหน้าที่ซีดขาวและลมหายใจที่แผ่วเบา ก็ทําให้ผู้คนคิดว่าแค่หลับไปแล้วเท่านั้นด้านข้างมุมปากของเขามีรอยเช็ดสีแดงก่ำ น่าจะเกิดจากการอาเจียนเป็นเลือดหมอหลวงเฉาเอ่ยเสียงเบา "พระชายา องค์ชายแปดก่อนหน้านี้ถูกทำให้ตกใจอย่างรุนแรง ทำให้เส้นชีพจรหัวใจแตกสลาย อีกทั้งกระบี่ได้แทงโดนส่วนสำคัญที่สุด ถึงแม้ว่าจะได้รับยาจื่อจินเข้าไปแล้ว แต่ว่าสถานการณ์ย่ำแย่เป็นอย่างมาก ลมหายใจยิ่งเบาลงเรื่อย ๆหมอหลวงหลายคนที่รออยู่ที่นี่ก็หมดหนทาง ไร้ซึ่งวิธี เห็นได้ชัดว่าถอดใจกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฮ่องเต้และฮองเฮาล้วนอยู่ด้านนอก และเพื่อที่จะไม่ต้องสิ้นชีวิต นั่นคือคนผมขาวจึงส่งคนผมดำมาแทนหยวนชิงหลิงพยักหน้าเงียบ ๆ แล้วจึงเดินเข้าไปเมื่อตอนอยู่บนรถม้าได้แอบนำกล่องยาออกมาวางไว้บนพื้นเรียบร้อยแล้ว เมื่อลงมาก็ถือกล่องยาลงมาด้วยในตอนนี้เมื่อเธอเปิดกล่องยา ก็พบว่ายามีการปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าไม่ได้มากนัก มียาห้ามเลือดและยาบำรุงหัวใจเธอนำอุปกรณ์ฟังเสียงหัวใจออกมา แล้วฟังจังหวะการเต้นของหัวใจ มีเลือดออกภายในและได้รับบาดเจ็บภายในทำให้มีเลือดคั่งอยู่ในช่องอก ห

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 436

    องค์ชายเก้าก้มศีรษะลง แล้วค่อย ๆ เดินออกไปหยวนชิงหลิงรู้ว่านี้เป็นช่วงเวลาความเป็นความตาย ทางที่ดีที่สุดคือไม่ควรยั่วยุฮองเฮา แต่ว่าหลังการปิดม่านการแสดงนี้ ยังมีหางตาที่โค้งขึ้นเล็กน้อย กําลังจะหลั่งน้ำตาออกมา ฉากนี้สะเทือนใจหยวนชิงหลิงเป็นอย่างมากองค์ชายเก้าเป็นห่วงพี่ชายผู้นี้มาก ดังนั้นถึงจะรู้แน่ชัดว่าฮองเฮานั้นไม่ชอบเขา แต่เขาก็ยังจะยังมุ่งมาที่นี่หยวนชิงหลิงเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น "สถานการณ์คับขัน เลือดของพี่น้องนั้นเข้ากันได้ง่าย น่าจะดีกว่าถ้าลองตรวจสอบดูสักหน่อย"ขณะที่หยวนชิงหลิงเอ่ยออกมา นางมองไปทางจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนพยักหน้าช้า ๆองค์ชายเก้าเดินกลับมาแล้วมองหยวนชิงหลิง "รบกวนพี่สะใภ้ห้าแล้ว"เขาน่าจะเพิ่งผ่านช่วงเวลาเสียงเปลี่ยนไปได้ไม่นาน เสียงของเขานั้นจึงดูเหมือนว่าจะต่ำเป็นพิเศษหยวนชิงหลิงตรวจสอบเขาแล้วนิ่งไปชั่วขณะ นัยน์ตามีความสุข "เข้ากันได้!"ฮองเฮาชะงักไปครู่หนึ่ง ลมหายใจถี่กระชั้นอย่างไม่ยินยอม นางมององค์ชายเก้าด้วยความเคียดแค้นจักรพรรดิหมิงหยวนได้เอ่ยออกมา "อย่างนั้นยังไม่รีบพาเข้าไปอีกหรือ?"หยวนชิงหลิงเอ่ยกับองค์ชายเก้า "น้องเก้า

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 437

    ทางด้านไทเฮาและไท่หวงซ่างยังไม่ได้แจ้งให้ทราบเพียงแต่ว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะปิดบังไท่หวงซ่างทำได้เพียงปิดบังไทเฮาเท่านั้นจักรพรรดิหมิงหยวนรับสั่งให้อวี่เหวินห่าวเบิกตัวกู้ซีมาเพื่อไต่สวน สีหน้าของฮองเฮาก็ดำมืด "เขาคือฆาตกร"จักรพรรดิหมิงหยวนจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชาหยวนชิงหลิงเดินออกไปหยุดพักชั่วคราวที่ในห้องโถงตำหนักห้องโถงตำหนักมีภาพวาดมากมายแขวนอยู่ทั้งหมดเป็นภาพวาดทัศนียภาพ ทั้งหมดล้วนเป็นภาพทิวทัศน์ หยวนชิงหลิงมองลงไปทีละภาพ นี่คือโลกในสายตาของเด็กคนนี้ ภายในกําแพงเป็นทิวทัศน์ที่ทอดยาวออกไปอย่างไร้ขีดจํากัดหยวนชิงหลิงตกตะลึงในตัวขององค์ชายคนนี้ภาพวาดเหล่านี้ราวกับมีชีวิต ต้นไม้ใบหญ้าแต่ละต้นทั้งหมดราวกับมีชีวิตนี้คืออีกหนึ่งความสามารถพิเศษทางการประพันธ์ของเด็กหนุ่มหยวนชิงหลิงไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงประสบเคราะห์กรรมร้ายครั้งนี้ และไม่รู้ว่าทำไมกู้ซีถึงลงมือทำร้ายเขา หรืออาจจะไม่ใช่กู้ซีแต่เป็นคนอื่นในภาพวาดทัศนียภาพมากมายนั้นมีภาพเหมือนตนเองอยู่หนึ่งภาพน่าจะเป็นเขาวาดภาพวาดเหมือนตัวเองภาพนี้แปลกมาก ใบหน้ายาวมาก ดวางตาก็ใหญ่มากเกือบจะเป็นหนึ่งในสามของใบหน้า ดวงตากลม

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 438

    อวี่เหวินห่าวรู้สึกงุนงงไปหมดแล้วหลังจากผ่านไปสักพักจึงกลับมารับรู้ "มารดาเจ้าเถอะ เจ้าเอ่ยเรื่องบ้าอะไรออกมา? ข้าให้เจ้ารับโทษแทนอะไร?"กู้ซีเอ่ยอย่างเย็นชา "ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพระชายากำลังตั้งครรภ์ และข้าเกรงว่านางจะสะเทือนจิตใจจากการที่จะต้องรับศพจนกระทบต่อสองชีวิต ข้าจะยอมรับโทษเพื่อเศษเดนมนุษย์เช่นเจ้าได้อย่างไร?"เขากระชากคอเสื้อของอวี่เหวินห่าวด้วยมือข้างเดียว แล้วพ่นเลือดใส่หน้าของเขา แล้วเอ่ยอย่างโหดเหี้ยม "ให้ตายเถอะ อวี่เหวินห่าว ข้าจะบอกว่าเจ้าบ้าไปแล้วใช่หรือไม่? เจ้าถึงขั้นอดใจไว้ไม่ไหว แต่ทำไมไม่คิดว่าซู่ผินคือผู้หญิงของเสด็จพ่อของเจ้า เจ้ามีสมองเท่าไรกัน ทำไมไม่ตัดทิ้งไปซะ? เจ้าสติฟั่นเฟือนไปแล้วจริง ๆ เจ้าแปดเห็นเรื่องงามหน้าของพวกเจ้า คาดไม่ถึงเจ้าจะให้มือสังหารจัดการเขา เขาเป็นน้องของเจ้า เจ้าเสียสติไปแล้วใช่หรือไม่?"อวี่เหวินห่าวใช้มือข้างหนึ่งปิดปากเขา กู้ซีจึงกัดมือของเขา อวี่เหวินห่าวโกรธเป็นอย่างมากจึงซัดหมัดออกไป ส่วนกู้ซีก็ไม่ได้ยอมจึงซัดหมัดสวนกลับมา อวี่เหลินห่าวยกโต๊ะขึ้นแล้วจะทุบลงไปแต่เมื่อเห็นใบหน้าของกู้ซีที่มีคราบเลือดเขาก็ไม่สามารถที่จะทุบมันลงไปได้

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 439

    อวี่เหวินเอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก "องครักษ์ในวังหลวงนอกจากพวกเจ้าราชองครักษ์แล้ว ทั้งหมดล้วนแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมสีฟ้าคราม”กู้ซี่มองเขาอย่างโง่งม "ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น"อวี่เหวินห่าวถลึงตาใส่เขา "สมองพิการรึ?"คำพูดของหยวนชิงหลิงมีประโยชน์มากจริง ๆ โดยเฉพาะใช้บรรยายถึงตัวกู้ซีกู้ซีจนปัญญา "ตอนนี้จะทำอย่างไร? เจ้าจะต้องตรวจสอบใช้ชัดเจนว่าข้าบริสุทธิ์"อวี่เหวินห่าวไขว้มือไปด้านหลัง แล้วเดินเป็นวงกลมสองรอบ เห็นได้ชัดว่าเพื่อนร่วมหน่วยตรงหน้านี้โง่เหมือนหมูเขาเอ่ย "เจ้าอย่าเพิ่งเอ่ยอะไรออกมา ให้ข้าเป็นคนตอบเสด็จพ่อเองว่าถามไม่ได้ความอะไร เสด็จพ่อจะต้องโกรธเป็นอย่างมากแน่ แต่ว่าข้าจะไปพบบิดาเจ้า ให้เขาไปขอพระเมตตาจากเสด็จพ่อก่อน อย่างน้อยที่สุดก็ยืดเวลาได้สักวันสองวัน แล้วข้าจะเริ่มลงมือสอบสวนซู่ผินก่อน ซู่ผินจะต้องรู้แน่ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร""นางต้องบ้าเท่านั้น ถึงจะเอ่ยออกมา" กู้ซี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง "โดยเฉพาะถ้าในที่สุดเจ้าทำให้ซู่ผินยอมสารภาพถึงชายชู้คนนั้นของนาง เจ้าจะทูลกับฝ่าบาทอย่างไร? จักรพรรดิจะทรงยอมรับได้หรือไม่ที่ถูกทรยศสวมเขา?"การถูกสวมเขาสำหรับผู้ชายนั้นเจ็บปวดที่สุ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 440

    ท่านกู้โฮ่วรีบร้อนเข้าวังแล้วร้องไห้ยกใหญ่ อ้อนวอนขอพระเมตตาจากฮ่องเต้ ให้ทรงสอบสวนให้ชัดเจนก่อนที่จะตัดสินลงโทษในเรื่องนี้ ถ้าตรวจสอบแล้วกู้ซีมีความผิดจริง เขาจะเป็นคนลงมือฆ่าบุตรชายด้วยมือของเขาเองเดิมทีกู้โฮ่วและจักรพรรดิหมิงหยวนนั้นมีความรักผูกพันกันตั้งแต่เด็ก เมื่อเห็นเพื่อนเก่าร้องไห้เสียใจเช่นนี้ ต่อให้จักรพรรดิหมิงหยวนก็โกรธขนาดไหนก็ต้องใจอ่อนขึ้นมาบ้างอวี่เหวินห่าวรอจนท่านโฮ่วออกจากวังแล้วจึงเข้าไปกราบทูลว่า กู้ซีไม่ยอมเอ่ยสิ่งใดออกมา ดูเหมือนจะกำลังปกป้องคนผิด หรือมีสถานการณ์บางอย่างได้ยินเยี่ยงนี้จักรพรรดิก็ทรงกริ้วเป็นอย่างมาก แต่เมื่อคิดถึงกู้โฮ่วจึงยอมให้ตรวจสอบอย่างเข้มงวดว่าเป็นผู้ใดที่เขากำลังปกป้องอ๋องจี้ที่อยู่ด้านข้างได้ยินก็เอ่ยอย่างเย็นชา "กู้ซีเป็นรองราชองครักษ์ของเสด็จพ่อ หน้าที่ของเขาคือปกป้องจักรพรรดิ มองดูทั่วทั้งเมืองหลวงแล้วคนที่เขามีมิตรภาพที่ลึกซึ้งที่สุดก็คือเจ้าแล้วน้องห้า ถ้าบอกว่าเขากำลังต้องการที่จะปกป้องชีวิตคนผิด ก็มีเพียงเสด็จพ่อและน้องห้าเท่านั้นที่คู่ควรให้เขาทำเช่นนี้อวี่เหวินห่าวเอ่ยอย่างเย็นชา "พี่ใหญ่ ท่านเอ่ยวาจาเยี่ยงนี้ช่างหยาบ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 441

    เมื่อตอนที่อ๋องจี้ต่อยกลับมาด้วยแรงฮึด ใบหน้าของอวี่เหวินห่าวก็บวมเป่งขึ้นมาแต่ว่าเขาต่อยอ๋องจี้ที่สันจมูก ศีรษะยังมีหน้าแข้งอีกล้วนใช้กำลังภายในชั่วเวลาหนึ่งก็ไร้ร่องรอยดังนั้นมองดูภายนอกแล้วเขาบาดเจ็บน่าเวทนากว่าอ๋องจี้เสียอีกสิ่งสำคัญที่สุดคือจักรพรรดิหมิงหยางเห็นอ๋องจี้ตีคนด้วยพระองค์เองเมื่อสายตาของจักรพรรดิหมิงหยวนหยุดมองอยู่ที่ใบหน้าของอ๋องจี้ อวี่เหวินห่าวกลับโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างฉับไว "เสด็จพ่อ เป็นความผิดของลูกเอง ลูกจะรีบไปตรวจสอบคดีน้องแปดทันทีรอคดีจบไปก่อน แล้วจะไปแสดงความขอโทษต่อพี่ใหญ่พ่ะย่ะค่ะ""เจ้า…" ในหน้าของอ๋องจี้เปลี่ยนเป็นสีม่วงจัดทันทีและโกรธเป็นอย่างมาก "เจ้ากล้าทำแต่เพราะใดจึงไม่กล้ายอมรับ?"อวี่เหวินห่าวประสานมือกลางอก "พี่ใหญ่ข้าผิดเอง ข้าไม่ควรตอบโต้ น้องต้องขอโทษท่านด้วย"อ๋องจี้ไม่คาดคิดว่าอวี่เหวินห่าวจะหน้าไม่อายเยี่ยงนี้ นี่ไม่ใช่ท่าทางปกติของเขาแน่นอน โดยปกติแล้วเขาแค่มองอย่างเฉยเมย และไม่เคยใช้แผนการเยี่ยงนี้ในตอนนี้อ๋องจี้โกรธจนไม่สามารถเอ่ยสิ่งใดออกมาได้ และเขายอมรับผิดโดยดี เป็นที่น่าพอใจทั้งที่ก่อนหน้าบอกว่าจะไปขอโทษอีกครั้งในภายหลั

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status